ต่อมา มีคนสามคนถูกเรียกเข้ามา และถูกดุด่าตามลำดับอีกสองคนคุกเข่าลงเพื่อยอมรับความผิดพลาด แต่ซ่งซีซียังคงเงียบจักรพรรดิซูชิงกล่าวด้วยความโกรธ "เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าบริสุทธิ์ ไม่ได้รับความยุติธรรม ในเมื่อเจ้ารู้ว่าอาจารย์ฉีไปที่หอหนานเฟิง แต่กลับไม่รายงานล่วงหน้า"ซ่งซีซีตรากตรำมาทั้งคืน ตอนนี้ยังต้องถูกตำหนิร่วมกับพวกเขา แน่นอนว่านางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ถามว่า "ถ้าหม่อมฉันรายงานเรื่องนี้ ฝ่าบาทจะไม่ตรวจยึดหอหนานเฟิงงั้นหรือ?"จักรพรรดิซูชิงพาลโกรธ "สมควรถูกตรวจยึดก็ต้องตรวจยึก แต่..."แต่ผ่านไปสักพัก ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมา เพราะเขารู้ว่าไม่มีคำว่าแต่ คงไม่สามารถพูดได้ว่าถ้ารู้ล่วงหน้าปล้ว เขาจะส่งคนไปเตือนก่อนอีกอย่าง ยังไม่แน่ใจว่าอาจารย์ฉีจะไปที่หอหนานเฟิงเมื่อคืนนี้ หากซ่งซีซีบอกว่าจะได้พบกับอาจารย์ฉีที่หอหนานเฟิง เขาคงไม่เชื่อแน่นอนสิ่งสำคัญคือ ยังจับตัวคนไม่ได้ แล้วใครจะเชื่อ? นั่นคือผู้ที่เป็นไปไม่ได้มากที่สุดที่จะไปหอหนานเฟิง เขาเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ มีสถานะสูงส่ง ได้รับความเคารพจากทุกคน ถือเป็นแบบอย่างของนักเรียนทั่วหล้าเขาจะไปสถานที่แบบนั้นหรือ? หากซ่งซีซีแจ้งให้เขาทรา
นางขี่ม้าตรงไปยังจวนอ๋อง ถึงที่ประตูวังก็ลงจากม้า ให้คนเฝ้าประตูช่วยจับม้า นางจับแส้แล้ววิ่งเข้าไป"พระชายากลับมาแล้ว" มีคนตะโกน คงเป็นเสิ่นว่านจือที่ให้คนไปรอที่ประตู และรายงานทันทีที่นางกลับมาทันทีที่ซ่งซีซีเพิ่งพ้นผนังหินอ่อนสีขาว ก็เห็นร่างสีแดงเพลิงพุ่งเข้ามาหานาง เมื่อนางเดินมาถึงตรงหน้าประมาณสามก้าวก็กระโดดขึ้นมาทันที ซ่งซีซียื่นมือไปรับนาง ทั้งสองคนหมุนตัวไปรอบๆ ในที่เดิมซ้ำๆ เสียงของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความสุขตะโกนข้างหูว่า "ท่านกลับมาได้เสียทีนะ นายท่านผู้ผดุงความยุติธรรมของข้า ใต้เท้าซ่ง"ซ่งซีซีวางนางลง แล้วใช้มือทั้งสองขยี้ที่แก้มกลมๆ ของนางอย่างแรง ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น "เฉินเฉิน เจ้าอ้วนขึ้นแล้ว"เฉินเฉินผลักนาง เชิดริมฝีปากขึ้นอย่างงอนๆ "ไม่รู้จักคุยกับคนรึไง? พอเจอหน้ากันก็แทงใจดำกันเลย"ซ่งซีซียิ้มแล้วพูดว่า "ไม่อ้วน แค่กลมนิดหน่อย แต่ยังสวยมาก"“คนที่อ้วนจริงๆ ยังไม่ปรากฏตัวเลย” เฉินเฉินยิ้มและคว้าแขนของนางไว้ ทั้งสองคนก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แล้วก็เห็นเสิ่นว่านจือกับหมั่นโถวเดินช้าๆ เข้ามาซึ่งหมั่นโถวกลับไม่ได้อ้วนเหมือนแต่ก่อน แต่แข็งแกร่งขึ้น
ทั้งหมดคุยกันเยอะมาก ต่างก็พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกันหลังจากแยกจากกันจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตเกิดขึ้น นั่นคือเฉินเฉินและหมั่นโถวหมั้นกันทันทีที่มีข่าวนี้หลุดออกมา ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็ตกใจ ลุกขึ้นพรวดพลางจ้องมองทั้งสองคนซ่งซีซีลูบคาง "ไม่ต้องพูดถึงเลย พวกเขาทั้งสองคนตอนนี้ดูหน้าตาคล้ายสามีภรรยากันจริงๆ เลย ทั้งคู่ก็หน้ากลมๆ เหมือนกันอีก"“ถ้าจะพูดแบบนั้น ข้าก็สังเกตว่า ตา หู ปาก จมูก ของพวกเขาดูคล้ายกัน ไม่มากไม่น้อย คงไม่ใช่พี่น้องกันหรอกนะ?” เฉินเฉินหน้าแดง “ถุย พสกท่านน่ะสิเป็นพี่น้องกัน”"แต่เจ้าสองคนตกหลุมรักกันเมื่อไหร่" เสิ่นว่านจือถาม เริ่มคิดว่าจะให้สินสอดหรือสินเดิมดี เฮ้อ ก็ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกันเอง ดีไม่ดีนางอาจจะต้องให้ทั้งสินสอด และให้ทั้งสินเดิมด้วยก็ได้ สะใจจริงๆ ไม่ได้ใช้จ่ายเงินอย่างเปิดเผยแบบนี้มานานแล้ว"เฉินเฉินบอกสิ" หมั่นโถวมองไปที่เฉินเฉิน ดูสุขุมกว่าเดิมมากจริงๆ แก้มที่ดูเรียวเล็กลง ก็ดูหล่อมากขึ้นเฉินเฉินพูดอย่างอนๆ "ตกหลุมรักอะไรกัน? พอถึงวัยเหมาะสม อาจารย์บอกว่าน้ำปุ๋ยไม่ไหลไปที่นาของคนอื่น แล้วก็บอกให้ข้าแต่งกับเขา""แล้วน้ำปุ๋ยคือใคร" เส
พวกเขาทั้งสามยังฟังคำชมของผู้คนมากมายต่อซ่งซีซีบอกว่านางก่อตั้งสถาบันการศึกษาสตรี ก่อตั้งโรงงาน ตอนนี้ยังได้กวาดล้างสถานที่สกปรกเช่นนี้ นางคือผู้นำในหมู่สตรีจริงๆแน่นอน เมื่อมีคนชมเชย ก็ต้องมีคนแอบนินทาว่าร้าย เช่น ผู้หญิงควรดูแลสามีและเลี้ยงดูลูก พระชายาเป่ยหมิงตั้งแต่แต่งงานจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีลูกเลยสักคน ผู้หญิงควรทำหน้าที่ของตนให้ดี กลับกลายเป็นว่าไก่ตัวเมียขันแทนไก่ตัวผู้ ทำในสิ่งที่ผู้ชายทำเสิ่นว่านจือได้ยินเรื่องแบบนี้จนชินแล้ว แต่เฉินเฉินกับหมั่นโถวทนไม่ได้ที่มีคนพูดถึงซีซีแบบนี้ ขณะที่กำลังจะโต้แย้ง เสิ่นว่านจือก็ห้ามพวกเขาเสิ่นว่านจือยิ้มและพูดว่า "คำพูดแย่ๆ แค่อย่าสนใจก็พอ ไม่จำเป็นต้องเถียงด้วย เปลืองน้ำลาย ทำให้นางมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี ได้ไม่คุ้มเสีย อีกอย่างย่อมมีคนแก้ต่างแทนนางอยู่แล้ว ซีซีมีผู้ชื่นชมมากมาย” แน่นอน ว่าได้ยินคนโต้แย้งแทนนางเฉินเฉินพูดอย่างมีความสุข "ซีซีเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"จวนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงมีบางอย่างผิดปกติกับอาจารย์ฉี เขาไม่กินไม่ดื่มทั้งวัน มีไข้สูงในตอนกลางคืน จุดเตาถ่านสองเตา ห่มผ้านวมสองผืน แต่เขาก็ยังตัวสั่น
ทางด้านหมอมหัศจรรย์ดัน ถูกย้ายจากร้านขายยาเย่าหวังไปยังจวนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงหลังจากตรวจวินิจฉัยชีพจรแล้ว เขาก็หยิบขวดยาออกมาให้ดื่ม จากนั้นจึงทำการฝังเข็มประมาณสิบห้านาที เขาก็ตื่นขึ้น ไข้ลดลงเล็กน้อย เหงื่อออกเล็กน้อยหมอมหัศจรรย์ดันออกไปคุยกับซ่งซีซีสองสามคำ“อาการของเขาไม่ค่อยดีจริงๆ สภาพร่างกายก็ย่ำแย่อยู่แล้ว คงไม่ได้กินหรือดื่มอะไรมาสองวันแล้วใช่ไหม? หัวใจ ปอดและระบบทางเดินอาหารไม่ดีเลย ที่สำคัญคือเขาเป็นโรคหัวใจ รักษายาก เขาอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง ก็จะทรมานครู่หนึ่ง ไม่มีโอกาสรอด ควรส่งเขากลับไปรักษาโดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะตายในจวนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง”"คำถามคือจะส่งออกไปอย่างไร? นี่ก็เช้าแล้ว" ซ่งซีซีพูดอย่างลำบากใจ "อีกอย่างสุขภาพของเขาก็ย่ำแย่มาก ถ้าออกไปต้องลมหนาวไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ไหว บางทีเขาอาจจะไม่กล้าออกไปด้วยซ้ำ"หมอมหัศจรรย์ดันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เตรียมเตาอุ่นมือหลายๆ เตา แต่งตัวเขาให้หนา แล้วนั่งรถม้าออกไปกับข้า กลับไปที่ร้านขายยาเย่าหวังก่อน จากนั้นให้คนในจวนของเจ้ากรมฉีไปเชิญข้าที่ร้านขายยาเย่าหวัง พูดเสียงด
ซ่งซีซีจะไม่รู้ได้อย่างไร? ตอนนี้ฝ่าบาทได้ตำหนินางแล้วที่ไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากอาจารย์ฉีเสียชีวิตในจวนกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวง บรรดาพี่น้องทั้งหมดจะถูกลงโทษอย่างแน่นอนแต่ตอนนั้นนางจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าได้อย่างไร? หรือจะให้ส่งคนไปที่จวนเจ้ากรม ให้คนในจวนเจ้ากรมไปบอกอาจารย์ฉีว่า หอหนานเฟิงจะถูกกวาดล้างในไม่ช้า?ถ้าตระกูลฉีไม่โวยวายน่ะสิแปลก คนในตระกูลฉีใครจะเชื่อว่านายท่านผู้เฒ่าจะไปที่หอหนานเฟิง? ถึงเวลานั้น หากอาจารย์ฉีปฏิเสธไม่ยอมรับ เช่นนั้นก็เท่ากับว่านางหาเรื่องเองซ่งซีซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ในเมื่อเขาเลือกที่จะไปที่หอหนานเฟิง เช่นนั้นก็ต้องคาดเดาได้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ ในเมื่อเขาไม่สามารถเผชิญหน้าได้ ก็ไม่ควรไปตั้งแต่แรก"นางไปพูดกับเจ้ากรมฉี เจ้ากรมฉีเข้าไปเกลี้ยกล่อมอีกครึ่งชั่วยาม แต่ก็ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย ในตอนนี้อาจารย์ฉีทั้งไม่ยอมพูดและไม่ยอมลืมตาเจ้ากรมฉีพยายามป้อนยาป้อนน้ำให้เขา แต่เขาไม่แม้แต่จะอ้าปากเลย ยาและน้ำก็ไหลลงมาที่มุมปาก ไม่มีน้ำยาเข้าคอได้แม้แต่หยดเดียว กลับยิ่งแย่กว่าตอนที่เขาหมดสติอยู่ซ่งซีซีเฝ้าดูอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าเขาอาจอยากตายจริ
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข่าวนี้น่าตกใจหรือไม่ แค่บอกว่าทันทีที่มีข่าวนี้ออกมา ก็ทำให้ผู้ที่ศรัทธาอาจารย์ฉีโกรธเคืองอย่างสิ้นเชิงทั้งเขาและหยานไท่ฟู่เป็นปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในราชวงศ์ซาง หยานไท่ฟู่เกษียณอายุ ไม่ได้ควบคุมอำนาจในราชสำนัก ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับหยานหรูอวี้ จึงมีคนไม่มากที่พูดแทนตระกูลหยานแต่อาจารย์ฉีนั้นต่างออกไป ลูกชายของเขายังคงรับผิดชอบกรมขุนนาง มีเจ้าหน้าที่ขุนนางหลายคนที่ไม่รู้ความจริง ต้องการประจบประแจงตระกูลฉี ยืนหยัดเพื่อตระกูลฉี การโต้เถียงในการประชุมเช้า เรียกร้องให้มีการสอบสวนและลงโทษอย่างเข้มงวดในจวนโหวกวางหลิงสิ่งนี้คงไม่สร้างปัญหามากนัก แต่เจ้าหน้าที่ขุนนางและทายาทจากตระกูลขุนนางหลายคนถูกจับในวันนั้น แม้ว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่หน้าของพวกเขา แต่ประชาชนเข้มงวดมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้ยินเสียงคนชี้นิ้วตราหน้าพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะหันเหความสนใจไปเรื่องอื่นดังนั้น ภายในสองวัน บริกรที่หอหนานเฟิงคนที่บอกว่าเคยเห็นอาจารย์ฉีไปที่นั่นจริงๆ และเขาไปที่นั่นทุกสองสามวัน บางครั้งเมื่ออารมณ์ดี ก็อาจจะมาอีกเมื่อสิ่งต่างๆ กลายเป็นเช่นนี้ ก็กลายเป็นว่าไม่สามารถควบคุมได้อ
เจ้ากรมฉีหลั่งน้ำตา คุกเข่าลงบนพื้น “ท่านพ่อ ฝ่าบาทไม่ต้องการพบตระกูลฉีอีกแล้ว เหตุใดท่านถึงให้ลูกไปล่วงเกินที่จวนเป่ยหมิงอ๋องอีกเล่า?”“ถ้าอย่างนั้นให้ข้าตายเถอะ ถ้าข้าตาย พวกเจ้าจะได้หลุดพ้น” หลังจากที่อาจารย์ฉีพูดจบ เขาก็หลับตาลงอีกครั้ง เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว แค่คำพูดไม่กี่คำ ได้ใช้เรี่ยวแรงของเขาไปเกือบหมดฮองเฮาฉีเกลียดซ่งซีซีมานานแล้ว ตระกูลฉีที่รุ่งเรือง กลับถูกนางเชือดเฉือนอย่างโหดเหี้ยม หมดเรี่ยวแรงไปมากมายมหาศาล ชื่อเสียงก็ถูกทำลาย นางที่เป็นฮองเฮาก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยหลังจากที่นางออกไปก็พูดกับผู้เป็นพ่อว่า “ในเมื่อนี่เป็นคำขอจากท่านปู่ เช่นนั้นก็เชิญนางมาเถอะ ทางที่ดีควรเชิญเสนาบดีมู่มาด้วย อย่างน้อยก็ให้ใครสักคนเป็นพยาน ว่านางทำให้ปู่โกรธจนตายได้อย่างไร”ทันใดนั้นเจ้ากรมฉีก็เงยหน้าขึ้นมองดูนาง “ไม่ได้ เจ้าคิดอะไรอยู่? ถ้าทำให้ปู่ของเจ้าโกรธจนตาย แล้วเจ้ามีความสุขหรือ?”“ท่านพ่อ ท่านปู่พูดถูก ถ้าเขาตาย ตระกูลฉีของเราจะหลุดพ้น” ฮองเฮาฉีเช็ดน้ำตา ในแววตาส่วนลึกกำลังชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย “ไม่เช่นนั้นหากเขามีชีวิตอยู่วันหนึ่ง ตระกูลฉีของเราก็จะถูกประณามหนึ่งวัน
ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร
ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ
สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง
ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที
ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา
เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า