เมื่อได้ยินว่านามสกุลคือหลี่ หลี่ฮูหยินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้นมีโลงศพบางๆ และเสื้อผ้าสองชิ้น ชุดหนึ่งใส่ในตัวหลี่ฮุ่ยซิน และอีกชุดหนึ่งสำหรับฝังศพไปด้วยหลี่ฮูหยินมีเมตตา ไปตามหาร้านเสื้อผ้าที่นางเคยทำงานอยู่ จึงไปซื้อเสื้อผ้าที่นั่น เจ้าของร้านบอกว่าเสื้อผ้าสองตัวที่นางสวมใส่นั้นเป็นชิ้นงานของนางเองหลี่ฮุ่ยซินเกิดเมื่อเดือนมีนาคมสามสิบสี่ปีที่แล้ว และถูกฝังในเดือนมีนาคมปีนี้ วันเกิดและวันตายแค่ห่างกันเพียงแปดวันการตายของหญิงที่ถูกหย่าก็เหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบ มันเพียงแต่สร้างคลื่นเล็กๆ จากนั้นก็ไม่มีการกล่าวถึงอีกเลยทว่ามีนักเล่าเรื่องคนหนึ่งได้เล่าเรื่องที่ทางโรงงานเย็บปักซู่เจินช่วยฝังศพหลี่ฮุ่ยซินออกไป รวมถึงเรื่องใจร้ายใจดำของครอบครัวพ่อแม่และสามีของหลี่ฮุ่ยซินด้วยแขกรับน้ำชาที่ฟังเรื่องราวอย่างนั้นได้สาปแช่งสองสามคำ พอผ่านไปแป๊บเดี๋ยวก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะพวกเขายอมรับและสนับสนุนกฎเกณฑ์เจ็ดข้อที่ว่าการไม่มีบุตรก็จะถูกไล่ออกจากบ้าน เพียงแต่ครอบครัวของสามีใจร้ายจริงๆ พวกเขาแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ไม่แม้แต่ช่วยเก็บศพด้วยซ้ำ แต่เมื่อเทียบกับค
ซ่งซีซีขมวดคิ้ว "ทำไมนางถึงไปที่นั่นได้เล่า"โรงงานเย็บปักซู่เจินเคยประกาศต่อโลกภายนอก เป็นสถานที่รับผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งและไม่มีที่ไป ทั้งยังไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ระยะหนึ่ง แม้ว่าเจียอี้จะถูกหย่าแล้ว แต่นางก็ไม่ถึงขั้นเลี้ยงตนเองไม่ได้ เท่าที่ซ่งซีซีรู้ เจียอี้มีบ้านพักและร้านค้าหลายแห่งและแม้จะหย่าร้างแล้ว นางก็ยังสามารถมีชีวิตที่หรูหราต่อไปได้คนใช้ของตระกูลหลี่กล่าวว่า "นางบอกว่าไม่มีที่ไป เอะอะโวยวายจะเข้าไปให้ได้ ยังด่าฮูหยินด้วย โดยบอกว่าตั้งโรงงานไว้เพื่อรับผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้ง งั้นนางก็ตรงตามเงื่อนไข ถ้านางไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปละก็ งั้นที่ก่อตั้งโรงงานนั้นไว้ก็แค่เสแสร้ง แกล้งทำเป็นมีเมตตา ฮูหยินถูกยั่วให้โมโหเลยสั่งข้าน้อยมาบอกพระชายาและคุณหนูเสิ่นสักหน่อยเจ้าค่ะ"เมื่อเสิ่นว่านจือได้ยินว่าหลี่ฮูหยินถูกรังแก นางจะยอมทนได้ยังไง และพูดขึ้นทันทีว่า "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"เจ้ากรมหลี่มักจะพูดเสมอว่าหลี่ฮูหยินเป็นผู้หญิงห้าวๆ แต่หลี่ฮูหยินมีเหตุผล เมื่อเจอกับเจียอี้ที่ชอบเอาแต่ใจงี่เง่าก็รับมือยากเช่นกัน โดยเฉพาะตอนนี้เจียอี้ถูกไล่ออกจากบ้าน นางก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว แต่หลี่
เจียอี้ ผู้ซึ่งเย่อหยิ่งไม่หยุดนั้น จู่ๆ ก็เงียบบลงเมื่อเห็นซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือนางจับชายเสื้อผ้า ยกคางขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าอยู่ในสภาพตกอับก็ไม่ยอมก้มศีรษะ มีต่างหูผีเสื้อทองคู่เล็กห้อยอยู่บนหูของนาง ซึ่งไม่เข้ากับการแต่งตัวของนาง ราวกับว่ายังรักษาศักดิ์ศรีและความเป็นคนมีหน้ามีตาอยู่เล็กน้อยนางมาคนเดียวโดยไม่มีแม้แต่สาวใช้อยู่ข้างกายเลย"พระชายา คุณหนูเสิ่น พวกเจ้ามาพอดี" หลี่ฮูหยินโกรธมากจนหน้าแดง "ข้าเคยเห็นคนงี่เง่าและไร้เหตุผลมาเยอะแล้ว แต่ข้าไม่เคยเห็นคนมาทำเกะกะระรานขนาดนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่จะเข้ามาโรงงาน ยังเรียกร้องให้เราเปลี่ยนชื่อด้วย พอถามนางว่าเหตุผลที่ถูกหย่า กลับนิ่งเงียบไม่ยอมบอก"ที่หลี่ฮูหยินโกรธก็เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อก่อตั้งโรงงานแรกๆ ซ่งซีซีและหลี่ฮูหยินก็ตั้งกฎขึ้นมาแล้ว หากมีคนถูกไล่ออกเนื่องจากทำสิ่งเลวร้ายหรือเป็นอันตรายต่อคนอื่น ทางโรงงานจะไม่รับดังนั้นพอเจียอี้มาก็ต้องถามต้นสายปลายเหตุก่อนแล้วค่อยทำการสอบสวนอีกทีตอนนี้นางพูดอ้อมแอ้มไม่บอกเหตุผล และยังคงเย่อหยิ่งและกำเริบเสิบสาน แล้วจะให้หลี่ฮูหยินไม่โกรธได้อย่างไร?ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือนั่งลง เจียอ
เมื่อเจียอี้เห็นซ่งซีซีและคนอื่ๆ ขยิบตาให้กัน นางก็ใจร้อนขึ้นมาทันที โดยไม่สนว่าซ่งซีซีจะเป็นคนที่นางจะไปมีเรื่องได้หรือไม่ ก็ตะโกนเสียงดังว่า "พวกเจ้าต่างก็จอมปลอมจริงๆ ไม่อยากรับผู้หญิงที่ถูกรังแกและทอดทิ้งอย่างแท้จริงด้วยซ้ำ มาแกล้งทำเป็นใจดี ข้าจะไปเปิดโปงพวกเจ้าเดี๋ยวนี้"นางตะโกนแบบนี้ แต่กลับไม่ได้ลุกขึ้น ยังนั่งจ้องมองหลี่ฮูหยินด้วยความโกรธซ่งซีซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นการกระทำของอีกฝ่าย ในตอนแรกที่ได้ยินสาวใช้ของหลี่ฮูหยินมารายงาน นางคิดว่าเจียอี้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาแต่พอเห็นสภาพของนางที่โรงงาน ก็รู้สึกว่ามันคงไม่ใช่อย่างที่คิดตอนนี้เห็นนางเอาแต่อาละวาด แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่แม้แต่ขยับก้น มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? คงไม่ใช่นางถูกไล่ออกจากบ้าน และใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจริงๆ เหรอ"ได้ยินว่าเจ้าวางแผนที่จะเปลี่ยนชื่อโรงงานเย็บปักซู่เจินของเราเหรอ" เสิ่นว่านจือก็รู้สึกถึงว่ามีบางอย่างผิดปกติ และน้ำเสียงของนางก็ไม่ได้ก้าวร้าวนัก หลักๆ คือเมื่อเห็นนางอยากจะทำตัวกำเริบเสิบสานแต่ทำไม่ได้ก็รู้สึกน่าขันเจียอี้เบะปาก "ข้าแค่คิดว่ามันเป็นลางร้ายที่จะตั้งชื่อด้วยชื่อของคนตาม
การสอบสวนเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องให้ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือออกโรงเองหัวหน้าลู่และพ่อย้านของจวนโหวผิงหยางเป็นเพื่อนเก่ามาหลายปีแล้ว ในวันรุ่งขึ้นทั้งสองคนนัดกินข้าวกัน แล้วทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วปรากฎว่าเมื่อปีที่แล้วได้แต่งอนุคนใหม่ อนุคนนั้นแซ่จาว พ่อของนางเป็นซิ่วไฉ ส่วนนางเองก็เรียนหนังสือมา ได้หมั้นหมายกันมาแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าคู่หมั้นได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อน และนางถูกหาว่ามีดวงกินสามี และถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดไม่รู้ว่าได้พบกับโหวผิงหยางอย่างไร แต่โหวผิงหยางก็ถูกใจนางเข้าแล้ว และแต่งนางเป็นอนุตามที่พ่อบ้านเฟิงบอกว่าที่รับอนุจาวคนนี้มาก็เพราะอยากให้นางช่วยดูแลบ้านด้วย เนื่องจากฮูหยินรองป่วยมานานแล้ว และเมื่อฤดูหนาวที่แล้วนางเกือบเสียชีวิต บัดนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้น อาการของนางถึงดีขึ้นมาหน่อยอนุจาวคนนี้ดูแลบ้านได้ดีมาก หลังจากที่แต่งเข้ามาก็ตอยช่วยฮูหยินผู้เฒ่าบริหารฝ่ายใน และฮูหยินผู้เฒ่าก็ชอบนางมากแน่นอนว่าเจียอี้จะไม่ชอบอนุจาว เพราะงั้นเจียอี้เลยเล่นงานนางทั้งเปิดเผยและลับหลัง โดนฮูหยินผู้เฒ่าดุมาหลายครั้งสดท้ายถึงยอมสงบเสงี่ยมเจียมตัวบ้างเมื่อสามเดือนก่อ
เมื่อซ่งซีซีเห็นเขาวันนี้ได้กลับมาเร็ว ก็ยิ้มหวาน และเลิกคิ้ว "คดีจัดการเสร็จแล้วหรือ?""เปล่า แต่ไม่อยากอยู่ดึกคืนนี้" ดวงตาของเซี่ยหลูโม่สบกับนาง และมีสีหน้าอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว เขาเดินไปนั่งลงข้างๆ ซ่งซีซีด้วยรอยยิ้มอาจารย์หยูสั่งให้คนใช่ชงชา "คอจะลุกไฟอยู่แล้ว ไปทำน้ำชารี่ มาชงน้ำมะนาวมาให้หน่อย""วันนี้อาจารย์หยูยุ่งอะไรมาเหรอ? ถึงขั้นเสียงแหบแห้งไปด้วย" เสิ่นว่านจือถามด้วยรอย"ไปซื้อร้านค้าแล้วต่อรองราคาด้วย" หลังจากที่อาจารย์หยูคารวะซ่งซีซีเสร็จก็นั่งลงนางไม่สนใจเรื่อวซื้อร้านค้า ดังนั้นเสิ่นว่านจือจึงรีบถามเซี่ยหลูโม่ว่า "เมื่อกี้ท่านอ๋องบอกว่ารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเจียอี้ มันยังไงกันเหรอ?"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "แต่เดิมนางก็ไม่มีเงินมากนักอยู่แล้ว ตอนที่สืบสวนคดีกบฏของเซี่ยอวี้นและพบว่าเงินทั้งหมดที่ทำโดยร้านค้าของเจียอี้นั้นเป็นของเซี่ยอวี้น และร้านค้ที่ร่วมกับพวกฮูหยินและฉีกุ้ยไทเฟย เต๋อกุ้ยไทเฟยนั้นก็ถูกพันพัวด้วย ก่อนหน้านี้เคยสอบสวนมารอบหนึ่งแล้ว แต่ตราบใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดคีนี้ก็ถูกปิดร้านหมด นางยังมีร้านส่วนตัวสองแห่ง แต่น่าเสียดายมันอยู่ใต้ชื่อฝู้หม่ากู้ ห
ซ่งซีซีนึกถึงเงินไม่กี่เบี้ยนั้นนางยังเก็บไปด้วย เห็นได้ชัดว่าจนตรอกไปจริงๆทว่าเรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เข้า แม้ว่าเดิมทีนางแค่ต้องกันเล่นงานท่านแม่ของอนุจาว แต่สุดท้ายกลับทำให้อนุจาวแท้งลูก จากนั้นยังผลักจ้านเส้าฮวนลงไปในทะเลสาบ ที่จ้านเส้าฮวนว่ายน้ำไม่เป็นนางก็รู้เรื่องด้วย เท่ากับว่านางจงใจจะสังหารจ้านเส้าฮวน"ข้ารู้ว่ามันไม่ควร" เสิ่นว่านจือพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่เมื่อจ้านเส้าฮวนถูกผลักลงไปในทะเลสาบ ข้าอยากจะหัวเราะจริงๆ"เมื่อพูดจบแล้วก็กล่าวขอโทษเบาๆ ราวกับชดเชยกับเสียงหัวเราะได้ซ่งซีซีขมวดคิ้วเล็กน้อย "สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือทำไมนางยังโง่ขนาดนี้ นางไม่ใช่ท่านหญิงอีกแล้ว และทางจวนโหวผิงหยางก็ไม่ชอบนาง ท่านแม่ถูกกักบริเวณ และท่านพ่อของนางถูกประหารชีวิต นางยังก่อเรื่องอะไรกัน ไม่อยากมีชีวิตต่อใช่ไหม""ถ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วจะขอความช่วยเหลือจากโรงงานเย็บปักได้อย่างไร" อาจารย์หยูกล่าวซ่งซีซีหันศีรษะมองไปที่เซี่ยหลูโม่ "ท่านคิดว่ายังไง"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "อาจมีเรื่องแอบแฝงก็ได้ พ่อบ้านเฟินไม่ทราบต้นสายปลายเหตุทั้งหมด เรื่องอื้อฉาวบางเรื่องในตระกูลใหญ่มักจะถูก
ยังไม่ทันที่ซ่งซีซีจะไปหาฮูหยินผู้เฒ่าโหวผิงหยาง ในวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวลือเกี่ยวกับโรงงานที่ข้างนอกหมดว่ากันว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องและหลี่ฮูหยินต่างก็เป็นคนจอมปลอม แกล้งทำเป็นคนดี เมื่อมีผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งไปขอความช่วยเหลือ พวกนางไม่เพียงแต่ปฏิเสธและยังหาเรื่องด้วยเดิมทีก็มีผู้คนจำนวนมากไม่ชอบโรงงานนั้น โดยคิดว่าพวกนางรับผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งคือท้าทายจริยธรรม ในเมื่อถูกทอดทิ้งก็ย่อมสมควรได้รับมัน ต่อให้เป็นเพราะอิจฉาหรือไม่มีบุตรก็เป็นบาปขณะนี้เกิดข่าวลือขึ้นมาเป็นกระแส เมื่อมีข่าวลือผู้คนก็รุมกันกระทืบซ้ำ ในเวลานั้นประชาชนก็ด่าทอโรงงานยกใหญ่ไปทั่ว มีหาว่าจอมปลอมบ้าง โดนหาว่ามีเจตนาแอบแฝงบ้าง และมีคนหาว่าอยากโกงเงินด้วยในตอนเย็น เสิ่นว่านจือโกรธมากจนทุบโต๊ะแล้วพูดเสียงดังว่า "เจียอี้คนเดียวจะสร้างกระแสเช่นนี้ได้เหรอ ข้าไม่เชื่อหรอก"หลังจากพูดอย่างนั้น ก็วิ่งออกไปราวกับลมกระโชกแรง ซ่งซีซีถามอยู่ข้างหลังว่า "เจ้าจะไปไหน""ตึกว่างจิง หาคนไปสอบสวน" เสิ่นว่านจือจากไปโดยไม่หันกลับมามองนางโกรธมากจนตัวสั่นไปทั้งตัว นางทุ่มเทความพยายามอย่างมากในโรงงาน และมีเจตนาที่ดี นางเห็นอกเห็นใจก