บิดาของพลอยลลินณ์หรือมัดหมี่เป็นหนี้บ่อนการพนันอยู่สองล้านบาทถ้วนและเจ้าหนี้ก็ตามมาทวงที่หญิงสาวเมื่อสองเดือนก่อนและบังเอิญว่าวันนั้นภาคินเจ้านายของเธอมาได้ยินเข้าพอดี เขาจึงเสนอว่าจะใช้หนี้ให้ ส่วนพลอยลลินณ์จะใช้เงินคืนเขาเมื่อไหร่นั้นเขาไม่ได้กำหนด หญิงสาวเลยเสนอให้ฝ่ายบัญชีหักเงินเดือนของเธอครึ่งหนึ่งทุกเดือนเพื่อทยอยใช้หนี้
พลอยลลินณ์ไม่รู้ว่ากี่ปีเธอถึงจะใช้หนี้จำนวนนี้หมด แต่ระหว่างนี้หญิงสาวก็พยายามจะหารายได้เพิ่มไม่ว่าจะเป็นการรับรีวิวสินค้า การรับแปลเอกสาร การสอนพิเศษวิชาภาอังกฤษในวันหยุดไม่ว่าอะไรที่ได้เงินเพิ่มพลอยลลินณ์ไม่เคยรังเกียจและเต็มใจเพราะรู้ว่ายิ่งขยันมากเท่าไหร่ระยะเวลาใช้หนี้ก็จะลดลงมากเท่านั้น
หญิงสาวไม่ได้อาศัยอยู่กับบิดาเพราะเขาไปแต่งงานมีครอบครัวใหม่หลังจากที่มารดาของเธอเสียไปเมื่อห้าปีก่อน แต่ทุกครั้งที่มีปัญหาบิดาของเธอก็มักจะมารบกวนอยู่เรื่อยๆ
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วพลอยลลินณ์ก็ตั้งกล้องเพื่อจะอัดคลิปรีวิวสินค้าที่เพิ่งรับมา ใช้เวลารีวิวครึ่งชั่วโมงจากนั้นก็นั่งตัดต่อคลิปอีกครึ่งชั่วโมงและส่งคลิปให้เจ้าของสินค้าดูก่อนจะอัปโหลดลงแพลตฟอร์มต่างๆ เมื่อได้รับอนุญาต
เคลียร์งานทุกอย่างเสร็จก็คิดว่าจะเข้านอนแต่หัวเพิ่งถึงหมอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือบิดา หญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเพราะทุกครั้งที่เขาโทรมาหา ก็มักจะไม่พ้นเรื่องเงิน
“สวัสดีค่ะพ่อ”
“อือ สวัสดีมัดหมี่แกนอนหรือยัง”
“กำลังจะนอนค่ะพ่อ”
“อย่าเพิ่งรีบนอนสิพ่อมีอะไรจะบอก”
“พ่อคะ ถ้าพ่อจะขอเงินมัดหมี่อีกมัดหมี่ไม่มีให้แล้วนะคะแต่ละเดือนมัดหมี่ก็ใช้เงินเดือนชนเดือนเพราะต้องหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งไปจ่ายหนี้ให้กับคุณภาคิน”
“พ่อไม่ได้จะโทรมาขอเงินแกหรอกนะมัดหมี่” สุพจน์รีบปฏิเสธ
“แล้วพ่อโทรมาดึกแบบนี้มีอะไรจะคุยกับมัดหมี่เหรอคะ”
“พ่อมีข่าวมาบอกแกน่ะสิ”
“ข่าวอะไรคะพ่อ”
“เพื่อนพ่อเล่าให้ฟังว่าลูกสาวของเขาไปทำงานเป็นหมอนวดบนเรือสำราญรายได้เดือนหนึ่งเป็นแสนเลยนะ พ่อเลยอยากจะถามแกว่าสนใจไปทำงานไหม”
“พ่อค่ะการจะไปทำงานแบบนั้นเราต้องมีฝีมือเราต้องเรียนนวดค่ะ มัดหมี่ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะคะพ่อ"
“แต่เงินมันดีจริงๆ นะยิ่งแกได้ภาษาด้วยพ่อว่าลูกค้าเขาต้องชอบแน่ๆ ส่วนเรื่องนวดเขาก็มีเปิดสอนคอร์สสั้นๆ” เขาอธิบายตามที่สอบถามจากเพื่อนมา
“แต่การไปทำงานบนเรือแบบนั้นมันลำบากนะคะ มัดหมี่เคยได้ยินมาว่ากว่าจะได้พัก กว่าจะได้ขึ้นฝั่งแต่ละครั้งก็นานอยู่”
“มันลำบากก็จริงแต่เงินมันก็ดี”
“ถ้าเงินมันดีพ่อก็ไปทำเองสิคะ”
“ถ้าเขารับผู้ชายฉันก็ไปทำเองแล้ว มัดหมี่แกฟังพ่อดีๆ นะ แกไปทำงานไม่กี่เดือนก็ใช้หนี้เจ้านายแกได้แล้ว ไม่ต้องมาหักจากเงินเดือนเดือนละสองหมื่นแบบนี้”
“แต่มัดหมี่คิดว่างานที่ทำอยู่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร เงินเดือนก็พออยู่ได้ถ้าหากว่าพ่อไม่สร้างหนี้เพิ่ม”
“ฉันโทรมาบอกแกดีๆ นะ อยากให้แกมีงานดีๆ เงินดีๆ ทำ ไม่ได้ให้แกมาว่าฉัน"
“แล้วงานที่มัดหมี่ทำอยู่มันไม่ดีตรงไหนคะ”
“แต่เงินมันน้อย แล้วเป็นขี้ข้าเขาแบบนั้นเมื่อไหร่จะรวย”
“ไปทำงานบนเรือก็ขี้ข้าเขาเหมือนกันค่ะพ่อ”
“แต่แกจะไม่เจอผู้ชายรวยๆ” สุพจน์เห็นว่าคนที่ไปทำงานมักจะได้สามีรวยๆ ชาวต่างชาติกันทั้งนั้น
“ที่พ่ออยากให้มัดหมี่ไปทำงานบนเรือเพราะอยากให้เจอผู้ชายรวยๆ เหรอคะ”
“ก็ใช่สิพ่ออยากให้แกแต่งงานกับผู้ชายรวยๆ”
“ใครว่ามัดหมี่จะแต่งงานกันล่ะ”
“แกอย่าบอกนะว่าจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย”
“มัดหมี่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่เป็นโสดแต่ตอนนี้มัดหมี่ยังไม่คิดเรื่องมีครอบครัว”
“เพราะอะไร แล้วไอ้ต้นแฟนแกล่ะไปไหนเสียล่ะ”
“พอจะถามถึงพี่ต้นอีกทำไมคะ”
“นี่เลิกกันแล้วเหรอวะ ดีเหมือนกันพ่อว่าหน้าตาสวยๆ อย่างแกหาผัวได้ดีกว่าไอ้ต้น”
“มัดหมี่กับเขาเป็นแค่แฟนค่ะ เราไม่เคยมีอะไรกัน”
“จะมีอะไรหรือไม่มีอะไรกันมีแต่แกสองคนเท่านั้นแหละรู้แต่ก็ดีเหมือนกันนะ”
“ดียังไงคะ”
“ก็ถ้าแกกลับมาโสดอีกครั้งแบบนี้พ่อจะหาผู้ชายดีๆ ให้”
“พ่อคะอย่ายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของมัดหมี่”
“แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงแกเป็นลูกฉันนะ ฉันก็ต้องคอยดูสิว่าผู้ชายที่จะเข้ามาในชีวิตแกมันเป็นยังไงสาวๆ สวยๆ อย่างแกจะเอาคนธรรมดามาเป็นผัวไม่ได้หรอก”
“สาวๆ สวยๆ อย่างมัดหมี่ต้องมีผัวแบบไหนถึงจะถูกใจพ่อล่ะคะ” หญิงสาวถามประชด
“มันก็ต้องมหาเศรษฐีรวยๆ”
“พ่อคะ มัดหมี่ขอร้องเรื่องนี้มัดหมี่ขอตัดสินใจเอง ตอนนี้มัดหมี่อยากทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ เรื่องอื่นยังไม่อยากคิดค่ะ”
“ทำงานเป็นขี้ข้าเขาแบบนี้เมื่อไหร่จะใช้หนี้หมดกันล่ะ หาผัวรวยๆ ดีกว่า” บิดาของเธอยังยืนยันความคิดเดิม
“ถึงเงินเดือนมัดหมี่จะไม่มากแต่มันก็ดูแลมัดหมี่และใช้หนี้ให้พ่อได้ก็แล้วกันค่ะ ถ้าพ่อจะโทรมาคุยกับมัดหมี่แค่นี้มัดหมี่ขอตัวนอนก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวสิมัดหมี่”
พอวางสายจากบิดาแล้วพลอยลลิลณ์ก็ร้องไห้ ไม่รู้ว่าเธอไปทำกรรมอะไรมาถึงได้เจอเรื่องแบบนี้ แต่ก่อนตอนที่บิดาของเธอแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่ก็เห็นมีความสุขดี แต่จู่ๆ ก็กลับมาหาเธอและบอกว่าเป็นหนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยสนใจเธอกับมารดา แม้กระทั่งตอนที่มารดาเสียชีวิตเขาก็โผล่หน้ามางานศพแค่คืนเดียว แต่พอต้องการใช้เงินก็กลับมาหาและให้เธอคอยตามใช้ หนี้ก้อนสุดท้ายมันก็มากถึงสองล้าน หญิงสาวเคยยื่นคำขาดไปแล้วว่าถ้าหลังจากนี้ยังจะมาขอเงินเธออีกเธอจะไม่สนใจและจะไม่ติดต่อเขาอีกเลย
หลังจากส่งพลอยลินณ์ที่คอนโดมิเนียมของเธอแล้วภาคินก็ขับรถกลับมาที่คอนโดมีเนียมของตัวเองซึ่งคอนโดแห่งนี้เขามักจะใช้เป็นที่หลบภัยเวลาเครียดๆ จากงานหรือเวลาที่ไม่ต้องการจะกลับบ้านวันนี้เขารู้สึกเหนื่อยและอยากจะพัก ภาคินอยากจะอยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครมารบกวนแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ทำให้เขาต้องวางแก้วเครื่องดื่มในมือลงก่อนจะกดรับ“สวัสดีค่ะภาคิน คุณยังประชุมไม่เสร็จอีกเหรอคะ” “ผมประชุมเสร็จแล้ว” “ว่านรอคุณอยู่ที่ผับนะคะเมื่อไหร่คุณจะตามมาสักทีหรือว่ามัดหมี่ลืมบอกคุณคะ เลขาคุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะคะแทนที่จะรีบบอกคุณเราจะได้เจอกัน” “อย่าไปโทษมัดหมี่เลยเธอบอกผมแล้ว แต่วันนี้ผมเพลียไม่ค่อยอยากออกไปไหน” “ได้ยังไงคะ ว่านนัดเพื่อนๆ มาแล้วเรากำลังสนุกกันอยู่และเพื่อนของว่านก็อยากจะเจอคุณมาก” “คืนนี้ผมคงไม่ออกไปแล้ว เหนื่อยมากอยากพักสักนิด” “ว่านไม่ยอมนะคะถ้าคุณไม่มาว่านจะงอนจริงๆ ด้วย” “ว่านเข้าใจผมหน่อย ผมทำงานเหนื่อยเดี๋ยวผมจะโอนเงินให้แล้วกันนะคุณจะได้สนุกกับเพื่อนอย่างเต็มที่” “ภาคินขา ที่ว่านโทรหาคุณไม่ใช่เรื่องเงินนะคะ ว่านอยากเจอคุณจริงๆ เราไม่ได้เจอกันมาอาทิตย์หนึ่งแล้วนะคะ คุณบอกว่าเหนื่อย
พลอยลลินณ์มาทำงานก่อนเจ้านายเหมือนทุกวัน ขณะที่เข้าในลิฟต์ก็เจอกับเพื่อนร่วมงานอยู่หลายคน เธอยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตรจนกระทั่งภายในลิฟต์เหลือแค่ตนเองกับชลธรพนักงานฝ่ายไอทีซึ่งเธอกับเขาก็รู้จักกันเป็นอย่างดี“พี่ธรมาเช้าเหมือนกันนะคะ”“แต่ก็ไม่เช้าทุกวันเหมือนมัดหมี่หรอก เมื่อวานกว่าจะเลิกประชุมก็ดึกเช้านี้ก็ยังมาแต่เช้า”“พี่ก็เหมือนกันแหละค่ะ ถ้าการประชุมไม่มีพี่อยู่ด้วยพวกเราแย่”ในการประชุมใหญ่มักจะติดขัดอยู่บ้างเพราะผู้บริหารระดับสูงบางคนก็ไม่ค่อยถนัดใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ เจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีจึงต้องรออยู่หน้าห้องจนกว่าการประชุมจะจบลง เมื่อคืนชลธรก็อยู่รอจบการประชุมจบเหมือนอย่างทุกครั้ง“แต่มันก็ดีกับคนโสดอย่างเรานะ”“ดียังไงคะ” หญิงสาวเดินตามเขาออกมานอกลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ตัวเองทำงาน“เราเลิกงานดึกได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรออยู่ที่บ้าน”“ข้อนี้มัดหมี่เห็นด้วยค่ะ อีกข้อที่พี่ธรลืมพูดก็คือเงินโอทีที่จะเข้ากระเป๋าเราด้วยนะคะ”“นั่นเป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย”พลอยลลินณ์และชลธรหัวเราะขึ้นมาพร้อมกันจากนั้นทั้งสองก็แยกไปทำงานโต๊ะทำงานของหญิงสาวตั้งอยู่หน้าห้องของภาคิน ข้างๆ กันเป็นของพี่ส
ภาคินมายังร้านอาหารที่พลอยลลินณ์จองไว้ให้ เขามองหาผู้หญิงตามที่เห็นในรูปก่อนจะยิ้มเมื่อพบว่าเธอมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว“สวัสดีครับคุณแก้วใช่ไหมครับ ผมภาคินครับ” เขาทักทายพร้อมทั้งส่งดอกไม้ที่เตรียมมาให้กับหญิงสาว“สวัสดีค่ะคุณภาคิน ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นและยกมือไหว้ทักทายอย่างสวยงามก่อนจะรับดอกไม้มาถือไว้“นั่งเถอะครับ คุณแก้วมาถึงนานหรือครับ”“แก้วมาถึงก่อนหน้านี้ 10 นาทีเองค่ะ”“หิวไหมครับ ผมขอโทษที่มาช้าพอมีดีงานเร่งนิดหน่อยครับ”“ยังไม่หิวเลยค่ะ ท่าทางงานคุณภาคินคงจะยุ่งนะคะ”“ก็ยุ่งนิดหน่อยครับมีโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องดูแลอยู่หลายโปรเจกต์”“คุณป้าบอกว่าช่วงนี้คุณภาคินทำงานหนักมาก”“มันก็แล้วแต่ช่วงครับ ถ้าโครงการเริ่มเปิดก็จะเหนื่อยหน่อยแต่สักพักก็จะเข้าที่”ภาคินหยุดคุยเมื่อเห็นว่าพนักงานกำลังเดินมารับออเดอร์“คุณแก้วอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”“ไม่ค่ะแก้วทานอะไรก็ได้”“ที่นี่มีอาหารอะไรขึ้นชื่อบ้างครับ” เขาหันไปถามพนักงานเพราะปกติเวลามาทานกับพลอยลลินณ์หญิงสาวจะเป็นคนจัดการทุกอย่างให้โดยเขาไม่ต้องสั่ง“ที่ลูกค้านิยมสั่งกันก็มีแกงเผ็ดเป็ดย่าง ยำถั่วพู ต้มยำกุ้งแม่น้ำค่ะ ถ้าเป็นอาหา
เมื่อได้อาบน้ำแล้วภาคินก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขานั่งทำงานต่ออีกนิดเพราะอยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนหยุดยาวแต่ทำงานได้ไม่ถึง 10 นาทีเสียงโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิเขาออกจากงานตรงหน้า“สวัสดีค่ะคุณภาคิน แก้วโทรมารบกวนหรือเปล่าคะ”“ไม่เลยครับคุณแก้วมีอะไรหรือเปล่า”“คือแค่จะโทรมาถามว่าคุณภาคินถึงบ้านปลอดภัยดีแล้วใช่ไหมคะ”“ผมถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”“คุณภาคินทำอะไรอยู่คะมีเวลาพอจะคุยกับแก้วได้ไหม”“แก้วเรียกผมว่าคินเฉยๆ ก็ได้นะครับ”“ถ้างั้นคุณภาคินก็ต้องเรียกแก้วว่าแกเฉยๆ เหมือนกันค่ะ จะได้ฟังดูสนิทสนมกันหน่อย”“ก็ได้ครับ ตกลงแล้วแก้วมีอะไรจะคุยกับผม”“คือแก้วลองมาคิดดูดีๆ แล้วแก้วว่าเรื่องไปทำงานกับคุณแก้วขอพักไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”“ทำไมล่ะครับ” เขาดีใจที่ได้ยินแต่ก็ถามตามมารยาท“พอดีเพื่อนแก้วชวนให้แก้วเปิดคาเฟ่ด้วยกันค่ะ แก้วก็เลยว่าอยากจะลองทำกับเพื่อนดูก่อนค่ะ”“ฟังดูน่าสนใจนะดีครับ”“ค่ะ แก้วอยากลองทำในสิ่งที่ชอบก่อน แก้วชอบทำขนมมากค่ะ ตอนที่เรียนอยู่ฝรั่งเศสแก้วก็ไปเรียนอยู่หลายคอร์ส พอเพื่อนชวนก็เลยอยากจะลองดูค่ะ เพื่อนแก้วเก่งเรื่องเครื่องดื่มส่วนแก้วถนัดทำขนม เราสองคนน่าจะช่ว
พลอยลลินณ์ตื่นนอนเช้ากว่าปกติเพราะวันนี้นัดกับภาคินว่าจะออกไปดูโครงการบ้านจัดสรรด้วยกัน จริงๆ แล้วเรื่องนี้ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องลงไปดูเองก็ได้ แต่เพราะรู้สึกแปลกที่คนโทรศัพท์มาบอกไม่ใช่หัวหน้าวิศวกรที่รับผิดชอบเรื่องนี้หญิงสาวรีบลงมายังร้านหน้าคอนโดมิเนียมสั่งกาแฟร้อนให้กับภาคินหนึ่งแก้วส่วนของตัวเองดื่มมาจากบนห้องเรียบร้อยแล้วเมื่อรถของภาคินมาจอดเธอก็รีบเปิดประตูข้างคนขับขึ้นไปนั่งทันที“สวัสดีค่ะบอส กาแฟค่ะ”“ขอบใจนะมัดหมี่คุณนี่รู้ใจผมจริงๆ เลย” เขารับกาแฟไปดื่มพร้อมกับเอ่ยชม“บอสคะ ก่อนไปที่โครงการมัดหมี่ว่าเราไปที่บริษัทจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก่อนดีไหมคะ”“ทำไมล่ะ”“มัดหมี่เห็นว่าข้อมูลของโครงการนี้กับโครงการที่เสร็จแล้วมันต่างกันมากจนน่าสงสัยค่ะ”“ก่อสร้างคนละปีมันก็ต้องต่างกันสิ ราคาวัสดุก็แพงขึ้นทุกปีนะ”“มัดหมี่ไม่ได้หมายถึงราคาวัสดุค่ะ แต่หมายถึงจำนวนวัสดุที่ใช้ต่างหากล่ะคะ บอสดูนี่นะคะ” หญิงสาวยื่นแทปแล็ตที่เธอทำข้อมูลเปรียบเทียบสองโครงการให้กับภาคินดู“ต่างกันจริงๆ ด้วย ที่คุณอยากไปที่บริษัทซัพพลายเออร์เพราะอยากรู้จำนวนที่แท้จริงใช่ไหม”“ใช่ค่ะ เราต้องรู้จำนวนของท
“ผมขอโทษนะมัดหมี่ คุณเจ็บมากไหม” ภาคินตกใจเพราะไม่ทันได้สังเกตว่าปลายอีกข้างหนึ่งของกระเบื้องมันแหลมมาก เขาจับมือหญิงสาวขึ้นมาแล้วล้วงไปยังกระเป๋ากางกางเอาผ้าเช็ดหน้ากดปลายนิ้วไว้“นิดเดียวเองบอสไม่น่าเอาผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลยนะคะ” เธอรู้สึกแปลกๆ อีกทั้งหัวใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน เมื่อเขายังจับมือไว้ไม่ยอมปล่อย ทั้งที่เคยใกล้ชิดกันมานานเกือบสามปีแต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นวันนี้มันต่างออกไป“ไม่เป็นไรหรอก ผมผิดด้วยที่ไม่ดูดี” เขาพูดพลางมองหน้าเลขาที่เหมือนเธอกำลังอายจึงได้แต่ก้มหน้ามองพื้นภาคินไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าที่ผ่านมาตัวเองมัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เคยมองในมุมนี้มาก่อน เขามองแค่เธอเป็นเลขาที่ทำงานหนักข้างกันมาตลอดจนลืมคิดไปว่าเธอก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ทั้งสาว สวยและยังทำงานเก่งแบบนี้น่าจะเข้าเกณฑ์ที่มารดาตั้งไว้“เลือดน่าจะหยุดแล้วค่ะบอส”“ไหนดูสิ” เขาดึงผ้าเช็ดหน้าออกช้าๆ แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือพอเห็นว่าปลายนิ้วเลือดหยุดไหลแล้วก็โล่งใจ“หยุดแล้วจริงๆ ค่ะบอส"“ผมว่าเปิดน้ำล้างแผลหน่อยดีไหม เดี๋ยวค่อยไปทำแผลที่โรงพยาบาล”“บอสคะ แผลแค่นี้จะไปโรงพยาบาลทำไมคะ ให้หมอกับพยาบาลเขาดูแลคนที่เจ
ภาคินคิดไม่นานก็ตอบคำถามของเลขาสาวออกไป“ผู้หญิงทำงานเก่งฉลาดและไม่งี่เง่า คุณก็รู้นี่ว่าผมทำงานหนักมากและงานต้องมาก่อน จะให้ผมทำตัวติดกับเธอตลอดคงไปเป็นไปได้ยาก ผู้หญิงที่จะเข้ามาเธอก็ต้องเข้าใจข้อนี้ด้วย”“แต่มันหายากนะคะผู้หญิงที่จะเข้าใจ ใครๆ ก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนที่ตัวเองรักทั้งนั้นแหละค่ะ”“คุณชอบให้แฟนอยู่ด้วยตลอดเหรอมัดหมี่”“ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลานะคะ เพราะมัดหมี่ก็มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกันค่ะ คนที่จะเข้ามาต้องยอมรับได้ด้วยว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับมัดหมี่ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความรักเพียงอย่างเดียว เขาคนนั้นต้องรับได้ด้วยว่ามัดหมี่มีหนี้สินที่ต้องจ่าย แต่มัดหมี่ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องมาช่วยใช้หนี้หรอกนะคะ ขอแค่เขาไม่รังเกียจและให้กำลังใจอยู่ข้างๆ แค่นี้พอแล้ว” พลอยลลินณ์พูดทุกอย่างออกมาจากความรู้สึกของตัวเองอย่างไม่มีปิดบัง“คุณพูดตรงดีนะ แล้วจะบอกคนที่เข้ามาตั้งแต่เริ่มจีบเลยไหมล่ะ”“ค่ะ บอกไว้ก่อนเลยจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเขารับได้ก็คุยต่อแต่ถ้ารับไม่ได้ก็ต่างคนต่างไป”“ผมชอบทัศนคติของคุณนะ แล้วตอนนี้คุณกับแฟนคุณเป็นยังไงล่ะ ได้กลับมาคุย
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ภาคินจะค้างที่ญี่ปุ่น สองวันที่ผ่านมาเขาและวาริสาเที่ยวกันอย่างเต็มที่พอกลับมาถึงโรงแรมต่างก็เหนื่อยและหลับยาวจนถึงเช้า ชายหนุ่มอดแปลกใจตัวเองมาได้ที่เขานอนเตียงเดียวกับผู้หญิงที่เร่าร้อนอย่างวาริสาแต่กลับไม่มีความต้องการเรื่องบนเตียงเลย“ว่านยังไม่อยากกลับเลยค่ะ เราอยู่ต่ออีกนิดไม่เหรอคะ” หญิงสาวพิงศีรษะบนไหลกว้างสองมือกอดเอวอย่างประจบ “ผมต้องกลับไปทำงานนะว่าน เอาไว้หยุดครั้งหน้าเราค่อยมาเที่ยวกันอีกดีไหม” “สัญญานะคะว่าจะพาว่านมาอีก ว่านชอบที่นี่มากเลยค่ะ” “ถ้าคุณเด็กดีแบบนี้ผมก็จะมาบ่อยๆ” “ว่านจะเป็นเด็กดีของคุณคินค่ะ สองวันมานี้ว่านมีความสุขมาก ขอบคุณนะคะที่พาว่านมาเที่ยว” “ผมก็มีความสุขนะ” “ว่านรู้นะคะว่าว่านเอาแต่ใจคุณทำงานเหนื่อยแล้วยังต้องพาว่านมาเที่ยวอีก แต่ว่านก็อยากให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้าง เหนื่อยไหมคะ” “ไม่หรอก ผมว่าได้เที่ยวแบบนี้ก็สนุกดี” “คุณคินต้องกลับไปทำงานต่อให้ว่านนวดให้ไหมคะจะได้ผ่อนคลาย” “นวดเป็นเหรอ” เขาถามอยากแปลกใจ“มันก็ไม่ได้ยากอะไรใช่ไหมคะ หันหลังมาสิคะว่านจะนวดให้” มือเล็กเริ่มนวดไปบนไหล่กว้างอย่างไม่แรงนักก่อนขยับกายเ
“ว่านขอโทษนะคะคิน คุณบอกนักข่าวใหม่ได้ไหมคะว่าผู้หญิงคนนั้นคือว่าน”“ถ้าผมบอกแล้วผมจะได้อะไร”“เราจะได้กลับมาคบกันอีกว่านจะยอมรับว่าตัวเองคือผู้หญิงในคลิป”“ผมว่ามันสายเกินไปที่คุณจะพูดคำว่าขอโทษ ระหว่างเรามันจบตั้งแต่ที่ญี่ปุ่นแล้วล่ะ” ภาคินพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“ว่านจะบอกทุคนว่าว่านคือผู้หญิงในคลิป”“ตามสบายเลยครับ ถ้าคุณไม่กลัวเสียชื่อเสียงและเสียหน้าถ้าผมจะบอกทุกคนว่าที่ญี่ปุ่นคุณทำอะไรบ้าง แล้วที่ผมกับคุณเลิกคุยกันเพราะอะไร ใครก็ได้ช่วยตามรปภ.พอมาพาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบริษัทหน่อยและจากนี้ผมขอสั่งเลยว่าห้ามเธอเข้ามาในบริษัทอีกเด็ดขาด”“อย่าทำแบบนี้กับว่านนะ ว่านไม่ยอมจริงด้วยๆ” หญิงสาวตะโกนลั่นเมื่อรปภ.เดินเข้ามาแล้วเชิญเธอออกไปจากบริษัท“เอาละทุกคนคงอยากรู้มากใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ภาคินถามลูกน้องที่ตอนนี้กำลังทำตัวเป็นไทยมุง“เรื่องที่คุณว่านพูดมันเป็นความจริงใช่ไหม ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คุณมัดหมี่ใช่ไหม”“พวกคุณคงได้ดูคลิปกันหมดแล้วสินะ แล้วคิดว่าใช่ไหมล่ะ”“พวกเราไม่เชื่อหรอกค่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่คุณมัดหมี่เลย”“มันก็เป็นอย่างที่เธอพูดนั่นแหละมัดหมี่ไม่ใช่ผู้หญิงใ
พลอยลลินณ์รู้สึกเป็นกังวลเพราะวันนี้เธอจะต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมงานนับสิบซึ่งเธอไม่รู้เลยว่ามีใครได้เห็นคลิปของภาคินแล้วบ้างเมื่อวานหลังจากคุยกับบิดามารดาของภาคินแล้วเธอกับเขาก็ได้มีโอกาสคุยกันตามลำพังอีกครั้งบทสนทนานั้นยังก้องอยู่ในหู“ผมจริงจังนะมัดหมี่ ผมคิดว่าระหว่างเรามันอาจจะเป็นได้มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง” เขาพูดด้วยท่าทางจริงจัง“บอสอยากให้มัดหมี่สบายใจใช่ไหมล่ะถึงพูดแบบนี้”“เปล่าเลย ผมอยากให้เราสองคนลองเปิดใจเริ่มคบกันใหม่เริ่มนับหนึ่งไปด้วยกัน”“หมายความว่ายังไงคะ” พลอยลลินณ์พอจะเดาออกว่าสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นหมายถึงอะไรแต่ที่ถามเพราะอยากจะฟังจากปากของเขาอีกครั้ง“ก็หมายความว่าเราสองคนจะลองหันหน้าคุยกันและคบกันแบบจริงจัง เรามาเริ่มกันใหม่นะ”“แต่มันยากนะคะบอส เราสองคนทำงานด้วยกันมาสามปีแล้วนะคะ จะให้เริ่มใหม่ได้ยังไง”“มันยากแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสองคนจะทำไม่ได้นะมัดหมี่ ตอนอยู่ที่บริษัทเราก็ยังเป็นเจ้านายกับลูกน้องแต่พอเลิกงานคุณก็คือผู้หญิงคนหนึ่งผมก็คือผู้ชายคนหนึ่ง เราต่างคนต่างโสดทั้งคู่ทำไมคุณไม่ลองเปิดใจดูล่ะ”“บอกตามตรงนะคะบอสมัดหมี่กลัวค่ะ”“กลัวอะไร”“กลัวห
“เรื่องแต่งงานผมว่ายังไงก็ต้องจัดครับ แต่ภาคินเป็นคนมีเชื่อเสียงจะจัดเล็กๆ ก็คงไม่ได้ เราอาจต้องใช้เวลา แต่ผมยืนยันว่าลูกชายของผมจะรับผิดชอบและแต่งงานกับลูกสาวของคุณอย่างแน่นอนไม่ต้องเป็นห่วง”“ได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แล้วสินสอดล่ะคุณจะให้เท่าไหร่”“พ่อค่ะ พูดแบบนั้นได้ยังไงน่าเกลียด”“น่าเกลียดตรงไหน เขาได้แกไปแล้วเขาก็ต้องสินสอดพ่อสิ”“เท่าที่ผมรู้มาคือคุณแต่งงานไปมีครอบครัวใหม่แล้วนะครับคุณสุพจน์” ภาคิมองหน้าว่าที่พ่อตาที่ดูเหมือนอยากจะได้เงินจากเขามาก“พูดแบบนี้คือจะไม่ให้สินสอดกันเหรอ ก็ลองดูสิถ้าไม่ให้ผมจะประจานให้คนอื่นรู้กันไปเลยว่านักธุรกิจใหญ่อย่างพวกคุณมันใจดำมากแค่ไหน”“ผมยังไม่พูดเลยว่าผมจะไม่ให้”“แล้วจะให้เท่าไหร่”“เรื่องจำนวนเงินผมอยากจะคุยกับมัดหมี่เอง”“บอสค่ะ มัดหมี่ไม่เอาค่ะ”“นังมัดหมี่เงียบไปเลยนะ พ่อจะเรียกสินสอดเขาเท่าไหร่แกไม่ต้องมายุ่ง”“พ่อคะ คุณภาคินเขายกหนี้ที่เราติดเขาให้แล้ว มัดหมี่ว่าแค่นั้นก็พอ” เพราะพลอยลลินณ์รู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้มันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น“เรื่องสินสอดพวกเราจะให้ตามสมควรครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” บิดาของภาคินพูดไปตามค
ภาคินขับรถออกจากศูนย์การค้าแล้วตรงมายังบ้านของตนเองโดยมีพลอยลลินณ์มาพร้อมกับเขาด้วย“บอสเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ เราสารภาพความจริงกับแม่บอสกันดีกว่าค่ะ” “ถ้าสารภาพแล้วแม่ให้ผมแต่งงานกับคนอื่นล่ะผมก็แย่น่ะสิ” “แต่แบบนี้มัดหมี่ก็แย่เหมือนกันนะคะ มัดหมี่มาคิดดูดีๆ แล้วเรื่องนี้มัดหมี่เสียหายมากค่ะ คนในคลิปก็ไม่ใช่มัดหมี่” “ผมว่าตอนนี้คลิปนั่นคงถูกลบไปหมดแล้ว อีกอย่างคนที่เสียหายก็คงจะเป็นผมมากกว่านะมัดหมี่” “บอสอย่ามองหน้ามัดหมี่เหมือนมัดหมี่เป็นคนผิดแบบนี้สิคะ บอสไม่ระวังตัวเอง” “ผมรู้ว่าผมพลาดไปแล้ว แต่คุณก็ไม่น่ามาซ้ำเติม” “ใครซ้ำเติมกันล่ะ ถ้าอยากจะซ้ำเติมจริงๆ มัดหมี่ก็ปฏิเสธต่อหน้านักข่าวไปแล้ว” “ไหนๆ คุณก็ช่วยผมให้รอดตอนอยู่ต่อหน้านักข่าว ตอนนี้ก็ช่วยให้รอดต่อหน้าพ่อกับแม่อีกสักครั้งได้ไหมล่ะ” “บอสคิดว่าแม่บอสจะเชื่อเหรอคะ” “ผมก็ไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อไหมเราต้องลองคุยกับท่านก่อน” “แล้วท่านจับได้ล่ะคะว่าเราสองคนโกหกท่าน” “ถึงแม่ผมจะจับได้ว่าเราโกหกแต่ ผมก็บอกนักข่าวไปแล้ว” “บอสไม่กลัวว่าคุณว่านบอกคนอื่นเหรอคะว่าคนในคลิปไม่ใช่มัดหมี่แต่เป็นตัวเธอเอง” “ผมว่าเขาไม่เอาอาชีพขอ
“บอสคะ ทำไมคุณบอกแม่ของคุณไปแบบนั้นเดี๋ยวท่านก็เข้าใจผิดกันไปใหญ่หรอก” พลอยลลินณ์กลัวว่าเริ่งทุกอย่างจะบานปลายจนหาทางแก้ไขไม่ได้“ผมพูดเรื่องจริง” ภาคินตอบอย่างหน้าตาเฉย“บอสคงไม่คิดจะแต่งงานกับมัดหมี่จริงๆ หรอกนะคะ”“ถ้าผมคิดล่ะ”“เราสองคนเป็นแค่เลขากับเจ้านายเท่านั้นนะคะบอส”“แลวถ้าเกิดว่าถ้าผมจะให้คุณแต่งงานกับผมจริงๆ ล่ะมัดหมี่”“บอสทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ เราสองคนไม่รักกันและไม่เคยคบกันมาก่อนจู่ๆ จะมาแต่งงานกันได้ยังไง”“ที่ผมทำแบบนี้ก็มีหลายเหตุผลนะมัดหมี่” ภาคินรู้ว่าการทำแบบนี้จะทำให้พลอยลลินณ์เสียหายและเขาก็พร้อมรับผิดชอบ“ลองบอกมาสิคะว่ามีเหตุผลอะไรบ้าง มัดหมี่หวังว่ามันคงเป็นเหตุผลที่ดีนะคะ”“ข้อแลกเลยก็คือพอผมพูดเรื่องแต่งงานทุกคนก็เลิกสนใจเรื่องคลิปนั่นทันที”“แต่เขาก็หันมาสนใจเรื่องที่บอสจะแต่งงาน มัดหมี่ว่ามันเหมือนวัวพันหลักนะคะ”“ฟังข้อสองก่อนสิ”“ค่ะ”“ข้อสองคือ พอแม่ผมรู้ท่านก็จะเลิกหาผู้หญิงมาแต่งงานกับผม”“เท่าที่ฟังมาสองข้อมีแต่เหตุผลมันดีกับบอสทุกข้อเลยนะคะ แล้วมัดหมี่จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ยังไง บอสลืมคิดหรือเปล่าว่าเราจะมองหน้าคนในบริษัทยังไง”“เราก็บอกทุกคนไปสิ
“ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมก็คือคนในคลิป เราสองคนคบกันได้สักพักนึงแล้วและมีแพลนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้”“บอส...” พลอยลลินณ์ไม่คิดว่าเขาจะตอบนักข่าวไปแบบนี้ เธอมองเขาด้วยสีหน้าที่ผิดหวังมากเพราะตอนนี้สายตาทุกคู่กำลังองมาที่เธอ“ผมขอโทษนะมัดหมี่ แต่คุณช่วยยมรับไปก่อนได้ไหม เดี๋ยวเราค่อยหาทางแก้ปัญหากัน”“แต่....”“เอาน่าเชื่อใจผม ตามน้ำไปก่อนถ้าไม่ตอบเรากลับออกไปจากตรงนี้ไม่ได้แน่ๆ ส่วนเรื่องที่คุณเสียหานเด่ยว” ภาคินกระซิบ“แล้วใครเป็นคนปล่อยคลิปครับใช่คุณผู้หญิงหรือเปล่าครับแล้วคุณทำแบบนี้ทำไม” นักข่าวถามพลอยลลินณ์ที่ยืนหน้าซีดอยู่“ผมว่าคนที่ทำไม่ใช่เธอหรอกครับเพราะตลอดเวลาที่คบกับเธอเป็นคนบอกเองว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน” ภาคินตอบแทนหญิงสาวที่ยังคงงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แล้วคุณคิดว่าเป็นฝีมือใครล่ะครับ”“คุณรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปใช่ไหม บอกพวกเราหน่อยสิคะ”“จากมุมกล้องที่เห็นน่าจะเป็นการแอบถ่าย บางทีคลิปอาจจะหลุดมาจากโรงแรมที่เราไปพักก็ได้นะครับ” ภาคินพยายามตอบให้ไกลตัวเองมากที่สุด“แล้วแบบนี้คุณจะเอาเรื่องคนปล่อยคลิปไหมครับ”“ก็คงต้องให้ทนายของเราเป็นนคนจัดการครับ วันนี้ผมคงต้องข
“มัดหมี่ไม่เชื่อเลยค่ะว่าคุณว่านเธอจะทำแบบนั้น ถ้าคลิปหลุดออกไปคนที่เสียหายก็ไม่น่าจะใช่บอสคนเดียว”“ผมว่าเธอคิดน้อยไปหน่อย”“แต่ก็น่าสงสารนะคะที่เธอทำไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนคิดเองพี่เอ้อะไรนั่นเป็นคนบอกให้เธอ”“ทำผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเธอทำเองหรือทำเพราะมีคนยุแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเธอโตแล้วนะ น่าจะคิดเองได้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ”“แล้วทีนี้บอสจะเอายังไงต่อคะจะเลิกกับเธอจริงๆ เหรอคะ”“ถ้าเป็นคุณล่ะมัดหมี่จะเลิกไหม”“ถ้าเจอขนาดนี้มัดหมี่ก็คงเลิก และไม่อยากมองหน้าเลยค่ะ แต่บอสแน่ใจนะคะว่าที่ผ่านมาคุณว่านไม่เคยถ่ายคลิปมาก่อน”คำพูดของพลอยลลินณ์ทำให้ภาคินมีสีหน้าเครียดที่ผ่านมาเขาไม่รู้ว่าวริสาแอบทำเหมือนที่พลอยนรินทร์พูดหรือเปล่า“บอสคะมัดหมี่ขอโทษนะคะ”“จะขอโทษทำไม”“ก็ขอโทษที่ทำให้บอสคิดหนัก มันคงไม่ใช่แบบที่มัดหมี่คิดหรอกค่ะ”“ผมก้หวังว่าเธอไม่ทำลายอนาคตตัวเองแบบนั้นนนะ ผมเป็นผู้ชายคงไม่เสียหายเท่าผู้หญิงหรอก”“แต่บอสเป็นคนมีชื่อเสียง”“ผมถามว่านแล้วเธอบอกว่าไม่มีนะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า” เขาถอนหายใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าวาริสาจะพาเรื่องปวดหัวมาให้ตนเองแบบนี้“อย่าเครียดไป
เหตุการณ์ชุลมุนที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ภาคินโกรธอย่างหนักเขามองหน้าวาริสานัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง“คินคะคุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”“ก็ตั้งแต่คุณเอาน้ำส้มราดลงบนหัวมัดหมี่”“ว่านไม่ได้ตั้งใจนะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” วาริสารีบเข้าไปกอดแขนภาคินอย่างประจบ“ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นนะ ขอโทษมัดหมี่แล้วกลับไปซะ”“แต่ว่านอยากคุยกับคุณ ขอเวลาว่านหน่อยนะคะ” หญิงสาวไม่สนใจจะขอโทษนพลอยลลินณ์เลยสักนิดเธอสนใจแค่ภาคินเท่านั้น“ผมว่าผมบอกคุณไปแล้วนะ ว่าระหว่างเรามันจบแล้ว” เขาพูดกับวาริสาอย่างไร้เยื่อใย“คุณจะไม่ทบทวนอีกครั้งเหรอคะ ขอโอกาสว่านสักนิด”“ผมว่าคุณรีบกลับไปดีกว่านะว่านก่อนที่ผมจะเรียกรปภ. มาจับคุณออกไป ส่วนคุณอย่าเพิ่งออกไปไหนนะมัดหมี่” เขาหันมาทางพลอยลลินณ์ที่กำลังจะเดินออกไป“มัดหมี่ว่าบอสกับคุณว่านค่อยๆ คุยกันดีกว่านะคะ มัดมี่เป็นคนนอกขอออกไปก่อนดีกว่า”“มัดหมี่” เขาหันมามองและเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ดังขึ้นทำให้พลอยลลินณ์เดินกลับมานั่งที่ชุดโซฟารับแขกเพราะไม่อยากเห็นเจ้านายโมโหมากไปกว่านี้“ว่านเห็นด้วยกับมัดหมี่นะคะ ให้เธอออกไปก่อนเราสองคนจะได้คุยกัน”“ผมว่าผมชัดเจนแล้วนะว่าน คุณกลับ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วแต่พลอยลลินณ์ก็ยังไม่ยอมลุกจากที่นอน เพราะหยุดยาวที่ผ่านมาหญิงสาวตื่นสายติดๆ กันมาตลอด พอวันนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานก็เลยขี้เกียจมากกว่าทุกวัน จากที่เคยต้องลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสชั้นล่างของคอนโดวันละครึ่งชั่วโมงหญิงสาวก็เลือกที่จะนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มนาฬิกาปลุกดังอีกครั้งในเวลาเจ็ดโมงครึ่งพลอยลลินณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นอาบน้ำและเตรียมตัวไปทำงาน หลายๆ คนอาจจะชอบที่มีวันหยุด แต่สำหรับเธอแล้วมันทำให้ความขี้เกียจเข้ามาแทนที่หญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าเพียงสองสถานีก็ถึงบริษัทใหญ่ เธอกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้น 28 ซึ่งเป็นชั้นของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ วันนี้ก็เหมือนกับทุกวันที่เธอมาทำงานก่อนทุกคน หญิงสาวจัดของบนโต๊ะให้เรียบร้อยจากนั้นก็เดินไปหากาแฟที่มุมพักเบรก เพราะวันนี้พลอยลลินณ์รีบมากจึงไม่ได้ดื่มมาจากคอนโดหลังจากดื่มกาแฟและทานครัวซองต์ที่ซื้อมาจนอิ่มเธอก็กลับมาที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง หญิงสาวค่อนข้างแปลกใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของเจ้านายแล้วพบว่าไฟในห้องทำงานของเขาเปิดอยู่ แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นแม่บ้านมาทำความสะอาดแล้วคงจะลืมปิดเธอเปิดคอมพิวเตอ