หมอมหัศจรรย์ดันได้ถูกตามหามา หลังจากได้รับการตรวจร่างกายจากเขาแล้ว เขาชื่นชมการทำงานของหงเชวี่ยก่อน จากนั้นชื่นชมความสามารถในการฟื้นตัวของรุ่ยเอ๋อร์จากนั้นเขาก็แตะปลายจมูกของรุ่ยเอ๋อร์ แล้วพูดว่า "เจ้าหนูน้อย เก่งจริงๆ ท่านปูดันนึกว่าต้องใช้เวลาปีสองปีเสียอีก""แต่ ท่านบอกว่าต้องคายเลือดพิษออกมาคกนึงก่อนจึงจะพูดได้ไม่ใช่หรือ" ซ่งซีซีรีบถามขึ้น"ไม่ใช่เป็นแบบนั้นทั้งหมด ตอนนี้ดูเหมือนว่าสารพิษในร่างกายของเขาเกือบจะหายไปแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้พูดมาสองปี ซึ่งก็จะยากสักหน่อย บวกกับคอของเขายังถูกฝังเข็มไว้ตลอด มักจะได้รับความเสียหายหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง"ทุกคนก็ตอบโอ้ แล้วก็มองหน้ากันพลางยิ้มออกมาเพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนมักจะกังวลอยู่เสมอว่าเมื่อใดที่เขาจะพ่นเลือดดำออกมาคำนึง แต่โดยไม่คาดคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ทักษะทางการแพทย์ของหมอมหัศจรรย์ดัน สุดยอดจริงๆซ่งซีซีคุกเข่าลงและคำนับหมอมหัศจรรย์ดัน "ควรให้รุ่ยเอ๋อร์คำนับให้ท่าน แต่ขาและเท้าของเขาไม่สะดวก เมื่อเขาหายดีเมื่อใด จะให้เขาคุกเข่าคำนับท่านอย่างแน่นอน"หมอมหัศจรรย์ดันรับการไหว้ไว้ แล้วพูดว่
ซ่งซีซีกลับไปนอนดึกมาก เป่าจู่มารายงานแต่เช้า โดยบอกว่ายี่ฝางอยู่นอกจวนเพื่อขอพบ นางร้องอาละวาดมาก จะไล่ยังไงก็ไม่ไป เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาปลุกนางซ่งซีซีลุกขึ้นจากเตียง มึนงงอย่างงัวเงียอยู่พักหนึ่ง กล้ามาจริงๆนางตื่นได้สติมากขึ้น สงบลงและฟังด้วยกำลังภายในของนาง ข้างนอกเสียงดังจริงๆ เป็นเสียงของยี่ฝางมันยังมาพร้อมกับเสียงเคาะประตูดังก้อง หากนางยังสร้างโกลาหลเช่นนี้ จะรบกวนรุ่ยเอ๋อร์เข้าแน่ๆ แม้ว่ารุ่ยเอ๋อร์จะดีขึ้นมากแล้ว แต่เขาก็ยังกลัวเสียงอันดุร้ายนี้ปฏิกิริยาแรกของซ่งซีซีคือกระโดดขึ้นและถือหอกดอกท้อไว้พยายามไล่ยี่ฝางออกไปทว่า แถวจวนเสนาบดีกั๋วกงล้วนเป็นตระกูลชั้นสูง ไม่ว่ายี่ฝางจะอาละวาดยังไง นางในตอนนี้ยังเป็นผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกง ให้ผู้นำออกไปขับไล่เอง มันจะสูญเสียสถานะได้ก็ได้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจนถึงบัดนี้แล้ว ยังมาหาเรื่องนางถึงบ้าน มีเรื่องอะไรกันแน่?"พานางไปที่ห้องโถงด้านข้างของลานด้านนอก ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จะไป" ซ่งซีซียืนขึ้นแล้วพูดแม้ว่าเป่าจูจะรู้สึกว่าโชคร้ายมากที่ได้พบกับคนๆ นั้น แต่หากปล่อยให้นางก่อโกลาหลทั้งอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทางออกที่ด
หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ ยี่ฝางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "เจ้านี่ไม่กล้าพูดความจริงด้วยซ้ำ ซ่งซีซี เจ้าจะบอกว่าตนเองเป็นคนกล้าหาญได้อย่างไร? เสแสร้ง!"ซ่งซีซีไม่สนใจนาง และพูดต่อ "ประการที่สอง ข้ายังจำสิ่งที่เจ้าพูดอย่างหยิ่งยโสเมื่อเจ้ามาหาข้า เจ้าดูถูกผู้หญิงถึงที่สุด ข้าไม่อิจฉาเจ้าหรอก ข้าแค่ดูถูกเจ้าเท่านั้น พวกเราต่างเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่เจ้าไม่เห็นใจผู้หญิงแม้แต่น้อย นิสัยใจคอน่าเป็นห่วงจริงๆ"ยี่ฝางตะคอกอย่างเย็นชา "งั้นเหรอ? แต่ศิลปะการต่อสู้ของเจ้านั้นเก่งขนาดนั้น ในเมื่อไม่ถูกใจข้า เหตุผลไม่ออกมือสู้กับข้าล่ะ""เพราะข้าไม่สน!" ดวงตาของซ่งซีซีมืดมนราวกับหมึก "ในสายตาของข้า เจ้าในตอนนั้นเป็นแค่ตัวตลก ข้าไม่อยากเสียแรงไปสู้กับเจ้า อีกอย่างเจ้าแค่พูดก้าวร้าวกับข้า ข้าก็โต้กลับไปแล้ว คนที่ทรยศต่อสัญญาเป็นจ้านเป่ยว่าง ข้าไม่พอใจกับเขาก็เท่านั้น""ไม่สนงั้นเหรอ ข้าไม่เชื่อว่าตอนนั้นเจ้าไม่อยากฆ่าข้า" นางยังคงพูดอย่างเย็นชา "ข้ารู้ว่าคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงอย่างพวกเจ้า มักจะเสแสร้ง แสร้งทำเป็นว่าสูงส่ง แต่จิตใจของพวกเจ้าแคบยิ่งกว่าอะไร เจ้าไม่ได้หาเรื่องกับข้า เพราะต้องการรักษาชื่อเ
ซ่งซีซียืนขึ้นและเหยียบลงบนน้ำบนพื้น เดินไปหานางทีละก้าว โน้วตัวเข้าหานาง และกระซิบข้างหูนางว่า "การแก้แค้นของซูลันจียังไม่ทำให้เจ้าตื่นสติเหรอ? เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นแม่ทัพหญิงแห่งโลกนี้หรือ ยี่ฝาง เจ้าไม่มีค่าอะไรเลย จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเขาคิดว่ามันแปลกใหม่ดี ถ้าเขารักเจ้าจริงๆ เขาควรจะให้ตำแหน่งภรรยาเอกแก่เจ้าแทนที่เป็นแค่ภรรยาเท่าเทียมกัน"ใบหน้าของยี่ฝางซีดเผือดลง "นั่นเป็นเพราะเขาเต็มใจที่จะไว้หน้าเจ้า ส่วนข้าไม่สำคัญกับชื่อเสียงและตำแหน่ง"ซ่งซีซีคว้าคอเสื้อของนาง จากนั้นปล่อยลงและลูบคอเสื้อของนางเบาๆ เสียงของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา "เจ้าคิดว่าข้าต้องให้เขาไว้หน้าให้หรือไม่ ที่เจ้าบอกว่าไม่สนใจชื่อเสียงและตำแหน่ง แล้วได้อะไรมาบ้างล่ะ ที่เจ้ามาอวดดีต่อหน้าข้าในวันนี้ คือคิดว่าข้าจะห่วงใยชื่อเสียงแล้วปล่อยให้เจ้าก่อวุ่นวายหรือ"นิ้วของนางบีบคางของยี่ฝาง กระดูกนิ้วของนางออกแรงมากขึ้น ทำให้คางของยี่ฝางเกือบจะหักอยู่แล้ว ความเจ็บปวดทำให้นางน้ำตาคลอเบ้า "ฆ่าเจ้า มันง่ายมาก แต่ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างดี เจ้าดูถูกผู้หญิง ดูหมิ่นผู้หญิงที่อยู่ฝ่ายในอย่างยากลำบาก
คำว่า "ต่ำต้อย" ทำให้ยี่ฝางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนางลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันและเตะท้องน้อยของซ่งซีซี ซ่งซีซี ไม่ได้หลบด้วยซ้ำ แต่ใช้ข้อศอกฟาดที่กระดูกน่องของนาง และยี่ฝางกรีดร้องออกมา และความเจ็บปวดจากกระดูกหักทำให้นางร้องออกมาซ่งซีซีจับคอเสื้อของนาง ผลักนางลงบนเก้าอี้ โน้มตัวลงมาและจ้องมองนางอย่างเย็นชา "มาลงไม้ลงมือที่จวนของข้า เจ้าคิดว่าตนเองเก่งแค่ไหนเชียว จุดประสงค์ที่เจ้ามาวันนี้คืออะไร"ยี่ฝางพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่กลับไม่สามารถหลุดออกจากมือของนางได้กลับทำเอาผ้าคลุมหน้าของตนเองหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดครึ่งหนึ่งของนางเมื่อเห็นซ่งซีซีจ้องมองที่ใบหน้าของนาง นางก็สติแตกจนตะโกนว่า "เป็นเจ้าเอง ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่อเอาเรื่องเจ้า ตอนนั้นเจ้าสามารถนำกองทหารมาช่วยข้าได้ แต่เจ้าไม่ได้ทำ เจ้ายังห้ามจ้านเป่ยว่างไปช่วยข้า ซ่งซีซี เจ้าเกลียดข้าที่แย่งชิงทุกอย่างของเจ้าไป ดังนั้นเจ้าเลยจงใจให้ซูลันจีมาทำให้ข้าอับอาย เจ้าไม่พอใจข้า เจ้าเกลียดข้า เจ้ายังไม่ยอมรับอีกเหรอ เสแสร้งจริงๆ""เป็นเจ้าเอง เจ้าทำให้เราสามีภรรยาแตกคอกัน เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องข้าเลยตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เจ้าห
ซ่งซีซีเตะเข่าหลังของนาง และนางก็คุกเข่าลงเสียงดัง"เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาตายอย่างไร? แต่ละคนถูกฟันด้วยมีดสิบแปดครั้ง ทำไมจึงเป็นสิบแปดครั้ง? เจ้าคิดให้ดี!""ไม่!" ใบหน้าของยี่ฝางซีดอย่างผิดปกติ นางกลืนน้ำลายเต็มปากและกลอกตาไปมา นางจำได้ว่าหัวหน้าทหารจากราชวงศ์เมืองซีจิงนั้นถูกจับกุม และพวกเขาได้ฟันเขาถึงสิบแปดครั้ง ทั้งยังตอนเขา…"มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นอาชญากรรมที่ชาวซีจิงทำไว้ ครอบครัวของเจ้าถูกสังหารโดยสายลับเมืองซีจิง มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย ไม่แม้แต่น้อยเลย"นางต้องการยืนขึ้นและวิ่งหนีออกไป แต่ซ่งซีซีจับไหล่ของนางไว้แน่น ทำให้นางคุกเข่าทั้งอย่างนั้นและขยับไม่ได้"เพราะสิ่งที่เจ้าทำในชายแดนเฉิงหลิง จนทำให้จวนโหวเจิ้นเป่ยของข้าไม่เหลือใครอีก แม้แต่หลานชายตัวน้อยของข้ายังไม่รอด ร่างกายเล็กๆ ของเขาอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด และเขาต้องกินยาทุกวัน ถูกฟันสิบแปดครั้ง ร่างกายถูกสับเป็นชิ้นๆ เลือดไหลไปทั่ว จวนโหวเจิ้นเป่ยเต็มไปด้วยเลือด นี่เป็นกรรมที่เจ้าสร้างไว้ ยี่ฝาง เจ้าว่าขาจะเกลียดเจ้าหรือไม่"ดวงตาของซ่งซีซีเจ็บเมื่อนางพูดอย่างนั้น แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลแม้แต่หยดเดียว ความเจ็บปวดที่แสนเ
ยี่ฝางนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในสนามรบเขตหนานเจียง นางได้ทบทวนมาแล้วรอบนึง และพบว่านางติดกับดักจริงๆเรื่องบางเรื่อง นางเดาได้ นางรู้อยู่ในใจ แต่นางไม่อยากจะเชื่อ นางพยายามหาข้อแก้ตัวและเหตุผลเหตุผลหลักๆ ก็คือ เป่ยหมิงอ๋องต้องการสนับสนุนซ่งซีซีให้เลื่อนตำแหน่ง ดังนั้นเขาจึงต้องการกำจัดผลงานของนางทั้งหมด เลยพูดไปก่อนว่านางจะไม่มีโอกาสได้สร้างผลงานแต่ซ่งซีซีบอกรายละเอียดทั้งหมดให้นาง นางหนีไปไหนไม่ได้ นางได้แต่ขดตัวที่ข้างๆ ประตูแล้วส่ายเสียดอยู่ที่นั่นพลางพึมพำ "ไม่ นั่นไม่ใช่อย่างนัน"ซ่งซีซี ยืนอยู่หน้า ป้ายวิญญาณ โดยมีโคมไฟดอกบัวอยู่ข้างหลัง นาง ทำให้ใบหน้า นาง ไม่ชัดเจน "ยี่ฝาง คุณยังมีชีวิตอยู่ คุณยังมีชีวิตอยู่ คุณควรจะพอใจ"เสียงของนางแผ่วเบา "แต่ครอบครัวของข้าจะไม่มีวันกลับมาอีกเลย ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า เจ้าคิดว่าข้าเกลียดเจ้าหรือไม่ ข้าทนมันมานานมากแล้ว ข้าไม่อยากลงมือกับเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงต้องหาข้าถึงบ้าน ที่เจ้าสรเางผลงานที่ชายแดนเฉิงหลิง ก่อนที่ความจริงมาถึงหูข้า ต่อให้เจ้ากับจ้านเป่ยว่างขอพระราชทานอภิเษกสมรส ข้ายังนับถือเจ้าที่เป็นผู้หญิง แต่กลับยอมออกศึกเพื่อ
นางไม่กล้าสบตากับซ่งซีซีอีกเลย ซึ่งสายตานั้นเย็นชาราวกับมีดคำพูดทุกคำที่ซ่งซีซีพูดนั้นนางไม่ชอบฟังทั้งนั้น แต่มีคำนึงที่นางพูดถูกนางปรารถนาที่จะสร้างผลงานสงครามชายแดนเฉิงหลิง นางคิดว่าตนเองสร้างผลงานทางทหาร แถมยังเป็นผลงานสำคัญ นางจะไม่ใช่ลูกสาวของทหารเก่าอีก นางเป็นแม่ทัพยี่ฝางนางเย่อหยิ่ง และดูหมิ่นทุกสิ่ง แต่ในใจของนาง นางยังรู้สึกต้อยกว่าคนอื่นมิฉะนั้น ด้วยผลงานของนาง ให้แต่งเป็นภรรยาที่เท่าเทียมของจ้านเป่ยว่าง คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมทั้งนั้นนางเต็มใจ หนึ่งคือเพราะนางมีใจให้จ้านเป่ยว่าง สองคือนางรู้ดีว่าหากไม่ใช่ที่ตนเองสร้างผลงานไว้ นางไม่มีวันเกาะจวนแม่ทัพได้นางบอกว่าตนเองไม่สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจของฝ่ายใน และอยากจะเป็นผู้หญิงที่ออกศึกได้ สร้างผลงานให้บ้านเมือง ทำสงครามทุกที่ คำพูดนี้นางแค่พูดให้จ้านเป่ยว่างฟัง และจ้านเป่ยว่างก็เชื่อด้วย สายตามี่เขามองนางก็ฉายแววความนับถือและชื่นชมนางต้องการให้จ้านเป่ยว่างรู้ว่านางแตกต่างออกไปนางทำได้แล้ว และมอบตัวให้กับเขาก่อนจะกลับมาเมืองหลวง หากทำเช่นนี้อย่างน้อยก็ต้องแต่งเข้าจวนแม่ทัพอย่างแน่นอนส่วนภรรยาเอกอย่างซ่งซีซี ในตอน
เนื่องจากฝ่าบาททรงส่งชีกุ้ยไปปฏิบัติหน้าที่ข้างนอก งานดูแลเรือนจำจึงถูกมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของหอต้าหลี่ดูแล และผู้ที่รับหน้าที่นี้คือเซี่ยหรูหลิงไม่นานนัก เซี่ยหรูหลิงก็เดินทางมาที่จวนเป่ยหมิงอ๋องเพื่อพบซ่งซีซี บอกว่ามีเรื่องที่เขาตัดสินใจไม่ได้ และขอให้ซ่งซีซีช่วยแนะนำซ่งซีซีรีบกินข้าวเพียงสองสามคำแล้วออกมาพบเขา เพราะกังวลว่าอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮูหยินจีและเด็กๆแต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซี่ยหรูหลิงกล่าว นางก็พบว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าและหวังชิงหลูทั้งสองคนหลังจากถูกส่งตัวเข้าเรือนจำก็วิตกกังวลทุกวัน อีกทั้งอาหารยังแย่ยิ่งกว่าอาหารที่เคยให้สุนัขกิน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็เริ่มอาเจียนและท้องเสียก่อนหน้านี้ ซ่งซีซีเคยให้ยากับฮูหยินจี ซึ่งรวมถึงยาสำหรับอาการท้องเสียและปวดท้องเพราะไม่ชินสภาพแวดล้อม ยาทำให้อาการดีขึ้น แต่เพราะต้องกินอาหารแบบนั้นต่อไป อาการจึงกลับมาแย่ลงอีก และหวังชิงหลูก็มีไข้สูงฮูหยินผู้เฒ่าร้องขออย่างน่าสงสารให้ช่วยหาหมอ เซี่ยหรูหลิงไม่กล้าตัดสินใจ จึงออกมาขอคำปรึกษาจากซ่งซีซีซ่งซีซีถามว่า “แล้วคนอื่นล่ะ? มีอาการเหมือนกันหรือไม่?”“เดิมที
แต่ครั้งนี้เมื่อเข้าไปในวัง กลับไม่ได้พบฝ่าบาท อู๋ต้าปั้นออกมาแจ้งข่าวว่า วันนี้ฝ่าบาทไอจนมีเลือดปนและเกือบหมดสติ ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาซ่งซีซีรีบถาม “เป็นเพราะพระวรกายอ่อนแอ หรือถูกลอบวางยาพิษ?”คำถามนี้ชัดเจนว่าแฝงด้วยความระแวง หากเป็นสถานการณ์ปกติหรือคนอื่น ซ่งซีซีคงไม่กล้าถามแต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป อีกทั้งคนที่นางเผชิญหน้าอยู่คืออู๋ต้าปั้น นางจึงถามอู๋ต้าปั้นถอนหายใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “หมอหลวงวินิจฉัยว่าไม่ได้ถูกวางยาพิษ แต่เพราะฝ่าบาททรงวิตกกังวลอย่างหนัก พักผ่อนน้อยและเบื่ออาหาร อีกทั้งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ทรงติดเชื้อและไอมาแล้วหลายวัน แม้จะดื่มยามาหลายวันแต่ไม่ได้ผล วันนี้ไอไม่หยุดจนกระทั่งมีเลือดปนและแทบหายใจไม่ออก”เมื่อได้ยินว่าไม่ใช่การวางยาพิษ ซ่งซีซีก็โล่งใจขึ้นเล็กน้อย หากเป็นการวางยาพิษ ก็หมายความว่ามีคนแฝงตัวเข้ามาในวังแล้ว ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ยากลำบากยิ่งขึ้นการไอเป็นเลือดอาจเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ได้ ซ่งซีซีจึงยังไม่จากไป แต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกเพื่อรอหมอหลวงออกมาแจ้งสถานการณ์นอกจากซ่งซีซีแล้ว ยังมีขุนนางอีกหลายคนที่รอเพื่อกราบทูลเรื่อ
ซ่งซีซีนั่งกลับลงบนเก้าอี้ กล่าวว่า “เรื่องที่พวกเจ้าทุจริตนั้น ฝ่าบาททรงทราบดีแล้ว ตอนนี้ที่ทรงให้ข้าสอบสวนเป็นการส่วนตัว ก็เพื่อมอบโอกาสให้พวกเจ้า หากพูดความจริง หัวของเจ้าจะยังปลอดภัย หากให้ข้อมูลที่มีค่าเพิ่มเติม อย่างมากก็แค่ถูกเนรเทศไปทำงานนอกเมือง ยังสามารถโลดแล่นในวงราชการได้”เกาหมิงอวี้ที่มีประสบการณ์ในราชสำนักมานานย่อมรู้ดีว่าให้ข้อมูลที่มีค่ามากขึ้น หมายถึงการขายเจ้านายและผู้ใต้บังคับบัญชาเขาไม่มีข้อสงสัยในคำพูดของซ่งซีซีด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือ ช่วงนี้อู๋เยว่และคนของเขาตรวจสอบทางน้ำอยู่เสมอ สองคือ ซ่งซีซีออกหน้ามาสอบสวนด้วยตัวเอง หากไม่มีพระราชโองการจากฝ่าบาท นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง จะส่งใครมาทรมานเขาก็ได้แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีวิเคราะห์เขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และคาดการณ์ความคิดของเขาไปก่อนแล้ว“พวกเจ้าทุจริตทั้งระบบ ท่าทีของจินชางหมิงเป็นอย่างไร?”เกาหมิงอวี้ครุ่นคิดก่อนตอบว่า “จะว่าไปจริงๆ แล้ว เขาเป็นคนเริ่มเปิดทางให้เราทุจริต โดยอ้างว่าเป็นค่าเหนื่อยของเรา เมื่อเริ่มต้นแล้ว เราลองเบิกเงินเกินมาเล็กน้อย เขาก็ไม่ว่าอะไร จากนั้นเรากล้าขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเขาเตือนเ
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่สองวัน ซ่งซีซีตัดสินใจลงมือกับเกาหมิงอวี้ รองหัวหน้ากรมจัดการแม่น้ำเกาหมิงอวี้อายุสามสิบห้าปี รับราชการในกรมโยธามาแล้วห้าปี เขามีพื้นเพมาจากครอบครัวชาวไร่ชาวนา เมื่อยังเยาว์วัยพ่อแม่เสียชีวิต เพื่อให้เขาได้เรียนในสำนักที่ดีที่สุด เขาดูดทรัพย์สมบัติของพี่น้องจนหมดสิ้นหลังสอบจอหงวนได้ เขาเข้ารับราชการ และกลายเป็นคนโลภเงินอย่างที่สุด ขี้เหนียวอย่างยิ่งยวด ทอดทิ้งพี่น้องที่เคยเลี้ยงดูเขาไปเหมือนของไร้ค่า และไม่ติดต่อพวกเขาอีกเลยยังไม่หมดแค่นั้น เขาอ้างความหึงหวงเป็นเหตุผลในการหย่ากับภรรยาคนแรก แล้วแต่งงานกับบุตรสาวของอาจารย์ผู้มีพระคุณอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาคืออธิการสำนักไป๋หยุน ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ลูกสาวคนเดียวของอาจารย์แต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดีเขาคือคนไร้ค่าและทรยศทว่าคนไร้ค่าเช่นนี้กลับใช้งานได้ดี เพราะความโลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัวของเขา มีจุดอ่อนที่สามารถกดดันจนยอมพูดทุกอย่างคืนนั้น ซ่งซีซีสั่งให้กุ้นเอ๋อร์จับตัวเขามายังเรือนทางตะวันตกของเมือง ขังเขาไว้หนึ่งคืน ให้เขาหวาดกลัวและหิวโหย จากนั้นค่อยสอบสวนในวันถัดไปเกาห
จักรพรรดิซูชิงมีราชโองการให้อู๋เยว่พาคนไปควบคุมงานโดยตรง ทว่า จินชางหมิงรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว พาอู๋เยว่ไปตรวจสอบผลสำเร็จด้วยตนเองหลังจากเริ่มงานมาเป็นเวลานาน อ่างเก็บน้ำก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์คุณภาพของอ่างเก็บน้ำนั้นยอดเยี่ยม เขื่อนที่สร้างขึ้นมั่นคงดั่งกำแพงทองหลังจากตรวจสอบอ่างเก็บน้ำแล้ว ก็ไปตรวจสอบทางน้ำ ทุกพื้นที่ได้ขุดลอกเสร็จเรียบร้อย ส่วนเขื่อนที่เสียหายก่อนหน้านี้ก็ได้รับการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงแล้วอู๋เยว่ยังส่งคนไปพูดคุยกับคนงานก่อสร้างทางน้ำ ชายฉกรรจ์แต่ละคนที่ผิวคล้ำแดด ดูซื่อๆ ขัดเขินเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าขุนนางส่วนใหญ่ถามอะไรก็ตอบสิ่งนั้น หากให้พวกเขาบอกความไม่พอใจอะไร พวกเขามักลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่าอาหารสามารถปรับปรุงได้ไหม โดยเฉพาะเพิ่มหมูติดมันให้หน่อยอู๋เยว่คิดว่าคนเหล่านี้เป็นคนเรียบง่าย ไม่มีปัญหาอะไร และไม่มีความเคียดแค้นในแววตาเขายังพาคนไปดูที่พักชั่วคราวของคนงานก่อสร้างเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระท่อมไม้และกระท่อมหญ้าแฝก ภายในมีเพียงที่นอนใหญ่ที่รองรับคนได้เจ็ดแปดคน ดูรกเล็กน้อยในกระท่อมไม่มีอาวุธ เครื่องมือที่ต้องใช้ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในค
ซ่งซีซีแทบจะหัวเสียจนอกแตกตาย นางรู้สึกว่าเส้นผมสีขาวกำลังจะงอกออกมาบนหน้าผาก ไม่แปลกใจเลยที่ขุนนางในราชสำนักแต่ละคนดูแก่ก่อนวัย หรือแม้แต่เสนาบดีมู่ที่อายุเพียงหกสิบกว่า ผมก็หงอกไปกว่าครึ่งนางไปหาเสนาบดีมู่ด้วยความขุ่นเคือง หวังว่าเขาจะช่วยอะไรได้บ้างและกล่าวบางคำสนับสนุนนางต่อหน้าฮ่องเต้เสนาบดีมู่ยิ้มพลางมองนาง "แค่นี้ก็ถึงกับโกรธเลยหรือ?"ซ่งซีซีตอบ "มิกล้าโกรธเจ้าค่ะ แต่เรื่องนี้ชะลอความคืบหน้า และข้ากลัวว่าจะทำให้ผู้ต้องสงสัยตื่นตัว จนถูกชิงโอกาสไป ฝ่าบาทไม่ไว้ใจข้าเลย"เสนาบดีมู่ย้อนถาม "เขาไม่เชื่อเจ้าอย่างสมบูรณ์ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้เป็นเจ้า หากคนใต้บัญชาไม่ได้ยกหลักฐานมาสนับสนุนคำพูด เจ้าจะเชื่อพวกเขาโดยไม่ตรวจสอบหรือ?"ซ่งซีซีกล่าว "แต่เขาไม่มีหลักฐานว่าท่านอ๋องมีความทะเยอทะยานใดๆ แต่เขาก็ยังระแวงทุกทางมิใช่หรือ?""ก็เพราะไม่มีหลักฐาน เขาจึงระแวง หากมีหลักฐาน เขาคงลงมือไปนานแล้ว" เสนาบดีมู่ถอนหายใจเบาๆ "ความจริงแล้ว หลายเรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคิด โดยเฉพาะการตัดสินใจสำคัญในราชสำนัก ต้องผ่านการหารือและอภิปรายหลายครั้ง บางเรื่องใช้เวลาเป็นปีจึงจะเดินหน้าได้ อีก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างแม่น้ำได้เกณฑ์แรงงานจากในและรอบๆ เมืองหลวง โดยเป็นกลุ่มคนงานและแรงงานหนักกลุ่มเดียวกันหน่วยงานด้านแม่น้ำทั้งหมดอยู่ภายใต้การนำของจินชางหมิง เขาใช้ข้ออ้างเรื่องการซ่อมแซมแม่น้ำและโครงการระบายน้ำเข้ายึดครองภูเขาและที่ดินจำนวนไม่น้อยบ้านเรือนถูกสร้างขึ้นอย่างกระจัดกระจายในพื้นที่เหล่านี้ โดยไม่ได้จัดเป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ คนงานแม่น้ำและแรงงานบางส่วนอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เส้นทางแม่น้ำที่พวกเขาครอบครองกระจัดกระจายไปในทุกทิศ เมื่ออาจารย์หยูทำเครื่องหมายและเชื่อมจุดบนแผนที่ พบว่าพื้นที่เหล่านี้โอบล้อมพระราชวังหลวงไว้เหมือนตาข่ายที่กางปิดหากพวกเขาเป็นทหารลับของนกต่อ การเฝ้าประตูเมืองจะไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาตลอด และเมื่อไม่มีงานทำ พวกเขาก็สำรวจภูมิประเทศจนคุ้นเคย แม้แต่ค่ายลาดตระเวนหรือทหารรักษาการณ์อาจยังไม่รู้จักเส้นทางในเมืองหลวงดีเท่าพวกเขาซ่งซีซีมองดูแผนที่ด้วยความตระหนก แต่ก็ยังตั้งคำถามว่า "พวกเขาได้รับที่ดินเหล่านี้ ต้องได้รับการอนุมัติจากกรมโยธาธิการและฝ่าบาทใช่หรือไม่?""ถูกต้อง แต่ถ้าใช้เพื่อการซ่อมแซมแม่น้ำและระบายน้ำ ก
กล่องผ้าไหมสีแดงเข้มชิ้นนั้นเต็มไปด้วยฝุ่น ว่านกงกงเป่าฝุ่นออกก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ด แล้วเปิดกลไกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาเขาส่งสัญญาณให้มอบหยกชิ้นนั้นแก่เสนาบดีมู่เสนาบดีมู่รับมาด้วยความสงสัย เมื่อมองดู เห็นว่าหยกทรงวงแหวนชิ้นนี้แกะสลักลวดลายมังกร ชัดเจนว่าเป็นของจักรพรรดิ์องค์ก่อน"ท่านเสนาบดีลองดูด้านหลัง" ว่านกงกงกล่าวเมื่อเสนาบดีมู่พลิกดูด้านหลัง เขาถึงกับตะลึงจนเหมือนร่างแข็งทื่อด้านหลังยังคงมีลวดลายมังกร แต่ลวดลายนี้ห่อหุ้มใบเมเปิลหนึ่งใบ และข้างใบเมเปิลนั้นยังมีอักษร "สือ" เล็กๆ แกะสลักไว้ใบเมเปิลและตัวอักษรแบ่งพื้นที่คนละด้าน ใบหนึ่งใหญ่ ใบหนึ่งเล็กซ่งซีซีก็เห็นเช่นกัน แต่ไม่เข้าใจความหมายเสนาบดีมู่ถอนหายใจและอธิบายเบาๆ "สือจิ้ง เป็นนามอักษรของจักรพรรดิ์องค์ก่อน ส่วนชิวเหมิงเคยเดินทางในยุทธภพช่วงหนึ่ง และได้รับสมญานามว่า 'คุณชายเหล็กแห่งใบเมเปิล'""หยกชิ้นนี้จักรพรรดิ์องค์ก่อนประทานให้แม่ทัพชิว ด้านหลังเดิมมีเพียงลวดลายมังกร แต่ใบเมเปิลและอักษร 'สือ' นั้น แม่ทัพชิวแกะสลักเพิ่มเอง หยกนี้เขาพกติดตัวตลอด ใส่ไว้ในถุงผ้าไหม แต่ไม่รู้อย่างไรถูกจักรพรรดิ
อย่างไรเสีย หัวข้อสนทนานี้เป็นเรื่องที่พูดยาก เสนาบดีมู่จึงดื่มชาสองสามอึกก่อนจะกล่าวว่า "ความจริงเรื่องนี้ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ในตอนนั้นมีการประกาศว่าชิวเหมิงกระทำการหมิ่นพระเกียรติ จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงกริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่ง ก่อนจะพระราชทานยศเจวี๋ยให้แทน มีข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ หลุดออกมาจากในวังว่าเขาและอาจารย์ฉีมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือบางอย่าง เมื่อจักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงทราบ ก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ด้วยความโกรธจึงตรัสคำดูหมิ่นเขาอย่างรุนแรง รวมถึงการลดตำแหน่ง ทำให้ชิวเหมิงรู้สึกหมดกำลังใจจนตัดสินใจออกจากเมืองหลวงไป"สำหรับเหตุผลนี้ ซ่งซีซีเคยคาดเดาไว้บ้าง แต่คิดว่าในฐานะคนที่ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ไม่น่าจะกล้าแสดงความคิดหรือความรู้สึกเช่นนั้นออกมา อีกทั้งนางก็รู้จักอุปนิสัยของจักรพรรดิ์องค์ก่อนดี จึงยิ่งไม่น่าจะไม่ระมัดระวังตัวและหากการลดตำแหน่งเกิดจากเรื่องนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่แต่จากที่ได้ฟัง บางทีชิวเหมิงอาจมองจักรพรรดิ์องค์ก่อนเป็นเพื่อนจริงๆ จึงไม่ได้ปิดบังตัวเองมากนัก หรืออาจเพราะเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้จักรพรรดิ์องค์ก่อนทรงไม