Share

บทที่ 400

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในสมัยนั้นจักรพรรดิ์เหวินรักใคร่พระสนมกุ้ยเฟยยี่มาก เขาจึงเอ็นดูองค์หญิงใหญ่ไปด้วย โดยเฉพาะเมื่อนางถูกเลี้ยงข้างกายพระสนมหรง รางวัลมากมายก็ถูกส่งไปยังตำหนักพระสนมหรงอย่างไม่หยุด

ปัจจุบัน ไทเฟยหรงเป็นไทเฟยคนเก่าของราชวงศ์ของจักรพรรดิ์เหวิน เมื่อเทียบกับไทเฟยของฮ่องเต้องศ์ก่อน พวกนางแทบจะไร้ตัวตนเลย มีชีวิตอยู่ก็พอ พระสนมบางคนที่มีฐานะต่ำและไม่มีลูก หากไม่ได้ถูกฝังไปด้วยก็ถูกส่งไปที่สำนักแม่ชีแล้ว

หากต้องนับเป็นรุ่น แน่นอนว่าพวกนางเป็นผู้อาวุโสมากสุดในวัง น่าเสียดาย ในวังหลังจะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องความอาวุโส

เดิมทีฮ่องเต้องค์ก่อนส่งอ๋องเยี่ยนไปที่ศักดินาและเป็นเจ้าเมืองที่นั่น แต่กลับให้ไทเฟยใช้ชีวิตอยู่ในวังตามลำพัง โดยธรรมชาติแล้วมันก็ทำเพื่อยับยั้งอ๋องเยี่ยน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าอ๋องเยี่ยนเป็นคนไร้ความสามารถ ทั้งโง่และไม่ได้เรื่อง เป็นคนหื่นกาม และยังเอาใจอนุภรรยาทอดทิ้งภรรยาเอก

ดังนั้น ฮ่องเต้จึงทรงคิดว่าจะพระราชทานพระคุณให้แม่ลูกสองคน ให้เขารับไทเฟยหรงไปพักอาศัยที่จวนอ๋องเยี่ยน วางแผนจะประกาศพระราชกฤษฎีกาหลังวันส่งท้ายปีเก่า

แต่บัดนี้เมื่อเขาได้ยินเรื่องของพระชา
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 401

    อ๋องเยี่ยนก็โมโหเช่นกัน "นางจะตายตอนไหนก็ไม่เป็น แม้ว่านางจะตายแล้วข้าก็จะปิดบังข่าวการตายของนางเอาไว้ และรอจนกว่าผ่านปีใหม่ไปค่อยประกาศต่อสาธารณะ แต่ตอนนี้ถูกซ่งซีซีเข้ามาแทรกแซงเช่นนี้ ทั้งไทเฮาและฮ่องเต้ต่างก็รู้เรื่องนี้ จะให้อยู่ในเมืองหลวงต่อได้ยังไง"องค์หญิงใหญ่กัดฟันกรอดแต่ต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาอดทน "ช่างเถอะ อย่าไปมีเรื่องกับพวกเขาก่อน พวกเขาเพิ่งสร้างผลงานกลับมา เป็นที่นิยมทั้งในหมู่คนในราชสำนักกับประชาชน หลีกเลี่ยงไปยุ่ง รับสมัครกองกำลังและซื้อม้าให้เงียบๆ โดยเร็วที่สุด สำหรับการแต่งงานกับตระกูลเสิ่น เจ้าก็เร่งด้วย เสิ่นว่านจือคนนั้นเคยเข้าสู่สนามรบเขตหนานเจียง หากเจ้าแต่งงานกับนางได้ ใช้นางเป็นประโยชน์ เรื่องที่เจ้ารับสมัครกองกำลังและซื้อม้านั้นก็จะง่ายขึ้น อีกอย่างมีตระกูลเสิ่นเป็ฯที่พึ่ง และมีสถาบันชื่อเยียนให้ความช่วยเหลือ สักวันหนึ่ง เราจะก็สามารถบรรลุผลสำเร็จได้"อ๋องเยี่ยนขมวดคิ้วและส่ายหัว "เห็นท่าทีของผู้นำตระกูลเสิ่น ข้าว่าเขาตอบอย่างขอไปที เสิ่นว่านจือนั้นเป็นแก้วตาดวงใจของตระกูลเสิ่น ให้นางมาเป็นอนุของข้า อีกอย่างนางก็รู้เรื่องนังแก่ที่ตายอยู่ในสำนักแม่ชีชิงมู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 402

    บรรดาสมาชิกราชวงศ์ในเมืองหลวงก็ทยอยเข้ามาในพระราชวังอ๋องฮวยและพระชายาอ๋องฮวยมาพร้อมกับองค์หญิงใหญ่หลายคน องค์หญิงใหญ่ล้วนพาลูกๆ ของตนเองและฝู้หม่า ฝูงชนห้อมล้อมเข้ามา ทันใดนั้นในห้องโถงก็และพระราชวังก็เอิกเกริกขึ้นมาทันทีต่อมาก็คือองค์หญิงสองคนที่ออกเรือนแล้ว องค์หญิงหมิ่นชิงและองค์หญิงฮุ่ยเจิง พวกนางล้วนเป็นพี่น้องของฮ่องเต้ องค์หญิงหมิ่นชิงเป็นลูกสาวของไทเฮา คือพี่สาวแท้ๆ ของฮ่องเต้ ส่วนฮุ่ยเจิงเป็นลูกสาวของฉีกุ้ยไทเฟย เป็นน้องสาวของฮ่องเต้องค์หญิงหมิ่นชิงแต่งงานกับสวี่เล่อเทียน ลูกชายคนที่สองของอวี้ฉื่อต้าฟู(หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินหรือที่ปรึกษาองค์จักรพรรดิ คอยกำกับดูแลข้าราชบริพารทุกระดับชั้น) เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี ทำงานอยู่ในกระทรวงพิธีการอย่างในนามเท่านั้นตระกูลสวี่เป็นครอบครัวพ่อแม่ของชฮูหยินเสนาบดีมู่ และเป็นตระกูลนักวิชาการ เพียงแต่อวี้ฉื่อสวี่มีนิสัยตรงไปครงมาและดื้อรั้น เขาเป็นคนที่กล้าขัดแย้งกับฮ่องเต้ด้วยซ้ำ แม้ว่าองค์หญิงมีจวนขององค์หญิงเอง แต่ทุกวันแรกและวันที่สิบห้าของเดือนต้องไปคารวะพวกเขาที่จวนสวี่ นี่คือมารยาทที่ลูกสะใภ้ควรทำ อวี้ฉื่อสวี่จะไม่สนว่านางมีฐานะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 403

    ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น สมาชิกสตรีรวมตัวพูดคุยกัน ส่วนฮ่องเต้ก็พูดคุยกับสมาชิกบุรุษกันองค์หญิงหมิ่นชิงนั่งข้างซ่งซีซี แล้วพูดว่า "ตแนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่ ร่างกายของข้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปเข้าร่วมงานด้วยตนเอง แค่ส่งคนไปส่งของขวัญแทน พี่อยากให้เจ้ายกโทษให้พี่ด้วยนะ"ซ่งซีซีรู้ว่านิสัยขององค์หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่น ยามนี้นางยังเรียกตนเองว่าพี่ ซ่งซีซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ทำไมท่านพี่ต้องพูดเช่นนั้นล่ะ ท่านพี่ได้ส่งของขวัญมาให้ ข้าต้องกล่าวขอบคุณถึงจะถูก ตอนนี้สุขภาพของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ""ยังมีอาการไอ และมีไข้สูงอยู่สองสามวันแล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่นั้น ข้าลงจากเตียงไม่ได้เลยจริงๆ" องค์หญิงหมิ่นชิงไอออกมาอีกสองสามเสียงขณะที่นางพูด สาวใช้ก็รีบนำน้ำดำส้มมา นางจิบไปสองสามคำ อาการถึงดีขึ้นหน่อย แต่ใบหน้าของนางก็แดงก่ำจากการไอ"ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ" ซ่งซีซีกล่าว"อืม" องค์หญิงหมิ่นชิงพยักหน้า "ซีซีมีน้ำใจจริงๆ"องค์หญิงฮุ่ยเจิงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน และนางก็หัวเราะเบาๆ ด้านข้าง "ท่านไม่รู้ว่าคืนนั้นน้องโม่ได้ห่วงใยมากแค่ไหน เขาไม่แม้แต่ให้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 404

    คำพูดของสนมฮุ่ยไทเฟยทำให้ทุกคนในงานต่างมองพระชายาอ๋องฮวยด้วยสายตารังเกียจพระชายาอ๋องฮวยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และละอายใจมาก นางมองไปยังซ่งซีซี โดยหวังว่าซ่งซีซีจะช่วยพูดให้นางสักหน่อย แต่ซ่งซีซีมีสีหน้าเย็นชา และไม่เห็นอารมณ์ใดๆ อยู่ในดวงตาของนาง นางได้แต่ยอมแพ้ แต่แอบแค้นอยู่ในใจ เป็นถึงท่านน้าของตนเองแท้ๆ ยังไม่ช่วย จะไม่ทำให้แม่ของนางผิดหวังหรือหลังจากพูดคุยกันสักพัก องค์หญิงใหญ่ถึงกลับมา หลังจากไหว้ให้ทุกคนเสร็จแล้วก็กลับนั่งลงอีกครั้งซ่งซีซียังไหว้ให้นางราวกับว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นองค์หญิงใหญ่แสร้งเก่งกว่านางตั้งเยอะ ยังเหลือบมองนางอย่างให้ความสนใจและอบอุ่นอีกด้วยฮองไทเฮาถามถึงไทเฟยหรง และองค์หญิงใหญ่ก็กล่าวว่า "เสด็จแม่รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่คืนนี้จะไม่มาฉลองปีใหม่กับทุกคน คืนนี้อากาศหนาว กลัวว่าเดี๋ยวโดนลมพัดจะเป็นหวัดเอาได้""อืม อีกเดี๋ยวข้าจะหาหมอหลวงดูแลนางให้เป็นพิเศษ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมาก" ฮองไทเฮากล่าว"ขอบพระทัยพี่สะใภ้" องค์หญิงใหญ่กล่าวใกล้ถึงเวลาเปิดงานแล้ว นางกำนัลมาเชิญพวกเขา ทุกคนทยอยลุกขึ้น และล้อมรอบฮองไทเฮาไปที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 405

    ลูกชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในศักดินา ไม่ใช่ว่าเขาต้องการกลับไปยังเมืองหลวงเพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว เขาเองก็อยากมีลูกและหลานอยู่รอบตัวเขาด้วยเพียงแต่ว่าเมื่อผู้คนแก่ตัวลง พวกเขามักจะกลับบ้านเกิดของตนเอง ในเวลาเดียวกันก็แสดงให้ฮ่องเต้ดูว่ามีคนแก่อยู่ในเมืองหลวง ลูกหลานของเขาจะคิดอะไรไม่ซื่อสัตย์แน่ๆเขาไม่กังวลบลูกหลานของตนเอง แต่มีบางสถานการณ์เนี่ย เขาที่เป็นผู้เฒ่ามองออกแล้ว แค่กลัวว่าคนบางคนมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ และจะไปซื้อเจ้าเมืองและจวิ้นอ๋องเป็นพวก ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนที่จะกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณของเขาคืนนี้เขาลากเซี่ยหลูโม่ออกไป จงใจอาศัยมีอาการเมาและพูดคำพูดพล่อยๆ ออกไป จะว่าเป็นคำเตือนก็ได้ หรือเป็นบอกใบ้ก็ได้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถทำได้นั้นก็มีเพียงเท่านี้สุดท้าย เขาก็ตบไหล่เซี่ยหลูโม่ แล้วพูดว่า "ภรรยาของเจ้าน่ะ ข้าดูแล้วค่อนข้างชอบ หาเวลาว่างๆ พานางมากราบไหว้ข้าสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "ขอรับ จะพาไปเยี่ยมแน่นอน""เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว!" ท่านอ๋องฮุยลูบเคราพลางหัวเราะ จากนั้นก็เดินจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 406

    หลังจากสนุกสนานกันทั้งคืน เมื่อเฝ้าเวลาจนถึงยามจืน ทุกคนก็กลับห้องพักของตนเองไปแล้วรุ่ยเอ๋อร์ง่วงนอนตั้งนานแล้ว แต่เพียงพยายามที่จะฝืนเอาไว้ กุ้นเอ๋อร์อุ้มเขากลับไปห้องนอนเซี่ยหลูโม่อุ้มซ่งซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา ผ้าห่มนั้นอบอุ่น และเขาแค่หวังว่าทำให้หัวใจของนางอบอุ่นขึ้นเช่นกันเดิมทีเขาคิดว่านางจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย นางนอนเงียบๆ ในอ้อมแขนของเขา หายใจปกติ โดยไม่รู้ว่านางหลับไปจริงๆ หรือเปล่าแน่นอนว่าซ่งซีซีไม่ได้หลับไป นางนอนไม่หลับและไม่อยากขยับหรือพูดอะไรเรื่องบางเรื่องต้องผ่านให้ได้ ผ่านด้วยความอดทนและเข้มแข็ง เวลาจะนำพาฝุ่นมาและปิดผนึกความเจ็บปวดทั้งหมดนี่เป็นวิธีที่นางแก้ปัญหาแต่สิ่งที่ดีกว่าเมื่อก่อนคือตอนนี้นางมีคนที่รักและปกป้องนางอย่างแท้จริงเซี่ยหลูโม่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขารู้สึกห่วงใยนางมากกว่าเวลานางนางมีความสุขนางจะยิ้มให้เขา แต่เมื่อนางเสียใจนั้น นางจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขานางมักจะซ่อนด้านมืดและความเศร้าของตนเองเอาไว้เสมอ และมอบความสงบและรอยยิ้มให้เขาเสมอซีซีไม่เคยบอกว่านางชอบใจเขา มีอยู่แค่ครั้งเดียวที่พูดกับรุ่ยเอ๋อร์ แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 407

    ซ่งซีซีตอบกลับอืม "ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคิดแบบนี้ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ตระกูลเสิ่นของเจ้าเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงหนาน สืบทอดมาตั้งหนึ่งศตวรรษมไม่เคยตกอับด้วยซ้ำ แค่เป็นเพราะเรื่องของท่านอาของเจ้า ส่งผลทำให้พวกนางหาคู่ครองได้ยากหน่อย แต่พวกเจ้าก็เป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว ทำไมต้องไปหาคู่เป็นคนใหญ่คนโตด้วยล่ะ แต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า ก็สามารถกุมอำนาจในครอบครัวฝ่ายชายได้ ชีวิตแบบนี้จะไม่สบายกว่าหรือ""ดังนั้นข้าด่าว่านางโง่ไง" เสิ่นว่านจือใส่ต่างหูไข่มุกตงจูให้นาง "อ๋องเยี่ยนมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเสิ่น มันผิดปกติหรอก เขาออกจากเมืองหลวงตั้งแต่เช้านี้ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดงานศพของท่านป้าของเจ้ายังไง""ส่งคนไปจับตาดูหรือยัง" ซ่งซีซีถาม"จับตาดูอยู่" เสิ่นว่านจือบีบแก้มของนาง "ยิ้มให้หน่อย หลายวันมานี้เจ้าก็ไม่ค่อยยิ้มเลย หากข้ามีลูกหลาน หลังจากข้าจากไป ข้าจะหวังว่าลูกหลานของข้าจะยิ้มทุกวัน"ซ่งซีซีตบมือนาง "เจ้าไม่แม้แต่มีสามีด้วยซ้ำ แล้วจะมีลูกหลานได้อย่างไร""คางคกสามขามันหายาก แต่ผู้ชายเนี่ยนะหาง่ายจะตาย" แม้ว่าเสิ่นว่านจือพูดแบบนี้ แต่ความเป็นจริงนางก็หมดอารมณ์นางไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 408

    ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเห็นน้ำชาอุ่นๆ และข้าวต้มร้อนๆ จากจวนอ๋อง นางจึงกินข้าวต้มเนื้อสับไปสองชามใหญ่แล้วยังถามว่าขออีกชามได้ไหมซ่งซีซีวางตัวเงินหนึ่งหมื่นตำลึงและข้าวต้มลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังก็เบิกตากว้าง และเงยหน้าขึ้นมองซ่งซีซี นางประหลาดใจมากจนมือและริมฝีปากของตนเองต่างก็สั่นเทานางเหนื่อยหน่ายมาสองวัน และหาเงินได้เพียงเจ็ดร้อยตำลึงเท่านั้นในขณะที่นางตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดจากด้านข้างว่า "คนใช้ หยิบกล่องที่บรรจุตัวเงินของข้ามา และมอบตัวเงินสองหมื่นตำลึงให้ฮูหยินผู้เฒ่า"สิ่งที่ลูกสะใภ้ต้องการทำ นางจะให้ความสนับสนุนอยู่แล้ว แท้ยังต้องสนับสนุนเป็นสองเท่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นและแทบจะน้ำตาไหล"อย่าตื่นเต้นไปเลย อย่าตื่นเต้นนะ ฮูหยินผู้เฒ่ากรุณานั่งลง" ซ่งซีซีกลัวว่าถ้านางลิงโลดเกินไป เดี๋ยวจะทำเอาเลือดขึ้นสมอง งั้นเรื่องทำเพื่อความหวังดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายเข้าหลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาหนึ่งในนั้นควบคุมตนเองไม่ได้และพูดด้วยดวงตาแดงๆ ว่า "วันนี้เราไปถึ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1595

    ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1594

    ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1593

    ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1592

    ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1591

    ซ่งซีซีหยุดฝีเท้า หันกลับมากล่าวว่า “คนในครอบครัวของนางปฏิบัติต่อนางค่อนข้างดี เพียงแต่ตอนที่หลานสาวของนางจะออกเรือน เกิดเรื่องสะดุดอยู่บ้าง โชคดีที่ท้ายที่สุดก็แต่งกับบุรุษที่ดี นางคงกลัวว่าตนเป็นหญิงโสดสูงวัย เคยแต่งงานมาแล้วถึงสองครั้ง จะถูกผู้คนติฉินนินทา พลอยทำให้หลานๆ เดือดร้อน และไม่อยากให้พี่สะใภ้ใหญ่ของนางเป็นกังวลด้วย”ข้าตอบรับในลำคอ พลางนึกถึงฮูหยินจีผู้เด็ดเดี่ยวแต่จิตใจดีงามฮูหยินจีมีบุตรชายหนึ่ง บุตรหญิงหนึ่ง ด้านหลังยังมีลูกอนุอีกหลายคน เรือนรองก็เช่นกัน บัดนี้คงยังมีบางคนที่ยังไม่ได้ออกเรือนข้านึกถึงตอนที่ฮูหยินจีจะต้องไปเจรจาสู่ขอให้พวกเขา คงยากลำบากไม่น้อย ต้องเผชิญกับเสียงนินทานานัปการจากภายนอกข้าเห็นนางเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยใจจริง และรู้สึกสงสารในสิ่งที่นางต้องพบเจอ“เจ้าลองคิดดูเถิด” ซ่งซีซีกล่าวข้าพยักหน้า แล้วเหลือบมองภายนอก เห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่แถบนั้น จึงอดถามไม่ได้ว่า “เจ้ามาอยู่กับข้าสองต่อสองเช่นนี้ มิกลัวเนี่ยเจิ้งอ๋องหึงหรือ? เขาไม่รู้หรือไร?”ซ่งซีซีมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ดูเหมือนนึกไม่ถึงว่าข้าจะถามเรื่องเช่นนี้นางอาจไม่คิดจะตอบ เพราะนางก้าวเท้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1590

    เมื่อแม่ทัพใหญ่เซียวได้ฉลองวันเกิดอายุครบแปดสิบปี ข้าก็ได้พบกับซ่งซีซีอีกครั้งก่อนหน้านี้ ข้าก็เคยพบนางหลายครั้ง นางเคยมาที่ชายแดนเฉิงหลิงข้ากับนางดูเหมือนคนแปลกหน้า ไม่มีการพูดคุยกัน เพียงแต่ทุกครั้งที่นางจากไปจากชายแดนเฉิงหลิง ข้าก็มักจะแอบตามส่งนางอยู่ห่างๆใจลึกๆ ที่ทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อสิ่งใดข้ามักรู้สึกผิดกับนางอยู่เสมอกับยี่ฝางและหวังชิงหรู ข้าก็มีสิ่งที่รู้สึกผิดอยู่เช่นกัน แต่ระหว่างข้ากับพวกนางต่างฝ่ายต่างบาดหมาง โต้เถียงกัน พวกนางเคยทำร้ายข้า ข้าก็เคยทำร้ายพวกนางแต่กับซ่งซีซี มีเพียงข้ากับคนในครอบครัวที่ทำร้ายนาง นางไม่เคยแม้แต่จะทำร้ายพวกเราเลยสักครั้ง แม้แต่หลังจากหย่าขาดกันแล้ว นางจะไม่สนใจอาการป่วยของท่านแม่ก็ได้ แต่นางกลับสอนพี่สะใภ้ใหญ่ให้รู้วิธีขอยาดันเสวี่ยเมื่อข้าได้พบกับนางในงานฉลองวันเกิดแปดสิบปีของแม่ทัพใหญ่เซียว นางได้กลายเป็นพระชายาของเนี่ยเจิ้งอ๋องแล้ว เรื่องราวในราชสำนักนั้น พวกทหารชายแดนอย่างพวกข้าไม่ค่อยใส่ใจนัก แต่เสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ อาวุธยุทโธปกรณ์ก็ครบครัน แม้แต่เงินเดือนที่เราได้รับก็เพิ่มขึ้น นี่คือผลประโยชน์ที่เห็นได้ชัด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status