หวังชิงหลูหลบสายตา ทำเช่นไรก็ไม่ยอมนั่งลงสนทนา เพียงแค่กล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้นเป็นเรื่องผิดพลาดเพราะความเมา ข้ามองผิดเห็นเขาเป็นเจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่เขาสติแจ่มชัด เขารู้ว่าข้าเป็นใคร ดังนั้นแม้ข้าจะมีความผิด แต่เขาทำผิดมากกว่า”“สิ่งที่เขาบอกข้า ไม่เหมือนกัน เขาบอกว่าแม้เจ้าจะดื่มมาก แต่ไม่ได้เมา รู้ว่าเขาเป็นใคร ตอนที่พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน เจ้ายังเรียกชื่อเขา” อวิ๋นเซียงเยว่กลั้นน้ำตาสุดชีวิต แต่น้ำเสียงยังคงสั่นเทา“เขาโกหก” หวังชิงหลูสีหน้าลำบากสับสน รีบมองซ่งซีซี จากนั้นก็ร้องตะโกน “เขาโกหก เขากล้ามาหาข้าเพื่อเผชิญหน้าหรือ? ตอนนั้นข้าร้องเรียกก็คือเจ้าสิบเอ็ดฝาง”ซ่งซีซีแม้ไม่มีประสบการณ์วินิจฉัยคดี แต่ผ่านเรื่องราวมากมาย นางยังจำได้ว่าตอนนั้นคนที่นางเรียกคือเจ้าสิบเอ็ดฝาง พิสูจน์ว่าตอนนั้นนางไม่ได้เมามายเพียงนั้น ไม่ถึงขั้นแยกเจ้าสิบเอ็ดฝางและลู่ซื่อชินไม่ออกอวิ๋นเซียงเยว่พลันกล่าวสิ่งใดไม่ออก แต่นางเหลียงแม่ของนางนั้นสมองยังแจ่มชัด หัวเราะเสียงเย็น “ไม่ใช่เมาจนเหลวเป็นโคลนหรือ? เหตุใดจึงยังจำได้ว่าคนที่ตัวเองเรียกชื่อผู้ใด? หากเมาเพียงสามส่วน เช่นนั้นเจ้าก็รู้แน่ชัด คนผู้นั้นไ
คำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนล้วนตกตะลึงครอบครัวที่นางเหลียงพามาต่างก็ไม่รู้จักเด็กที่กล่าวถึง แม้แต่อวิ๋นเซียงเยว่ก็ไม่รู้ ดังนั้นคนที่ตกตะลึงมากที่สุดก็คือนาง นางไม่กล้าเชื่อจนเดินถอยหลังไปสองเจ้า แทบจะแตกสลายแล้วความจริงตอนแรกนางเหลียงไม่แน่ใจ แต่หลังร้านขายยาเย่าหวังเกิดเรื่อง ตอนที่นางส่งคนไปสืบหวังชิงหลู หาหมอท่านนั้นเจอ หมอท่านนั้นและสามีนางมีมิตรไมตรีต่อกันพอดีเมื่อถามว่าเหตุใดหวังชิงหลูอยู่ที่ตระกูลจ้านจึงรักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้ ท่านหมอบอกสาเหตุกับนาง หนึ่งในการคาดเดา เป็นเพราะหวังชิงหลูเคยตกเลือดจนทำให้เกิดการบาดเจ็บท่านหมอไม่รู้ว่าภายในมีเรื่องราวมากมาย คิดว่าสตรีรักษาเด็กในครรภ์ไม่ได้เป็นเรื่องปกติทั่วไป อาการตกเลือดหารักษาไม่ดี ก็จะทำร้ายร่างกายแต่นางเหลียงไม่รู้ว่าหวังชิงหลูเคยมีลูกกับเจ้าสิบเอ็ดฝางหรือไม่ มือของนางยื่นเข้าไปไม่ถึงตระกูลฝาง จึงไม่อาจตรวจสอบได้ดังนั้นเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดาของนางนางเห็นท่าทางหวังชิงหลูกำเริบเสินสานเพียงนี้ ดังนั้นจึงพูดสิ่งที่นางคาดเดาทำเหมือนเป็นเรื่องจริงออกมา เพียงเพื่อเพิ่มน้ำหนักให้นาง เพื่อไม่ให้นางพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อย อ
ซ่งซีซีส่งคนไปร้านขายยาเย่าหวังเชิญหงเชวี่ยมาบาดแผลที่หน้าผาไม่ลึกมา เลือดหยุดไหลอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ก่อให้เกิดผลร้ายแรงใดแต่นางก็ยังเป็นไข้ตัวร้อนอยู่หลายวัน เดิมทีร่างกายอ่อนแอมากอยู่แล้ว โมโหอีก ตอนนี้ไฟเข้าแทรกหัวใจ อาเจียนเลือดสดออกมา คนก็หมดสติไปมุมหางตานางมีน้ำตาไหลออกมาตลอด ซ่งซีซีช่วยเช็ดให้นาง ไม่ว่าจะเช็ดอย่างไร น้ำตานั้นก็เหมือนกับไหลไม่หมด“หงเชวี่ย อาการเป็นเช่นไร?” ซ่งซีซีถามหลังจากหงเชวี่ยตรวจชีพจรหงเชวี่ยถอนหายใจ “ฮูหยินไข้สูงมาหลายวัน เมื่อครู่ลูบหลังให้นาง ปอดมีปัญหา อีกทั้งนางลมปราณตับติดขัด เลือดลมติดชะงัก ยาก่อนหน้านี้เบาเกินไป เดิมควบคุมไม่อยู่ ขั้นแรกให้กินยาที่มีฤทธิ์แรงเพื่อล้างตับและดับไฟ ปรับลมในปอด รอให้หายดีแล้ว ค่อยๆ บำรุงกลับมา แต่ห้ามกังวลมากเกินไปอีก”กล่าวจบ หงเชวี่ยเรียกนางออกไป กระซิบกล่าว “ลมปราณตับติดขัดรุนแรงมาก นี่เกิดจากอารมณ์โกรธ ไม่รู้นางซ่อนเรื่องใดไว้ ไม่ยอมพูด ตัวเองเก็บเอาไว้จนอึดอัด”ซ่งซีซีรู้ว่ากังวลใจเรื่องหวังเบียวเกี่ยวข้องกับคดีสมรู้ร่วมคิด ส่งผลกระทบต่อครอบครัว ตอนที่นางส่งเซียนเกอเอ๋อร์ออกไปฝึกยุทธกับกุ้นเอ๋อร์ ศิษย์น้อ
เสิ่นว่านจือวันนี้ไปตระกูลฝาง ลุงลู่ป่วยแล้ว แล้วก็เชิญชิงเชวี่ยแห่งร้านขายยาเย่าหวังไปด้วยค่ำแล้วนางยังไม่ได้จากไป เรื่องของหวังชิงหลูจากข้างนอกลอยเข้ามาเช่นกัน แต่ฮูหยินของฝางเทียนสวีแยกันแล้ว ห้ามบอกให้อาสะใภ้รองรู้แต่ก็ซ่อนไว้ได้ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นดอกซิ่งแดงยื่นออกนอกกำแพงก็ช่างเถอะ ยังต้องท้องลูกนอกสมรสด้วย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ได้เป็นสามีของหวังชิงหลูอีกต่อไป ได้รับผลกระทบหนักมากถึงเช่นไร เรื่องก็เกิดขึ้นตอนอยู่ที่ตระกูลฝางมีคนบอกว่า เจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ได้เรื่องด้านทางนั้นใช่หรือไม่ จึงตัดใจให้หวังชูหลูมีชู้? มิฉะนั้นเวลานั้นเหตุใดอยู่บนสนามรบไม่นาน ก็เกิดเรื่องเช่นนี้แล้วมีคนบอกว่าหวังชิงหนูไม่อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน ควรไปขังไว้ในกรงหมูยังมีคนบอกว่าลู่ซื่อชินไร้ยางอาย ลูกพี่ลูกน้องไม่สนใจเรื่องความรัก ตระกูลฝางใจดีเก็บเขาไว้ เขายังไม่รู้จักยางอาย เรียกง่ายๆ ว่าไม่ใช่คนคำพูดเหล่านี้พูดไปพูดมา ลู่ซื่อชินและหวังชิงหลูเป็นผู้สมควรโดนลงโทษ เจ้าสิบเอ็ดฝางเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์หลังจากจ้านเป่ยว่างถูกคนกล่าวถึงสองสามครั้ง คิดว่าครอบครัวพวกเขาต่อให้เกิดเร
น้ำตาของหวังชิงหลูไหลไม่หยุด “แต่เขาไม่มีอนาคต เขาไปเป็นทหารตัวเล็กๆ ต่อไปข้าจะพบผู้คนได้เช่นไร? ข้าไม่อยากให้ตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจ ตอนนั้นซ่งซีซีกับเขาแยกทางกัน ยังขอราชโองการโดยเฉพาะ เห็นได้ว่าตัดสินใจแยกทางแล้ว ข้าจะแพ้นางได้เช่นไร?”หงเอ๋อร์ในใจนางคิดว่าเจอหน้าผู้คนไม่ได้เช่นนี้ กลับไม่กล้ากล่าวออกมา เพียงกล่าวว่า “เรื่องเหล่านี้จะมาเปรียบเทียบกันได้เช่นไร? แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนแย่กว่าพระชายาเป่ยจิ้งอ๋อง แต่ก็มีคนที่ดีกว่านางมาก เทียบกับนางได้ แต่เทียบกับคนอื่นได้หารือ?”หวังชิงหลูน้ำท่วมปาก “ก่อนหน้านี้เหตุใดเจ้าไม่บอกเช่นนี้กับข้า?”“ก่อนหน้านี้บ่าวพูด ท่านก็ฟังไม่เข้าหู” หงเอ๋อร์ปิดผ้าม่าน กล่าว “คนขับ ไปเถอะ”หวังชิงหลูพิงเก้าอี้ผ้าปักสีแดง ภายในใจเกิดความหวาดกลัวขึ้นประหลาด จู่ๆ นางก็นึกได้ว่า ต่อจากนี้ไปคงไม่มีใครต้องการนางแล้วจริงๆนางไม่อาจเป็นเหมือนซ่งซีซี ผ่านการหย่าร้างแล้ว ยังสามารถได้สามีอย่างชินอ๋องที่หน้าตาหล่อเหลาและเก่งสงครามทันใดนั้นนางก็จับมือของหงเอ๋อร์เอาไว้ ถามด้วยใบหน้าซีดเผือด “หงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจากนี้ไปจ้านเป็นว่างจะถูกเขาผสมความดีความชอบกองทัพด้
แต่ว่า รายงานของพ่อบ้านทำให้นางประหลาดใจกิจการที่นางขายทิ้ง มีคนรับช่วงต่ออย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังให้ราคาสูง ถึงขั้นสูงกว่าราคาตลาดหนึ่งถึงสองส่วนนางดูแลครอบครัวมาตั้งหลายปี เรื่องซื้อขายกิจการเคยทำมาหลายต่อหลายครั้ง โดยพื้นฐานแล้วมักเดินไปตามแนวโน้ม มีหนึ่งถึงสองห้องที่เคยทดลองได้ราคาสูงเล็กน้อย แต่ทุกอย่างที่ขายไปเมื่อเร็วๆ นี้กลับได้ราคาสูงขึ้นมา นางจึงรู้สึกสงสัยอย่างมากนางถึงขั้นสงสัย พระชายารู้ว่านางขายเปลี่ยนกิจการใช่หรือไม่ นึกว่านางร้อนเงิน ดังนั้นจึงให้ราคาสูงนางถามสัญญาการซื้อขายจากพ่อบ้าน เห็นชื่อของผู้ซื้อบ้านคือกู่เสี้ยวเฟิง นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน“จวนเป่ยหมิงอ๋องมีพ่อบ้านชื่อกู่เสี้ยวเฟิงหรือไม่?” นางจีถามพ่อบ้าน“ไม่เคยได้ยินมาก่อน”“แล้วผู้ซื้อรายนี้คือใคร?” นางจีกังวลในใจ ซื้อกิจการที่นางขายในราคาสูงกว่าตลาดนี้ เกรงว่าจะมีปัญหาตามทีแต่คิดให้ละเอียด ทุกอย่างล้วนเป็นโฉนดสีชาด ลงทะเบียนเรียบร้อย มีพยาน สัญญาถูกต้อง จะมีปัญหาใดตามมาได้เล่า?”“เอาล่ะ อย่าเพิ่งสนใจเลย ที่เหลือก็ไม่ต้องขายแล้ว ป้องกันท่านแม่ตกใจ” นางจีกล่าวเรื่องขายกิจการ นางปิดบังฮูหยิน
หลังจากอาจารย์หยูกับผู้จัดการลู่ไปเยี่ยมเยียนและตรวจสอบ ก็ได้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายขนาดนั้นตามที่เสิ่นชิงเหอกล่าว สิ่งที่อาจารย์ตรวจสอบในตอนแรกคือ หวังจั่นรู้สึกว่าเด็กคนนั้นนำโชคมาให้เขา แต่เพียงทำร้ายตัวเองทำให้สุขภาพไม่ดี เชิญหมอในเมืองหลวงมารักษาหลายคน แต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ จึงต้องส่งไปที่วัดแห่งหนึ่งซึ่งจุดนี้สามารถแสดงให้เห็นว่า หวังจั่นมีความรักแบบพ่อต่อเด็กคนนี้ และโดยทั่วไปแล้วลูกคนสุดท้องจะได้รับความเอ็นดูมากกว่าอยู่แล้วอย่างไรก็ตาม ตามคำกล่าวของหัวหน้าลู่และเหล่าผู้ดูแลเรือนสายข้างของจวนป๋อผิงซี ทำให้ได้รู้ว่า ในตอนแรกหวังจั่นรู้สึกรังเกียจเด็กที่ตายไปแล้วคนนั้นมาก ตอนแรกมีท่าทีอย่างไรนั้นพวกเขาก็ลืมไปหมดแล้ว แต่ภายหลังก็ไม่ได้ดีจริงๆพวกเขายังยกตัวอย่างอีกด้วยในช่วงวันเกิดของนายท่านผู้เฒ่า หวังเจียวเจียวซึ่งปัจจุบันคือหวังเยว่จางถูกนายท่านผู้เฒ่าพาไปงานเลี้ยงวันเกิดด้วย ในเวลานั้นสุขภาพของนายท่านผู้เฒ่าดีขึ้นมาก เดินเหินรวดเร็วราวกับบินได้แต่หลังจากนั้นหวังจั่นก็ลากหวังเจียวเจียวออกไปตบหลายสิบครั้ง โดยอ้างว่าหวังเจียวเจียวไม่รู้ความทำให้ปู่ต้องเหนื่อยเรื่อ
เสิ่นชิงเหอวิ่งตามออกมา หวังเยว่จางโบกมือซ้ำๆ พลางเดินตรงไปข้างหน้า “ไม่ต้องพูดอะไร ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง”“ศิษย์น้องห้า นี่เป็นเพียงการเดาของเรา มันอาจไม่จริงก็ได้” เสิ่นชิงเหอรู้จักศิษย์น้องคนนี้ดีมาก ในใจมีเรื่องอัดอั้นตันใจอะไรก็ไม่เคยเอ่ยออกมา เพียงแต่ปลีกตัวออกไปอยู่อย่างสงบ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าจะไปดื่มสุราแล้ว” หวังเยว่จางพูดด้วยรอยยิ้ม “หาได้ยากที่ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา อากาศสดชื่น ควรมีสาวงามมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”เสิ่นว่านจือก้าวออกไปจับข้อมือของเขา “ไป ข้าจะไปดื่มกับเจ้า”จนถึงตอนนี้เสิ่นว่านจือก็เพิ่งได้รู้ว่า เขาไม่มีแม่เล็กอะไรหรอก เขาเป็นลูกของป๋อผิงซีฮูหยิน เป็นลูกท้องแม่เดียวกันกับหวังเบียวกับหวังชิงหลู“ที่ที่ข้าจะไปไม่เหมาะกับเจ้า” หวังเยว่จางไม่ต้องการให้เสิ่นว่านจือตามไปด้วยเสิ่นว่านจือดึงตัวเขาไว้อย่างไม่ฟังเหตุผล “ข้าจะเป็นคนจ่ายเงินให้เจ้า”“ข้ามีเงิน เจ้าอย่าตามข้ามา” หวังเยว่จางสะบัดมือของนางออก จู่ๆ ก็หันมาพูดจาแดกดัน “เจ้าคิดว่าข้ายากจนจริงๆ หรือ? ต้องให้เจ้าเลี้ยงค่าสุราอาหาร? ข้าทำแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้เจ้าต้องมาระลึกถึงบุญคุณที่ช่วยชีวิตอยู่ตลอดเวลา
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า
ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที
นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด
ตอนนี้เองที่ข้าพึ่งเข้าใจเจตนาของซีซี เส้าฮูหยินนำคนไปก่อเรื่องถึงตระกูลหวังจนเสียหน้า เช่นนั้นก็ต้องไปขอขมาถึงที่นั่นด้วย และใช้เรื่องที่เส้าซื่อจื่อประพฤติตัวต่ำทรามมาจับจุดอ่อนตระกูลเส้า ต่อจากนี้ ต่อให้จืออวี่แต่งเข้ามา พวกเขาก็จะไม่กล้ารังแกอีกทั้งมีคนหนุนหลัง ทั้งมีเรื่องให้ถือไพ่เหนือกว่าแต่วันนี้ข้ามาเพื่อระบายความโกรธ เป้าหมายก็เส้าฮูหยิน ข้าย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆข้ารอจนปี้หมิงกับคนของเขาออกไปหมด จึงกล่าวกับเส้าฮูหยินว่า “เมื่อครู่ได้ยินท่านพูดว่าจวนป๋อเจวี๋ยของพวกท่านเป็นตระกูลขุนนางผู้ดีฟังแล้วช่างน่าขัน ตระกูลขุนนางผู้ดีที่ไหนจะทำเรื่องล่อลวงภรรยาน้อย บุกบ้านผู้อื่นอาละวาดไร้เหตุผล? วันนี้ข้าตั้งใจจะฉีกหน้าตระกูลเส้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว แต่เพราะเห็นว่าเส้าหมิ่นรักเสี่ยวอวี่ด้วยใจจริง ข้าจึงไม่อยากทำให้เรื่องเลวร้ายจนเด็กทั้งสองต้องอับอาย แต่เรื่องที่เสี่ยวอวี่ถูกกดขี่ ข้าไม่อาจปล่อยผ่านได้ เด็กคนนี้ข้าเสิ่นว่านจือเลี้ยงดูมาเองกับมือ จะยอมให้ใครรังแกไม่ได้ เจ้าอาศัยว่าตัวเองเป็นจวนป๋อเจวี๋ย ก็เลยกล้ารังแกตระกูลหวังที่ไร้บรรดาศักดิ์ ตอนเจ้ารังแกผู้อื่นก็อย่ามาโทษคนอื่
ดูสีหน้าของคนตระกูลเส้าหลังจากข้าพูดจบแต่ละคำ…แต่ละคนเหมือนถูกสาปกลายเป็นท่อนไม้ ยืนนิ่งไม่ไหวติง ก็รู้แล้วว่าเหล่าขุนนางใหญ่โตในเมืองหลวงล้วนไม่ให้ตระกูลเส้าเข้าสมาคมด้วย แม้แต่เรื่องนี้ก็ไม่รู้เลยด้วยซ้ำข้าฉวยจังหวะที่เส้าฮูหยินยังตกตะลึง กล่าวเย็นชาต่อว่า “ใครไม่รู้ว่านายท่านสามบ้านข้ารักเสี่ยวอวี่ที่สุด? นางถูกทำให้เจ็บช้ำน้ำใจถึงเพียงนี้ นายท่านสามของข้าก็เสียใจแทบคลั่ง ข้าต้องพูดทั้งปลอบทั้งเตือน จึงห้ามเขาไว้ได้ ไม่เช่นนั้น วันนี้เขาคงไปฟ้องไทเฮาไปแล้ว ในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นใครเป็นคนลงมือ ก็ออกมายอมรับโทษเสีย”หวังเยว่จางมีหลายสถานะในเมืองหลวง แต่ที่ผู้คนรู้จักมากที่สุด ก็คือสามีของข้าเสิ่นว่านจือ ศิษย์แห่งสถาบันว่านซงเหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายคลังยุทโธปกรณ์แห่งกรมทหาร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการหลายแห่งของว่านซงเหมินในเมืองหลวงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลหวัง ถูกจงใจทำให้ดูเลือนราง แต่ในยามจำเป็น ก็ย่อมนำมาใช้งานได้ในบรรดาสถานะทั้งจริงทั้งเท็จเหล่านี้ ต่อให้มีผู้สงสัยว่ามีความเกี่ยวพันกับไทเฮา ก็ย่อมไม่มีใครกล้าปฏิเสธ เพราะไทเฮานั้นเคารพอาจารย์เหรินแห่งว่านซงเหมินอย่างย
ข้าชื่อเสิ่นว่านจือ เรื่องอื่นไว้ทีหลัง ข้าขอระบายเรื่องหนึ่งก่อนเถิดมันช่างเกินจะทนได้แล้ว!ตระกูลเส้าเป็นเพียงจวนป๋อเจวี๋ยเล็กๆ เท่านั้น ฮูหยินตระกูลเส้ากลับกล้าโอหังถึงเพียงนี้ ข้าเสิ่นว่านจือมีชีวิตอยู่มานาน ปากมากปากจัดก็เห็นมาหลายคน แต่พวกสตรีที่ปากมากในหมู่ผู้มีอำนาจ ข้ายังได้พบเพียงไม่กี่คนพอรู้ว่าเสี่ยวอวี่ถูกลากออกไปตบหน้า แล้วถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายไปยั่วยวนบุรุษ ข้าก็แทบอยากจะพังประตูตระกูลเส้าไปเตะใครสักคน ลากคนออกมาแล้วตบกลับให้สาสมใจซีซีเองก็โกรธ แต่เตือนข้าว่าเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อย่าเพิ่งเอาแต่ระบายอารมณ์ ให้รีบไปดูเสี่ยวอวี่กับหวังชิงหรูก่อน เผื่อว่าทั้งสองจะทำเรื่องไม่คาดฝันต้องยอมรับว่าซีซีเป็นขุนนางมาหลายปี ย่อมมีวิจารณญาณในการแยกแยะเรื่องเร่งด่วนกับเรื่องสำคัญข้าจึงรีบเร่งไปยังตระกูลหวัง แล้วก็ได้รู้ว่าเสี่ยวอวี่กรีดข้อมือ ส่วนหวังชิงหรูก็ไล่สาวใช้ในเรือนออก ข้าจึงรู้สึกทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่จริงอย่างที่คาด หิมะยังไม่ทันตก หวังชิงหรูก็คิดจะแขวนคอตัวเองให้เป็นหมูตากแห้ง ข้าโกรธจนฟาดหน้านางไปหนึ่งฉาดที่จริงช่วงหลังมานี้ข้าเป็นคนอารมณ์ดีมาก
ข้ารู้ตัวอย่างแท้จริงว่าตนเองผิดมหันต์นั้น...เกิดขึ้นเมื่อใดกันนะ?มิใช่ตอนที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกลับมา มิใช่ตอนที่หย่าขาดกับจ้านเป่ยว่าง และก็ไม่ใช่ตอนที่ตระกูลหวังประสบเคราะห์กรรมแต่เป็นตอนที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะออกเรือนตอนที่ตระกูลหวังตกอับ ข้าอยู่ในคุก เกือบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในอดีต ข้าก็รู้ว่าตัวเองมีเรื่องผิด ข้ายินดีจะขัดเกลาความแข็งกร้าว เปลี่ยนแปลงตนเองแต่ในตอนนั้น ข้ายังไม่อาจเรียกได้ว่าได้สำนึกอย่างแท้จริง เพราะข้ายังคิดว่าทั้งหมดคือเรื่องของตนเอง ต่อให้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด ก็เป็นข้าเองที่รับกรรม ใครอื่นล้วนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินข้ารู้ดีว่าพี่สะใภ้ใหญ่ต้องลำบากวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของข้า ต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ข้าอาจเคยชินกับการที่นางดูแลข้าเช่นนี้ จึงมีทั้งความรู้สึกขอบคุณและเคารพนางแต่เรื่องราวในอดีตของข้า ข้ามิเคยอยากย้อนกลับไปคิด เพราะนั่นคือการทำร้ายตนเอง เป็นความทุกข์ทรมานกระทั่งวันที่อวี่เจี่ยเอ่อร์กำลังจะหมั้นหมาย ข้าจึงเริ่มพลิกดูตัวเองทุกแง่ทุกมุม ให้ความเสียใจแทรกซึมกัดกินหัวใจทุกลมหายใจอวี่เจี่ยเอ่อร์กับคุณชายเส้าหมิ่นแห่งจวนป