ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเห็นน้ำชาอุ่นๆ และข้าวต้มร้อนๆ จากจวนอ๋อง นางจึงกินข้าวต้มเนื้อสับไปสองชามใหญ่แล้วยังถามว่าขออีกชามได้ไหมซ่งซีซีวางตัวเงินหนึ่งหมื่นตำลึงและข้าวต้มลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังก็เบิกตากว้าง และเงยหน้าขึ้นมองซ่งซีซี นางประหลาดใจมากจนมือและริมฝีปากของตนเองต่างก็สั่นเทานางเหนื่อยหน่ายมาสองวัน และหาเงินได้เพียงเจ็ดร้อยตำลึงเท่านั้นในขณะที่นางตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดจากด้านข้างว่า "คนใช้ หยิบกล่องที่บรรจุตัวเงินของข้ามา และมอบตัวเงินสองหมื่นตำลึงให้ฮูหยินผู้เฒ่า"สิ่งที่ลูกสะใภ้ต้องการทำ นางจะให้ความสนับสนุนอยู่แล้ว แท้ยังต้องสนับสนุนเป็นสองเท่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นและแทบจะน้ำตาไหล"อย่าตื่นเต้นไปเลย อย่าตื่นเต้นนะ ฮูหยินผู้เฒ่ากรุณานั่งลง" ซ่งซีซีกลัวว่าถ้านางลิงโลดเกินไป เดี๋ยวจะทำเอาเลือดขึ้นสมอง งั้นเรื่องทำเพื่อความหวังดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายเข้าหลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาหนึ่งในนั้นควบคุมตนเองไม่ได้และพูดด้วยดวงตาแดงๆ ว่า "วันนี้เราไปถึ
จะว่าไป ไม่ได้สนใจเรื่องทางฝั่งจวนแม่ทัพมานานแล้วจริงๆตอนนี้ฮูหยินสองคนของจ้านเป่ยว่างต้องสามารถดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดีมากสนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวว่า "ใช่ หลังจากทะเลาะกับคนอื่นแล้ว มักจะพูดอะไรไม่ใช้สมอง ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ล้วนจะด่าไปหมด อีกอย่างพูดคำหยาบคายที่รุนแรงที่สุดเสมอ"เวลาที่สนมฮุ่ยไทเฟยพูดนั้น นางก็หดคอกลับ เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้างเสิ่นว่านจือถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจสินะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยิ้มเบาๆ "คราวก่อนที่ข้าทะเลาะกับพระสนมเด๋อกุ้ยเฟย ข้าพ่ายแพ้ พอฝ่าบาทมาก็มาปลอบใจข้า แต่ข้าก็ด่าเขาไปด้วย เกิดเป็นเรื่องใหญ่เข้า โชคดีที่ท่านพี่มาช่วย ไม่งั้นข้าคงถูกส่งตัวไปขังที่วังเย็นแล้ว"ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมองหน้ากันและยิ้ม แม่สามีของนางคนนี้เนี่ย บางครั้งพูดจาไม่ดูสถานการณ์จริงๆแต่ไทเฮาก็ตามใจและเอ็นดูนางมากทีเดียว บัดนี้กลายเป็นแม่สามีคนแล้ว ถึงยอมกล่าวหาว่านางสักหน่อย แต่ช่วงปีใหม่ได้พักที่วังเป็นเวลาหลายวัน ก็คงสอนนางให้รู้ว่าการเป็นแม่สามีคนควรทำอะไรบ้างกล่าวโดยสรุปว่าหลังจากกลับมาจากวัง เสด็จแม่ก็ปฏิบัติต่อนางได้ดีขึ้
อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีคนบางคนพูดว่าซ่งซีซีเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ตัวตนเดิมเป็นถึงบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงด้วย มีทรัพย์สินของครอบครัวเยอะ มีเงินทองนับไม่ถ้วน แค่บริจาคเงินนับหมื่นตำลึงมันไม่เห็นจะมีอะไรเลยในทางกลับกัน ทางจวนแม่ทัพยากจน และฮูหยินผู้เฒ่าป่วยมานาน ที่จวนไม่สามารถหาเงินมาบริจาคก็พอเข้าใจได้แต่ความคิดเห็นดังกล่าวนี้ก็ถูกโต้เถียงกลับทันที"เจ้ามีความเข้าใจผิดกับคำว่ายากจนหรือเปล่า ตอนนั้นที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง ได้ยินว่าค่าหมั้นก็หมื่นสองหมื่นตำลึงแล้ว ไหนจะหวังฮูหยินคนนั้นที่แต่งเข้าไป สินเดิมมีมากเท่าไรเจ้าไม่เห็นหรือไง""ว่าเขายากจน เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาออกให้นั้นก็มากพอที่เจ้าใช้ชีวิตได้เป็นปีแล้ว""ถึงจะยากจน ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องด่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังเป็นขอทานล่ะ ปีนี้นางอายุเกินเก้าสิบปีแล้ว นางไปขอบริจาคในท่ามกลางอากาศหนาวจัดไปเพื่อผู้ใด เพื่อผู้ประสบภัยนี่น่ะ ทำไมนางต้องโดนด่าว่าเป็นขอทานล่ะ""อีกอย่าง ที่จวนเป่ยหมิงอ๋องมีเงินก็จริง เจ้ามีเงินไหม เงินสิบตำลึงมีอยู่ใช่ไหม จะให้เจ้าบริจาควักหนึ่งตำลึงเจ้ายินยอมไหมล่ะ ไม่ยินยอมใ
ซ่งซีซีหัวเราะแต่ก็ต้องถามให้ชัดเจนกว่านี้ เลยให้เสิ่นว่านจือจับนางกลับมา แล้วผลักนางนั่งลงบนเก้าอี้"เจ้าเคยเจอเขามาเหรอ?"ดวงตาของเซียนหนิงเป็นประกาย "อืม ตอนที่เขาเข้าวังไปคารวะให้หวงโฮ่ว ข้าได้เห็นแล้ว""เจ้าชอบอะไรในตัวเขา" ซ่งซีซีถาม"ไม่รู้สิ แค่มองก็ชอบแล้ว"ซ่งซีซีไม่รู้ว่าฉีลิ่วมีหน้าตาเป็นอย่างไร ชอบแบบนี้ก็เรียกได้ว่าชอบตั้งแต่แรกพบ มันมักจะเพราะรูปร่างหน้าตา"อืม งั้นให้พี่ส่งคนไปถามให้ไหม?""เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับเสด็จแม่และพี่สะใภ้นะ" เซียนหนิงอดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้นมา "แต่ก็ได้นะ ลองถามดูก็ได้"ที่จริงแล้ว เรื่องแต่งงานขององค์หญิง ไม่จำเป็นต้องถามก็ได้ หากนางชอบใจผู้ใด ก็แค่ไปขอพระราชโองการเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ซ่งซีซียังคงต้องการทราบความคิดเห็นของฉีลิ่ว หากถูกบังคับให้แต่งงานเพียงเพราะความกดดันจากราชวงศ์ งั้นแต่งงานไปก็คงใช้ชีวิจอย่างไม่มีความสุขอยู่ดีนางรู้ความตั้งใจของหวงโฮ่ว ลูกหลานของตระกูลฉีต่างโดดเด่น หากให้เลือกคนจากบรรดาพวกเขาเพื่อแต่งงานกับองค์หญิง งั้นฉีลิ่ว ลูกชายจากบ้านที่สามที่ถือว่าไม่เอาไหนก็เหมาะสมที่สุด จะไม่ทำให้บุรุษอื่
เซี่ยหลูโม่เลิกงานกลับมา ซ่งซีซีก็เล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้เซี่ยหลูโม่ถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วยื่นให้ป้ายี เขานั่งลงและจิบน้ำชาสองแก้ว ลหังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "ฉีลิ่วเป็นผู้ลากมากดีชัดๆ ชอบกินชอบเที่ยว นี่ก็คลายๆ กับเซียนหนิง...เหมาะสมกันดี""อีกไม่กี่วัน ตระกูลฉีอาจจะมาสู่ขอ ข้าวางแผนให้ทำตามขั้นตอนงานแต่งงานตามปกติ ข้าถามเซียนหนิงมาแล้ว นางชอบจัดพิธีเหล่านั้นเป็นขั้นเป็นตอนมาก""การแต่งงานของนางงั้นจัดตามความต้องการของนางเถอะ ข้าเป็นพี่ชายของนางที่ต่อสู้อยู่ในสนามรบก็เพื่อให้ท่านแม่และน้องได้ใช้ชีวิตตามที่ตนเองต้องการ"เขาจับมือของซ่งซีซี และนั่งลงด้วยสายตาที่อ่อนโยน "เดิมทีคำพูดนี้ข้าก็อยากจะพูดกับเจ้าเช่นกัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์อะไร เพราะผลงานของท่านพ่อและพี่ชายเจ้า และผลงานของเจ้าเองก็เพียงพอที่จะให้ชีวิตเจ้าอยู่ดีมีสุขตลอดชีวิตแล้ว"ซ่งซีซียิ้ม "ถ้าท่านบอกกับข้า ข้าก็ยังรู้สึกมีความสุขเช่นกัน"ดวงตาของเขาเป็นประกาย "จริงเหรอ? ถ้าอย่างนั้นข้าขอพูดอะไรตรงๆ เจ้าห้ามหนี ตอนแรกที่ข้าไปออกศึกที่เขตหนานเจียง ข้ามีความคิดเดียวก็คือยึดเขตหนานเจียงให้กลับคืน
ซ่งซีซีบีบแก้มเขาด้วยมือ "หยุดทำหน้าดุๆ แบบนี้ต่อหน้านาง นางจะไม่คิดว่าท่านกำลังจะว่านาง"เซี่ยหลูโม่จับมือนาง ประกบริมฝีปากของนางเบาๆ "ช่วยไม่ได้ น่ะ เกิดมาก็มีสีหน้าดุร้านเช่นนี้""ท่านก็มักจะยิ้มกับข้าไม่ใช่หรือ งั้นก็ยิ้มให้นางมากๆ ด้วย"เซี่ยหลูโม่พยักหน้า "ตกลง ตามที่เจ้า"พูดเลยซ่งซีซีออกไปสั่งว่าไม่จำเป็นต้องส่งอาหารไปที่ห้องไทเฟยอีก นางจะไปตามหาไทเฟยไปยังห้องอาหารด้วยตนเองสนมฮุ่ยไทเฟยทำตัวลังเล และถามอยู่หลายครั้งว่าวันนี้อารมณ์ของเขาเป็นอย่างไร ซ่งซีซีปลอบใจนางว่า "อารมณ์ดีอยู่น่ะ"จากนั้นสนมฮุ่ยไทเฟยถึงรู้สึกโล่งใจ และไปที่ห้องอาหารกับนาง เซี่ยหลูโม่ได้นั่งลงแล้ว เมื่อเขาเห็นนางมาก็ยืนขึ้นพลางพูดว่า "เสด็จแม่มาแล้วหรือ"เขามีรูปร่างที่สูงเพรียว ใบหน้ายังคงสงบนิ่งตามปกติ เผยความสง่างามและออร่าของผู้บัญชาการทหารอย่างไรอย่างนั้นจากนั้นเขาก็ทำตัวเชื่อฟังคำพูดของภรรยาของเขาและค่อยๆ ยิ้มให้สนมฮุ่ยไทเฟยสนมฮุ่ยไทเฟยตกตะลึงในใจของนางก็นึกถึงภาพที่ก่อนจะฮ่องเต้องค์ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมา เขาก็เผยรอยยิ้มจางๆ เช่นนี้ หรือไม่ก็ยิ้มเยาะ จากนั้นก็เป็นการดุอย่างรุนแรงตอนนี้เ
สนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวว่า "คุณหนูจากตระกูลหวังช่างน่าสงสารจริงๆ"เสิ่นว่านจือหัวเราะเยาะ "น่าสงสารอะไรกันล่ะ ล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน พวกท่านคงไม่รู้น่ะ วันที่ซีซีแต่งงานกับผู้บังคับบัญชา นางก็แต่งงานเข้าจวนแม่ทัพด้วย แต่นางพยายามอยากเอาชนะซีซีด้วยทุกวิถีทาง ยังบอกสาวใช้ที่ข้างกายนางว่าสินเดิมของซีซีมีน้อยมากน่าอับอาย หลังๆ มีสินเดิมเพิ่มมาเป็นจำนวนมาก พวกท่านไม่รู็ว่าสีหน้าของนางมันดูแย่ขนาดไหนเชียว""มรเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร" สนมฮุ่ยไทเฟยถาม"แน่นอนว่าเป็นคนของข้าไปสอบสวนมา ตระกูลหวังดูแลจวนก็ไม่เอาไหนเช่นกัน ควบคุมปากของคนใช้ไม่ได้ ถึงยังไงหวังชิงหลูก็เกลียดแค้นซีซีของเราด้วย" เสิ่นว่านจือดูภูมิใจเล็กน้อย และตอนนี้นางก็พบว่าคนที่ศิษย์พี่สาวรองของซีซีให้นั้นใช้งานได้ดีมากทีเดียวซ่งซีซีจำได้ว่าได้พบกับหวังชิงหลูมาสองครั้ง ครั้งแรกไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ครั้งที่สองนางก็รู้สึกถึงอีกฝ่ายไม่เป็นมิตรแล้วนางกล่าวว่า "ถึงยังไงเราก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว จะเกลียดอะไรนักหนาก็แล้วแต่นาง"สนมฮุ่ยไทเฟยถ่มน้ำลาย "ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาซะ"นางคิดได้ทันทีว่าอำนาจทางทหา
เซี่ยหลูโม่รอมานาน แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังแต่อย่างใด สักวันนางจะตกหลุมรักเขาจริงๆ แล้วจะบอกเขาด้วยตนเองชีวิตของพวกเขายังคงยาวนานมาก เขาจะค่อยๆ รอวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีพาเสิ่นว่านจือและหงเชวี่ยไปที่จวนเฉิงเอินป๋อ และนำของขวัญมากมายไปด้วยฮูหยินเฉิงเอินป๋อนำครอบครัวออกมาเพื่อต้อนรับพวกนางเหลียงเส้าเป็นบุตรชายคนโตของภรรยาเอก และเป็นซื่อจื่อจวนป๋อ (ตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ 'ป๋อ') มีภูมิหลังที่ดีและมีหน้าตา จริงที่ว่าเป็นายในฝันของสตรีมากมายซ่งซีซีเป็นถึงพระชายา จวนเฉิงเอินป๋อจึงต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ได้ยินมาว่าเฉิงเอินป๋อมีอนุมากมาย แต่วันนี้ไม่ได้เห็นพวกนางเลย เห็นเพียงฮูหยินจากบอนรองบ้านสามและบ้านสี่นำลูกๆ มาด้วยฮูหยินเฉิงเอินป๋อมีอายุเพียงประมาณสี่สิบปี นางเป็นคนอ้วนนิดหน่อย แต่ทั่วทั้งตัวของนางก็แสดงออกถึงความฉลาดและความสง่างามของนายหญิงคุณชายและคุณหนูจากจวนเฉิงเอินป๋อต่างออกมาพบ ซ่งซีซีมอบของขวัญด้วยตนเอง และพูดคุยกับพวกเขาอยู่สักพัก จากนั้นฮูหยินเฉิงเอินป๋อก็เรียกให้พวกเขาออกไปจากนั้นดวงตาของซ่งซีซีก็ตกลงไปที่ใบหน้าของหลานเอ่อร์ ท้องน้อยข