แชร์

บทที่ 276

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ฮูหยินผู้เฒ่าสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายลายเมฆสีฟ้า ถือถังทำความร้อนอยู่ในมือ นางดูมีอายุประมาณห้าสิบปี มีผมหงอกบางส่วน ผมของนางหวีเป็นมวยอย่างประณีต และดูสง่างามมาก

เมื่อมองไปที่คุณหนูสาม นางแต่งตัวเรียบๆ ใต้เสื้อขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว นางสวมกระโปรงสีเหลือง อายุยี่สิบกว่า และดูสวยงาน แต่ใบหน้าของนางดูไร้ชีวิตชีวาเล็กน้อย หากมิใช่มีสีเหลืองนี้ ก็คงรู้สึกว่าออร่าของนางดูเชยกว่าท่านแม่ของนางซะอีก

หลังจากที่ซ่งซีซีเชิญพวกนางนั่งลง นางก็อธิบายว่า "ก่อนหน้านี้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งคำเชิญมา ตอนนั้นรุ่ยเอ๋อร์กำลังอยู่ระหว่างช่วงการรักษา ข้าเลยไม่อาจเจียดเวลามาพบแขก กลัวว่าจะเสียมายาทได้ เลยให้คนรับใช้ปฏิเสธไปก่อน ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว เลยอยากจะชวนทั้งสองคนมารวมตัวกันที่จวน ขอบคุณที่พวกเจ้ายังคงคำนึงถึงรุ่ยเอ๋อร์"

วันนั้นที่พวกนางออกคำเชิญ โดยบอกว่าจะมาเยี่ยมนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์ ซ่งซีซีย่อมต้องพูดเช่นนั้นไป

ฮูหยินผู้เฒ่าถามว่า "ตอนนี้นายน้อยเป็นยังไงบ้าง?"

"ดีขึ้นมากแล้วเจ้าคะ เป็นพรของเขาที่ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วง" ซ่งซีซีกล่าว

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มและพูดว่า "ข้ารู้ว่าที่จวนเสนาบดีกั๋วกงของพวกเจ้ามีทุกอย่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Napada
ทำไมแทนคนแก่ว่าพวกเจ้า
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 277

    หลังจากพูดอย่างนั้น นางก็ยิ้มอีกครั้ง "แต่เจ้าหย่าแล้วก็ดี บัดนี้ได้แต่งงานกับท่านเป่ยหมิงอ๋อง การเป็นพระชายาจะไม่ดีกว่าฮูหยินของแม่ทัพหรือ"ซ่งซีซีไม่ชอบคำพูดที่ประชดของนาง จึงพูดอย่างใจเย็นว่า "คนเราจะควบคุมโชคชะตาได้อย่างไร เมื่อข้าหย่า ข้าก็ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะแต่งงานท่านเป่ยหมิงอ๋องได้""ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่าทำสีหน้าไม่พอใจ"ขอโทษนะ ข้ามักจะพูดตรงไปตรงมาเสมอ หวังว่าคุณหนูซ่งจะไม่ถือสา" คุณหนูสามระงับรอยยิ้ม แล้วถามอีกครั้ง "แล้วคุณหนูซ่งคิดอย่างไรกับนิสัยใจคอของจ้านเป่ยว่างล่ะ ในเมื่อเจ้าหย่ากับเขาแล้ว เขาต้องมีสภาพแย่มากอยู่ในใจของเจ้าสินะ"ซ่งซีซีรู้สึกตลกสิ้นดี "ในเมื่อคุณหนูสามพูดแบบนี้แล้ว ทำไมถึงมาถามข้าล่ะ"ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องเขม็งไปที่หวังชิงหลูอย่างดุเดือด จากนั้นพูดกับ ซ่งซีซีด้วยน้ำเสียงขอโทษ "คุณหนูซ่งอย่าไปถือสาเลย หลายปีมานี้นางอยู่คนเดียวจนชินเป็นนิสัย พูดอะไรไม่ใช้สมอง เจ้าอย่าเก็บไว้ในใจ ที่เรามาครั้งนี้ นอกจากมาเยี่ยมนายน้อยแล้ว ยังอยากรู้ว่าจ้านเป่ยว่างเป็นคนยังไงจากปากของคุณหนู อย่างน้อย มองจากมุมมองของคุณหนูว่าเขาเป็นคนแบบไหน"ซ่งซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 278

    หลังจากส่งฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซี และคุณหนูสามออกไปแล้ว ซ่งซีซีก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นสักพักใหญ่ นางรู้สึกงุนงงเล็กน้อยจ้านเป่ยว่างมีท่าทียังไงกับการแต่งงานครั้งนี้ล่ะ? ไหนบอกว่ารักยี่ฝางคนเดียวเหรอ? เมื่อนึกถึงยี่ฝางที่มาอวดต่อหน้านางอย่างหยิ่งผยอง ไม่คิดว่าจะมีนายหญิงคนใหม่เร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่ายี่ฝางจะคิดยังไง แล้วจะคิดว่าที่ตนเองหยิ่งผยองในตอนแรกนั้นจะตลกน่าขำหรือไม่แม้ว่าคุณหนูสามจะเข้ากันได้ยากนัก แต่ถึงยังไงนางเป็นคุณหนูจากจวนป๋อผิงซี ดังนั้นนางจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับผิดชอบเรื่องต่างๆ ในจวนยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านน่าจะชอบลูกสะใภ้คนนี้มาก ไม่มีเหตุผลอื่นใดหรอก แม้ว่านางจะเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง แต่นางก็จะมีสินเดิมมากมาย และครอบครัวของท่านพ่อแม่ของนางก็แข็งแกร่งด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าชอบลูกสะใภ้ที่มีภูมิหลังเก่งๆยี่ฝางเคยบอกว่านางจะไม่สู้กับผู้หญิง แต่ไม่รู้ว่าคราวนี้นางจะสู้หรือเปล่า?นางอยากใช้ชีวิตแบบคนที่นางเกลียดชังมากที่สุดหรือเปล่าเนี่ย?ซ่งซีซีอยากรู้อยากเห็นก็จริง แต่นางจะไม่ส่งคนไปสอบถามอย่างไรก็ตาม แม้ว่าซ่งซีซีไม่ได้ไปสอบถามเอง ก็มีคนจากต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 279

    แม่นมเหลียงเข้ามาพร้อมกับชามรังนกที่ฮูหยินผู้เฒ่ารองชอบ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองโชคดีมากนะ ไม่ได้ตุ๋นรังนกมาหลายวันแล้ว เพิ่งบังเอิญตุ๋นมันในวันนี้ ท่านก็มาพอดีเลย"สิ่งที่แม่นมเหลียงพูดนั้นไม่เป็นความจริง ตอนนี้ตุ๋นมันทุกวันและคู่กับยาให้รุ่ยเอ๋อร์ใช้รักษาลำคอของเขานอกจากนี้ มีรังนกมากมายอีกด้วย ตระกูลขงนำรังมาบ้าง หัวหน้าลู่จากจวนเป่ยหมิงอ๋องก็ส่งรังนกมาสองตาชั่ง ส่วนเฉินฟูก็ซื้อเองบ้างฮูหยินผู้เฒ่ารองมองแม่นมเหลียง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ข้าเป็นคนกินเก่ง รู้ว่ามีของดีให้กินก็มาแล้วแหละ ช่วงนี้ข้าไอ และมาที่นี่เพื่อขอชามรังนกสักชามนึง คืนนี้จะหยุดไอแน่นอน"ซ่งซีซีถามด้วยความกังวล "อาการไอของท่านยังไม่หายดีหรือ ครั้งที่แล้วที่ท่านมาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์ ข้าก็ได้ยินท่านไออยู่เลย""แต่ละวันมีแต่เรื่องวุ่นวาย จะดีขึ้นได้ยังไง" ฮูหยินผู้เฒ่ารองใช้ช้อนคนรังนกในชามกระเบื้องเบาๆ ด้วยสีหน้าโศกเศร้าและรังเกียจ "จ้านเป่ยว่างไม่กลับบ้าน พอกลับบ้านยี่ฝางก็จะทะเลาะกับเขา และยังใช้กำลังด้วย จ้านเป่ยว่างอดทนเก่งจริงๆ ถูกทุบตีก็ไม่สู้กลับ โดนด่าก็ไม่ว่าอะไร ทุกวันนี้ยี่ฝางเหมือนคน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 280

    เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารองจากไป ซ่งซีซีให้แม่นมเหลียงนำรังนกหนึ่งตาชั่งให้นางเอากลับไปฮูหยินผู้เฒ่ารองมีอาการไอ และจะกำเริบเมื่ออากาศหนาวเย็น ก่อนหน้านี้ซ่งซีซีมักจะให้รังนกนางฮูหยินผู้เฒ่ารองปฏิเสธรับ และซ่งซีซีก็เลียนแบบคำพูดนางว่า "ถ้าท่านไม่รับไว้ก็ถือว่ารังเกียจข้า งั้นข้าก็จะไม่รับของจากท่านเช่นกัน"ขณะที่นางพูดนั้นก็เรียกให้แม่นมเหลียงคืนกำไลทองกลับไป"เฮอะ ข้าจะรับมันไว้ข้ารับไว้" ฮูหยินผู้เฒ่ารีบรับรังนกไว้ในมือ "มักจะเอาของของเจ้าไป และข้านี่น่าอายจริงๆ""ช่วงเวลาที่ข้ายากลำบากนั้น ท่านเป็นคนคอยอยู่ข้างๆ ข้า ข้าจดจำไว้ในใจ" ซ่งซีซีคว้าแขนของนาง แล้วส่งนางออกไปเมื่อตระกูลซ่งถูกสังหารหมู่ แม้ว่าบ้านใหญ่ได้ปลอบใจบ้าง แต่ก็แค่พูดเปล่าๆ มีแต่ฮูหยินผู้เฒ่ารองที่คอยอยู่เป็นเพื่อนนางอย่างจริงใจเมื่อรู้ว่านางกินไม่ได้และนอนไม่หลับในเวลานั้น นางจึงปรุงยาบรรเทาอาการให้นาง ยาบรรเทาอาการที่หมอมหัศจรรย์ดันออกให้นั้น ส่วนใหญ่เป็นนางต้มให้เองเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ารองได้ยินเช่นนี้ นางก็เกือบจะน้ำตาไหล นางรีบปาดจมูกแล้วหันหน้าหนี "ข้าก็ปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นลูกสาวของข้า ตราบใดที่เจ้าไม่ร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 281

    หมอมหัศจรรย์ดันได้ถูกตามหามา หลังจากได้รับการตรวจร่างกายจากเขาแล้ว เขาชื่นชมการทำงานของหงเชวี่ยก่อน จากนั้นชื่นชมความสามารถในการฟื้นตัวของรุ่ยเอ๋อร์จากนั้นเขาก็แตะปลายจมูกของรุ่ยเอ๋อร์ แล้วพูดว่า "เจ้าหนูน้อย เก่งจริงๆ ท่านปูดันนึกว่าต้องใช้เวลาปีสองปีเสียอีก""แต่ ท่านบอกว่าต้องคายเลือดพิษออกมาคกนึงก่อนจึงจะพูดได้ไม่ใช่หรือ" ซ่งซีซีรีบถามขึ้น"ไม่ใช่เป็นแบบนั้นทั้งหมด ตอนนี้ดูเหมือนว่าสารพิษในร่างกายของเขาเกือบจะหายไปแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้พูดมาสองปี ซึ่งก็จะยากสักหน่อย บวกกับคอของเขายังถูกฝังเข็มไว้ตลอด มักจะได้รับความเสียหายหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง"ทุกคนก็ตอบโอ้ แล้วก็มองหน้ากันพลางยิ้มออกมาเพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนมักจะกังวลอยู่เสมอว่าเมื่อใดที่เขาจะพ่นเลือดดำออกมาคำนึง แต่โดยไม่คาดคิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ทักษะทางการแพทย์ของหมอมหัศจรรย์ดัน สุดยอดจริงๆซ่งซีซีคุกเข่าลงและคำนับหมอมหัศจรรย์ดัน "ควรให้รุ่ยเอ๋อร์คำนับให้ท่าน แต่ขาและเท้าของเขาไม่สะดวก เมื่อเขาหายดีเมื่อใด จะให้เขาคุกเข่าคำนับท่านอย่างแน่นอน"หมอมหัศจรรย์ดันรับการไหว้ไว้ แล้วพูดว่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 282

    ซ่งซีซีกลับไปนอนดึกมาก เป่าจู่มารายงานแต่เช้า โดยบอกว่ายี่ฝางอยู่นอกจวนเพื่อขอพบ นางร้องอาละวาดมาก จะไล่ยังไงก็ไม่ไป เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องมาปลุกนางซ่งซีซีลุกขึ้นจากเตียง มึนงงอย่างงัวเงียอยู่พักหนึ่ง กล้ามาจริงๆนางตื่นได้สติมากขึ้น สงบลงและฟังด้วยกำลังภายในของนาง ข้างนอกเสียงดังจริงๆ เป็นเสียงของยี่ฝางมันยังมาพร้อมกับเสียงเคาะประตูดังก้อง หากนางยังสร้างโกลาหลเช่นนี้ จะรบกวนรุ่ยเอ๋อร์เข้าแน่ๆ แม้ว่ารุ่ยเอ๋อร์จะดีขึ้นมากแล้ว แต่เขาก็ยังกลัวเสียงอันดุร้ายนี้ปฏิกิริยาแรกของซ่งซีซีคือกระโดดขึ้นและถือหอกดอกท้อไว้พยายามไล่ยี่ฝางออกไปทว่า แถวจวนเสนาบดีกั๋วกงล้วนเป็นตระกูลชั้นสูง ไม่ว่ายี่ฝางจะอาละวาดยังไง นางในตอนนี้ยังเป็นผู้นำของจวนเสนาบดีกั๋วกง ให้ผู้นำออกไปขับไล่เอง มันจะสูญเสียสถานะได้ก็ได้ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจนถึงบัดนี้แล้ว ยังมาหาเรื่องนางถึงบ้าน มีเรื่องอะไรกันแน่?"พานางไปที่ห้องโถงด้านข้างของลานด้านนอก ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็จะไป" ซ่งซีซียืนขึ้นแล้วพูดแม้ว่าเป่าจูจะรู้สึกว่าโชคร้ายมากที่ได้พบกับคนๆ นั้น แต่หากปล่อยให้นางก่อโกลาหลทั้งอย่างนั้นก็ไม่ใช่ทางออกที่ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 283

    หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ ยี่ฝางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "เจ้านี่ไม่กล้าพูดความจริงด้วยซ้ำ ซ่งซีซี เจ้าจะบอกว่าตนเองเป็นคนกล้าหาญได้อย่างไร? เสแสร้ง!"ซ่งซีซีไม่สนใจนาง และพูดต่อ "ประการที่สอง ข้ายังจำสิ่งที่เจ้าพูดอย่างหยิ่งยโสเมื่อเจ้ามาหาข้า เจ้าดูถูกผู้หญิงถึงที่สุด ข้าไม่อิจฉาเจ้าหรอก ข้าแค่ดูถูกเจ้าเท่านั้น พวกเราต่างเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่เจ้าไม่เห็นใจผู้หญิงแม้แต่น้อย นิสัยใจคอน่าเป็นห่วงจริงๆ"ยี่ฝางตะคอกอย่างเย็นชา "งั้นเหรอ? แต่ศิลปะการต่อสู้ของเจ้านั้นเก่งขนาดนั้น ในเมื่อไม่ถูกใจข้า เหตุผลไม่ออกมือสู้กับข้าล่ะ""เพราะข้าไม่สน!" ดวงตาของซ่งซีซีมืดมนราวกับหมึก "ในสายตาของข้า เจ้าในตอนนั้นเป็นแค่ตัวตลก ข้าไม่อยากเสียแรงไปสู้กับเจ้า อีกอย่างเจ้าแค่พูดก้าวร้าวกับข้า ข้าก็โต้กลับไปแล้ว คนที่ทรยศต่อสัญญาเป็นจ้านเป่ยว่าง ข้าไม่พอใจกับเขาก็เท่านั้น""ไม่สนงั้นเหรอ ข้าไม่เชื่อว่าตอนนั้นเจ้าไม่อยากฆ่าข้า" นางยังคงพูดอย่างเย็นชา "ข้ารู้ว่าคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงอย่างพวกเจ้า มักจะเสแสร้ง แสร้งทำเป็นว่าสูงส่ง แต่จิตใจของพวกเจ้าแคบยิ่งกว่าอะไร เจ้าไม่ได้หาเรื่องกับข้า เพราะต้องการรักษาชื่อเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 284

    ซ่งซีซียืนขึ้นและเหยียบลงบนน้ำบนพื้น เดินไปหานางทีละก้าว โน้วตัวเข้าหานาง และกระซิบข้างหูนางว่า "การแก้แค้นของซูลันจียังไม่ทำให้เจ้าตื่นสติเหรอ? เจ้ายังคิดว่าตนเองเป็นแม่ทัพหญิงแห่งโลกนี้หรือ ยี่ฝาง เจ้าไม่มีค่าอะไรเลย จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับเจ้าเพียงเพราะเขาคิดว่ามันแปลกใหม่ดี ถ้าเขารักเจ้าจริงๆ เขาควรจะให้ตำแหน่งภรรยาเอกแก่เจ้าแทนที่เป็นแค่ภรรยาเท่าเทียมกัน"ใบหน้าของยี่ฝางซีดเผือดลง "นั่นเป็นเพราะเขาเต็มใจที่จะไว้หน้าเจ้า ส่วนข้าไม่สำคัญกับชื่อเสียงและตำแหน่ง"ซ่งซีซีคว้าคอเสื้อของนาง จากนั้นปล่อยลงและลูบคอเสื้อของนางเบาๆ เสียงของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา "เจ้าคิดว่าข้าต้องให้เขาไว้หน้าให้หรือไม่ ที่เจ้าบอกว่าไม่สนใจชื่อเสียงและตำแหน่ง แล้วได้อะไรมาบ้างล่ะ ที่เจ้ามาอวดดีต่อหน้าข้าในวันนี้ คือคิดว่าข้าจะห่วงใยชื่อเสียงแล้วปล่อยให้เจ้าก่อวุ่นวายหรือ"นิ้วของนางบีบคางของยี่ฝาง กระดูกนิ้วของนางออกแรงมากขึ้น ทำให้คางของยี่ฝางเกือบจะหักอยู่แล้ว ความเจ็บปวดทำให้นางน้ำตาคลอเบ้า "ฆ่าเจ้า มันง่ายมาก แต่ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่อย่างดี เจ้าดูถูกผู้หญิง ดูหมิ่นผู้หญิงที่อยู่ฝ่ายในอย่างยากลำบาก

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1426

    คืนนี้ เสนาบดีมู่พักอยู่ในวัง จักรพรรดิ์ซูชิงยังคงไม่ได้เสด็จไปยังฝ่ายใน หรือแม้แต่ห้องบรรทมของพระองค์เอง แต่กลับพักผ่อนอยู่บนเตียงลั่วฮั่นในห้องทรงพระอักษร เสนาบดีมู่มองพระองค์เสวยยาเสร็จ แล้วหยิบขนมหวานมอบให้ จักรพรรดิ์ซูชิงรับมาแต่ยังไม่เสวย ทรงยิ้มด้วยสายตา "จำได้ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ เสด็จพ่อเคยทรงลงโทษข้าในห้องทรงพระอักษร พอออกมา ท่านเสนาบดีจะให้ขนมหวานข้าหนึ่งชิ้น พร้อมคำให้กำลังใจ" เสนาบดีมู่มองพระองค์ "ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ยังจำได้ ฝ่าบาทเคยตรัสกับกระหม่อมว่า จะทรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าทำให้ท่านผิดหวังหรือไม่?" จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยขนมหวานเข้าไป น้ำเสียงจึงพร่ามัว เสนาบดีมู่กล่าว "ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ในใจของกระหม่อม ฝ่าบาททรงเป็นจักรพรรดิ์ผู้ทรงธรรม" "ข้าไม่ใช่" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสด้วยความเศร้าหมอง "ข้ายังมีปณิธานอีกมาก แต่เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้" "สำนักหมอหลวงยังไม่ได้ลงความเห็นแน่ชัด ฝ่าบาทไม่ควรทรงหมดกำลังใจ" เสนาบดีมู่กล่าวปลอบ แม้ถ้อยคำจะดูแห้งแล้ง "ข้าเพียงมีเรื่องให้เสียใจอยู่บ้าง แต่ยิ่งกว่านั้น ข้าคิดการณ์ใหญ่" จักรพรรดิ์ซูชิงเอนกายลงบน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1425

    เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ทำให้ซ่งซีซีสมองมึนงง คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต องค์ชายใหญ่แทบไม่มีข้อกังขาว่าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้ และคาดว่าไม่นานตำแหน่งองค์รัชทายาทจะถูกแต่งตั้ง เมื่อฮ่องเต้หนุ่มเยาว์ขึ้นครองราชย์ จำเป็นต้องมีคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และไม่ใช่เพียงคนเดียว ซึ่งจะทำให้ราชสำนักแบ่งพรรคแบ่งฝ่าย สถานการณ์ในราชสำนักจะวุ่นวาย หากไม่มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการ อาจเป็นไทเฮาหรือฉีฮองเฮาที่ปกครองราชสำนักแทน ฮองเฮาเป็นคนทะเยอทะยาน แม้ตอนนี้ถูกกักบริเวณก็ยังคงวางแผนเพื่อองค์ชายใหญ่ ตระกูลฉีมีอำนาจใหญ่โต แม้ช่วงนี้จะถูกฝ่าบาทกดดัน แต่หากฝ่าบาทเสด็จสวรรคต และองค์ชายใหญ่ขึ้นครองราชย์ ตระกูลฉีก็จะกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครจะไม่อยากได้อำนาจ? เสนาบดีมู่ชราภาพและมีความคิดที่จะวางมือ แม้เขาอยากจะช่วยค้ำจุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ แต่สถานการณ์ในตอนนั้นอาจไม่เอื้ออำนวย นี่เป็นเรื่องในอนาคต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ หากฝ่าบาทเหลือเวลาเพียงหนึ่งปี พระองค์ย่อมจะกวาดล้างอุปสรรคและภัยคุกคามทั้งหมดเพื่อเปิดทางให้องค์ชายใหญ่ก่อนเสด็จสวรรคต และจวนเป่ยหมิงอ๋องก็คือภัยคุกคามที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1424

    ผู้ที่ควรมาเยี่ยมก็มาเยี่ยมกันครบแล้ว ซ่งซีซีจึงสามารถพักฟื้นได้อย่างสบายใจ มีเพียงหมอหลวงหลินที่ยังมาเยี่ยมบ้างเป็นครั้งคราว พร้อมนำยารักษาและยาลดรอยแผลเป็นมาให้ อาจารย์หยูมักจะคอยอยู่ข้างๆ คอยกล่าวขอบคุณหมอหลวงหลิน และฝากให้ช่วยกราบทูลขอบพระทัยฝ่าบาท วันหนึ่ง หมอหลวงหลินมาพร้อมกับอู๋ต้าปั้น อาจารย์หยูเห็นว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก จึงเชิญหมอหลวงหลินออกไปอ้างว่าขอคำแนะนำเรื่องรอยแผลเป็น เพื่อเปิดโอกาสให้พระชายาได้พูดคุยกับอู๋ต้าปั้นตามลำพัง ซ่งซีซีเชิญอู๋ต้าปั้นนั่งลงแล้วถามว่า "ฝ่าบาททรงส่งท่านมาหรือ?" อู๋ต้าปั้นถือพัดขนนกวางไว้ที่ข้อศอก มองไปที่องครักษ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาททรงส่งข้ามา และข้าก็อยากมาเอง พระชายาบาดเจ็บดีขึ้นบ้างหรือไม่?" ซ่งซีซีลังเลเล็กน้อย ก่อนมองเขาตรงๆ แล้วถามว่า "ท่านคิดว่า บาดแผลข้าหายดีแล้วหรือ?" อู๋ต้าปั้นถอนหายใจ "พระชายาโปรดอภัย บาดแผลดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังไม่สามารถเดินได้" ซ่งซีซีฝืนยิ้ม "อย่างที่ท่านว่ามา ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังเดินไม่ได้" "พระชายาอย่าใจร้อน รีบพักฟื้นเถิด" อู๋ต้าปั้นกล่าว ซ่งซีซีพูดเบาๆ "ข้าก็ใจร้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1423

    หยานหรูอวี้ย่อตัวคำนับ "เช่นนั้นข้าคงไม่รบกวนพวกท่าน ขอตัวเจ้าค่ะ" "เดินทางดีๆ นะ!" จีซูเซิ่นยิ้มส่งด้วยความอบอุ่น หลังจากหยานหรูอวี้จากไป จีซูเซิ่นหันไปมองหวังชิงหรู เห็นแววตาของนางที่เคยสดใสกลับมืดมนและเต็มไปด้วยความเศร้าใจ จีซูเซิ่นรู้ว่านางกำลังเสียใจอีกครั้งจึงกล่าวว่า "เรื่องที่ผ่านมาแล้วคิดไปก็ไร้ประโยชน์ เข้าไปข้างในเถอะ" การที่หวังชิงหรูมาหาซ่งซีซีในวันนี้ ต้องใช้ความกล้าอย่างมหาศาล เพราะนางติดค้างซ่งซีซีทั้งคำขอโทษและคำขอบคุณ ที่บอกว่ามากับพี่สะใภ้ในวันนี้ ที่จริงแล้วคือการเผชิญหน้ากับเรื่องราวในอดีต แต่ทว่านางอาจจะประเมินตัวเองสูงเกินไป แม้จะสามารถโน้มน้าวใจตัวเองให้เผชิญหน้ากับซ่งซีซีได้ แต่ในวินาทีที่เห็นหยานหรูอวี้ นางก็รู้สึกอธิบายไม่ถูก เหมือนโดนบางสิ่งกระแทกอย่างแรงจนสมองโล่งว่างเปล่า รอยยิ้มที่ยกขึ้นมาก็ดูฝืนเหลือเกิน นางกลัวเหลือเกินว่าจะร้องไห้ออกมา นางเดินตามพี่สะใภ้ทั้งสองเข้าไปในห้องรับรองอย่างไร้ชีวิตชีวา และเมื่อได้พบซ่งซีซี น้ำตาก็เอ่อท้นอยู่ในดวงตา ซ่งซีซีมองนางแวบหนึ่ง ก่อนเชื้อเชิญทุกคนให้นั่งลงพร้อมรอยยิ้ม และรินชาให้ จีซูเซิ่นมองดู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1422

    หลังจากสนมฮุ่ยไทเฟยออกจากวังและกลับจวน นางพารุ่ยเอ๋อร์มาเยี่ยมซ่งซีซี นางเป็นคนพูดไม่หยุด พอรุ่ยเอ๋อร์พูดคุยกับซ่งซีซีเสร็จและเดินออกไป นางก็เล่าทุกเรื่องที่ได้ยินในวัง รวมถึงเรื่องที่ไทเฮาลงโทษอย่างหนัก ซ่งซีซีฟังจบแล้วกลับปลอบใจนางแทนว่า "คนที่ติดอยู่ในวังหลังไม่มีอะไรทำทุกวัน จะเหมือนข้าออกไปเดินเล่นหรือฟังละครไม่ได้ ย่อมชอบแต่งเรื่องเล่าต่างๆ เพื่อผ่านเวลาไป หากไม่ทำเช่นนั้น วันเวลาที่เนิ่นนานจะผ่านไปได้อย่างไร?" สนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวด้วยความโกรธ "ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพูดจาไร้สาระ พูดออกมาน่าเกลียดขนาดนั้น หากทำให้หมอเอ๋อร์ของเราถูกสวมเขาโดยไม่รู้ตัว นี่หรือคำพูดของคน? แล้วนี่เป็นคำพูดที่ผู้ใหญ่ควรพูดหรือ? ช่างไม่สำรวมจริงๆ" ซ่งซีซีถอนหายใจ นางเพียงเสียใจว่าตอนที่เริ่มรู้สึกผิดปกติ นางไม่ได้ "บาดเจ็บ" ในทันที แต่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ดื่มน้ำซุปนั้น แม้นางจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าผิดปกติถึงขนาดนั้น นางกลับคิดว่าฝ่าบาทต้องการสืบเรื่องของสถาบันว่านซงเหมิน แต่ในความเป็นจริง ตอนนี้นางก็ไม่แน่ใจว่าฝ่าบาทหมายความว่าอย่างไรกันแน่ พระองค์ทรงมีความคิดล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1421

    ไม่นานนัก สนมฮุ่ยไทเฟยก็กลับมาถึงตำหนักฉือหนิงด้วยท่าทางโกรธจัด ไม่สนใจว่าฝูกงกงอยู่ด้วย นางก็กล่าวด้วยความโกรธว่า "จะไม่ให้พูดได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ในวังหลวงนั้นมองโลกแคบ ใจคับแคบเหมือนรูเข็ม เห็นใครดีกว่าไม่ได้! ซีซีของพวกเรามีความดีความชอบจนฝ่าบาททรงชื่นชม เรียกให้นางไปเข้าร่วมการปรึกษาหารือเสมอ แต่คนพวกนั้นกลับแอบพูดกระแนะกระแหนเรื่องหญิงชายอยู่ในที่เดียวกัน ว่าอยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วยกันไม่เหมาะสม ช่างน่าขำสิ้นดี พวกนางลืมไปแล้วหรือว่าซีซีเป็นขุนนางราชสำนัก? หากไม่ไปห้องทรงพระอักษรเพื่อประชุมราชการ จะให้นางไปแย่งความโปรดปรานในวังหลังหรืออย่างไร?" ไทเฮาทรงจิบน้ำชาอย่างช้าๆ ตรัสถามว่า "พวกนางพูดอย่างนั้นหรือ?" สนมฮุ่ยไทเฟยโกรธจนดวงตาแทบถลนออกมา "ตอนแรกข้าก็ไม่รู้เรื่อง พวกนางชมซีซีอย่างกับว่าเป็นคนใหม่ ว่าช่วงนี้นางมักจะอยู่ในห้องทรงพระอักษรกับฝ่าบาท ข้ายังรู้สึกภูมิใจอยู่พักหนึ่ง แต่ฟังไปฟังมาก็รู้สึกแปลกๆ พวกนางพูดเหมือนกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แล้วบอกว่าซีซีของเราคิดจะเกาะกิ่งไม้สูงกลายเป็นหงส์ อ๊าก! ข้าโกรธจนแทบตาย พวกนางยังกลั้นหัวเราะพลางปิดปาก เหมือนพวกแม่ค้าในตลาดเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1420

    การแกล้งป่วยนั้นต้องมีทักษะ ไม่อาจอ้างว่าเพิ่งออกจากห้องทรงพระอักษรหลังเหตุการณ์น่าอึดอัด แล้วจู่ๆ ก็ป่วยจนไม่สามารถทำงานได้และต้องพักรักษาตัวที่จวนทันที วิธีเช่นนี้เท่ากับทำลายความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างเจ้านายและขุนนาง ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดความกระอักกระอ่วนในใจ สำหรับผู้มีอำนาจสูงเช่นฝ่าบาท อาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สำหรับคู่สามีภรรยาที่เป็นขุนนางอย่างพวกเขา การกระทำเช่นนั้นจะถือว่าไม่ให้เกียรติ พวกเขาจึงปรึกษากันและวางแผนว่า พรุ่งนี้จะกลับไปทำงานที่จวนกองกำลังเมืองหลวงตามปกติ พาคนออกไปนอกเมืองเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และอีกสองสามวันค่อยจัดฉากให้เกิด "อุบัติเหตุเล็กน้อย" เนื่องจากก่อนหน้านี้โจรผู้ร้ายอาละวาดไปทั่ว ทำให้ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อหลบภัย แต่เพราะไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนจึงไม่สามารถเข้าเมืองได้ และต้องติดค้างอยู่ชานเมือง บริเวณชานเมืองมีขุนนางผู้มั่งคั่งและเศรษฐีที่เลียนแบบการแจกจ่ายอาหารของจีซูเซิ่นมากขึ้น ทำให้ผู้คนไม่อยากจากไป เพราะอย่างน้อยก็มีอาหารและเครื่องดื่ม หากเจ็บป่วยก็มีคนแจกยา หากหนาวก็มีคนมอบผ้าห่ม แม้จะลำบากบ้าง แต่ก็ดีกว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1419

    ทันทีที่ซ่งซีซีออกไป รอยยิ้มของจักรพรรดิ์ซูชิงก็เลือนหาย พระองค์ดื่มน้ำแกงเพียงสองสามคำ แล้วทรงอนุญาตให้เต๋อเฟยและองค์ชายรองกลับไป เต๋อเฟยไม่ได้พูดอะไร นางเพียงสั่งให้คนเก็บของแล้วจูงมือองค์ชายรองออกไป อู๋ต้าปั้นปิดประตูพระตำหนักแล้วกล่าวว่า "ฝ่าบาท ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาประชุม กระหม่อมขอทูลเชิญให้ฝ่าบาทพักผ่อนสักครึ่งชั่วโมงเพคะ" แต่เดิม พระองค์มักจะทรงพักผ่อนเล็กน้อยในช่วงกลางวัน แต่หลังจากที่ทรงเรียกซ่งซีซีมาสนทนา พระองค์ก็ไม่ได้พักกลางวันอีกเลย จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนวดขมับและตรัสว่า "ก็ได้ ข้าปวดหัวนิดหน่อย" "หรือจะให้กระหม่อมไปเชิญหมอหลวงมาตรวจพระชีพจรพ่ะย่ะค่ะ?" "ไม่ต้อง ข้าเบื่อพวกหมอหลวงฝีมือแย่ แค่ปวดหัวนิดหน่อยก็รักษาไม่หาย ยาก็กินตั้งเยอะ" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสก่อนจะเสด็จไปยังห้องด้านใน ทรงเอนกายลงทั้งที่ยังสวมฉลองพระองค์อยู่ ความปวดหัวกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น อู๋ต้าปั้นคลุมผ้าห่มให้พระองค์ แต่จักรพรรดิ์ซูชิงพลันลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมสีหน้าเหม่อลอย "ช่วงนี้ข้าเป็นอะไรไปนะ?" อู๋ต้าปั้นกล่าวปลอบใจ "ฝ่าบาททรงกังวลเรื่องศึกสงครามมากเกินไป ทำให้พระทัยและพระวรกายอ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status