“ก็คุณแม่กลัวพี่ชายสุดที่รักของผมเผลอใจไปรักกับผู้ชายไม้ป่าเดียวกัน ก็เลยจะให้แต่งงานซะเลยเพื่อลบข่าวแถมยังไม่ต้องกลัวว่าพี่ชายจะไปคว้าผู้ชายที่ไหนมาเป็นสะใภ้น่ะครับ” เตชินท์ร่ายยาว แต่สุดท้ายความหมายเดิมคือ ลบข่าวออกโดยการแต่งงาน !
แทนไทมองหน้าน้องชายที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อย่างมีความสุข เขาอยากจะชกสักหมัดไปที่หน้าของเตชินท์สักทีสองทีจริงๆ “เพราะแกใช่ไหมที่แม่ต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มกัดฟันถาม มือแกร่ง กำหมัดแน่นเพื่อระงับอารมณ์โกรธที่อยู่ในใจ “เปล่า คุณแม่นั่งกลุ้มใจเครียดแทบจะเป็นลม ผมก็เลยเป็นที่ปรึกษาให้น่ะ” น้ำเสียงของเตชินท์ตอบโดยไม่คิดอะไร “ออกไปซะ” เขาออกปากไล่ เตชินท์ยิ้มรับพร้อมกับหลุดขำออกมา “ผมหวังดีนะ ไม่อยากให้พี่ชายเดินทางผิดคิดเป็นเกย์” แทนไทฟังคำพูดทิ้งท้ายของน้องชายที่เดินออกไปจากห้อง แต่เสียงหัวเราะก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา “บ้าเอ๊ย !” แทนไทสบถออกมา เขาเดินมานั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง นี่เจ้าน้องชายตัวแสบถึงกลับเสนอวิธีแบบนี้ให้แม่เลยอย่างนั้นเหรอ...เขาไม่ใช่เกย์สักหน่อย ! แต่ถึงจะบังคับให้แต่งงานยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จเพราะจะมีผู้หญิงคนไหนยอมมาแต่งงานกับเขาล่ะ ! หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องน่ายินดีสำหรับณัฐกฤตาตลอดระหว่างอาหารมื้อเย็น เธอแทบรับประทานอาหารไม่ลง เพราะว่าในใจอยากจะร้องกรี๊ดออกมาดัง ๆ แต่ถ้าส่งเสียงออกมาแล้วล่ะก็ท่านทั้งสองคงแปลกใจยิ่งกว่าเดิมที่เธอมีความสุขมากขนาดนี้ หญิงสาวกระโดดร้องเต้นดีใจอยู่ภายในห้องนอนสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใบหน้าเรียวสวยยิ้มเปิดบานจนแก้มทั้งสองข้างแทบฉีก ดวงตากลม ฝันหวานถึงเขาและงานแต่งขึ้นมาทันที...แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อว่าเขาเป็นเกย์ ถึงจะหลงชอบผู้ชายด้วยกันอาจเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบพาไป เธอจะทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมให้ได้ ! หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความสุข เพียงเวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ณัฐกฤตาก็เดินออกมาจากห้องน้ำมายังโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อทาครีมบำรุง เป่าผมให้แห้ง ก่อนมาที่โต๊ะทำงานขนาดกลางซึ่งตั้งอยู่มุมห้องทางด้านขวามือของเตียงนอนเธอ พร้อมกับนั่งลงก่อนจะหยิบโทรศัพท์เพื่อโทร.หาวรรณรดาให้ทราบถึงข่าวดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า [อะไรกันอีกยัยขวัญ ฉันกำลังรีบทำงานส่งหัวหน้าอยู่ ไม่ว่างหรอกนะ] “ข่าวดียัยดา ข่าวดีสำหรับฉันมาก ๆ เลย” ณัฐกฤตาเอ่ยเสียงสั่นด้วยความดีใจ [ข่าวอะไรของแกไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอไง ฉันจะทำงาน] หญิงสาวยังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน ตรงกันข้ามกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ฉันจะได้แต่งงานกับคุณแทนน่ะ” [หา ! ว่าอะไรนะ !] “ใช่แล้ว” หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างมีความสุข [แกพูดใหม่อีกทีสิ เผื่อแกนอนละเมอ] “ไม่ใช่ ฉันยังไม่ได้นอนย่ะ เป็นเรื่องจริง” [ไปใช้มารยาจับเขาวิธีไหนมาล่ะเนี่ย หรือแกวางยาเขาแล้วจับปล้ำ...] “เปล่า แต่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก” หญิงสาวตอบด้วยความเขิน [งั้นเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้นะ] “อ้าว แกไม่ต้องทำงานแล้วหรือไง ถ้าฉันเล่าแล้วยาวนะ” [เล่ามาเถอะ ฉันทำงานไปฟังไปได้ย่ะ] สุดท้ายเสียงพูดคุยหัวเราะก็ดังไปทั่วห้อง เป็นเวลานานจนไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานแค่ไหน กว่าที่ณัฐกฤตาจะวางสายหันมามองนาฬิกาก็เกือบห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เธอลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมาล้มนอนที่เตียงอย่างหมดแรง เหนื่อยที่ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงหัวเราะคุยกันจนลืมดูว่าเลยเวลาเข้านอนของเธอ ในส่วนลึกของสมองเธอนั้นยังคงเน้นย้ำอยู่เสมอว่า เขาไม่ใช่เกย์ ! แทนไทเดินออกมาจากห้องประชุมในช่วงตอนเที่ยง เขาใช้เวลาประชุม เพื่อออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าตัวใหม่อยู่เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะ กลับเข้ามาภายในห้องทำงาน ชายหนุ่มถอนหายใจยาว เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดู หมายเลขเกือบสิบสายเป็นของคนคนเดียวนั้นคือ... แม่ของเขา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก เขาหันไปมองทั้งที่โทรศัพท์ยังคงถืออยู่ในมือ “คุณแม่มาทำอะไรครับ” แทนไทถามพลางมองสีหน้าของมารดาที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “มาชวนไปกินข้าวกับแม่ เพราะแม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มเหมือนเชิงสั่ง “ผมไม่ว่างครับ ชวนเจ้าเตไปแทนผมละกันครับ” เขาตอบปฏิเสธ “แม่มีเรื่องต้องคุยกับเรา” นิตยลัภย์เน้นย้ำอีกครั้ง “เรื่องอะไรครับ งั้นคุณแม่บอกผมตรงนี้เลยก็ได้” แทนไทว่า นิตยลัภย์ถอนหายใจมองใบหน้าคมเข้มของลูกชายด้วยความไม่พอใจ ก่อนเดินมานั่งลงที่โซฟา ชายหนุ่มจึงเดินมานั่งลงที่โซฟา พลางมองใบหน้าของมารดาเหมือนจะเดาได้ว่าเป็นเรื่องอะไร “เรื่องที่จะจับผมแต่งงานเพื่อลบข่าวสินะครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นทันที “เจ้าเตคงมาบอกแล้วสินะ” “ใช่ครับ” แทนไทรับคำสั้น ๆ ถึงยังไงข่าวที่ออกไปก็คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะแต่งงานกับเขาอยู่ดี “ก็ดี แม่จะมาบอกว่าแม่เตรียมงานแต่งเอาไว้แล้วนะ” เมื่อได้ยินแทนไทถึงกับมองด้วยความตกใจ “คุณแม่หมายความว่ายังไงครับ ?!” “ก็แต่งงานไงล่ะ” นิตยลัภย์ตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าแทนไทถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง “ถ้าผมไม่แต่งละครับ” เขาถามขึ้น “ฮึ ! คิดเหรอว่าแม่จะยอมให้แทนปฏิเสธ อีกอย่างพ่อรู้ข่าวแล้ว วันนี้ตอนเย็นก็คงกลับมาถึง” แทนไทข่มสีหน้าทุกอย่างเอาไว้ “ผมไม่แต่ง อีกอย่างฝ่ายนั้นเป็นใครผมก็ไม่รู้” คำพูดของลูกชายทำให้นิตยลัภย์ถึงกับนิ่งเงียบ “ไม่รู้แต่รู้ว่าฝ่ายหญิงเขาตกลงเรียบร้อยแล้ว” แทนไทนั่งนิ่งไม่พูด สายตากลอกไปกลอกมาด้วยความว้าวุ่นใจ นี่เขาจะต้องแต่งงานจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ “ผมไม่ได้รัก...” “อย่าตอบว่าไม่ได้มีใจให้ผู้หญิงคนไหน ไม่งั้นแม่อกแตกตายพอดี” นิตยลัภย์พูดดักขึ้นอย่างรู้ทัน แล้วพูดต่อไปในทันที “เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ เรื่องอื่นแม่ไม่อยากฟัง” ชายหนุ่มนั่งนิ่งมองมารดาลุกขึ้นจากโซฟา “จะไปกินข้าวกับแม่ไหม ?” “ไม่ครับ” แทนไทตอบ ขณะมองมารดาสายตาที่เคร่งเครียด ในเวลาแบบนี้ใครจะมีอารมณ์ไปทานข้าวได้อีก อิ่มเลย จุกที่ลำคอไปหมด “งั้นแม่ไปก่อนล่ะ จะไปหาฤกษ์แต่งให้ด้วย” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ แต่งงานไม่ใช่ทางแก้ปัญหาทั้งหมดแต่อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ! สายตาคมมองมารดาเดินออกไปจากห้อง พลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก คิดไม่ตกว่าควรจะแก้ปัญหาที่จุดไหนก่อนดี แต่สิ่งที่เขานึกคือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ? แล้วทำไมถึงตอบตกลงแต่งงานกับเขา !ณัฐกฤตาออกมาพบวรรณรดาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากที่เมื่อตอนเที่ยงอีกฝ่ายได้โทร. มานัดเพราะต้องการคุยเรื่องการแต่งงานของเธอกับแทนไทให้กระจ่างรู้เรื่องหญิงสาวเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าพร้อมกวาดสายตามองหาร้านอาหารที่เพื่อนของเธอนัดพบก่อนจะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว“มาแล้วเหรอ นึกว่ากำลังเพ้อฝันถึงคุณแทนไทจนลืมเพื่อนซะแล้ว” วรรณรดาแซวพลางมองใบหน้าของณัฐกฤตาที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่“บ้า ใครจะเพ้อถึงขนาดนั้น” หญิงสาวร้องด้วยน้ำเสียงเขินอาย“จะแต่งจริง ๆ เหรอ” สายตาของวรรณรดามองมาเหมือนกับบอกว่า...คิดให้ดีอีกครั้งเถอะ !“ก็บอกแล้วไงว่าคุณแทนเขาไม่ใช่เกย์” หญิงสาวแก้ตัวแทนชายหนุ่มแม้จะเคยคุยกับเขาเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็รับรู้ว่าเขาต้องไม่ใช่ในแบบที่ทุกคนคิดอย่างแน่นอน“มีออกรับแทนด้วย เป็นหนักนะเนี่ย” วรรณรดาพูดด้วยความหมั่นไส้“เปล๊า” คนตอบทำเสียงสูงยิ้มแก้มบาน“ช่างเถอะ แกแต่งฉันไม่ได้แต่ง แล้วกำหนดวันแต่งหรือยังว่าวันไหน”“ยังหรอก เห็นว่าจะดูฤกษ์แต่งงานกัน
ไม่มีข้อแม้ ยังไงซะงานแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน !”นั่นเป็นคำพูดที่เขาไม่มีทางปฏิเสธได้อีกแล้ว ชายหนุ่มเดินกลับมาที่ห้องทิ้งตัวลงที่นอนด้วยความอ่อนล้าพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เมื่อรู้ว่าหญิงสาวที่จะแต่งงานด้วยไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นณัฐกฤตาเครียด ! เขาเครียดมากกว่าเดิมอีกเป็นหลายสิบเท่าตัวทำไมหล่อนถึงตกลงแต่งงาน !เขารู้จักกับหญิงสาวเพราะร่วมงานกันเมื่อหลายเดือนก่อน เธอเป็นคนออกแบบชุดนางแบบโฆษณาให้กับเขา พบเจอและคุยงานกับเธอไม่กี่ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกที่เจอคงจะเป็นเมื่อปีที่แล้วที่เขามาดูการถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอมพอดีกับที่เธอเป็นผู้ออกแบบเสื้อผ้านักแสดงที่ต้องใช้ในกองถ่ายที่เตชินท์ทำงานอยู่หลังจากนั้นหลายเดือนก็ไม่ได้พบอีกแต่แล้วอยู่ ๆ กำลังจะมาเป็นเจ้าสาวทั้งที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลยย่างนั้นเหรอ ทำไม่ได้ ! เขาจะไม่มีวันยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด แทนไทลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยความหงุดหงิดและสับสนกระวนกระวายใจ...ให้ตายเถอะ !หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ เตชินท์ขับรถออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว เรื่องทุกอย่างกำลังสนุก
แทนไทรีบใส่ชุดคลุมให้เรียบร้อยก่อนจะหันมามองณัฐกฤตาที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วส่งสายตาหื่นมองมาที่เขา“อย่ามองผมด้วยสายตาหื่นแบบนี้” เขาพูดก่อนจะเดินออกห่าง“เปล่านะ” เธอรีบปฏิเสธ ทั้งที่ยังจ้องมองร่างของชายหนุ่มไม่วางตา อกแบนราบเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดทุกสัดส่วนคุณพระ ! นี่มันหุ่นว่าที่พ่อของลูกเธอชัด ๆ“ออกไปจากห้องผมซะ ผมจะเปลี่ยนเสื้อผ้า” ชายหนุ่มกล่าว“ไม่ค่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณเป็นเกย์จริง ๆ หรือเปล่า” หญิงสาวส่ายหน้าพร้อมลุกขึ้นขยับเข้ามาใกล้ สายตาส่งมองเขาอย่างยั่วยวนทั้งที่ใจกลับกลัวเขาอยู่รอมร่อ“ออกไปซะ ถ้ามีใครมาเห็นมันจะไม่ดี” แทนไทตอบพร้อมเดินถอยออกห่างจนชิดติดกำแพงอีกข้าง“ดีเลยค่ะ ฉันช๊อบชอบ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริ่ง“ผม-เป็น-เกย์” เขาพูดเน้นย้ำชัดทุกคำ“ฉันไม่เชื่อว่าผู้ชายอย่างคุณจะเป็น !” ณัฐกฤตาพูดอย่างมั่นใจ“ผมเป็น และเสียใจด้วย” แทนไทยิ้มหญิงสาวส่ายหน้ามองเขาราวกับรับความจริงไม่ได้“
เพียงเวลาไม่นานที่แทนไทใช้เวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมายังห้องรับแขก สายตาคมมองไปหาทุกคนที่ต่างมานั่งรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว“นั่งลงสิตาแทน” ธรรศพูดขึ้นชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งตรงข้ามหญิงสาว สายตาเขามองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังก้มหลบเขาอยู่“นี่ไงจ๊ะขวัญ คุณแทนไทที่แม่บอก” ทัสนันทน์เอ่ยขึ้นพร้อมมองใบหน้าของลูกสาวที่ก้มงุดไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามอง“ผมกับขวัญเจอกันแล้วครับ” แทนไทตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“เจอกันได้ยังไง เราก็อยู่ในห้องตลอดนี่” นิตยลัภย์ถามด้วยความสงสัย“บังเอิญเจอกันก่อนที่จะลงมาหาคุณแม่ข้างล่างนี่แหละครับ” เขาตอบแต่ก็ไม่จริงทั้งหมดณัฐกฤตาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะว่าเธอเป็นฝ่ายบุกไปหาเขาถึงห้อง ถ้าแม่รู้คงจะกล่าวว่าอย่างแน่นอน“อ้อ แล้วนี่คุยกันหรือยังล่ะ” นิตยลัภย์เอ่ยถาม“คุยแล้วครับ” แทนที่จะเป็นฝ่ายหญิงสาวตอบกลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มตอบเสียเอง ทุกคนต่างก็จ้องมองด้วยความแปลกใจ ณัฐกฤตาเองได้แต่นั่งนิ่งเงียบสงบราวกับไม่มีตัวตนกลายเป็นว่า
ผ่านมาสามวันหลังพักพักผ่อน แทนไทกลับมาทำงานตามปกติ แต่ สิ่งเดิมที่ไม่ปกตินั่นก็คือ หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเรียวสวยรูปไข่ที่ต้องวนเวียนอยู่กับเขาทุกสามเวลา เขาต้องไปรับทั้งที่เธอควรจะมาเองด้วยซ้ำแต่เพียงแค่เธอพูดออกมาเขาต้องจำใจยอม‘งั้น ถ้าคุณแทนไม่อยากมารับฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ ไว้แต่งงานกันคุณก็ต้องไปส่งฉันอยู่ดี’ไปส่งเธอในตอนเช้า มารับไปทานอาหารกลางวันเวลาเที่ยง ตอนเย็นหลังเลิกงานต้องไปส่งกลับบ้าน แล้วไหนช่วงวันหยุดที่ต้องพาณัฐกฤตาไปเดตอีกช่วงเวลาอิสระของเขาแทบหายไป นี่ก็ผ่านมาหกวันแล้วหลังจากที่เธอและเขาคบกันในฐานะคู่รัก ช่างเป็นเดือนที่ทรมานสำหรับเขา อีกทั้งข่าวที่ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ถูกลืมไปเรื่อยๆ แทนที่ด้วยข่าวงานแต่งงานที่ถูกปล่อยออกไป ทีแรกนึกว่าเป็นเพียงแค่ข่าวที่หญิงสาวสร้างขึ้น แต่เป็นเรื่องจริงที่เขาเองไม่อยากจะได้รับฟังข่าวใหม่ นักธุรกิจหนุ่ม รองประธานบริษัทเครื่องสำอางชื่อดังกำลังจะแต่งงานกับหญิงที่แอบคบดูใจกันมา หรือว่าแต่งงานเพราะปกปิดความจริงที่ตัวเองเป็นเกย์กันแน่ !ทันทีที่ได้อ่านหัวข้อข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ชายหนุ่
บรรยากาศภายในห้องจัดงานเลี้ยง ณ. โรงแรมหรูแห่งหนึ่งเต็มไปด้วยความอลหม่าน ผู้คนมากมายต่างขะมักเขม้นทำงานเพื่อให้ทันกำหนดงาน เเต่งงานที่จะถึงอีกไม่กี่วัน ซึ่งถูกจัดเตรียมไว้อย่างหรูหราแทนไทยืนมองหญิงสาวที่ยิ้มร่าเริงให้กับพ่อเเม่ของเขาก่อนจะเดินลับสายตาเขาไปเพื่อเดินดูงานในจุดอื่นอีกเพียงเเค่สองวันเขาไม่อยากให้ถึงเลย ให้ตายสิ ! หลังจากนี้ชีวิตเขาจะเป็นยังไงล่ะ? ไม่อยากจะคิดเลย...เสียงโวยวายตะโกนสั่งงานของหัวหน้าคุมงานในงานแต่งดังขึ้นทำให้ทุกคนต่างหยุดงานหันมามองเป็นทางเดียวกันด้วยความตกใจ“เธอยังจะนั่งเล่นโทรศัพท์ได้อีกเหรอไง รู้ไหมอีกเเค่สองวันจะถึงวันงานเเล้ว ถ้าไม่เสร็จฉันจะไล่เธอออก !”เเทนไทหันไปมองเจ้าของเสียงก่อนจะส่ายหน้าออกมา สองวัน...ยิ่งคิดอิสระเขายิ่งหาย ทำไมถึงไม่เชื่อเขาว่า...เขาไม่ได้เป็นเกย์ !ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งพร้อมหมุนตัวเดินออกจากห้องจัดงานเลี้ยงพร้อมถอนหายใจอย่างหนัก สองเท้าก้าวยาวไปก่อนหยุดชะงักลงเมื่อพบกับ หญิงสาวที่ส่งยิ้มหวานให้“เบื่อเหรอคะ” ณัฐกฤตาเอ่ยถามเสียงหวาน“ก็ไม่มีอะไ
[สรุป แกจะให้ฉันไปให้ได้]“ใช่แล้ว โอเคนะ งั้นเจอกันที่...” เธอบอกสถานที่นัดพบ ก่อนวางสายไป หญิงสาวเก็บเครื่องสำอางบางส่วนที่ต้องใช้เข้ากระเป๋าสะพายก่อนจะเดินออกจากห้องไปสองเท้าก้าวลงบันไดด้วยความรวดเร็ว ตรงมาที่หน้าประตูใหญ่ก่อนจะโน้มตัวก้มลงสวมรองเท้าส้นสูง พร้อมยืนตรงเงยหน้าสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวลงบันไดเพื่อเดินไปที่รถภายในร้านกาแฟแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง เป็นเวลาเกือบสิบโมงกว่าๆ หลังจากที่ณัฐกฤตาเพื่อนสาวของเธอออกมาเดินเที่ยว ช้อปปิ้งและไปทำบุญที่วัด วรรณรดาแทบอยากจะร้องโวยวายเสียงดัง มีตั้งหลายวันที่จะพาเธอออกมาแล้วทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยก็ไม่รู้เสียงถอนหายใจของณัฐกฤตาดังขึ้นหลายครั้งจนเธอต้องมองด้วยความรำคาญและหงุดหงิด“เลิกถอนหายใจสักทีเถอะ ฉันเห็นแล้วเหนื่อยแทนวะ”“ก็จะให้ทำยังไงล่ะ ถ้าคุณแทนเขาเป็นเกย์ขึ้นมาจริง ๆ” ณัฐกฤตากล่าวออกมาด้วยความท้อใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากต้องมีสามีเป็นเกย์ กลางคืนเขาอยู่กับเธอ แต่กลางวันเขากลับเป็นสามีผู้ชายคนอื่นแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน“แล้
ณัฐกฤตาเดินเข้ามาข้างใน ชะเง้อคอมองไปทางพ่อแม่ของแทนไท ที่ต่างยืนคุยสนุกสนานกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ก่อนจะเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือกล่าวสวัสดีทักทายผู้ใหญ่ คุยกันเพียงไม่นานก็เดินออกมาตามหาเขาชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนร่วมงานธุรกิจในกลุ่มเล็กสองถึงสามคน มีแต่เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินยังไงชอบกล หรือว่าผู้ชายทุกคนที่เขากำลังคุยด้วยอยู่เป็นเกย์เหมือนกัน ทำไมถึงไม่มีใครเอ่ยทักเธอบ้างเลย“คุณขวัญสวยจริง ๆ เลยนะครับ ผมละอิจฉาแทนเลย” ชายหนุ่มใบหน้าเรียวผิวสีแทนกล่าวทักทำลายบทสนทนาที่กำลังคุยกันลง“นั่นสิครับ คิดไม่ถึงว่าคุณแทนจะได้ภรรยาสวยและเก่งขนาดนี้” อีกคนพูดเสริมขึ้น แทนไทได้แต่ปั้นหน้ายิ้มรับคำชม“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับยิ้มหวานให้“งั้นข่าวที่ออกมาก็เป็นการเข้าใจผิดใช่ไหมครับ”“ใช่ค่ะ คงเป็นเพราะคุณวศินเป็นดาราดังด้วยมั้งคะ นักข่าวเลยสนใจและเข้าใจผิดกันไปเองค่ะ” หญิงสาวตอบแทน ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้กับเขา“นั่นสิครับ ผมเองก็
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ เอ่อ...แล้วพี่ชายล่ะคะ”“รออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ เห็นว่าบ่นใหญ่เลยตั้งแต่รู้ว่าคุณหนูแต่งงานแล้วไม่ยอมบอก”แทนไทที่ยืนฟังอยู่ข้าง ๆ คิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจ“แล้วนี่ขวัญไม่ต้องโดนบ่นอีกหรือคะ”“นมว่าคุณหนูลองเข้าไปเองดีกว่าค่ะ”ณัฐกฤตาพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปข้างในโดยที่แทนไทเดินตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องที่พูดกันนั้นคือเรื่องอะไร“คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ ทำไมไม่โทรมาบอกผมสักคำ และนี่จับให้ขวัญแต่งงานกับผู้ชายที่มีข่าวอีก คุณพ่อคุณแม่คิดอะไรกันอยู่ครับ” เสียงเข้มของพี่ชายเล็ดลอดผ่านออกมาจากห้องรับแขก ทำให้ณัฐกฤตายืนมองโดยไม่กล้าเดินเข้าไป“นั่นไง ขวัญมาพอดีเลย” ทัสนันทน์ลุกขึ้นเดินเข้ามาหาลูกสาว“สวัสดีครับคุณแม่ คุณพ่อ” แทนไทกล่าวทักทายก่อนจะหันไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวคม คิ้วหนาจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักรองรับเข้ากันอยู่ในชุดทำงานสูทเรียบร้อยไร้รอยยับยืนอยู่ตรงกลางห้องรับแขกหันมามองด้วยสีหน้าแววตาโกรธจัด
หลังจากกลับมาประเทศไทย พาลินไม่ได้ออกไปไหนไกลยกเว้นแต่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ในตัวเมืองก็เท่านั้น เธอไม่ได้อยู่มาหลายปีบางสิ่งนั้นก็ยังคงเดิมบางสิ่งนั้นก็ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่จนจำไม่ได้ พาลินเดินอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง สายตากวาดมองผู้คนที่ต่างเดินเข้าออกร้านจับจ่ายใช้สอย แต่เธอกลับไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดตั้งแต่กลับมาหากรู้ว่ากลับมาแล้วต้องมาพบกับข่าวการแต่งงานของแทนไทผู้ชายที่เธอแอบรักเธอจะไม่กลับมา สู้ไม่รู้เสียดีกว่า ยิ่งรับรู้ว่าเขารักภรรยามากแค่ไหนยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวเดินไปตามทางด้วยใจที่เหม่อลอย แต่ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มที่คุ้นเคยเดินเคียงข้างกับหญิงสาว ด้วยระยะสายตาที่ไกลจากอีกฝากแต่ก็ยังจำเขาได้ ต่อให้จะเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าก็ตาม หัวใจดวงน้อย ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะแค่เพียงได้เห็นใบหน้าของเขาแค่เสี้ยววินาที คำว่า ‘รัก’ ยังคงดังก้องในใจเพื่อรอวันที่จะบอกให้เขารู้ แต่คงไม่มีอีกแล้ว เพราะว่าเขามีเจ้าของไปแล้ว...พาลินไม่รีรอรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกห่างไปเรื่อย ๆ ผ
แสงไฟสลัว ๆ ที่เปิดไว้ภายในห้องรับแขก ณัฐกฤตากำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เรื่องราวที่ได้ฟังจนสับสนไม่เข้าใจเพราะว่าพยายามถามเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเตชินท์และวรรณรดาอยู่นั่นเอง แต่อีกฝ่ายก็พูดโน่นพูดนี่พยายามที่จะบ่ายเบี่ยงนานกว่าที่ณัฐกฤตาจะไล่ถามจนวรรณรดายอมปริปากเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับเตชินท์ให้ฟัง เพียงแค่ฟังไม่ถึงห้านาทีแรกเธอก็ต้องร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ว่ายังไงนะ !”[อื้ม...ฉันเจอเขาที่นั่นแหละ] ปลายสายตอบรับมา ยิ่งทำให้ณัฐกฤตาแปลกใจขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะยังจำได้ว่าตอนที่จบมาใหม่ ๆ วรรณรดาเอ่ยถึงเรื่องแฟนที่เพิ่งเลิกกันได้ไม่นานให้ฟังแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร“ยังไงล่ะ เล่าต่อสิ”[หลังจากนั้นเตก็มารับฉันที่หน้าคณะบ่อย ๆ เพราะว่าเราเรียนอยู่ที่เดียวกันแต่คนละสาขาวิชาน่ะ...]“พรหมลิขิตชัด ๆ ยัยดา !” ณัฐกฤตาพูดขึ้นเสียงดัง[จะบ้าหรือไง ก็แค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ] อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง แต่คนฟังก็รับรู้ได้ถึงความเศร้าที่ฟังจากน้ำเสียง“แล้วแกคบกับเตนานหรือเปล่า”[ก็
“แล้วจะไม่สั่งอะไรหรือยังไง เอาแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น” แทนไทเริ่มเอ่ยปากแซวน้องชายตัวเองบ้าง เตชินท์หันมาฉีกยิ้มให้พี่ชายของเขา“ดาอยากจะทานอะไรหรือเปล่า” เตชินท์เอ่ยถามขึ้นบ้าง“อะไรก็ได้ค่ะ” แทนที่วรรณรดาตอบ แต่เป็นณัฐกฤตาตอบแทน“ยัยขวัญ !” วรรณรดากัดฟันพูดมองหน้าเพื่อนด้วยความเขินอาย“ก็เห็นแกเขินอยู่ไงฉันเลยตอบแทนให้ จริงไหมคะคุณแทน” ว่าแล้วเธอก็หันไปทางชายหนุ่มเพื่อหาพวก สายตาจ้องมองเขาให้ตอบว่า…“จริงครับ” แทนไทตอบพร้อมกับยิ้มให้กับภรรยาสาวเตชินท์ได้แต่เหลือบมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานหนุ่มพร้อมทั้งสั่งของหญิงสาวไปด้วย แต่สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับณัฐกฤตาคือเตชินท์รู้แม้กระทั่งเมนูโปรดที่เพื่อนของเธอชอบทาน“แล้วตกลงจะบอกได้หรือยังว่าไปคบกันรู้จักกันตอนไหน” ทันทีที่พนักงานหนุ่มเดินจากไปณัฐกฤตาก็เอ่ยถามขึ้นถึงประเด็นเดิม“เอ่อ...” วรรณรดาก้มหน้าไม่สบตามองคนบนโต๊ะเช่นเ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำซึ่งเป็นที่ตกใจและแปลกใจสำหรับแทนไท“ไม่ต้องจ้องฉันซะขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” เธอพูดก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า“ผมก็แค่แปลกใจที่คุณ...”“ก็เมื่อกี้ยังไม่ได้เลือกไว้นี่คะ อีกอย่างฉันรอคุณเข้าไปอาบน้ำอยู่นะ” เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเปิดตู้เสื้อผ้า“ครับ ผมก็แค่สงสัยวันนี้คุณมาแปลกก็เท่านั้น”“ไม่แปลกหรอกค่ะ ปกติตอนเช้าคุณจะอาบน้ำก่อนฉันนี่คะ จะให้ฉันเปลี่ยนชุดโดยที่มีคุณอยู่ใครจะไปกล้ากันล่ะคะ”“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย ถ้าคุณไม่กล้าไว้ผมจะออกมาเปลี่ยนชุดเป็นเพื่อนพร้อมกับคุณ ดีไหม ?” แทนไทถามด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ณัฐกฤตาจ้องมองด้วยสายตาขุ่นเคือง ทั้งที่จริงแล้วใบหน้าของเธอนั้นแดงก่ำด้วยความอายและโกรธ“ผมล้อเล่นน่า” เเทนไทก้าวเข้าไปใกล้“เเต่ฉันไม่เล่นด้วยนี่คะ คุณชอบพูดจาเเบบนี้ทุกที”“โอเคครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่พูดจาลามกใส่ภรรยาสุดสวยอีก อย่างอนผมนะ” เขาพูดพร้อมก้าวเข้ามาหาเธอ ทว่าหญิงสาวกลับถอยหลังออกห
“เป็นอะไรไปยัยแพงดูร้องเข้า แม่ตกใจหมด”“แพงก็แค่ตกใจค่ะ” พาลินตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางก้มหน้าหลบสายตา แทนไทพี่ชายที่เธอหลงรักเขาแต่งงานแล้วหรือนี่ ?“แล้วนี่แต่งกันตอนไหนล่ะ ไม่เห็นโทรมาบอกบ้างเลยนะ”“แต่งกะทันหันเพราะมีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้เห็นเจ้าแทนติดหนูขวัญงอมแงมเลยนะ ฉันกำลังรอหลานอยู่นี่แหละ” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงดีใจ จนพาลินถึงกับตัวสั่นสะท้านออกมาเพราะว่าทนฟังต่อไปไม่ได้“คุณแม่คะ เดี๋ยวแพงออกไปข้างนอกหน่อยนะคะ พอดีนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนเก่าเอาไว้ค่ะ” พาลินพูดปดเพราะทนฟังต่อไปไม่ได้“อย่ากลับมาดึกนักล่ะ” กรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“ค่ะ” หญิงสาวขานรับสั้น ๆ พร้อมลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอน่าจะกลับมาหาเขาตั้งนานแล้ว ไม่คิดว่าพี่แทนไทผู้ชายแสนดีที่ไม่เคยชายตามองผู้หญิงคนไหนจะแต่งงานไปแล้ว“แล้วเตชินท์ล่ะเป็นยังไงบ้าง” เสียงของกรพรรณเอ่ยถามดังเล็ดลอดออกจากห้องรับแขกจนถึงหูของพาลินที่กำลังเดินออกไปแต่ทว่าเธ
“เตรู้ว่าสายไป แต่ถ้ามันทำให้ดาต้องเสียใจเพราะกลับมาคบกับเตอีกครั้ง...” เตชินท์สูดหายใจเข้าลึก ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่เศร้าโศก “เตจะไม่ขอมายุ่งวุ่นวายกับดาอีก เตจะออกไปจากชีวิตของดา”เพียะ !ฝ่ามือเรียวฟาดลงไปที่แก้มของชายหนุ่มอย่างแรง แววตาของเธอมองเขาด้วยความโกรธ อยากจะไปจากชีวิตเธอแล้วกลับมาขอเธอคบอีกทำไม !“กลับมาทำไมล่ะ ถ้ากลับมาแล้วจะจากฉันไปแบบนี้ คนใจร้าย !” หญิงสาวตวาดใส่ชายหนุ่มทั้งน้ำตา เตชินท์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกมืดแปดด้านจนหาทางออกไม่ได้“ถ้านั่นเป็นความต้องการของดาเตจะไป...”“เป็นเพราะนาย...” วรรณรดาพูดเสียงสั่น “ทำไมฉันถึงไม่ลืมนายสักทีทำไมล่ะ...ทั้งที่นายเองก็ไม่เคยรักฉันเลยสักนิด !”“ดา...”“ฉันกลัว...” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพลางสูดหายใจเข้าและยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง “กลัวว่านายจะทิ้งฉัน กลัวว่านายจะทำเหมือนเมื่อก่อน...”“ดา...เราลองมาคบดูใจกันก่อนได้ไหม ถ้าดายังไม
“แล้วนี่หายาทาไปบ้างยัง ?” นิตยลัภย์ถามด้วยความเป็นห่วง“แค่ประคบด้วยน้ำแข็งครับ”“ไป ๆ รีบเข้าบ้านกัน ยืนแบบนี้เดี๋ยวยิ่งเจ็บมากขึ้นอีก” ว่าแล้ว นิตยลัภย์ก็เดินเข้ามาช่วยประคองลูกสะใภ้เดินขึ้นบันไดเข้าไปในบ้านแทนไทพยุงภรรยาเดินเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับแม่ ก่อนจะนั่งลงที่โซฟา นิตยลัภย์เดินมานั่งที่โซฟาอีกตัวข้างลูกชาย ชายหนุ่มจึงหันไปมองมารดาที่มีหน้าเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยคำถามมากมาย“ดูคุณแม่มีเรื่องที่จะถามผมเยอะนะครับ” แทนไทเอ่ยถามขึ้น“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”“มีอะไรก็บอกผมเถอะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“มีอะไรหรือเปล่าคะ ?” ณัฐกฤตาเอ่ยถามขึ้นบ้างหลังจากที่สังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของแม่สามี“พักนี้ตาเตมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นิตยลัภย์พูดด้วยน้ำเสียงกังวล“ทำไมเหรอครับ ?”“ก็พักนี้ตาเตดูแปลกไป ถึงจะเที่ยวผู้หญิงจะไปดื่มมา แต่ครั้งนี้...”“ดูเหมือนคนอกหักใช่ไหมคะ” ณัฐกฤตาตอบขึ้นแทน
“ไปครับ เดี๋ยวผมอุ้มคุณไปนอนพักที่ห้อง” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน แต่คนที่กำลังถูกอุ้มนั้นหันมามองด้วยแววตาตกใจ“ไม่ต้องเลยค่ะ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวรีบปฏิเสธขึ้นทันทีพลางขยับตัวลุกขึ้นแต่ทว่าขาของเธอนั้นยังไม่มีแรงมากพอที่จะทรงตัวยืนเองได้ตามปกติ ณัฐกฤตาจึงเซล้มลงที่โซฟาอีกครั้งทว่าเขากลับเข้ามาช่วยรั้งเธอไว้นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวแบบใกล้ ๆ พลางยิ้มออกมาที่มุมปากก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นดุเข้ม“เห็นไหม ยังไม่หายดียังจะอวดเก่งอีก”“ก็คุณชอบ...”“ผมบอกแล้วไงว่าไม่รังแกคนเจ็บ แต่ถ้าไม่เชื่ออีกผมจะจูบคุณจริง ๆแล้วนะ” แทนไทพูดขู่“คนบ้า !”“ตกลงจะให้ผมอุ้มหรือจะให้ผมจูบคุณดีครับ”ดูเหมือนจะเป็นข้อเสนอที่เธอไม่อยากจะได้ทั้งนั้นเลย ณัฐกฤตามองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ลังเลพลางคิดหนักอุ้มหรือจูบ“ที่รักคุณคิดนานเกินไปนะ เดี๋ยวผมเลือกให้เองดีไหม ?”“อุ้ม” เธอตอบพึมพำเบา ๆ“อะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย” แทนไทแกล้งทวนคำ