“คุณแม่หมายถึงคุณแทนไทเหรอคะ”
เธอถามทั้งที่ในใจก็แอบลุ้นให้เป็นเขาอยู่รอมร่อ “ใช่แล้วล่ะ” เทพทัตตอบ แทนที่ณัฐกฤตาจะดูเศร้าเสียใจ แต่กลับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สวรรค์โปรด ! ใครจะโง่ไม่แต่งงาน ต่อให้เขาเป็นเกย์คิดหรือว่าจะยอมให้เป็น ไม่มีทาง ! “ขวัญจะแต่งงานค่ะ !” หญิงสาวพูดโพล่งขึ้น เล่นเอาคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับมองด้วยความประหลาดใจ เพราะเมื่อครู่ยังปฏิเสธอยู่เลย “ขวัญจะเเต่งกับ....” “ใช่ค่ะ” น้ำเสียงตั้งมั่นจนคนเป็นพ่อเป็นแม่ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกขึ้นมา ทันที เทพทัตและทัสนันทน์มองหน้ากัน ในใจคงคิดไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ “ขวัญลองคิดดูก่อนก็ได้ไม่ต้องรีบตอบหรอกลูก ใจจริงแม่ก็ไม่ได้อยากจะให้แต่ง แต่แค่บอกให้เราตัดสินใจ แม่กับพ่อไม่ได้บังคับนะ” ทัสนันทน์พูดขึ้นเพื่อให้ลูกสาวของเธอนั้นได้ใช้เวลาทบทวนก่อนตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง “พ่อไม่รีบเอาคำตอบหรอกนะ คิดดูเอาเองถ้าไม่แต่งพ่อจะได้โทรไปบอกทางฝ่ายนั้น เพื่อความสบายใจของลูก...” “ขวัญตัดสินใจจะแต่งงานกับคุณแทนไทจริง ๆ ค่ะ” แทนไทเดินออกจากห้องภายในคอนโด ฯ ที่วศินอยู่ เขาใช้เวลาคุยกันไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไปแต่ทว่ากลับไม่ได้ความอะไรเลย ครั้นจะโทร. ไปคุยอีกครั้ง อีกฝ่ายบอกว่าจะไม่รับสายจนเขาต้องถามคนในกองที่รู้จักที่อยู่ของ ชายหนุ่มว่าอยู่ที่ไหน ไม่ยังงั้นก็คงจะไม่ได้คุยกัน ทันทีที่ชายหนุ่มก้าวออกจากลิฟต์ สายตาหลายคู่มองตรงมาที่เขาเป็นทางเดียว คงจะไม่พ้นเรื่องข่าวเมื่อเช้าอย่างแน่นอน เสียงบ่นซุบซิบนินทากันเหมือนจะดูเบา ๆ แต่รวมดูแล้วหลายคนเข้าด้วยกันกลับดังจนเขาต้องรีบเดินออกจากที่นี่ไปให้เร็วที่สุด นั่งอยู่นานภายในรถยนต์ แต่ไม่ได้ทำให้จิตใจของชายหนุ่มหายร้อนรุ่มเลย มือบีบกำพวงมาลัยรถแน่น แม่ของเขาคงไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างแน่นอน ยิ่งมีน้องชายคอยเป่าหูอยู่ข้าง ๆ ด้วยแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แทนไทถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะ ขับรถออกจากคอนโด ฯ พลางคิดหาเรื่องแก้ตัวเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่วันคงมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอนเพราะเจ้าน้องชายตัวดี ! ทว่าตอนนี้...จิตใจของเขาไม่ได้เย็นลงเลยสักนิด เพราะหลังจากวางสายจากน้องชายตัวแสบกลับร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม ‘พี่ชายสุดที่รักรีบกลับบ้านนะครับ ผมมีเรื่องจะบอกพี่ชายครับ เกี่ยวกับข่าวนั่นแหละครับ’ น้ำเสียงกะล่อนของน้องชายตัวดีพูดกับเขาเพียงแค่ประโยคเดียวก่อนจะวางสายไป ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งแรงขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้ถึงบ้านเร็วที่สุด แทนไทกลับถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพียงเวลาไม่ถึงชั่วโมง ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องรับแขกด้วยความร้อนใจ สายตาคมกวาดมองหาน้องชายตัวแสบแต่ก็ไม่พบ จึงเดินไปที่บันไดอย่างเร็วไวด้วยความใจร้อน ประตูห้องของเตชินท์ถูกเปิดออก มองหาเจ้าของห้องแต่ไร้วี่แวว เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย นี่คงจะถูกน้องชายตัวดีหลอกอีกแน่นอน แทนไทถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อรู้ว่าโดนหลอก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร จึงเดินหมุนตัวออกจากหน้าห้อง แล้วกลับมาที่ห้องของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า ทันทีที่เปิดประตูห้องเข้ามา แทนไทมองไปยังเตชินท์ที่นอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงด้วยท่าทางสบาย “มาทำไม มีอะไร ?” เขาพูดน้ำเสียงเข้มมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ เตชินท์ดันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมยกมือตบกับเตียงเพื่อเชิญพี่ชายเข้ามานั่งข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มาครับพี่ชายสุดที่รักของผม มานั่งคุยข้าง ๆ กัน” คนน้องพูดจาน้ำเสียงดูกะล่อนจนรู้สึกหมั่นไส้ “มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” แทนไทพูดด้วยเสียงเพลีย ๆ แต่คนฟังกลับไม่ได้คิดว่าเหนื่อยเพราะงานมานั่นเอง “โอ้โฮ พี่ชายของผมเหนื่อยเพราะไปทำอะไรมาครับเนี่ย” เตชินท์ยิ้ม หัวเราะออกมาอย่างสนุก “ฉันไม่เลวแบบนายถึงขั้นเกือบจะเคยทำผู้หญิงท้องมาเพราะความมักมากหรอกนะ” เสียงเรียบนิ่งของแทนไทตอบ สายตาคมกริบจ้องมองเตชินท์อย่างกับจะเตะทิ้งลงจากเตียงให้ได้ในตอนนี้ “เดี๋ยวนี้ไม่ต้องห่วงผมแล้ว ผมป้องกันทุกครั้งไม่มีพลาดแน่” เตชินท์พูดด้วยความมั่นใจ ทั้งที่ในใจของเขาไม่คิดจะให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง “มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา” แทนไทตัดบทถามขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ก็ไม่มีอะไรมากเท่าไหร่หรอกครับคุณพี่ชาย” เตชินท์กล่าวขึ้น “อย่าเล่นลิ้น บอกมาสั้น ๆ” เตชินท์ขำ นึกสนุกเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาจะบอกพี่ชายตัวดีตรงหน้า “ครับ สั้น ๆ” แทนไทจ้องตาเขม้นมองน้องชายตัวแสบ “คุณแม่สุดที่รักท่านอยากลบภาพที่แสนจะภูมิใจของพี่ชายในวันนี้เมื่อได้อ่านข่าว ท่านรู้สึกตึงเครียดและเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่งก็เลย...” “ขอสั้น ๆ” แทนไทย้ำอย่างใจเย็น “มันต้องมีบทนำก่อนสิครับ” เตชินท์กล่าวพร้อมดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้ามาหาแทนไทที่จ้องด้วยสายตาไม่พอใจ “ถ้านายจะเล่าแบบนี้ ก็ออกไปพูดข้างนอกให้จบก่อนแล้วถึงตอนสำคัญค่อยเข้ามาพูด ฉันขี้เกียจฟัง” ผู้เป็นพี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ครับ ๆ เอาแบบสั้น ๆ ได้ใจความว่า คุณแม่เมื่อได้อ่านหนังสือพิมพ์อีกครั้งก็คิดกลุ้ม...” “สั้น ๆ” แทนไทเน้นย้ำ “โห ก็ได้ครับ ผมก็แค่...” เตชินท์สร้างความตื่นเต้น ครั้นเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของพี่ชายแล้วยิ่งรู้สึกสนุกเข้าไปอีก แทนไทจ้องมองสายตาของน้องชายที่แสดงถึงความเจ้าเล่ห์ออกมา ใจเริ่มหวั่นๆ กลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่อยากฟังมากที่สุด “คุณแม่อยากให้พี่ชายแต่งงานให้เร็วที่สุดครับ” ทันทีที่ได้ยินแทนไทนิ่งเงียบพูดไม่ออกราวกับตัวเขาถูกก้อนน้ำแข็งทับไว้จนชาไปทั่วร่างกาย ใช่คำพูดที่น้องชายเขาบอกมันได้ใจความ แต่...ชวนอึ้งสุดๆ ไปเลย ! “หมายความว่ายังไง ?” แทนไทถาม “ก็คุณแม่กลัวพี่ชายสุดที่รักของผมเผลอใจไปรักกับผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยจะให้แต่งงานซะเลยเพื่อลบข่าวแถมยังไม่ต้องกลัวว่าพี่ชายจะไปคว้าผู้ชายที่ไหนมาเป็นสะใภ้น่ะครับ” เตชินท์ร่ายยาว แต่สุดท้ายความหมายเดิมคือ ลบข่าวออกโดยการแต่งงาน !“ก็คุณแม่กลัวพี่ชายสุดที่รักของผมเผลอใจไปรักกับผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยจะให้แต่งงานซะเลยเพื่อลบข่าวแถมยังไม่ต้องกลัวว่าพี่ชายจะไปคว้าผู้ชายที่ไหนมาเป็นสะใภ้น่ะครับ” เตชินท์ร่ายยาว แต่สุดท้ายความหมายเดิมคือ ลบข่าวออกโดยการแต่งงาน !แทนไทมองหน้าน้องชายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างมีความสุข เขาอยากจะชกสักหมัดไปที่หน้าของเตชินท์สักทีสองทีจริงๆ“เพราะแกใช่ไหมที่แม่ต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มกัดฟันถาม มือแกร่ง กำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ“เปล่า คุณแม่นั่งกลุ้มใจเครียดแทบจะเป็นลม ผมก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้น่ะ” น้ำเสียงของเตชินท์ตอบโดยไม่คิดอะไร“ออกไปซะ” เขาออกปากไล่เตชินท์ยิ้มรับพร้อมกับหลุดขำออกมา“ผมหวังดีนะ ไม่อยากให้พี่ชายเดินทางผิดคิดเป็นเกย์”แทนไทฟังคำพูดทิ้งท้ายของน้องชายที่เดินออกไปจากห้อง แต่เสียงหัวเราะก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา“บ้าเอ๊ย !” แทนไทสบถออกมา เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่เจ้าน้องชายตัวแสบถึงกลับเสนอวิธีแบบนี้ให้แม่เลยอย่างนั้นเหรอ...เขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย !แต่ถึงจะบังคับให้แต่งงานยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะจะมีผู้หญิงคนไหนยอมมาแต่งงานก
ณัฐกฤตาออกมาพบวรรณรดาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากที่เมื่อตอนเที่ยงอีกฝ่ายได้โทร. มานัดเพราะต้องการคุยเรื่องการแต่งงานของเธอกับแทนไทให้กระจ่างรู้เรื่องหญิงสาวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าพร้อมกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่เพื่อนของเธอนัดพบก่อนจะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว“มาแล้วเหรอ นึกว่ากำลังเพ้อฝันถึงคุณแทนไทจนลืมเพื่อนซะแล้ว” วรรณรดาแซวพลางมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“บ้า ใครจะเพ้อถึงขนาดนั้น” หญิงสาวร้องด้วยน้ำเสียงเขินอาย“จะแต่งจริง ๆ เหรอ” สายตาของวรรณรดามองมาเหมือนกับบอกว่า...คิดให้ดีอีกครั้งเถอะ !“ก็บอกแล้วไงว่าคุณแทนเขาไม่ใช่เกย์” หญิงสาวแก้ตัวแทนชายหนุ่มแม้จะเคยคุยกับเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็รับรู้ว่าเขาต้องไม่ใช่ในแบบที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน“มีออกรับแทนด้วย เป็นหนักนะเนี่ย” วรรณรดาพูดด้วยความหมั่นไส้“เปล๊า” คนตอบทำเสียงสูงยิ้มแก้มบาน“ช่างเถอะ แกแต่งฉันไม่ได้แต่ง แล้วกำหนดวันแต่งหรือยังว่าวันไหน”“ยังหรอก เห็นว่าจะดูฤกษ์แต่งงานกัน
ไม่มีข้อแม้ ยังไงซะงานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !”นั่นเป็นคำพูดที่เขาไม่มีทางปฏิเสธได้อีกแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่ห้องทิ้งตัวลงที่นอนด้วยความอ่อนล้าพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่จะแต่งงานด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นณัฐกฤตาเครียด ! เขาเครียดมากกว่าเดิมอีกเป็นหลายสิบเท่าตัวทำไมหล่อนถึงตกลงแต่งงาน !เขารู้จักกับหญิงสาวเพราะร่วมงานกันเมื่อหลายเดือนก่อน เธอเป็นคนออกแบบชุดนางแบบโฆษณาให้กับเขา พบเจอและคุยงานกับเธอไม่กี่ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่เจอคงจะเป็นเมื่อปีที่แล้วที่เขามาดูการถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอมพอดีกับที่เธอเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้านักแสดงที่ต้องใช้ในกองถ่ายที่เตชินท์ทำงานอยู่หลังจากนั้นหลายเดือนก็ไม่ได้พบอีกแต่แล้วอยู่ ๆ กำลังจะมาเป็นเจ้าสาวทั้งที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยย่างนั้นเหรอ ทำไม่ได้ ! เขาจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด แทนไทลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิดและสับสนกระวนกระวายใจ...ให้ตายเถอะ !หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เตชินท์ขับรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว เรื่องทุกอย่างกำลังสนุก
แทนไทรีบใส่ชุดคลุมให้เรียบร้อยก่อนจะหันมามองณัฐกฤตาที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วส่งสายตาหื่นมองมาที่เขา“อย่ามองผมด้วยสายตาหื่นแบบนี้” เขาพูดก่อนจะเดินออกห่าง“เปล่านะ” เธอรีบปฏิเสธ ทั้งที่ยังจ้องมองร่างของชายหนุ่มไม่วางตา อกแบนราบเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดทุกสัดส่วนคุณพระ ! นี่มันหุ่นว่าที่พ่อของลูกเธอชัด ๆ“ออกไปจากห้องผมซะ ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” ชายหนุ่มกล่าว“ไม่ค่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นเกย์จริง ๆ หรือเปล่า” หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมลุกขึ้นขยับเข้ามาใกล้ สายตาส่งมองเขาอย่างยั่วยวนทั้งที่ใจกลับกลัวเขาอยู่รอมร่อ“ออกไปซะ ถ้ามีใครมาเห็นมันจะไม่ดี” แทนไทตอบพร้อมเดินถอยออกห่างจนชิดติดกำแพงอีกข้าง“ดีเลยค่ะ ฉันช๊อบชอบ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริ่ง“ผม-เป็น-เกย์” เขาพูดเน้นย้ำชัดทุกคำ“ฉันไม่เชื่อว่าผู้ชายอย่างคุณจะเป็น !” ณัฐกฤตาพูดอย่างมั่นใจ“ผมเป็น และเสียใจด้วย” แทนไทยิ้มหญิงสาวส่ายหน้ามองเขาราวกับรับความจริงไม่ได้“
เพียงเวลาไม่นานที่แทนไทใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมายังห้องรับแขก สายตาคมมองไปหาทุกคนที่ต่างมานั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“นั่งลงสิตาแทน” ธรรศพูดขึ้นชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งตรงข้ามหญิงสาว สายตาเขามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้มหลบเขาอยู่“นี่ไงจ๊ะขวัญ คุณแทนไทที่แม่บอก” ทัสนันทน์เอ่ยขึ้นพร้อมมองใบหน้าของลูกสาวที่ก้มงุดไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามอง“ผมกับขวัญเจอกันแล้วครับ” แทนไทตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“เจอกันได้ยังไง เราก็อยู่ในห้องตลอดนี่” นิตยลัภย์ถามด้วยความสงสัย“บังเอิญเจอกันก่อนที่จะลงมาหาคุณแม่ข้างล่างนี่แหละครับ” เขาตอบแต่ก็ไม่จริงทั้งหมดณัฐกฤตาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะว่าเธอเป็นฝ่ายบุกไปหาเขาถึงห้อง ถ้าแม่รู้คงจะกล่าวว่าอย่างแน่นอน“อ้อ แล้วนี่คุยกันหรือยังล่ะ” นิตยลัภย์เอ่ยถาม“คุยแล้วครับ” แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิงสาวตอบกลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มตอบเสียเอง ทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยความแปลกใจ ณัฐกฤตาเองได้แต่นั่งนิ่งเงียบสงบราวกับไม่มีตัวตนกลายเป็นว่า
ผ่านมาสามวันหลังพักพักผ่อน แทนไทกลับมาทำงานตามปกติ แต่ สิ่งเดิมที่ไม่ปกตินั่นก็คือ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ที่ต้องวนเวียนอยู่กับเขาทุกสามเวลา เขาต้องไปรับทั้งที่เธอควรจะมาเองด้วยซ้ำแต่เพียงแค่เธอพูดออกมาเขาต้องจำใจยอม‘งั้น ถ้าคุณแทนไม่อยากมารับฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ ไว้แต่งงานกันคุณก็ต้องไปส่งฉันอยู่ดี’ไปส่งเธอในตอนเช้า มารับไปทานอาหารกลางวันเวลาเที่ยง ตอนเย็นหลังเลิกงานต้องไปส่งกลับบ้าน แล้วไหนช่วงวันหยุดที่ต้องพาณัฐกฤตาไปเดตอีกช่วงเวลาอิสระของเขาแทบหายไป นี่ก็ผ่านมาหกวันแล้วหลังจากที่เธอและเขาคบกันในฐานะคู่รัก ช่างเป็นเดือนที่ทรมานสำหรับเขา อีกทั้งข่าวที่ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ถูกลืมไปเรื่อยๆ แทนที่ด้วยข่าวงานแต่งงานที่ถูกปล่อยออกไป ทีแรกนึกว่าเป็นเพียงแค่ข่าวที่หญิงสาวสร้างขึ้น แต่เป็นเรื่องจริงที่เขาเองไม่อยากจะได้รับฟังข่าวใหม่ นักธุรกิจหนุ่ม รองประธานบริษัทเครื่องสำอางชื่อดังกำลังจะแต่งงานกับหญิงที่แอบคบดูใจกันมา หรือว่าแต่งงานเพราะปกปิดความจริงที่ตัวเองเป็นเกย์กันแน่ !ทันทีที่ได้อ่านหัวข้อข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ชายหนุ่
บทนำปึก!เสียงหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวรูปไข่ที่นั่งทำงานอยู่ถอนหายใจพร้อมเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัยและแปลกใจ“นี่ไงที่แกบอกว่าเขาหล่อนักหล่อหนา” วรรณรดาผู้เป็นเพื่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ ครั้นเมื่อมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่รู้จักกันมาเกือบสิบปีที่ยังทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้ร้อนหนาวก็ยิ่งโมโหใหญ่“ก็แล้วไงล่ะ? ฉันชอบเขา”ณัฐกฤตาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจกับข่าวตรงหน้าที่เพื่อนสาวนำมาให้“แกชอบเขา แต่ฉันไม่ชอบ ฉันบอกแกเลยว่าอย่าไปคบเด็ดขาด!” วรรณรดาเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวเพราะเธอรู้ดีว่าน้องนิสัยเป็นอย่างไร แล้วอย่างนี้คนพี่จะเหลือหรือไง!“จะอะไรนักหนากันยัยดา แกรู้ได้ไงว่าคบด้วยไม่ได้ ฉันว่าเขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและเพอร์เฟ็กต์ จนฉันอยากอยู่ใกล้ทุกวันเลย”ณัฐกฤตาลุกขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนมองใบหน้าเพื่อนสาว“ก็...ก็อยู่กับผู้ชายที่เป็นเกย์เนี่ยนะ แกพูดออกมาได้ยังไง” วรรณรดาถามพลางมองใบหน้าของผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ยิ้มระรื้อออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะส่ายหน้าถอนหายใจออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะเจอโดยบังเอิญในวันนั้นอย่างที่เล่าให้ฟังป่านนี้คงไ
บทที่ 1บรรยากาศภายในห้องรับแขกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด หญิงสาววัยกลางคนนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดเซียวแทบจะเป็นลมจับเมื่อได้อ่านข่าวของ ลูกชายที่ออกหนังสือพิมพ์พาดหัวหน้าหนึ่ง“ยาดม ๆ อยู่ไหน” นิตยลัภย์พูดเสียงเหนื่อย ๆ ในขณะที่สาวใช้ คนสนิทก็รีบวิ่งไปนำยาดมมาให้ทันที“ใจเย็น ๆ นะคะ คุณผู้หญิง” แก้วใจพูดปลอบ ซึ่งไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย แต่ยิ่งทำให้คนฟังเดือดเข้าไปอีก“ใจเย็น !” นิตยลัภย์ลุกขึ้นพูดมองลูกชายคนโตด้วยสายตาเดือดพล่านแสดงถึงอารมณ์ขุ่นมัว จนคำด่าบรรยายออกมาแทบไม่ถูก“รู้ไหม แกทำอะไรลงไป !” นิตยลัภย์ตวาดลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว ใบหน้าสวยที่เริ่มมีริ้วรอยแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ครับ”แทนไทตอบและมองด้วยสีหน้ารู้เครียด เขาไม่ได้ทำอะไรผิดแต่เป็นเพราะพวกนักข่าวชอบทำความวุ่นวายให้ต้องเดือดร้อน ทั้งที่จริงแล้วแทบจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องวงการบันเทิงเลยสักนิด“ไม่ผิด ! นี่แกยังจะมาพูดแบบนี้อีกเหรอ !” นิตยลัภย์ตวาดเสียงเข้ม สีหน้าแสดงถึงการรับไม่ได้ของข่าวที่ออกมา“พวกนักข่าวชอบเสือก ตีไข่ใส่สี”ชายหนุ่มสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดใจ“เสือกนั่นแหละดีแล้ว ฉันจะได้