Home / แฟนตาซี / วิถีสุริยะพิชิตเวหา / บทที่ 32 กุลสตรีนอกตำรา

Share

บทที่ 32 กุลสตรีนอกตำรา

ภายในห้องอาหารของจวนสกุลจาง ทุกคนในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา จางส่วง ผู้เป็นบิดา นั่งอยู่หัวโต๊ะ ด้านข้างมี หลี่เอ้อเหมียว ภรรยาของเขาและเป็นมารดาเลี้ยงของ จางอี้หมิง ส่วน จางหลันซือ บุตรีของหลี่เอ้อเหมียว และ จางอี้หมิง พี่ชายต่างมารดา ก็นั่งร่วมโต๊ะพร้อมกัน

บรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ทุกคนเพลิดเพลินกับอาหารถูกจัดเตรียมมาอย่างดี

จางอี้หมิงคีบเนื้อเป็ดชิ้นหนึ่งอย่างใจเย็น และสูดกลิ่นหอมของอาหารเบาๆ ขณะที่หลี่เอ้อเหมียวรินน้ำชาให้สามี

จางหลันซือที่เงียบมานานจ้องมองพี่ชายต่างมารดาของตน ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“พี่ใหญ่มีเรื่องใดสารภาพหรือไม่?”

จางอี้หมิงชะงักมือที่กำลังคีบอาหาร ดวงตาคมเข้มเหลือบมองน้องสาวแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

หลี่เอ้อเหมียววางกาน้ำชาลงแล้วหันมามองด้วยความสนใจ ขณะที่ จางส่วง ผู้เป็นบิดา ชะงักไปเพียงอึดใจ ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังแล้วกล่าวขึ้น

“เจ้าไปทำนางคณิกาคนใดท้อง?”

เสียงคำถามนั้นทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่พลันชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่นางรับใช้ที่กำลังรินน้ำแกงยังเผลอมือสั่นเล็กน้อย

จางอี้หมิงถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างสงบ “ข้าไม่เคยเที่ยวหอคณิกา”

แม้ว่าภายในใจเขาจะครุ่นคิดว่า “ความจริงข้าเคยไปหอคณิกาก็จริง แต่ก็มิใช่เรื่องที่ควรพูดต่อหน้าแม่นางซงเอ๋อร์”

ซงเอ๋อร์ หญิงสาวข้างกายของเขาได้ยินสิ่งที่จางอี้หมิงพูดว่าไม่เคยเที่ยวหอคณิกา ดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่จางอี้หมิงเหลือบตามองก่อนจะถามน้องสาว

“ข้าทำสิ่งใด?”

จางหลันซือวางตะเกียบแล้วกล่าวขึ้น “เห็นพี่ใหญ่ทำร้ายผู้คนหน้าสำนักบ่อนเบี้ย”

จางอี้หมิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าเพียงแค่ทำสัญญาบางอย่างกับสุนัขเท่านั้น”

หลี่เอ้อเหมียวที่นั่งอยู่ข้างจางส่วงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “หากไม่มีอะไรแล้ว ก็ทานข้าวกันเถอะ”

เป็นที่รู้กันดีว่านางมักทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างพี่น้องสองคนบนโต๊ะอาหาร นางหันมาทางจางหลันซือแล้วกล่าวขึ้น

“พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเจ้า เจ้าต้องไปดูตัวกับคุณชายซุน บุตรชายรองเจ้ากรมคลัง”

จางอี้หมิงที่กำลังดื่มน้ำชาอยู่ได้ยินก็กลั้นขำเบาๆ

“ซุนสีห่าว?”

จางหลันซือชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบกล่าวขึ้น “ข้าไม่อยากไป!”

นางหันไปหาจางอี้หมิงแล้วอ้อนวอน “พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย”

แต่จางอี้หมิงเพียงเคี้ยวน่องเป็ดอยู่โดยไม่ได้ตอบอะไร

จางหลันซือกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าจะหาคนรักของตัวเอง!”

“ไม่มีสตรีคนใดพึงพอใจที่ถูกคลุมถุงชน” จางหลันซือกล่วขึ้น แล้วหันหน้าไปทางแม่นางซงเอ๋อร์ “เจ้าคิดว่าจริงหรือไม่?”

ซงเอ๋อร์หน้าแดงจัด ก่อนจะตอบเสียงเบา “หากเป็นคุณชายใหญ่ ข้าน้อยยินดี”

จางหลันซือฟังแล้วรู้สึกหมดหวัง นางวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นเดินกลับห้องไปทันที

จางอี้หมิงเคี้ยวอาหารเสร็จ แล้วกล่าวกับซงเอ๋อร์ว่า “เจ้ากล่าววาจาดียิ่ง วันนี้ที่เดิมข้ามีรางวัลให้เจ้า”

ซงเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยพร้อมสีหน้าแดงก่ำ

หลังจากทานอาหารเสร็จ จางอี้หมิงแอบคีบอาหารจานหนึ่งแล้วเดินตรงไปยังห้องของจางหลันซือ

เขายืนอยู่หน้าห้องของนาง ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ

“ยัยผีน้อย ข้าเอาของกินมาให้”

ประตูเปิดออกเล็กน้อย ก่อนที่มือเรียวของจางหลันซือจะยื่นมาหยิบจานไป จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นถาม

“ทำไมพี่ใหญ่ไม่ช่วยข้า?”

จางอี้หมิงถอนหายใจ “ในสังคมคร่ำครึของอาณาจักรต้าเฉิง ฝ่ายชายเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถอนหมั้น”

จางหลันซือขมวดคิ้ว "หมายความว่าอย่างไร?"

จางอี้หมิงยกยิ้มมุมปาก “พรุ่งนี้เจ้าไปดูหน้าเจ้าซุนสีห่าวนั่นก่อน แล้วก็ทำอะไรก็ได้ให้เขารังเกียจเจ้า จากนั้นให้ครอบครัวฝ่ายชายเป็นผู้บอกถอนหมั้น นี่เป็นทางออกเดียวในเวลานี้”

จางหลันซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วกล่าวเบาๆ “ขอบคุณพี่ใหญ่”

นางปิดประตูลงเบาๆ ขณะที่จางอี้หมิงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องครู่หนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

“ซุนสีห่าวผู้นี้เป็นคนถือดี เจอสตรีนอกตำรากุลสตรีย่อมมิชอบ”

จากนั้นเขาจึงเดินกลับห้องของตนไปอย่างสงบ ในค่ำคืนนี้เขาก็นอนกอดแม่นางซงเอ๋อร์ภายใต้ผ้าห่มเช่นเดิม ไม่ได้ไปสำนักสังคีตตามเป้าหมายอีกหนึ่งวัน

เช้าวันต่อมา จางหลันซือ ถูกแม่นมหยงและบรรดาสาวใช้ช่วยกันแต่งตัว นางถูกจับใส่ ชุดกระโปรงยาวสีชมพูอ่อน ปักลวดลายดอกเหมยอย่างละเอียด ผ้าผืนบางทิ้งตัวอย่างอ่อนช้อยให้ความรู้สึกนุ่มนวลดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิ แขนเสื้อกว้างพลิ้วไหวเมื่อขยับตัว

เส้นผมดำขลับของนางถูกรวบขึ้นครึ่งศีรษะ ปักปิ่นดอกเหมยทองคำที่ประดับด้วยไข่มุกสีชมพูอ่อนรับกับชุด เผยให้เห็นลำคอระหง ผิวพรรณขาวเนียนของนางถูกแต้มด้วยแป้งหอมบางๆ ริมฝีปากแต้มสีชมพูระเรื่อรับกับแก้มที่มีสีชมพูอ่อนตามธรรมชาติ

เมื่อแต่งตัวเสร็จ สาวใช้ต่างชื่นชมความงามของจางหลันซือ นางดูราวกับเทพธิดาดอกเหมย งดงามหมดจดราวกับออกมาจากภาพวาดโบราณ

จางหลันซือถูกพาตัวขึ้นรถม้าเพื่อไปดูตัวกับ ซุนสีห่าว บุตรชายรองเจ้ากรมคลัง จางอี้หมิง ในวันนี้แต่งตัวอย่างธรรมดาราวกับเป็นเพียงคนรับใช้ เขานั่งอยู่ที่หน้ารถม้า รับบทเป็นสารถีชั่วคราว

เมื่อจางหลันซือเห็นพี่ชายแต่งตัวเช่นนี้ก็ถามขึ้น “พี่ใหญ่ ทำไมถึงแต่งตัวเช่นนี้?”

จางอี้หมิงเลิกคิ้วพลางตอบเสียงเรียบ “ซุนสีห่าวผู้นั้นเป็นลูกชายของรองเจ้ากรมคลัง มีอำนาจสูงในวงราชการ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นศิษย์ของสำนักเทียนหยาง หากเกิดอะไรขึ้น ข้าสามารถใช้อิทธิพลของสำนักเทียนหยางช่วยสะสางได้”

จางหลันซือพยักหน้าช้าๆ แล้วกล่าว “เช่นนั้นข้าฝากพี่ใหญ่ด้วย”

ขณะนั้น ซงเอ๋อร์ ที่ต้องติดตามจางหลันซือไปในรถม้า นางยิ้มบางๆ ให้จางอี้หมิงทีหนึ่ง จางอี้หมิงก็มองนางพลางยิ้มตอบ 

“ความจริงข้ามาดูแลเจ้าต่างหาก” จางอี้หมิงคิดในใจ “บุตรชายของรองเจ้ากรมคลังหรือจะกล้ามีปัญหากับบุตรสาวอ๋องสกุลจาง...แต่ถ้าเป็นเจ้าก็ไม่แน่”

จากนั้นจางอี้หมิงก็ขับรถม้าออกไป ทว่ารถม้านั้นมิได้ตรงไปยังจุดหมายในทันที แต่กลับอ้อมไปมาอยู่เป็นเวลาหลายก้านธูป จนจางหลันซือรู้สึกผิดปกติ

“พี่ใหญ่ ขับอ้อมทำไม?” จางหลันซือถามขึ้นอย่างสงสัย

จางอี้หมิงยิ้มมุมปากแล้วตอบสบายๆ “กุลสตรีนอกตำราย่อมต้องไปสาย”

จางหลันซือร้อง “อ๋อ…เป็นเช่นนี้” แล้วหัวเราะเบาๆ นางเข้าใจความหมายของพี่ชายดี

หลังจากขับอ้อมไปนาน ในที่สุดรถม้าก็มาถึงหน้าร้านอาหารใหญ่แห่งหนึ่ง ภายนอกหรูหรา โอ่อ่าสมกับเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับการพบปะของชนชั้นสูง

ขณะที่รถม้าหยุดลง จางหลันซือไม่รอให้สาวใช้เปิดประตู นาง ยกเท้าถีบประตูรถม้าออกเต็มแรง เสียงกระทบไม้ดังสนั่นหวั่นไหว

ปัง!

จางอี้หมิงที่กำลังจับบังเหียนม้ามองภาพตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง เขาไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะเล่นใหญ่ถึงเพียงนี้

ซงเอ๋อร์ ที่ยืนอยู่ด้านข้างหัวเราะเบาๆ นางกล่าวขึ้น “คุณหนูซ้อมเป็นกุลสตรีนอกตำรา”

จางอี้หมิงพยักหน้าช้าๆ แล้วแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้ “น้องสาวข้ารู้งานยิ่งนัก”

จางหลันซือ เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของร้านอาหาร ในใจนางครุ่นคิดถึงแผนการที่จะทำให้ซุนสีห่าวรังเกียจนางจนถึงขั้นต้องเป็นฝ่ายถอนหมั้น

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องรับรอง นางพบเห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งด้วยสีหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ สีหน้าของเขามีร่องรอยบอบช้ำจางๆ ดูเหมือนเพิ่งมีเรื่องกับใครบางคนมาไม่นาน

จางหลันซือก้าวเข้าไปแล้ว นั่งลงโดยไม่ย่อตัวทักทายตามธรรมเนียม นางกล่าวห้วนๆ ว่า

“ท่านคือซุนสีห่าวใช่หรือไม่? ถ้าใช่ก็รีบคุยรีบกลับ!”

ซุนสีห่าว เงยหน้าขึ้นด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ทว่าเมื่อเห็น ใบหน้างดงามราวเทพธิดาของจางหลันซือ ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความตะลึงงันราวต้องมนตร์สะกด

“เจ้า…” เขามองนางอย่างพินิจพลางรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด

ทางด้านจางหลันซือ เมื่อได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้า นางก็เบิกตากว้างทันที!

“นี่มัน…! คนที่ข้าให้ยาทาแผลเมื่อวาน!”

นางสะกดสีหน้าไว้และครุ่นคิดในใจ “ถึงว่าล่ะ พี่ใหญ่ถึงได้ติดตามมาด้วย... ที่แท้ก็โจทย์เก่า คนผู้นี้จะล้างแค้นข้าหรือเปล่าเนี่ย?”

ซุนสีห่าว กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ความโกรธเมื่อครู่พลันสลายไปหมดสิ้น เขายืดตัวขึ้นก่อนกล่าวเสียงนุ่มนวล

“ถูกต้อง ข้าคือซุนสีห่าว แม่นางคือจางหลันซือใช่หรือไม่?”

“ใช่ ข้าเอง” จางหลันซือตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ซุนสีห่าวยิ้มบางๆ ก่อนกล่าว “แม่นางคงติดปัญหาระหว่างทางเลยมาช้า?”

“อืม” นางตอบสั้นๆ พลางครุ่นคิด “เหตุใดคนผู้นี้ยังคงใจเย็นอยู่? นี่ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย…สงสัยต้องเพิ่มความเป็น 'กุลสตรีนอกตำรา' ให้มากกว่านี้”

จากนั้น นางยกจอกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะบ้วนออกมาโดยไม่สนใจอะไร

เพี๊ยะ!

น้ำกระเซ็นเปื้อนโต๊ะ ซุนสีห่าวกระพริบตา แต่กลับไม่แสดงท่าทีรังเกียจ เขายังจ้องมองนางด้วยสายตาหลงใหล

“เราสองคน… เคยเจอกันมาก่อนหรือไม่?” ซุนสีห่าวเอ่ยถาม

จางหลันซือรีบตอบทันที "ไม่ ข้าไม่เคยเจอท่าน!"

“ข้าคิดว่าเราเคยเจอกันมาก่อน หรือนี่เป็นพรหมลิขิตจากเบื้องบน เราควรแต่งงานกันเลยดีหรือไม่” ซุนสีห่าวกล่าวอย่างไม่คิด

“!!!”

ขนทั้งร่างของจางหลันซือลุกชันทันที!

นางเด้งตัวขึ้น “ข้าขอตัว!” ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปอย่างไม่คิดชีวิต!

“แม่นางคนสวย เจ้ารอข้าด้วย!”

ซุนสีห่าวตะโกนตามหลัง ก่อนจะ วิ่งไล่ตามออกไป!

จางหลันซือรีบลงบันไดด้วยความเร็วสูง นางเห็น จางอี้หมิง ยืนกอดอกอยู่ที่หน้าร้าน จึง พุ่งไปหลบหลังพี่ชายทันที!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 33 การประลองวิชาทวน

    “พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย! ไอ้โรคจิตนี่จะขืนใจข้า!”“หา!?” จางอี้หมิงขมวดคิ้วทันใดนั้น ซุนสีห่าวที่กำลังวิ่งมาตามมา ก็ชะงักฝีเท้ากะทันหัน เมื่อเห็น ใบหน้าของจางอี้หมิงจากนั้น เข่าทรุดลงแทบพื้น!“พี่เขย!!”“...”“ข้าเคยล่วงเกินท่าน โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด!!!”จางอี้หมิงกระพริบตาสองสามที ก่อนจะหันไปมองน้องสาวที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลังเขา จากนั้นรีบคว้ามือจางหลันซือขึ้นรถม้า แล้วควบรถม้าออกไปทันที!!เมื่อรถม้ากลับมาถึง จวนสกุลจาง จางหลันซือถอดปิ่นปักผมออก ผมสยายกระทบแสงอาทิตย์งดงาม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ“เกิดอะไรขึ้น?”

    Last Updated : 2025-03-21
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 34 ความปรารถนาของข้าเช่นเดียวกับท่าน

    เมื่อจางอี้หมิงก้าวเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และเครื่องหอม ลอยอบอวลในอากาศ เทียนไขบนโต๊ะเล็กส่องแสงวูบไหวเป็นประกายอ่อนโยน เงาสะท้อนของเปลวไฟเต้นระยิบระยับบนผ้าม่านโปร่งบาง ราวกับกำลังเต้นรำอยู่ในค่ำคืนที่เงียบสงบกลางห้อง มีร่างของดรุณีสาวผู้หนึ่ง ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ เนื้อผ้าบางเบาพริ้วไหวไปตามลมอ่อน ซงเอ๋อร์ สาวใช้คู่ใจและว่าที่อนุภรรยาของจางอี้หมิง หันกลับมามองเขาแววตาอ่อนโยนคู่นั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจ แก้มของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ ราวกับกลีบดอกท้อแรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิ“คุณชายฝึกซ้อมเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ?” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ข้าจัดเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ท่านแล้ว”จางอี้หมิงยิ้มบางๆ สายตาคมคายทอดมองหญิงสาวตรงหน้า “เจ้าช่างดีเหลือเกิน” เขากล่าวเบาๆซงเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ นางช่วยปลดเสื้อคลุมของเขาออกอย่างนุ่มนวล มือเรียวของนางสัมผัสโดนปลายแขนของเขาเพียงแผ่วเบาทว่ากลับทำให้หัวใจของจางอี้หมิงเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัวหลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้ว เขาก้าวลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่ ไอน้ำอุ่นโอบล้อมร่างกายช่างผ่อนคลา

    Last Updated : 2025-03-22
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 35 เรื่องเล่าจากศิลาเฝิ่นเหิง

    เช้าของวันใหม่ วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับสำนักเทียนหยางเพื่อไปฝึกฝนวิชาต่อ เหล่าศิษย์ระดับล่างที่หยุดผักผ่อนด้านนอก จะต้องกลับไปยังสำนักความจริงแล้วแม้ว่าจางอี้หมิงจะเป็นศิษย์ระดับสูง แต่ก็ต้องปฏิบัติถามกฎนี้ด้วยเช่นกัน เว้นแต่ว่าจะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจด้านนอก ก็สามารถแวะพักผ่อนตามทางได้เช่นกัน ขอแค่ภารกิจไม่เสียหายอาจจะมีบางครั้งที่เขาหรือศิษย์แอบหนีเที่ยวออกมา ซึ่งทางสำนักก็หลับตาข้างเดียวอนุโลมให้ หากหลบมาเพียงแค่คืนเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าเป็นการออกไปหาความสุขชั่วคราวเท่านั้นจางอี้หมิง และ หวงจื่อรั่ว ควบม้าคู่กันออกจากเขตเมืองหลวงชั้นใน สายลมยามเช้าพัดจางๆ เย็นสบายยิ่งนัก ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินทางทั้งสองคนควบม้าเคียงกัน จางอี้หมิงมีธัญพืชขบเคียวตลอดทาง ส่วนหวงจื่อรั่วรักษาท่าทีได้ดี จนกระทั่งออกจากเขตเมืองหลวงชั้นใน เมื่อถึงบริเวณเขตชั้นนอก พวกเขาพบ แม่นางหลินหนิง กำลังยืนรออยู่ข้างทาง หลินหนิงทักทายทั้งสองก่อนจะขี่ม้าเดินต

    Last Updated : 2025-03-23
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 36 กลับเข้าสู่การฝึกตน

    วันนี้เหล่าศิษย์ระดับศูนย์ ซึ่งเป็นระดับฐานของสำนักเทียนหยาง ต้องกลับสู่การฝึกฝนอีกครั้งจางอี้หมิงเดินผ่านประตูห้องเรียนเข้ามาด้วยท่าทางผ่อนคลาย สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับสองดรุณีงามหลินหนิงและหวงจื่อรั่ว สองสาวที่งามหยดย้อยในอาภรณ์ที่สะอาดตาแต่แนบเน้นรูปร่างพองาม สัดส่วนอ่อนช้อยของพวกนางช่างเย้ายวนจนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง พลางโบกพัดในมือราวกับเป็นบัณฑิตเจ้าสำราญ แล้วก้าวเท้าเข้าไปหาพวกนางอย่างไม่เร่งรีบทว่า ก่อนที่เขาจะไปถึงเป้าหมาย ชายหนุ่มสองคนก็ขวางทางไว้ คนหนึ่งแซ่หม่า อีกคนแซ่เจียง ทั้งสองเป็นสมุนของซุนสีห่าว บุตรชายของขุนนางใหญ่ แต่กลับเป็นคุณชายไม่เอาไหน ที่ฟ้าดินกลั่นแกล้งให้มาเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวจางอี้หมิงสมุนทั้งสองของซุนสีห่าวกอดอก ยืดอกทำท่าโอหัง ก่อนที่ผู้แซ่หม่าจะชี้นิ้วมาที่จางอี้หมิง“เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ผู้แซ่หม่ากล่าวเสียงดัง “วันนี้พวกข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าจากเหตุการณ์วันนั้น ที่เจ้าทำให้พวกข้าอับอายที่หน้าสำนักบ่อนเบี้ย!”จางอี้หมิงเหลือบตามองพวกเขาเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเฉยเมย ก่อนจ

    Last Updated : 2025-03-24
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 37 ความฝันและความสุขของจางอี้หมิง

    จางอี้หมิงเดินทางมาถึงบ้านของศิษย์พี่เฉินเจิ้ง บ้านของเฉินเจิ้งเต็มไปด้วยเศษโลหะกระจัดกระจายทั่วบริเวณ บางชิ้นเป็นแผ่นเหล็ก บางชิ้นเป็นเศษดาบที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และบางชิ้นก็เป็นเพียงเศษเหล็กที่ขึ้นสนิมไปแล้ว ที่หน้าบ้านมีเตาหลอมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เปลวไฟที่มอดลงไปแล้วทำให้รู้ว่าเฉินเจิ้งคงเพิ่งทำงานเสร็จไม่นานจางอี้หมิงมองสภาพบ้านแล้วอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เพ่ย! ศิษย์พี่เฉินเจิ้ง ช่างโสโครกยิ่งนัก!”ทันใดนั้น เสียงจากในบ้านก็ดังขึ้นมาทันที “เจ้าพูดอะไรข้าได้ยินนะ!”จางอี้หมิงยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าตั้งใจให้ท่านได้ยิน” แล้วเดินเข้าไปในบ้านภายในบ้านรกไม่แพ้ด้านนอก หากแต่สิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในนี้ไม่ใช่เศษโลหะ แต่เป็นกองหนังสือที่กองระเกะระกะจนแทบไม่มีทางเดิน พื้นบางส่วนมีรอยหมึกเปรอะเปื้อน บางจุดมีม้วนตำราวางซ้อนกันจนสูงท่วมหัวเฉินเจิ้งคือผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ค้อนและหลอมโลหะ แถมยังเป็นผู้ชำนาญการอ่านตำราตอนกลางวันเขามักหมกมุ่นอยู่กับเตาหลอมโลหะ ส่วนกลางคืนจะหมกมุ่นอยู่กับตำราในบ้านจางอี้หมิงลัดเ

    Last Updated : 2025-03-25
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 38 ปลดม่านพลังป้องกัน

    กริ๊ง!กริ๊ง!กริ๊ง!เสียงกระดิ่งดังขึ้น ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด ถัวเค่อชีสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะแรงบางอย่างที่กำลังเรียกหาเขาวาบ!แสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นตรงกลางหน้าผากของถัวเค่อชีลูกตาดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นราวกับวิญญาณไร้ชีวิต ก่อนจะค่อยๆ กลับคืนสู่สีดำ เสียงกระดิ่งยังคงดังต่อเนื่อง ดังก้องเข้าไปในห้วงจิตใจของเขากริ๊ง!อึก...!ถัวเค่อชีขบกรามแน่น พยายามดึงสติกลับคืนมา เขากุมศีรษะ ใช้กำปั้นทุบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ออกไป! ข้าไม่ต้องการเจ้า!”ถัวเค่อชียังคงทุกข์ทรมาน แต่แล้ว…เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของเขา“จงลืมตาขึ้น... ความแข็งแกร่งที่แท้จริงกำลังรอเจ้าอยู่…”ดวงตาของถัวเค่อชีสั่นไหว มือของเขาสั่นระริก เสียงกระดิ่งยังคงดังไม่หยุด“เจ้าจำไม่ได้เหรอ... ว่าจางอี้หมิงน่าแค้นใจเพียงไร?”ทันใดนั้น ภาพแห่งความทรงจำในอดีตก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเขาสิบปีก่อน…เด็กชายวัยสิบขวบเดินทางมาย

    Last Updated : 2025-03-26
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 39 สอนการบินให้สาวงาม

    แสงอรุณแรกสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง ลำแสงสีทองกระทบใบหน้าของจางอี้หมิง เขาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย แต่เมื่อขยับตัวจึงพบว่า…“พื้นหน้าประตูบ้าน... ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้?”เขากวาดสายตามองรอบๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้ ศิษย์พี่เจียงเยว่ บุกมายึดเตียงของเขาและบังคับให้เขานอนเฝ้าประตูแทน“ช่างไร้น้ำใจเสียจริง! แย่งที่นอนข้าแล้วยังไม่คิดจะปลุกกันบ้างเลย”จางอี้หมิงบ่นอุบอิบพร้อมทั้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เส้นผมยุ่งเหยิง เขาขยี้ตาเบาๆ แล้วหันไปมองเตียงนอน…เตียงว่างเปล่า ไม่มีเงาของศิษย์พี่เจียงเยว่“ไว้วันหนึ่งท่านร่วมเตียงกับข้าเมื่อไหร่ ข้าจะปลุกขึ้นมาเสพสุขแต่เช้า”แม้จะบ่น แต่ใบหน้าของจางอี้หมิงกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อยจากนั้น จางอี้หมิงก็จัดการตัวเอง ล้างหน้า แปรงฟัน และเปลี่ยนชุดเรียบร้อย จางอี้หมิงเดินทอดน่องไปยังลานฝึกเบื้องล่างของสำนักวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ไม่มีอันใดพิเศษเขาเข้าร่วมชั้นเรียนอย่างขอไปที ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ยังคงแสร้งทำเป็นตั้งใจต่อหน้าผู้สอนระหว่างพักการฝึก…

    Last Updated : 2025-03-27
  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 40 เตรียมตัวสำหรับการรบ

    สายลมเย็นพัดผ่านยอดไม้ใหญ่ กิ่งไม้เสียดสีกันดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดบนก้านต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ร่างสตรีปริศนาผู้หนึ่งยืนอยู่ นางสวมชุดคลุมสีเทาหม่น สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าสายตาของนางจ้องมองไปยังที่ตั้งของสำนักเทียนหยาง ราวกับกำลังเฝ้ารอเวลาอะไรบางอย่าง“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงแหบห้าวดังขึ้นจากด้านหลังร่างชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทา สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเช่นกัน เขาก้าวเข้ามาใกล้อย่างเงียบงันสตรีในชุดคลุมไม่หันกลับมา นางเอ่ยเสียงเย็นชา“ข้าใส่จิตวิญญาณมารให้แก่ศิษย์คนนึงในสำนักเทียนหยางแล้ว ตอนนี้... ม่านพลังป้องกันมีรอยรั่วเล็กน้อย หน้าที่ของข้ามีเพียงเท่านี้”นางเหลือบตามองชายผู้นั้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว เชียนหวง”“อย่าทำให้เจ้าตำหนักพิโรธอีกรอบล่ะ”ดวงตาภายใต้หน้ากากของเชียนหวงเป็นประกายวาวโรจน์ เขายกคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางหยิ่งผยองทะนงตน “เรื่องนั้นไม่ต้องให้เจ้ามาสอน”“แน่ใจใช่ไหมว่าศิลาเฝิ่นเหิงอยู่ในสำนักเทียนหยาง?” เชียนหวงเอ่ยถาม น

    Last Updated : 2025-03-28

Latest chapter

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 40 เตรียมตัวสำหรับการรบ

    สายลมเย็นพัดผ่านยอดไม้ใหญ่ กิ่งไม้เสียดสีกันดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัดบนก้านต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่าน ร่างสตรีปริศนาผู้หนึ่งยืนอยู่ นางสวมชุดคลุมสีเทาหม่น สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าสายตาของนางจ้องมองไปยังที่ตั้งของสำนักเทียนหยาง ราวกับกำลังเฝ้ารอเวลาอะไรบางอย่าง“เป็นอย่างไรบ้าง?”เสียงแหบห้าวดังขึ้นจากด้านหลังร่างชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทา สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าเช่นกัน เขาก้าวเข้ามาใกล้อย่างเงียบงันสตรีในชุดคลุมไม่หันกลับมา นางเอ่ยเสียงเย็นชา“ข้าใส่จิตวิญญาณมารให้แก่ศิษย์คนนึงในสำนักเทียนหยางแล้ว ตอนนี้... ม่านพลังป้องกันมีรอยรั่วเล็กน้อย หน้าที่ของข้ามีเพียงเท่านี้”นางเหลือบตามองชายผู้นั้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของเจ้าแล้ว เชียนหวง”“อย่าทำให้เจ้าตำหนักพิโรธอีกรอบล่ะ”ดวงตาภายใต้หน้ากากของเชียนหวงเป็นประกายวาวโรจน์ เขายกคางขึ้นเล็กน้อย ท่าทางหยิ่งผยองทะนงตน “เรื่องนั้นไม่ต้องให้เจ้ามาสอน”“แน่ใจใช่ไหมว่าศิลาเฝิ่นเหิงอยู่ในสำนักเทียนหยาง?” เชียนหวงเอ่ยถาม น

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 39 สอนการบินให้สาวงาม

    แสงอรุณแรกสาดส่องผ่านบานหน้าต่าง ลำแสงสีทองกระทบใบหน้าของจางอี้หมิง เขาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย แต่เมื่อขยับตัวจึงพบว่า…“พื้นหน้าประตูบ้าน... ทำไมข้าถึงมานอนอยู่ตรงนี้ได้?”เขากวาดสายตามองรอบๆ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้ ศิษย์พี่เจียงเยว่ บุกมายึดเตียงของเขาและบังคับให้เขานอนเฝ้าประตูแทน“ช่างไร้น้ำใจเสียจริง! แย่งที่นอนข้าแล้วยังไม่คิดจะปลุกกันบ้างเลย”จางอี้หมิงบ่นอุบอิบพร้อมทั้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เส้นผมยุ่งเหยิง เขาขยี้ตาเบาๆ แล้วหันไปมองเตียงนอน…เตียงว่างเปล่า ไม่มีเงาของศิษย์พี่เจียงเยว่“ไว้วันหนึ่งท่านร่วมเตียงกับข้าเมื่อไหร่ ข้าจะปลุกขึ้นมาเสพสุขแต่เช้า”แม้จะบ่น แต่ใบหน้าของจางอี้หมิงกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อยจากนั้น จางอี้หมิงก็จัดการตัวเอง ล้างหน้า แปรงฟัน และเปลี่ยนชุดเรียบร้อย จางอี้หมิงเดินทอดน่องไปยังลานฝึกเบื้องล่างของสำนักวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ไม่มีอันใดพิเศษเขาเข้าร่วมชั้นเรียนอย่างขอไปที ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ยังคงแสร้งทำเป็นตั้งใจต่อหน้าผู้สอนระหว่างพักการฝึก…

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 38 ปลดม่านพลังป้องกัน

    กริ๊ง!กริ๊ง!กริ๊ง!เสียงกระดิ่งดังขึ้น ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบสงัด ถัวเค่อชีสะดุ้งตื่น ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะความหนาว แต่เป็นเพราะแรงบางอย่างที่กำลังเรียกหาเขาวาบ!แสงสีม่วงสว่างวาบขึ้นตรงกลางหน้าผากของถัวเค่อชีลูกตาดำของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นราวกับวิญญาณไร้ชีวิต ก่อนจะค่อยๆ กลับคืนสู่สีดำ เสียงกระดิ่งยังคงดังต่อเนื่อง ดังก้องเข้าไปในห้วงจิตใจของเขากริ๊ง!อึก...!ถัวเค่อชีขบกรามแน่น พยายามดึงสติกลับคืนมา เขากุมศีรษะ ใช้กำปั้นทุบลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ออกไป! ข้าไม่ต้องการเจ้า!”ถัวเค่อชียังคงทุกข์ทรมาน แต่แล้ว…เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของเขา“จงลืมตาขึ้น... ความแข็งแกร่งที่แท้จริงกำลังรอเจ้าอยู่…”ดวงตาของถัวเค่อชีสั่นไหว มือของเขาสั่นระริก เสียงกระดิ่งยังคงดังไม่หยุด“เจ้าจำไม่ได้เหรอ... ว่าจางอี้หมิงน่าแค้นใจเพียงไร?”ทันใดนั้น ภาพแห่งความทรงจำในอดีตก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเขาสิบปีก่อน…เด็กชายวัยสิบขวบเดินทางมาย

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 37 ความฝันและความสุขของจางอี้หมิง

    จางอี้หมิงเดินทางมาถึงบ้านของศิษย์พี่เฉินเจิ้ง บ้านของเฉินเจิ้งเต็มไปด้วยเศษโลหะกระจัดกระจายทั่วบริเวณ บางชิ้นเป็นแผ่นเหล็ก บางชิ้นเป็นเศษดาบที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ และบางชิ้นก็เป็นเพียงเศษเหล็กที่ขึ้นสนิมไปแล้ว ที่หน้าบ้านมีเตาหลอมขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ เปลวไฟที่มอดลงไปแล้วทำให้รู้ว่าเฉินเจิ้งคงเพิ่งทำงานเสร็จไม่นานจางอี้หมิงมองสภาพบ้านแล้วอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “เพ่ย! ศิษย์พี่เฉินเจิ้ง ช่างโสโครกยิ่งนัก!”ทันใดนั้น เสียงจากในบ้านก็ดังขึ้นมาทันที “เจ้าพูดอะไรข้าได้ยินนะ!”จางอี้หมิงยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าตั้งใจให้ท่านได้ยิน” แล้วเดินเข้าไปในบ้านภายในบ้านรกไม่แพ้ด้านนอก หากแต่สิ่งที่กระจัดกระจายอยู่ในนี้ไม่ใช่เศษโลหะ แต่เป็นกองหนังสือที่กองระเกะระกะจนแทบไม่มีทางเดิน พื้นบางส่วนมีรอยหมึกเปรอะเปื้อน บางจุดมีม้วนตำราวางซ้อนกันจนสูงท่วมหัวเฉินเจิ้งคือผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ค้อนและหลอมโลหะ แถมยังเป็นผู้ชำนาญการอ่านตำราตอนกลางวันเขามักหมกมุ่นอยู่กับเตาหลอมโลหะ ส่วนกลางคืนจะหมกมุ่นอยู่กับตำราในบ้านจางอี้หมิงลัดเ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 36 กลับเข้าสู่การฝึกตน

    วันนี้เหล่าศิษย์ระดับศูนย์ ซึ่งเป็นระดับฐานของสำนักเทียนหยาง ต้องกลับสู่การฝึกฝนอีกครั้งจางอี้หมิงเดินผ่านประตูห้องเรียนเข้ามาด้วยท่าทางผ่อนคลาย สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับสองดรุณีงามหลินหนิงและหวงจื่อรั่ว สองสาวที่งามหยดย้อยในอาภรณ์ที่สะอาดตาแต่แนบเน้นรูปร่างพองาม สัดส่วนอ่อนช้อยของพวกนางช่างเย้ายวนจนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มบาง พลางโบกพัดในมือราวกับเป็นบัณฑิตเจ้าสำราญ แล้วก้าวเท้าเข้าไปหาพวกนางอย่างไม่เร่งรีบทว่า ก่อนที่เขาจะไปถึงเป้าหมาย ชายหนุ่มสองคนก็ขวางทางไว้ คนหนึ่งแซ่หม่า อีกคนแซ่เจียง ทั้งสองเป็นสมุนของซุนสีห่าว บุตรชายของขุนนางใหญ่ แต่กลับเป็นคุณชายไม่เอาไหน ที่ฟ้าดินกลั่นแกล้งให้มาเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวจางอี้หมิงสมุนทั้งสองของซุนสีห่าวกอดอก ยืดอกทำท่าโอหัง ก่อนที่ผู้แซ่หม่าจะชี้นิ้วมาที่จางอี้หมิง“เจ้าคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!” ผู้แซ่หม่ากล่าวเสียงดัง “วันนี้พวกข้าจะคิดบัญชีกับเจ้าจากเหตุการณ์วันนั้น ที่เจ้าทำให้พวกข้าอับอายที่หน้าสำนักบ่อนเบี้ย!”จางอี้หมิงเหลือบตามองพวกเขาเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเฉยเมย ก่อนจ

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 35 เรื่องเล่าจากศิลาเฝิ่นเหิง

    เช้าของวันใหม่ วันนี้เป็นวันที่ต้องเดินทางกลับสำนักเทียนหยางเพื่อไปฝึกฝนวิชาต่อ เหล่าศิษย์ระดับล่างที่หยุดผักผ่อนด้านนอก จะต้องกลับไปยังสำนักความจริงแล้วแม้ว่าจางอี้หมิงจะเป็นศิษย์ระดับสูง แต่ก็ต้องปฏิบัติถามกฎนี้ด้วยเช่นกัน เว้นแต่ว่าจะต้องออกไปปฏิบัติภารกิจด้านนอก ก็สามารถแวะพักผ่อนตามทางได้เช่นกัน ขอแค่ภารกิจไม่เสียหายอาจจะมีบางครั้งที่เขาหรือศิษย์แอบหนีเที่ยวออกมา ซึ่งทางสำนักก็หลับตาข้างเดียวอนุโลมให้ หากหลบมาเพียงแค่คืนเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าเป็นการออกไปหาความสุขชั่วคราวเท่านั้นจางอี้หมิง และ หวงจื่อรั่ว ควบม้าคู่กันออกจากเขตเมืองหลวงชั้นใน สายลมยามเช้าพัดจางๆ เย็นสบายยิ่งนัก ท้องฟ้าสีครามสดใส อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินทางทั้งสองคนควบม้าเคียงกัน จางอี้หมิงมีธัญพืชขบเคียวตลอดทาง ส่วนหวงจื่อรั่วรักษาท่าทีได้ดี จนกระทั่งออกจากเขตเมืองหลวงชั้นใน เมื่อถึงบริเวณเขตชั้นนอก พวกเขาพบ แม่นางหลินหนิง กำลังยืนรออยู่ข้างทาง หลินหนิงทักทายทั้งสองก่อนจะขี่ม้าเดินต

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 34 ความปรารถนาของข้าเช่นเดียวกับท่าน

    เมื่อจางอี้หมิงก้าวเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้และเครื่องหอม ลอยอบอวลในอากาศ เทียนไขบนโต๊ะเล็กส่องแสงวูบไหวเป็นประกายอ่อนโยน เงาสะท้อนของเปลวไฟเต้นระยิบระยับบนผ้าม่านโปร่งบาง ราวกับกำลังเต้นรำอยู่ในค่ำคืนที่เงียบสงบกลางห้อง มีร่างของดรุณีสาวผู้หนึ่ง ในอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ เนื้อผ้าบางเบาพริ้วไหวไปตามลมอ่อน ซงเอ๋อร์ สาวใช้คู่ใจและว่าที่อนุภรรยาของจางอี้หมิง หันกลับมามองเขาแววตาอ่อนโยนคู่นั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจ แก้มของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ ราวกับกลีบดอกท้อแรกแย้มในฤดูใบไม้ผลิ“คุณชายฝึกซ้อมเสร็จแล้วหรือเจ้าคะ?” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ข้าจัดเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ท่านแล้ว”จางอี้หมิงยิ้มบางๆ สายตาคมคายทอดมองหญิงสาวตรงหน้า “เจ้าช่างดีเหลือเกิน” เขากล่าวเบาๆซงเอ๋อร์เดินเข้ามาใกล้ นางช่วยปลดเสื้อคลุมของเขาออกอย่างนุ่มนวล มือเรียวของนางสัมผัสโดนปลายแขนของเขาเพียงแผ่วเบาทว่ากลับทำให้หัวใจของจางอี้หมิงเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัวหลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้ว เขาก้าวลงไปในอ่างไม้ขนาดใหญ่ ไอน้ำอุ่นโอบล้อมร่างกายช่างผ่อนคลา

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 33 การประลองวิชาทวน

    “พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย! ไอ้โรคจิตนี่จะขืนใจข้า!”“หา!?” จางอี้หมิงขมวดคิ้วทันใดนั้น ซุนสีห่าวที่กำลังวิ่งมาตามมา ก็ชะงักฝีเท้ากะทันหัน เมื่อเห็น ใบหน้าของจางอี้หมิงจากนั้น เข่าทรุดลงแทบพื้น!“พี่เขย!!”“...”“ข้าเคยล่วงเกินท่าน โปรดให้อภัยข้าด้วยเถิด!!!”จางอี้หมิงกระพริบตาสองสามที ก่อนจะหันไปมองน้องสาวที่ยังยืนหลบอยู่ด้านหลังเขา จากนั้นรีบคว้ามือจางหลันซือขึ้นรถม้า แล้วควบรถม้าออกไปทันที!!เมื่อรถม้ากลับมาถึง จวนสกุลจาง จางหลันซือถอดปิ่นปักผมออก ผมสยายกระทบแสงอาทิตย์งดงาม ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ“เกิดอะไรขึ้น?”

  • วิถีสุริยะพิชิตเวหา   บทที่ 32 กุลสตรีนอกตำรา

    ภายในห้องอาหารของจวนสกุลจาง ทุกคนในครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา จางส่วง ผู้เป็นบิดา นั่งอยู่หัวโต๊ะ ด้านข้างมี หลี่เอ้อเหมียว ภรรยาของเขาและเป็นมารดาเลี้ยงของ จางอี้หมิง ส่วน จางหลันซือ บุตรีของหลี่เอ้อเหมียว และ จางอี้หมิง พี่ชายต่างมารดา ก็นั่งร่วมโต๊ะพร้อมกันบรรยากาศเป็นไปอย่างสงบ ทุกคนเพลิดเพลินกับอาหารถูกจัดเตรียมมาอย่างดีจางอี้หมิงคีบเนื้อเป็ดชิ้นหนึ่งอย่างใจเย็น และสูดกลิ่นหอมของอาหารเบาๆ ขณะที่หลี่เอ้อเหมียวรินน้ำชาให้สามีจางหลันซือที่เงียบมานานจ้องมองพี่ชายต่างมารดาของตน ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พี่ใหญ่มีเรื่องใดสารภาพหรือไม่?”จางอี้หมิงชะงักมือที่กำลังคีบอาหาร ดวงตาคมเข้มเหลือบมองน้องสาวแล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจหลี่เอ้อเหมียววางกาน้ำชาลงแล้วหันมามองด้วยความสนใจ ขณะที่ จางส่วง ผู้เป็นบิดา ชะงักไปเพียงอึดใจ ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังแล้วกล่าวขึ้น“เจ้าไปทำนางคณิกาคนใดท้อง?”เสียงคำถามนั้นทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่พลันชะงักไปชั่วขณะ แม้แต่นางรับใช้ที่กำลังรินน้ำแกงยังเผลอมือสั่นเล็กน้อยจางอี้หมิงถอนหายใจแล้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status