共有

บทที่ 2

作者: แมวเหมียวผู้ขยันหมั่นเพียร
ซูเยียนหรานอย่างไรเสียก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบ เมื่อได้ยินเฟิ่งชิงหร่านเอ่ยเช่นนี้ ก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว

เฟิ่งชิงหร่านกำมือเล็กๆ ของตนแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนพลุ่งพล่าน นางตกใจกับความเกลียดชังอันท่วมท้นในใจของตนเอง

นางเป็นเพียงคนที่ทะลุมิติเข้ามาในหนังสือเท่านั้น ต่อให้ตัวประกอบหญิงในหนังสือกับซูเยียนหรานจะมีความแค้นใหญ่หลวงต่อกัน แต่เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวนางเอง นางไม่ควรจะมีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงเช่นนี้สิ?

หรือว่าเป็นเพราะนางอินกับตัวละครในหนังสือไปแล้ว?

เฟิ่งชิงหร่านตัดสินใจว่าจะอยู่ให้ห่างจากซูเยียนหราน อย่างไรเสีย แต่ไหนแต่ไรมาตัวประกอบหญิงกับนางเอกก็ล้วนเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ การพบเจอกันของทั้งสองคนย่อมไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน

นางหันหลังเดินออกไปยังนอกลานกว้าง ในเมื่อตนเป็นศิษย์ที่ถูกคัดออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เพื่อเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับซูเยียนหราน

ไม่คาดคิดว่านางเพิ่งเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว น้ำเสียงที่เจือความหวาดหวั่นของซูเยียนหรานก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พี่หญิง ระหว่างพวกเรามีความเข้าใจผิดอันใดกันหรือไม่เจ้าคะ?”

เฟิ่งชิงหร่านเมินเฉย ยังคงเดินออกไปข้างนอก

ซูเยียนหรานเห็นดังนั้น ในใจก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมา สัญชาตญาณบอกนางว่าไม่อาจปล่อยให้เฟิ่งชิงหร่านจากไปได้

ทว่าขณะที่นางคิดจะไล่ตามเฟิ่งชิงหร่านไป ก็ได้ยินเสียงทรงอำนาจเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือลานกว้าง

“ศิษย์ที่ถูกคัดออกทั้งหมด โปรดออกจากลานกว้างทันที ส่วนศิษย์ที่ผ่านการทดสอบ โปรดรออย่างสงบ อย่าเพิ่งร้อนใจ เจ้าสำนักทุกท่านกำลังเดินทางมาแล้ว”

หลังจากอาจารย์ผู้ดูแลกล่าวจบ ก็กวักมือเรียกซูเยียนหราน ส่งสัญญาณให้นางไปยืนอยู่ข้างกายตน

ซูเยียนหรานคือผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ ทั้งยังเป็นผู้มีรากวิญญาณน้ำแข็งกลายพันธุ์ ซึ่งเป็นศิษย์ที่ทุกสำนักต่างต้องการแย่งชิงตัว เขาจึงต้องรีบชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ

ซูเยียนหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปทางอาจารย์ผู้ดูแล แต่ความรู้สึกว่างเปล่าผิดหวังราวกับสูญเสียบางสิ่งไปนั้น กลับข่มไว้ไม่อยู่

......

เฟิ่งชิงหร่านเดินออกจากลานกว้าง ก็รู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งขึ้นมาทันที

เป็นไปตามคาด รักชีวิต อยู่ให้ห่างจากนางเอกคือสิ่งที่ถูกต้อง!

เฟิ่งชิงหร่านมองเส้นทางเบื้องหน้า รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย นางคือนางร้ายตัวประกอบในนิยาย ต่อให้นางจงใจตีตัวออกหากจากนางเอก แต่ตราบใดที่ของยังอยู่ในมือ นางเอกจะต้องมาหานางอีกแน่นอน

หากคิดจะต่อกรกับนางเอก ก็จำเป็นต้องก้าวเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญเซียน

เส้นทางที่อยู่เบื้องหน้านางในตอนนี้มีเพียงสายเดียว นั่นคือการเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอิสระ

แม้ว่านางจะไม่ขาดแคลนทรัพยากร แต่การเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอิสระก็หมายความว่าอาจสิ้นชีพได้ทุกเมื่อ

บ้าเอ๊ย!

ปฏิเสธตอนนี้มันก็สะใจดีอยู่หรอก แต่หลังจากนี้คงลำบากอย่างแน่นอน

ขณะที่เฟิ่งชิงหร่านกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น พลันมีใบหน้าหนึ่งยื่นเข้ามาใกล้ตรงหน้านาง “แม่หนูน้อย ข้าเห็นว่ารากฐานกระดูกของเจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก เหมาะที่จะเป็นศิษย์สายตรงของข้าอย่างยิ่ง ตามข้ากลับสำนักหลิงอวิ๋นเถอะ?”

ผู้ที่มาดูอายุราวสามสิบปี ใบหน้าหล่อเหลาดูสง่างาม ที่เอวห้อยน้ำเต้าใส่สุราไว้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนเพิ่งตื่นนอน

เฟิ่งชิงหร่านนึกทบทวนถึงสำนักต่างๆ ที่เคยกล่าวถึงในหนังสืออย่างละเอียด แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่ามีสำนักหลิงอวิ๋นอยู่ด้วย “ท่านอา ข้ามีรากวิญญาณห้าธาตุ ไม่สามารถชักนำลมปราณเข้าร่างกายได้”

ธาตุทั้งห้าส่งเสริมและข่มกันเอง ไม่ว่านางจะเน้นบำเพ็ญรากวิญญาณธาตุใดเป็นหลัก รากวิญญาณที่ข่มธาตุนั้นก็จะสลายพลังลมปราณทิ้งไป

รากวิญญาณเดี่ยวคือผู้มีพรสวรรค์สูงสุด เรียกว่ารากวิญญาณสวรรค์ รากวิญญาณคู่มีพรสวรรค์รองลงมา เรียกว่ารากวิญญาณปฐพี รากวิญญาณสามธาตุคือขั้นนิลกาฬ รากวิญญาณสี่ธาตุคือขั้นอำพัน ส่วนรากวิญญาณห้าธาตุนั้น ไม่อาจก้าวเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเซียนได้

แต่ยังโชคดี ในกำไลหยกของนางมีเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรสำหรับรากวิญญาณห้าธาตุอยู่ นางต้องรีบหาสถานที่ลับตาคนเพื่อทำพันธสัญญากับกำไลหยก

เมื่อเย่เวิ่นเทียนได้ยินคำว่ารากวิญญาณห้าธาตุ ก็เปิดใช้เนตรสวรรค์ มองพิจารณาเฟิ่งชิงหร่าน

แต่ยิ่งมองเขาก็ยิ่งตกตะลึง โลกเบื้องล่างกลับมีอัจฉริยะราวปีศาจเช่นนี้อยู่ด้วย!

“รับ! กราบเป็นอาจารย์เดี๋ยวนี้!” เย่เวิ่นเทียนเร่งเร้าให้เฟิ่งชิงหร่านกราบอาจารย์ ราวกับกลัวว่านางจะหนีไปอย่างไรอย่างนั้น

เฟิ่งชิงหร่าน ? ? ?

เหตุใดคนผู้นี้จึงดูเหมือนนักต้มตุ๋นขนาดนี้!

โลกบำเพ็ญเซียนนี่คงไม่มีพวกสิบแปดมงกุฎอยู่ด้วยหรอกกระมัง?

เฟิ่งชิงหร่านค่อยๆ ขยับถอยหลังไปหนึ่งก้าวเล็กๆ นางอยากจะหนีไปเหลือเกิน

เย่เวิ่นเทียนเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงหร่าน ก็นึกว่านางไม่อยากเข้าร่วมสำนักหลิงอวิ๋น “แม่หนูน้อย ขอเพียงเจ้ามาที่สำนักหลิงอวิ๋น ต่อให้ในอนาคตจะไม่สามารถสร้างฐานปราณได้ พวกเราก็จะไม่ขับไล่เจ้าไป เจ้าสามารถอยู่ในสำนักได้ตลอดไปจนกว่าจะสิ้นอายุขัย”

“ยิ่งไปกว่านั้น หากรวมเจ้าเข้าไปด้วยแล้ว สำนักหลิงอวิ๋นก็มีคนเพียงสิบคนเท่านั้น ความสัมพันธ์ก็เรียบง่าย ไม่มีกฎระเบียบใดๆ พวกศิษย์พี่ชายศิษย์พี่หญิงคนอื่นๆ ของเจ้าก็ล้วนมีจิตใจดีงาม เมตตากรุณา จะไม่แย่งชิงทรัพยากรกับเจ้า...”

ผู้บำเพ็ญเพียรเมื่อทะลวงถึงขั้นสร้างฐานปราณแล้ว อายุขัยจะเพิ่มถึงห้าร้อยปี จึงจะนับว่าก้าวเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง

ในใจของเฟิ่งชิงหร่านยิ่งกังวลมากขึ้น ของฟรีไม่มีในโลก เงื่อนไขดีขนาดนี้ แต่สำนักกลับมีคนเพียงเก้าคน ช่างน่าสงสัยอย่างยิ่ง

คงไม่ใช่แก๊งต้มตุ๋นหรอกกระมัง?

เย่เวิ่นเทียนพบว่ายิ่งตนเองพูดมากเท่าไร ท่าทางคิดจะหลบหนีของเฟิ่งชิงหร่านก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น คราวนี้เขาเริ่มร้อนใจแล้ว สงสัยว่าผลประโยชน์ที่ตนเสนอให้คงจะยังไม่มากพอ

“ศิษย์น้อย เจ้ามีเงื่อนไขอันใดก็บอกมาได้เลย!” ดวงตาทั้งสองข้างของเย่เวิ่นเทียนจับจ้องไปที่เฟิ่งชิงหร่านอย่างเป็นประกาย

“ท่านแน่ใจหรือว่าจะรับคนที่มีรากวิญญาณห้าธาตุเป็นศิษย์?” เฟิ่งชิงหร่านเอ่ยถามอย่างหยั่งเชิง

เย่เวิ่นเทียนคิดว่าที่เฟิ่งชิงหร่านถามเช่นนี้ เป็นเพราะนางไม่มั่นใจในพรสวรรค์ของตนเอง เขาแสดงสีหน้าลำบากใจ ควรจะอธิบายให้ศิษย์น้อยฟังอย่างไรดีว่า นางคือผู้มีรากวิญญาณเซียนระดับสุดยอด

วิธีการทดสอบระดับรากวิญญาณของโลกเบื้องล่างนั้นผิด วิธีการที่ถูกต้องคือจำแนกตามความบริสุทธิ์ของรากวิญญาณ ยิ่งความบริสุทธิ์สูงเท่าใด พรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

การแบ่งระดับรากวิญญาณที่ถูกต้องควรจะเป็น ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ระดับสุดยอด ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับเทวะ

ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของรากวิญญาณ ในภายหลังก็ยังสามารถใช้วิธีการบางอย่างเพื่อยกระดับขึ้นได้

อีกทั้งศิษย์น้อยผู้นี้ยังพิเศษอย่างยิ่ง มีร่างจันทราศักดิ์สิทธิ์ ร่างชนิดนี้เมื่อรวมกับรากวิญญาณเซียนระดับสุดยอดแล้ว การบำเพ็ญเพียรเรียกได้ว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

แต่ยิ่งจำนวนรากวิญญาณมากเท่าใด ขั้นตอนการชักนำลมปราณเข้าร่างกายก็จะยิ่งเจ็บปวดและยาวนานมากขึ้นเท่านั้น ทว่าขอเพียงสามารถเข้าสู่ระดับฝึกปราณได้ เส้นทางการบำเพ็ญเพียรหลังจากนั้นก็จะราบรื่นอย่างยิ่ง

“ศิษย์น้อย การบำเพ็ญเซียนนั้นเดิมทีก็คือการฝืนลิขิตสวรรค์ พรสวรรค์ด้อยไม่ใช่ความผิดของเจ้า ขอเพียงเจ้าขยันหมั่นเพียร อนาคตย่อมสดใส! ในอดีต บัณฑิตตานชิงก็อาศัยเพียงยันต์อาคมอันลึกล้ำซับซ้อน สำเร็จการผ่านด่านเคราะห์แล้วบรรลุเซียนมิใช่หรือ เขายังไม่มีรากวิญญาณด้วยซ้ำ!”

เฟิ่งชิงหร่านมองเย่เวิ่นเทียนพลางแย้มยิ้มจนตาหยี “ท่านอา บัณฑิตตานชิงคือผู้ใดหรือเจ้าคะ?”

สีหน้าของเย่เวิ่นเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

แย่แล้ว จำสับสนไปเสียแล้ว บัณฑิตตานชิงไม่ใช่คนของแผ่นดินนี้!

“บัณฑิตตานชิงบรรลุเซียนไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนแล้ว เจ้าไม่รู้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าบนป้ายอาณาเขตของสำนักเรามียันต์ที่เขาวาดไว้ หากไม่เชื่อ ก็ไปดูได้” เย่เวิ่นเทียนพูดจาหว่านล้อมต่อไป ในมือพลันปรากฏป้ายคำสั่งสีทองขึ้นมา

เมื่อเฟิ่งชิงหร่านเห็นป้ายคำสั่งในมือของเย่เวิ่นเทียน สีหน้าก็ชะงักไปเล็กน้อย ป้ายคำสั่งนี้ดูคุ้นตายิ่งนัก
この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

関連チャプター

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 3

    เฟิ่งชิงหร่านยื่นมือออกไปรับป้ายคำสั่งมา ด้านหน้าของป้ายคำสั่งสลักอักษร ‘สวัสติกะ’ ไว้ตัวหนึ่ง รอบๆ เป็นวงสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนนางมองไปยังอีกด้านของป้ายคำสั่ง พบว่าด้านบนนั้นสลักรูปดอกพลับพลึงแมงมุมไว้ดอกหนึ่งจริงๆดอกพลับพลึงแมงมุมนั้นงดงามเจิดจรัส สะกดวิญญาณให้ลุ่มหลง ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัวเฟิ่งชิงหร่านไม่ได้สืบค้นที่มาของความรู้สึกคุ้นเคยนั้นให้ลึกซึ้ง แต่กลับสงสัยว่าป้ายคำสั่งอันนี้ใช่อันเดียวกับที่ซูเยียนหรานได้รับในภายหลังหรือไม่?ในนิยายเคยบรรยายไว้ว่า ในมือของซูเยียนหรานมีป้ายคำสั่งสีทองอยู่อันหนึ่ง บนป้ายคำสั่งนั้นสลักรูปดอกพลับพลึงแมงมุมแห่งแม่น้ำลืมเลือน ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยพลังอันลึกลับซูเยียนหรานอาศัยพลังนี้ ปราบสัตว์เทวะงูเหินได้สำเร็จหลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของงูเหิน ซูเยียนหรานก็หลอมรวมพลังลึกลับภายในป้ายคำสั่ง เลื่อนขั้นสู่ระดับกำเนิดวิญญาณได้เมื่ออายุยี่สิบห้าปีต้องรู้ว่า มหาเซียนอู๋จี๋ผู้เก่งกาจที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน ก็ยังทะลวงสู่ระดับกำเนิดวิญญาณได้เมื่ออายุสองร้อยปีแต่พลังภายในป้ายคำสั่งนี้ กลับสามารถทำให้ซูเยียนหรานเลื่อนขั้นสู่ระดับกำ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 4

    เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากลานกว้าง ก็เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่นั่นคนผู้นั้นมีใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง ท่าทางสบายๆ ไม่เหมือนกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่เลยแม้แต่น้อยหรงจั๋วฝานเจ้าสำนักควบคุมสัตว์อสูรเป็นคนจำเย่เวิ่นเทียนได้เป็นคนแรก เขาแสดงสีหน้าตกตะลึง เจ้านี่ออกมาได้อย่างไรตอนนี้ ยังไม่ถึงกำหนดร้อยปีมิใช่หรือ?“หยุดนะ!——” ตามด้วยเสียงตะโกนดังลั่น เย่เวิ่นเทียนยกมือขึ้น กระบี่ก็ปรากฏออกมาในชั่วพริบตา พลังกระบี่อันน่าเกรงขามสายหนึ่งก็พุ่งออกมา ปรากฏเส้นแบ่งเขตเส้นหนึ่งขึ้นบนพื้นตรงหน้าปลายเท้าของทุกคนทุกคนที่ไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจ ต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกันหรงจั๋วฝานตะโกนอย่างฉุนเฉียว “เย่เวิ่นเทียน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?!”“ทุกคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่าขยับ! ใครก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อการชักนำลมปราณเข้าร่างกายของศิษย์ข้า ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา!” ทั่วร่างของเย่เวิ่นเทียนแผ่พลังกดดันอันแข็งแกร่งออกมาหลายคนเพิ่งสังเกตเห็นว่า ด้านหลังของเย่เวิ่นเทียน มีเด็กหญิงตัวน้อยอายุราวสิบขวบผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่“เย่เวิ่นเทียน เจ้าหลอกใครอยู่! แค่การชักนำลมปราณเข้าร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณมากมายข

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 5

    ในชั่วพริบตา รากวิญญาณห้าธาตุที่เดิมทีมีสีหม่นหมองภายในร่างของเฟิ่งชิงหร่านก็พลันสว่างวาบขึ้น ห้าสีรวมกัน หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อเกิดเป็นแท่นวิญญาณที่กว้างใหญ่ดุจมหาสมุทรพลังลมปราณเหล่านั้นที่อัดแน่นอยู่ในเส้นลมปราณของนางหลั่งไหลเข้าสู่แท่นวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดตึงแน่นบริเวณเส้นลมปราณหายไปเฟิ่งชิงหร่านเพ่งจิตมองสำรวจภายในแท่นวิญญาณ อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงนางจำได้ว่าในนิยายเคยเขียนไว้ ตอนที่ซูเยียนหรานชักนำลมปราณเข้าร่างกาย แท่นวิญญาณของนางเป็นเหมือนสระน้ำเล็กๆ แต่ก็ถือว่าสูงส่งฝืนลิขิตสวรรค์แล้วเช่นนั้นแล้วอย่างนางมิใช่ว่าจะทะลุทะลวงสวรรค์แล้วหรือ?เฟิ่งชิงหร่านยังไม่รีบดีใจ นางสงบจิตรวบรวมสมาธิ รักษาจิตให้เป็นหนึ่ง กลั่นกรองพลังลมปราณภายในแท่นวิญญาณ ส่งไปยังรากวิญญาณนางประหลาดใจที่พบว่าความสัมพันธ์ที่ข่มกันของรากวิญญาณห้าธาตุได้หายไปแล้ว เปลี่ยนเป็นส่งเสริมซึ่งกันและกันแทนนางอดใจไว้ไม่อยู่ชั่วขณะ ทะลวงสู่ระดับระดับฝึกปราณขั้นห้าโดยตรง เฟิ่งชิงหร่านจึงรีบหยุดการบำเพ็ญเพียรทันทีถึงแม้นางอยากจะทำต่อไป แต่นางก็เข้าใจหลักการที่ว่าหากโดดเด่นมักจะเป็นภัยนางจำได้อย่างชัด

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 6

    และในชั่วพริบตาที่จิตสำนึกนั้นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเฟิ่งชิงหร่าน ก็ถูกพลังสายหนึ่งลบล้างไปตามด้วยเสียง ‘อั่ก’ หนึ่งครั้งเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง มองไปยังเฟิ่งชิงหร่านด้วยความตกตะลึงจิตสำนึกของเขาซึ่งอยู่ระดับหลอมเทพขั้นสูงสุด กลับถูกคนระดับฝึกปราณขั้นห้าลบล้างไปได้ เฟิ่งชิงหร่านต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!เย่เวิ่นเทียนหยุดการเผชิญหน้ากับเซียวหงอวี่ ในใจพลันเดือดดาลขึ้นมา การใช้จิตสำนึกสอดแนมนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้บำเพ็ญเพียรที่ยังไม่ถึงระดับสร้างฐานปราณ กรณีเบาที่สุดก็จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจ หนักที่สุดก็จะก่อเกิดเป็นมารในใจ ทำให้ระดับการบำเพ็ญไม่อาจก้าวหน้าได้“ท่านอาจารย์ ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่จิตสำนึกนั่นถูกใครก็ไม่รู้ลบล้างไปแล้ว” เฟิ่งชิงหร่านกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสาเย่เวิ่นเทียนพลันวางใจ ดึงเฟิ่งชิงหร่านไปปกป้องไว้ด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางยิ้มเยาะ “พวกตาเฒ่าใช้ลูกไม้เช่นนี้กับผู้น้อย ช่างหน้าไม่อายเสียจริง!”“ข้าเย่เวิ่นเทียนยืนหยัดอย่างสง่าผ่าเผย ดูแคลนการบำเพ็ญวิชานอกรีตเหล่านั้น ศิษย์ของข้ายิ่งไม่มีทาง หากพวกเจ้ายังจะมาตอแยอีก ข้าก็จ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 7

    ใบหน้าของเฟิ่งชิงหร่านเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม สำนักที่ถูกต้องตามธรรมเนียมไม่มีสิ่งปลูกสร้างเลยสักหลัง นี่มันฟังดูเข้าท่าที่ไหนกัน?ทว่าเย่เวิ่นเทียนก็ไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก พาเฟิ่งชิงหร่านตรงไปยังยอดเขาโม่จู๋ทันทีที่ลงสู่พื้น เฟิ่งชิงหร่านก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นพิเศษสามดวงทันที หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มในอาภรณ์ผ้าแพรลายเมฆาสีนิล ยิ่งมีรูปโฉมหล่อเหลางดงามหาใดเปรียบ คิ้วตาคมคายดุจภาพวาด ราวกับเป็นเซียนตกสวรรค์ในสมองของเฟิ่งชิงหร่านปรากฏประโยคหนึ่งขึ้นมา เดินทางไกลสู่โลกหล้าในงานเลี้ยงอันน่าตื่นตา ยลโฉมความงามอันรุ่งเรืองแห่งโลกมนุษย์เมื่อทั้งสามคนเห็นเย่เวิ่นเทียนและเฟิ่งชิงหร่าน ก็ลุกขึ้นเดินเข้ามาเย่เวิ่นเทียนยกมือตบลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม “ศิษย์น้อย นี่คือศิษย์พี่เจ็ดของเจ้าโม่จิงหง ต่อไปภายหน้า เรื่องใดๆ ภายในสำนักก็ไปหาเขาได้เลย อีกทั้งเรื่องบำเพ็ญเพียร หากมีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ถามเขาได้เช่นกัน”เฟิ่งชิงหร่านได้สติกลับคืนมา จึงโค้งคำนับทักทาย “เฟิ่งชิงหร่านคารวะศิษย์พี่เจ็ด”โม่จิงหงยกข้อมือขึ้นเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มเบาๆ นัยน์ตาดุจดวงดาวเป็นประกายลุ่มลึก “

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 8

    “อืม” โม่จิงหงหยิบขลุ่ยเลาหนึ่งออกมา แล้วเป่าสองสามครั้งแล้วกล่าวต่อไปว่า “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ต่อไปนี้ยอดเขาที่สิบเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าเดินไปมาตามสบายได้ แต่สำหรับสถานที่นอกยอดเขาที่สิบ หากเจ้าต้องการจะไป จะต้องให้หลวนจิ่นพาเจ้ามาหาข้า แล้วข้าจะพาเจ้าไป”“ภายในสำนักค่ายกลและกลไกอยู่มากมาย หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็อาจจะติดอยู่ในนั้นได้ และเป็นอันตรายถึงชีวิต”“ศิษย์พี่เจ็ด หลวนจิ่นคือใครหรือเจ้าคะ?” เฟิ่งชิงหร่านเอ่ยถามด้วยความสงสัยอย่างยิ่งท่านอาจารย์บอกว่าหากเห็นเรือนในสำนัก ให้ไปหาศิษย์พี่เจ็ด ศิษย์พี่เจ็ดกลับบอกว่าห้ามออกจากยอดเขาของตนเองตามใจชอบสำนักหลิงอวิ๋นคงไม่ได้ซุกซ่อนความลับอันใดที่เปิดเผยไม่ได้เอาไว้หรอกนะ?อีกอย่าง เหตุใดคนที่ตัดสินใจจึงไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ แต่กลับเป็นศิษย์พี่เจ็ด?โม่จิงหงหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น “มันมาแล้ว”เฟิ่งชิงหร่านหันไปก็พบนกกระเรียนวิญญาณตัวหนึ่งบินเข้ามาในถ้ำ ก่อนนกกระเรียนวิญญาณจะหยุดลงนกกระเรียนวิญญาณหันหน้าไปทางเฟิ่งชิงหร่าน พลางจุปากแล้วกล่าวว่า “เจ้าเองหรือ เจ้าหนูน้อยที่อยากกินข้าว เจ้าชอบกินอะไรบ้าง? บอกข้ามาให้หมด ต่อไปข้าจะทำให้

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 9

    สาเหตุที่เฟิ่งชิงหร่านเอ่ยถึงการประลองระหว่างสำนักขึ้นมา ก็เพราะว่ายี่สิบอันดับแรกของการประลอง จะมีโอกาสได้เข้าสู่ดินแดนลับจิ่วยวนนางจำได้ว่าภายในดินแดนลับนั้นซ่อนมรดกของผู้ยิ่งใหญ่ระดับมหายานท่านหนึ่งไว้ หากสามารถช่วยให้ท่านอาจารย์ได้รับมรดกนั้นมา เขาจะต้องเลื่อนระดับได้อย่างแน่นอน“พวกเราไม่เคยเข้าร่วมการประลองเหล่านี้” คำพูดประโยคเดียวของโม่จิงหงก็ทำให้เฟิ่งชิงหร่านรู้สึกหมดกำลังใจคำพูดที่นางเตรียมไว้ก็ติดอยู่ที่ลำคอ “เหตุใดจึงไม่เข้าร่วมหรือเจ้าคะ?”โม่จิงหงยิ้มบางๆ “น่าเบื่อเกินไป ในบรรดาผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้”หากคำพูดนี้ออกมาจากปากของผู้อื่น เฟิ่งชิงหร่านคงจะคิดว่าคนผู้นี้หยิ่งยโสอย่างแน่นอนแต่พอออกจากปากของโม่จิงหง นางกลับรู้สึกว่ามันเป็นความจริงอย่างยิ่งในโลกบำเพ็ญเซียน ผู้ที่สามารถทะลวงสู่ระดับแก่นปราณทองคำได้ก่อนอายุหนึ่งร้อยปี ถือเป็นผู้มีพรสวรรค์จากสวรรค์แล้วแต่ศิษย์กลุ่มนี้ของสำนักหลิงอวิ๋น อายุมากที่สุดก็ไม่เกินหนึ่งร้อยปี กลับมีการบำเพ็ญอยู่ในระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางขึ้นไปกันทั้งหมดแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ โม่จิงหงน่าเหลือเชื่อท

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 10

    “ฮ่าๆๆ ...ศิษย์พี่สี่ ท่านถึงกับมาอวดเจ้าโลกต่อหน้าธารกำนัลเชียวหรือ!” เสียงนั้นดังแว่วมาจากไกลๆ ก่อนจะใกล้เข้ามาบุรุษในอาภรณ์สีขาวผู้หนึ่งเหยียบอยู่บนนกกระเรียนวิญญาณ ร่อนลงบนยอดเขาเชียนเจวี๋ยมู่เชียนเจวี๋ยได้ยินบุรุษผู้นั้นกล่าวเช่นนี้ ก็ไม่สนใจไฟที่ลุกไหม้ทั่วร่าง พรึ่บเดียวก็มุดเข้าถ้ำไปนัยน์ตาดำขลับของหลิ่วชางหลานฉายแววขบขัน พลางมองไปยังผู้มาใหม่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เหวินเยว่ เจ้าออกจากด่านแล้วหรือ?”“ขอรับ ศิษย์พี่ใหญ่ ได้ยินว่าพวกเรามีศิษย์น้องหญิงเก้าแล้ว อีกเดี๋ยวศิษย์พี่ใหญ่ต้องพาข้าไปดูนางนะ” ไป๋หลี่เหวินเยว่ร่อนลงสู่พื้นอย่างสง่างาม ร่างสูงโปร่งดุจลำไผ่ ท่วงท่างามสง่างามโดดเด่น ทุกอิริยาบถล้วนแสดงออกถึงความหยิ่งทะนงและความสง่างามอิสระ“ไม่ต้องพาไปหรอก ศิษย์น้องหญิงเล็กมาแล้ว”พอสิ้นเสียงของหลิ่วชางหลาน หลายคนก็มองตามทิศทางที่เขาชี้ไป พลันเห็นเด็กหนุ่มในอาภรณ์สีดำผู้หล่อเหลางดงามราวกับเซียนตกสวรรค์ควบคุมกระบี่เหินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยแม่หนูน้อยที่ขี่นกกระเรียนวิญญาณอยู่แม่หนูน้อยมีรูปโฉมงดงามจนน่าตกตะลึง ใบหน้าเล็กๆ ดูจิ้มลิ้ม ผิวพรรณขาวเนียนผุดผ่อง แม

最新チャプター

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 40

    หูอวิ๋นเสียงรู้ดีว่าตนเองเป็นฝ่ายไม่มีเหตุผล แต่เขาต้องเอากระดานค่ายกลกลับคืนมาให้ได้ “ข้าไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับสำนักของท่านไม่ใช่หรือ? ข้าศึกษาค่ายกลที่ตั้งอยู่ตรงทางเข้าของท่านไม่ได้หรือไร? ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอย่างท่านควรอับอายที่ถือสากับระดับสร้างฐานปราณอย่างข้าใช่หรือไม่?” “ข้าไม่ถือสาเจ้า ย่อมมีคนถือสาเจ้า” ตั้งแต่ต้นจนจบหลิ่วชางหลานเอาแต่จดจ่ออยู่กับมู่เชียนเจวี๋ยที่อยู่ในค่ายกล เมื่อเห็นลมปราณของอีกฝ่ายมั่นคงก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก“ข้ามีพลังบำเพ็ญเพียรแค่ระดับสร้างฐานปราณเท่านั้น พวกท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการรังแกผู้อื่นหรือ?” หูอวิ๋นเสียงรู้ว่าทำเช่นนี้จะยั่วโทสะหลิ่วชางหลานได้แต่กระดานค่ายกลก็คือชีวิตของเขา เขาต้องเอากลับมาให้ได้กลิ่นอายของหลิ่วชางหลานเย็นยะเยือกลงโดยสิ้นเชิง “เมื่อเจอคนที่อ่อนแอกว่าเจ้า ก็เรียกร้องว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับความเคารพ เมื่อเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า ก็เรียกความยุติธรรมอีก”องครักษ์เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “คุณชายอย่าเอ่ยอีกเลยขอรับ ท่านอยากให้ทุกคนตายไปพร้อมกับท่านหรือ?”ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นกลัวหูอวิ๋นเสียงยั่วโทสะหลิ่วชางหลานเช

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 39

    “สหายเต๋า หากข้าบอกว่าข้าแค่เดินผ่านมาเท่านั้น ท่านจะเชื่อหรือไม่?” หูอวิ๋นเสียงพยายามเค้นรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง“หากเดินผ่านมาจำเป็นต้องหยิบกระดานค่ายกลระดับห้ามาทำลายค่ายกลด้วยหรือ?” นัยน์ตาอ่อนโยนของหลิ่วชางหลานฉายแววเย็นชา เสียงทุ้มต่ำลง หูอวิ๋นเสียงทำหน้าหวาดหวั่น หลิ่วชางหลานก็เป็นผู้ใช้ค่ายกลด้วยเหมือนกัน!ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพจำแลงลงไป มองระดับของกระดานค่ายกลออกในแวบเดียวจะต้องเป็นผู้ใช้ค่ายกลอย่างแน่นอน“สหายเต๋า ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดทั้งนั้น ให้โอกาสข้าเถิด ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” หูอวิ๋นเสียงอยากหลบหนีไปมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าผู้คนประหลาดใจกับผู้ใช้ค่ายกลอย่างหูอวิ๋นเสียง คิดไม่ถึงว่าจะหวาดกลัวต่อการปรากฏตัวของผู้บำเพ็ญเพียรสายกระบี่“กระดานค่ายกลนี้เป็นกระดานค่ายกลระดับห้าจริง ๆ หรือ?” มีคนที่อยู่ทางด้านข้างพูดคุยกันเสียงเบาทุกคนต่างรู้ว่าระดับของกระดานค่ายกลคล้ายคลึงกับระดับของอาวุธอาคม แบ่งออกเป็น ระดับหนึ่งถึงสิบ ระดับเซียน ระดับศักดิ์สิทธิ์ ระดับจักรพรรดิ และระดับเทวะปัจจุบันนี้วิชาค่ายกลตกต่ำลง วิชาที่เกี่ยวข้องกับค่ายกลและอาวุธอ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 38

    “ข้ามั่นใจมากว่านี่คือไม้การบูรทองคำ ตระกูลของเราเคยซื้อมาทำหอเก็บสมบัติ เกือบถลุงสมบัติทั้งตระกูลจนหมดเกลี้ยงแล้ว!”เมื่อได้ยินน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของคนผู้นี้ ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ก็มองหน้ากัน จากนั้นก็มองรั้วไม้การบูรทองคำสุดลูกหูลูกตา แล้วอุทานด้วยความตกตะลึง นี่ลงทุนมากเพียงใดกัน? มีคนผู้หนึ่งมองด้วยแววตาสำรวจ “เหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงใช้ไม้การบูรทองคำได้? เหตุใดข้าไม่เคยได้ยินชื่อสำนักหลิงอวิ๋นมาก่อนเลย? ยิ่งไม่เคยเห็นคนของสำนักหลิงอวิ๋นในงานชุมนุมใหญ่ประจำสำนักด้วย?” “มีแค่ข้าคนเดียวหรือที่สงสัยว่าเหตุใดสำนักหลิงอวิ๋นถึงไม่กลัวว่าไม้การบูรทองคำจะถูกขโมย?” หูอวิ๋นเสียงที่ยืนอยู่ข้างรั้วถือไม้การบูรทองคำชิ้นหนึ่งไว้ในมือผู้คนเบิกตาโตมองหูอวิ๋นเสียง คนผู้นี้โง่เง่าไปแล้วกระมัง!ไม้การบูรทองคำเหล่านี้มีรอยตราของผู้แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด และสาเหตุที่ไม้การบูรทองคำล้ำค่าถึงเพียงนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือรอยตราบนตัวมันลบได้เฉพาะผู้ที่ประทับตราเท่านั้น หากสูญหายย่อมตามหาคืนได้ง่ายอย่างยิ่งดังนั้นจึงไม่มีคนโง่ไปขโมยไม้การบูรทองคำ มีแต่เลือกซื้อจากในมือเจ้าของเท่านั้น

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 37

    “ศิษย์พี่เจ็ด เรื่องสำคัญเช่นนนี้ เหตุใดท่านไม่บอกข้าเลยเจ้าคะ?” เมื่อเฟิ่งชิงหร่านคิดว่าหลวนจิ่นกินหมูร้อยตัวต่อหนึ่งมื้อ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยหดหู่ใจ หลวนจิ่นคงไม่หิวจัดจนกลืนนางลงไปด้วยหรอกใช่หรือไม่? “ศิษย์น้องเล็ก ไม่เคยถามเลยนี่นา”เมื่อได้ยินคำตอบตามหลักเหตุผลของโม่จิงหง ศีรษะของเฟิ่งชิงหร่านก็เต็มไปด้วยขีดดำ ของแบบนี้จำเป็นต้องถามก่อนถึงจะบอกได้หรือ?“ศิษย์น้องเล็กวางใจได้ หลวนจิ่นกินอาหารเพียงเดือนละครั้ง ไม่มีทางเอาเจ้าเข้าปากหรอก” “ศิษย์พี่เจ็ด การวางกลอุบายของท่านยาวไกลยิ่งกว่าเส้นทางบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนเสียอีก!” เฟิ่งชิงหร่านตระหนักได้ในบัดดลว่าไม่อาจโดนดวงหน้าหล่อเหลาหาใดเทียมของศิษย์พี่เจ็ดมาหลอกลวงได้แล้วจริง ๆอาจารย์ให้ศิษย์พี่เจ็ดดูแลสำนัก ช่างเหมาะสมยิ่งนัก บุรุษผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!โชคดีที่ศิษย์พี่เจ็ดไม่ใช่ศัตรูของนาง ไม่อย่างนั้นนางคงต้องหาถ้ำสักแห่งเพื่ออยู่เอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่ออกมาอีกเลย!โม่จิงหงสบตากับเฟิ่งชิงหร่านที่โกรธกระฟัดกระเฟียด ไอเย็นเยียบบนร่างเลือนหายไปอีกไม่น้อย ก่อนจะลูบศีรษะนาง “ไม่บอกเจ้าก็เพราะหวังดีกับเจ้านะ วางใจได้ห

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 36

    บรรยากาศในสำนักหลิงอวิ๋นนั้นดีมาก ไม่เคยเกิดเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันเลยแต่ผู้บำเพ็ญเพียรก็เป็นมนุษย์เช่นกัน เมื่อเป็นมนุษย์ก็จะมีความโปรดปราน ภายในสำนักหลิงอวิ๋ง ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่สี่จะสนิทสนมกันมากกว่า ศิษย์พี่หญิงสามกับศิษย์พี่หญิงห้าก็สนิทกันราวกับพี่สาวน้องสาว พูดคุยกันได้ทุกเรื่องศิษย์พี่หกชอบเกาะติดศิษย์พี่หญิงห้ากับศิษย์พี่แปด ศิษย์พี่รองไปไหนมาไหนคนเดียว มักจะหาตัวไม่เจออยู่เป็นประจำ มีเพียงโม่จิงหงเท่านั้นที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้กับทุกคน แต่เขากลับคอยรักษาระยะห่างกับทุกคนเสียเองโม่จิงหงดีกับทุกคนในสำนักมาก แหวนสุเมรุบนมือของทุกคนล้วนเป็นสิ่งที่เขาหลอมขึ้นมา รวมถึงอาวุธป้องกันตัวและยาลูกกลอนต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เขามอบให้โดยอาศัยนามของเย่เวิ่นเทียนอีกทั้งชาที่เตรียมไว้ให้แต่ละคนล้วนแตกต่างกันออกไปหากไม่ใช่เพราะโม่จิงหง นางสงสัยว่าสำนักหลิงอวิ๋นคงจะแยกตัวกันไปนานแล้ว อย่างไรเสียอาจารย์ก็ไม่มีความน่าเชื่อถือมากเกินไป! สองปีแล้ว อย่าว่าแต่อาจารย์ไม่เคยกลับมาที่สำนักหลิงอวิ๋นเลย ยังไม่มีข่าวคราวอีกด้วยเฟิ่งชิงหร่านคิดได้ดังนั้นก็อดรู้สึกปวดใจแทนโม่จิงหงนิดหน่อยไ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 35

    หลังจากที่เฟิ่งชิงหร่านรู้จากหยวนเป่าว่ากำไลวิญญาณคู่ไม่สามารถต้านทานอัสนีบาตได้ นางก็อดรู้สึกท้อแท้ใจนิดหน่อยไม่ได้อัสนีบาตสายที่สามผ่าลงมา ยันต์อาคมด้านหลังฉินหานเยียนหลุดออกอีกหนึ่งแผ่นฉินหานเยียนกัดฟัน ปรับลมหายใจที่ปั่นป่วน ใบหน้าของนางไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อย เนื้อหนังภายใต้ชุดนักพรตปรากฎรอยปริแตกเป็นสาย ๆ ความเจ็บปวดราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ส่งมาจากทั่วทั้งร่างฉินหานเยียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากในอัสนีบาตสวรรค์ ราวกับว่าอัสนีบาตรสวรรค์ทุกสายต้องการคร่าชีวิตนางให้ดับสิ้นโดยไม่มีความปรานีเลยสักนิดเดียวศิษย์น้องเจ็ดพูดถูกต้องมาก อัสนีบาตสวรรค์ผิดปกติจริง ๆ ด้วยตามบันทึกในตำราโบราณ หลังจากที่อัสนีบาตสวรรค์ผ่าลงมาแล้ว จะช่วยชำระล้างร่างกายให้ผู้บำเพ็ญเพียร ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้นางรู้สึกแค่ว่าอัสนีบาตสวรรค์ต้องการทำลายนางเท่านั้น ไม่ได้ชำระล้างเส้นเอ็นให้นางเลยด่านเคราะห์อัสนีระดับกำเนิดวิญญาณสิบแปดสาย สายแรกชำระล้างร่างกาย สายที่สองซ่อมแซมกล้ามเนื้อเส้นเอ็นขยายเส้นลมปราณ สายที่สามเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูก สายที่สี่ชำระล้างรากวิญญาณ

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 34

    หนิงซือเยว่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ไม่สนใจไป๋หลี่เหวินเยว่เวลานี้ฉินหานเยียนสวมชุดบางเบา ชุดกระโปรงพลิ้วไปตามสายลม ไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวเลยสักนิดเดียว หนิงซือเยว่เดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะแปะยันต์อาคมหลายแผ่นไว้ที่แผ่นหลังของฉินหานเยียนจากนั้นก็ขี่กระบี่จากไปอย่างรวดเร็ว แล้วร่อนลงมาเบื้องหน้าไป๋หลี่เหวินเยว่หนิงซือเยว่เดินเข้ามาคว้าหูของไป๋หลี่เหวินเยว่ ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ที่เจ้าตะโกนเมื่อครู่นี้เกือบทำให้ข้าตกใจตายแล้ว!”“เจ็บ ๆๆ ศิษย์พี่หญิงห้า รีบปล่อยมือเถิด ข้าผิดไปแล้ว” ไป๋หลี่เหวินเยว่ไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงอ้อนวอนไม่หยุด “ฮึ!” หนิงซือเยว่แค่นเสียงเย็น แล้วปล่อยหูไป๋หลี่เหวินเยว่“ข้ามาช้าก็เพราะยันต์อาคมหลายใบนั้น มีพวกมันอยู่ สามารถต้านด่านเคราะห์อัสนีถึงแก่ชีวิตแทนศิษย์พี่หญิงสามได้ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าเสี่ยงชีวิตไปติดยันต์ ปรากฏว่าเจ้าดันทำให้ข้าตกใจ หากข้ามือสั่นจนยันต์พังขึ้นมาจะทำอย่างไร?”เมื่อได้ยินหนิงซือเยว่เอ่ยเช่นนี้ ไป๋หลี่เหวินเยว่ถึงค่อยตระหนักได้ว่าตนทำความผิดมากเพียงใด เฟิ่งชิงหร่านที่อยู่ทางด้านข้างนึกดีใจ ยังดีที่เมื่อค

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 33

    สองปีต่อมาเมฆดำแผ่คลุมท้องฟ้าเหนือสำนักหลิงอวิ๋น ครืน!ครืน!กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักหลิงอวิ๋น ทำให้ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่กำลังปิดด่านฝึกตนตื่นตกใจทั่วทั้งเขตชิงอวิ๋น ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับหลอมเทพขึ้นไปล้วนรู้สึกได้ว่าเมฆเขาสั่นไหว แผ่นดินภูเขาโยกคลอนเฟิ่งชิงหร่านเพิ่งจะคงระดับพลังให้มีเสถียรภาพเสร็จ เมื่อเดินออกจากถ้ำก็ตกใจกับเสียงฟ้าร้องจนสะดุ้งโหยง ดูเหมือนนางยังไม่ถึงเวลาที่จะทะลวงระดับไม่ใช่หรือ? “ศิษย์น้องหญิงเล็ก ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที รีบตามข้ามาเร็ว!” บุรุษชุดขาวผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลยืนอยู่บนกระเรียนเหาะเข้ามา รูปร่างดูสง่างามราวกับต้นไผ่ ดูโดดเด่นมีราศี ดวงหน้าแฝงไปด้วยความหยิ่งทระนง “ศิษย์พี่หก คงไม่ได้เจอปัญหาตอนบำเพ็ญเพียรหรอกกระมัง?” เฟิ่งชิงหร่านถามพลางยิ้มจนดวงตาโค้งไป๋หลี่เหวินเยว่หน้าแข็งทื่อ ช่วงเวลาสองปีมานี้ เขาฝืนบีบคั้นตนเองให้เลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ขั้นปลาย เพื่อไม่ให้ด้อยกว่าคนอื่นในสำนัก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เขาสามารถใช้เวลาเพียงแปดปีเลื่อนจากระดับแก่นปราณทองคำขั้นกลางไปอยู่ระดับแก่นปราณทองคำขั

  • ศิษย์น้องหญิงเล็ก พวกพี่บำเพ็ญเพียรไม่ไหวแล้ว   บทที่ 32

    เขตชิงอวิ๋น เมืองหลักของเขตสำนักประมูลซูม่อ สาขาหลักบุรุษชุดดำเดินเจอไป๋หลี่เยวียนม่อแล้วก็ยื่นกล่องวิจิตรงดงามให้สองกล่องมือขาวเนียนราวหยกของไป๋หลี่เยวียนม่อรับกล่องไว้ จากนั้นเสียงที่ชวนให้หลงใหลก็ดึงขึ้นว่า “คราวนี้เป็นของดีอันใดหรือ? ถึงกับทำให้รองผู้ดูแลต้องลำบากมาด้วยตนเอง?”เสียงเย้ายวนใจลอดเข้ามาในหู บุรุษชุดดำใจสั่นสะท้าน เขารีบตั้งสติทันที “ท่านเจ้าหอกำชับว่า ครั้งนี้นางต้องการส่วนแบ่งร้อนละเก้าสิเก้า”ไป๋หลี่เยวียนม่ออึ้งไปเล็กน้อย ดวงหน้างดงามราวกับหยกประดับกวนฉายแววสนใจขึ้นมา นัยน์ตาสีม่วงพราวเสน่ห์ ความสว่างและความมืดร้อยเรียงเข้าด้วยกัน แสงเงาไหลเวียนเป็นกระแสไป๋หลี่เยวียนม่อยกมือขึ้นไปปลดยันต์ผนึกบนกล่อง อยากจะเปิดออกบุรุษชุดดำรีบส่งเสียงว่า “ท่านประมุข ไม่ได้นะขอรับ กางเขตอาคมเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะเกิดความปั่นป่วนได้” ขุมกำลังในเมืองหลักของเขตสลับซับซ้อนมาก อีกทั้งยังมีสำนักใหญ่หลายแห่ง ยอดฝีมือระดับหลอมเทพก็มีอยู่ไม่น้อย เมื่อกลิ่นอายของผลแก่นวิญญาณหลุดรอดออกไปก็จะนำปัญหามาได้นัยน์ตาสีม่วงของไป๋หลี่เยวียนม่อดำทะมึนขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว “

無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status