“อี๋” เด็กหญิงอายุ 7 ขวบเบือนหน้าหนี“เข้าไปเถอะ ยังไงก็ไม่มีน้ำราดอยู่แล้ว”ฝั่งผู้หญิงเรียกได้ว่าต้องกลั้นใจและเกร็งกล้ามขาสุดชีวิต ใครจะไปทำใจนั่งบนชักโครกแบบนี้ลง ตัดไปที่ฝั่งผู้ชาย พวกเขาเองก็ไม่กล้าฉี่ใส่โถฉี่ที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีแมลงสาบและแมลงชนิดอื่นอาศัยกันแน่นขนัด สุดท้ายจึงเลือกต้นไม้ด้านหลังห้องน้ำสักต้นปลดทุกข์“ตรงนี้ดีกว่าเห็น ๆ” หลังได้สูดอากาศบริสุทธิ์ก็พอจะลบล้างภาพห้องน้ำโสโครกนั่นไปได้บ้างหมับ“ใครจับไหล่กูวะ” จับแล้วไม่พูดเดี๋ยวก็ศอกให้เสียนี่กรรร…เพียงได้ยินเสียงคำรามในลำคอ จากที่กำลังเพลิดเพลินกับกลิ่นธรรมชาติหลังห้องสุขาเป็นต้องรีบเบี่ยงตัวกลับทั้งที่ยังไม่ได้รูดซิปกางเกงกึกเสียงฟันบนฟันล่างกระทบกันจนก้องอยู่ในหูหลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างรีบช่วยกันใช้ขวานหรืออาวุธที่อยู่ใกล้มือฟันไปที่คอของมันอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่เกือบโดนกัดคอรีบสะบัดไหล่ของตนให้หลุดพ้นจากพันธนาการแล้วอ้อมไปอยู่ด้านหลังพี่น้องคนอื่นที่กำลังพยายามฆ่ามัน“รีบกลับไปที่รถเร็ว!” เมื่อซอมบี้ตนนั้นถูกฟันคอขาดก็มีอีกหลายตัวเดินโขยกเขยกออกมาจากห้องน้ำฝั่งผู้ชายความโกลาหลเล็ก ๆ
….“เหม่ออะไรน่ะ” นิโคลัสเห็นเจ้ากระต่ายเอาแต่มองกองไฟไม่ขยับเขยื้อน ทั้งที่เวลานี้ชาวบ้านกำลังช่วยกันตำธัญพืชอย่างคึกคัก เพราะก่อนหน้านี้ขายผลผลิตไม่ได้ จึงทำให้พอมีข้าวโพดและข้าวอยู่เป็นจำนวนมาก เฉินเฟิงจึงเสนอให้ทุกคนนำไปบดให้เป็นแป้งเพื่อแปรรูปเป็นอาหารชนิดอื่นในอนาคต“ผมแค่นึกถึงพวกคนที่ออกจากหมู่บ้านไปน่ะครับ” ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง“พวกเขาเลือกเอง อาเฟิงไม่ต้องเป็นกังวลแทนคนอื่นหรอก ชีวิตใครคนนั้นก็ต้องเป็นคนตัดสินใจ” นิโคลัสมองเจ้ากระต่ายพยักหน้าเห็นด้วย “อีกอย่างเราไม่สามารถช่วยได้ทุกคน พวกเขาเองก็ต้องพยายามปกป้องตนเอง”จริงด้วย… ตอนที่เขาตกระกำลำบาก ก็มีแต่ตัวเองที่ต้องสู้กัดฟันทน“ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะช่วยสอนผมให้คุ้นชินกับการมีหูเพิ่มขึ้นมา” เฉินเฟิงเปลี่ยนเรื่องคุย “ผมลองแล้วนะ เอาเชือกไปขึงประตูห้องนอนไว้ โดนเชือกดีดหูทุกวันเลย” เจ้ากระต่ายก้มให้คุณหมอเห็นว่าส่วนหูของเขามีจุดหนึ่งที่ขนแตกไปเล็กน้อยเพราะโดนดีดจนเริ่มบวม“ขนแตกเลย” นิโคลัสไม่รู้จะปวดใจที่เจ้ากระต่ายเจ็บตัวหรือหัวเราะเพราะขนที่แตกของอีกฝ่ายดี“นี่! ผมให้คุณช่วยดูไม่ใช่ให้หัวเราะนะ” เขาเองก็เห็นในก
“โห เสียงโคตรอีโรติกเลยพี่เฟิง” ทีโอที่เพิ่งออกกำลังกายเช้าเสร็จเห็นสองหมีกระต่ายกำลังช่วยกันคูลดาวน์ร่างกายอยู่ แต่เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของคุณผู้ช่วยเชฟนั้นช่างทำให้คิดดีไม่ได้เลยดูหน้าหมอประจำทีมเขาสิ นิ่งยิ่งกว่ารูปปั้นไปแล้วพี่ต้องอดทนมากเลยสินะครับ ผมเข้าใจ ๆ (ตบบ่าทิพย์)“ขะ ขนาดนั้นเลยเหรอ” เฉินเฟิงเองก็รู้สึกแปลกเช่นกัน เขาแค่รู้สึกผ่อนคลาย แต่เวลาที่ถูกกดหลังก็เหมือนถูกไล่ลมออกจากปอด เสียงที่ออกมาจึงค่อนข้างประหลาด แต่ไม่คิดว่าพอคนอื่นฟังกลับบอกว่ามันอีโรติกสาบานเลยว่าไม่ได้ตั้งใจ“ออกกำลังกายเสร็จแล้ว?” นิโคลัสชวนทีโอคุยเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เห็นกระต่ายแก้มขาวหน้าแดงก็ดีอยู่หรอก แต่อยากให้แดงเพราะเขามากกว่าคนอื่น“เสร็จแล้ว” ทีโอเห็นใบหน้าคนชวนคุยจริงจังก็ยอมสงบปากไม่ชวนคุยเรื่องเดิมต่อ “จริงสิ หัวหน้าถามว่าเห็นลูกแก้วซอมบี้บ้างไหม เมื่อเช้าหัวหน้าเอากระเป๋าออกมาจัดเรียงแล้ววางตลับไว้ในห้องรับแขก พอออกไปข้างนอกกลับมา ลูกแก้วที่อยู่ในตลับมันหายไปสามเม็ด”“!!!” ทั้งเฉินเฟิงและนิโคลัสต่างรีบลุกขึ้นทันทีเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของหายเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น ในเมื่อพวกเขาผลัดกันอ
“โอเค ถ้าอย่างนั้นเอาไปไว้ในครัวเลย” โจเซฟหัวเราะในลำคอ ไม่รู้เฉินเฟิงมาเห็นของฝากของเด็กกลุ่มนี้จะตกใจแค่ไหนกันนะ “เดี๋ยวลุงไปที่หน้าหมู่บ้านก่อน วางของเสร็จแล้วก็อย่าซนล่ะ รีบกลับบ้านไปช่วยงานผู้ใหญ่ด้วย” เพราะเด็ก ๆ ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ เด็กที่อายุน้อยลงมาก็จะให้กลุ่มแม่บ้านที่มีความรู้ช่วยสอนให้อ่านออกเขียนได้ ส่วนเด็กโตขึ้นขึ้นมาหน่อยก็ให้ออกไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ“ครับ / ค่ะ” เด็กทั้งสามช่วยกันถือตะกร้าและกล้วยไปวางไว้ที่ครัวด้านหลังบ้านอย่างแข็งขันพอวางเสร็จก็ตรวจตราดูอีกครั้งว่าตะกร้าได้รับการปิดอย่างมิดชิด คงไม่ดีนักถ้าหากพี่กระต่ายกลับมาแล้วเห็นกบกระโดดอยู่เต็มบ้านเด็กชายดลแวะไปป่วนพี่ชายทีโอที่ห้องนอนใหญ่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกมารวมตัวกับเพื่อน เตรียมออกไปหากิจกรรมอย่างอื่นทำจนกว่าจะผ่านพ้นไปอีกวัน“ไปช่วยพวกพี่เก่งเขาดักปลาที่แม่น้ำไหม” พลอยใสชวน“ไม่ได้หรอก ถ้าแม่รู้โดนตีแน่” เด็กชายดลไม่เห็นด้วย แค่ไปจับกบในนาร้างก็โดนมองแล้ว ถ้าไปถึงแม่น้ำละก็มีหวังตูดลาย“หรือจะไปช่วยป้าเพ็ญเขาคัดแยกเมล็ดพืชดี” เด็กชายปอนด์เสนอ“น่าเบื่อจะตาย” พลอยใสกอดอกบุ้ยปากหลังจากผ่านพ้นคืนวันที่
แต่คิดอีกที…“เอาไปคืนพวกพี่ ๆ เขาดีกว่าไหมอะ” ใจมันก็เกิดป๊อดขึ้นมาเด็กชายดลมองเพื่อนทีกำลังเตรียมเอาลูกอมเข้าปาก ส่วนตนเองก็ไม่ต่าง หยิบมาจรดริมฝีปากแล้ว เหลือแค่อ้าปากโยนเข้าไปก็เป็นอันจบ“นั่นสิ” ปอนด์มองลูกอมในมืออย่างเสียดาย แม้จะอยากลิ้มรสชาติหวาน ๆ ของลูกอม แต่การกินของคนอื่นแบบนี้มันผิด“เอาไปคืนกันไหม” พลอยใสเสนอ“ขอโทษนะ” เด็กชายดลก้มหน้าต่ำขอโทษเพื่อนสนิททั้งสอง“ดลอยากปลอบใจพวกเราใช่ไหมล่ะ”“อืม” เด็กชายผู้มีความผิดติดตัวเผยสีหน้าเศร้า เขายังโชคดีที่มีพี่เฟิงและแม่คอยอยู่เคียงข้าง และพาเขาออกมาจากบ้านในตอนที่โจรร้ายบุกเข้ามา แต่เพื่อนทั้งสองคนกลับต้องกกกอดกันเองด้วยความสิ้นหวังเห็นใบหน้าหม่นหมองของดล เด็กสาวก็มองหน้าปอนด์เล็กน้อยเพื่อขอคำปรึกษา จริงอยู่ว่าการขโมยเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เพื่อนเอามาให้เพราะปรารถนาดีนี่นา…“งั้นพลอยจะกิน” พลอยใสโยนลูกอมเข้าปากก่อนเป็นคนแรก “แล้วพวกเราค่อยไปขอโทษพร้อมกันทีหลัง หรือถ้าพี่เขาจะตี พลอยก็จะกอดอกหันหลังให้เป็นคนแรกเลย” เด็กหญิงยิ้มกว้างให้เพื่อน“ปอนด์ก็จะกิน” โยนเข้าปากบ้าง “ขอบคุณนะดล”“ทั้งสองคน” ดลมองเพื่อนซ้ายทีขวาที ก่อนตัดสิน
ดาริณีมาถึงเป็นคนสุดท้าย กว่าทีโอจะตามหาหญิงสาวเจอก็ใช้เวลาพอควร เพราะเป็นเพียงคนเดียวในหมู่บ้านที่มีพละกำลังมหาศาลจึงมักถูกไว้วานให้ทำนั่นทำนี่อยู่เสมอ เธอแทบทิ้งการก่อสร้างฝายชะลอน้ำเมื่อได้ยินข่าวว่าลูกชายล้มฟุบไปอย่างไรสาเหตุ อีกทั้งน้องปอนด์เพื่อนสนิทเองก็มีอาการเช่นเดียวกันเด็กทั้งสามมีไข้ขึ้นสูงตลอดคืน พิมพา แม่ของพลอยใสจึงขออยู่ดูลูกสาวที่บ้านหลังนี้ด้วย เพราะทั้งหมู่บ้านมีนิโคลัสเพียงคนเดียวที่เป็นหมอ แพทย์ประจำหมู่บ้านคนเก่านั้นได้กลายเป็นซอมบี้ไปตั้งแต่ช่วงวันแรก ดังนั้นเธอไม่วางใจพาลูกกลับไปดูแลเอง ให้อยู่ในมือหมอยังคลายใจได้มากกว่า“อาการแบบนี้…” ดาริณีหันไปมองเฉินเฟิง ใบหน้าสวยติดเป็นกังวล“ผมพยายามคิดว่าเด็ก ๆ เป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ก็... หลอกตัวเองไม่ได้” เจ้ากระต่ายก้มหน้า บอกเล่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดา“คุณโจเซฟบอกว่าลูกแก้วซอมบี้หายไป 3 เม็ดใช่ไหมครับ” เจ้ากระต่ายกลั้นใจถาม“อืม ผมได้มาจากคุณทั้งหมด 15 เม็ด ตอนนี้ในกล่องมันเหลือ 12 เม็ด” พูดเพียงเท่านั้นทุกคนก็เหมือนจะเข้าใจว่าเฉินเฟิงต้องการจะอธิบายอะไร“เด็ก ๆ กินลูกแก้วซอมบี้เข้าไปเหรอคะ!” ดาริณีปิดปากหันขวับไปมองล
“ผมขอตัวไปดูเด็ก ๆ ก่อนนะครับ แล้วก็ขอบคุณมากสำหรับอาหารเช้า” เจ้ากระต่ายยกมือไหว้ผู้สูงอายุกว่า“จ้ะ ไปเถอะ ยังไงก็แจ้งข่าวด้วยนะ ทุกคนเป็นห่วงเจ้าสามแสบประจำหมู่บ้านมาก” เคยเห็นวิ่งเล่นกันตั้งแต่เช้ายันเย็น มานอนซมแบบนี้ใครล่ะจะไม่เป็นห่วง“ครับคุณยาย” เฉินเฟิงเดินถือกระทงใบตองที่มีข้าวสวยโปะหน้าด้วยไข่เจียวหอมกรุ่นเข้ามาในบ้าน เห็นนิโคลัสรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนใหญ่พร้อมกับเสียงเอะอะจากด้านใน ทำให้เจ้ากระต่ายรีบวางทุกอย่างไว้ในห้องรับแขกแล้วตรงไปที่ห้องของพ่อแม่ตนที่กลายเป็นห้องพักฟื้นของเด็กซนทั้งสามแทน“ฮือ ๆ” พิมพากอดลูกสาวที่ลืมตามองเพดาน ในที่สุดลูกของเธอก็ฟื้น“แม่ครับ” เด็กชายดลมองมารดาที่นอนซบหน้าลงข้างเตียง ไม่มีทั้งเสียงสะอื้นแต่น้ำตาไหลไม่หยุด ตั้งแต่มารดาฆ่าซอมบี้เป็นครั้งแรก นับจากวันนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้อีกเลย “ขอโทษครับแม่” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เด็กชายดลเลือกที่จะขอโทษออกไปก่อนความทรงจำสุดท้ายของเขาคือรสชาติลูกอมที่ขมยิ่งกว่าบอระเพ็ด และความเจ็บร้าวราวกับร่างกายถูกแยกออกเป็นเสี่ยง ๆ“ปอนด์” ดลหันไปมองเพื่อนที่นอนอยู่ตรงกลาง เด็กชายมองเพดานด้วยดวงตาเลื่อนลอ
“คุณโจเซฟ จะมีซอมบี้มาจริง ๆ เหรอครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงสั่น“แค่คาดการณ์น่ะนะ แต่กันไว้ก่อนดีกว่าแก้” หัวหน้าทหารรับจ้างไม่รับปาก เฉินเฟิงบอกว่าเป็นคำพูดประโยคแรกของเด็กชายปอนด์เมื่ออีกฝ่ายลืมตาน่าเสียดายที่ลูกทีมอย่างหงส์ผู้มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำกับตุ่นที่มีหูดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วย เขาจึงไม่อาจยืนยันได้ 100% ว่าจะมีซอมบี้บุกมาจริงมันอาจเป็นแค่ความกลัวที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของเด็กคนนั้นก็เป็นได้ ทำให้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลสภาพความเป็นจริงได้ก็นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแทน“อะไรกัน แค่นี้ก็สั่นแล้วเหรอ” ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายสูงใหญ่เดินมาตบบ่าเล็กของหนุ่มวัยรุ่น “พวกคนหนุ่ม ๆ น่ะ ไม่ต้องไปไกลนักหรอกนะ ให้คนแก่ ๆ อย่างน้าโดนก่อน”“ได้ไงล่ะครับ พวกเราต้องช่วยกันสิ” โจเซฟเอ่ยเตือน สิ่งที่เขาสอนในตอนนี้สำหรับคนธรรมดาที่ยังไม่เคยฆ่าซอมบี้คือต้องมี 2 คนช่วยกันรับมือกับซอมบี้ 1 ตัว ถ้าเกิดความคุ้นชินแล้วค่อยขยับเป็น 1 ต่อ 1 และที่ต้องให้รุมซอมบี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนใดคนหนึ่งเกิดพลาดท่าและถูกกัดไปอย่างน่าเสียดายจำน
น่าเสียดายที่บริเวณนี้ไม่มีแม่น้ำไหลผ่านเลย แม้จะเคยมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก แต่ก็ถูกนายทุนกว้านซื้อที่และถมดินไปหมดแล้วเพื่อเตรียมทำเป็นทาวน์โฮมโครงการใหม่ ทำให้น้ำที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตขาดแคลนหากทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านของเขากับที่นี่สำเร็จไปได้ด้วยดี อย่างแรกที่ครูเมตตาอยากจะขอทำการแลกเปลี่ยนด้วยก็คงไม่พ้นน้ำนี่แหละ เพราะหมู่บ้านเขามีแม่น้ำอยู่ด้านหลัง รวมถึงลำธารสายเล็กที่ไหลมาจากน้ำตกบนภูเขาอีกในวันที่ 5 ฝนที่ตกติดต่อกันมานานก็หยุดลงเสียที เรียกได้ว่ารองน้ำจนเต็มแล้วเต็มอีก แถมยังมีน้ำท่วมอีกด้วย เพราะระบบโครงสร้างท่อที่ด้านล่างไม่ดีทำให้ไม่สามารถรองรับน้ำปริมาณมหาศาลได้ ดีแค่ไหนที่บริเวณนี้ยังมีความสูงในระดับหนึ่งน้ำก็เลยไม่ท่วม แค่ระบายช้าเท่านั้น“นี่ถ้าใครอยู่ในเมืองหลวงน่าจะต้องเจอกับน้ำท่วมไปแล้วแน่ ๆ” วิทย์เปรยขึ้นมาตอนมื้อเช้า“นั่นสินะ ตกหนักขนาดนี้” คนเคยทำงานในเมืองหลวงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่รู้ป่านนี้คุณโจเซฟเป็นยังไงบ้างนะครับ” เฉินเฟิงหันไปคุยกับนิโคลัส“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ” เพราะยิ่งใกล้ค่ายมากเท่าไรซอมบี้ก็ยิ่งเยอะขึ้น อีกทั้งบางจุดก็เคยมีคนอาศัยหนาแน่นเกิน
แต่ทันทีที่เจ้ากระต่ายหันกลับมาก็เข้าทางใครอีกคนที่รอคอยอยู่นิโคลัสเปิดฉากจู่โจมด้วยการคว้าคนตัวบางไปนอนที่เตียงแล้วพาตัวเองไปคร่อมทับไว้ปิดทางหนีทีไล่ไม่ให้ได้ตั้งตัว“!!!” เฉินเฟิงตาเหลือกเมื่อถูกโยนลงเตียงพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคุณหมอที่ตามลงมาทาบทับเอ๋… เอ๋!!!ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ!“ยั่วผมเหรอ หืม…” นิโคลัสโน้มหน้าผากไปชนกับคนใต้ร่าง ใช้สายตาดุจ้องสบกับนัยน์ตาสีทับทิม “อยากข้ามขั้นตอนก็ไม่บอก”“ผะ ผมไม่ได้ทำนะ” เฉินเฟิงรีบแย้ง เขาไม่ได้ยั่ว แค่จะเอาคืนที่อีกฝ่ายอ่อยเขาเท่านั้นเอง“จริงเหรอ” ฝ่ามือสากเลื่อนลงไปลูบตั้งแต่โคนเข่าขึ้นมายังต้นขาอ่อน พาให้ขนคอผู้ถูกกระทำลุกชัน“คุณนิค!” เจ้ากระต่ายแหวเสียงดัง ฝ่ามือข้างนั้นจึงยังคงหยุดค้างอยู่ตรงหน้าขาของเขา แต่ถ้าหากเลื่อนขึ้นมาอีกก็เป็นใต้เสื้อเชิ้ตแล้ว!“ครับ” คุณหมีขานรับตาใส แต่มือกลับไม่หยุดลูบไล้ ยังคงเลื่อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้าให้คนใต้ร่างดิ้นเร้าเพราะความตื่นตระหนก“ผมขอโทษ ก็คุณอ่อยผมก่อน” เฉินเฟิงละล่ำละลักสารภาพความผิด“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” นิโคลัสจ้องมองกระต่ายตื่นตูม นัยน์ตาปรากฏแววเจ้าเล่ห์พาดผ่านไปวูบหนึ่ง แต่มี
สมองยังไม่หายมึนงง การกระทำของเจ้ากระต่ายกลับทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเฉินเฟิงเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ต้องการ จากนั้นก็เลื่อนมือไปที่ชายเสื้อของตนแล้วค่อย ๆ ถอดมันออก…ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าตัวจงใจหรือสมองเขามองมันเป็นภาพสโลว์โมชั่นเองกันแน่ การกระทำทุกอย่างถึงได้ดูเชื่องช้าราวกับว่ากำลังสะกดให้เขาหลงงงงวยเอวขาวค่อดกิ่วปรากฏสู่สายตาเมื่อไร้สิ่งปกปิด ส่วนล่างเป็นกางเกงวอร์มสีดำผิดไซส์ที่เกาะบั้นเอวไว้หมิ่นเหม่ และผู้ชายอย่างที่รู้กันใครเขาจะใส่กางเกงชั้นในเวลานอน มีแค่บ็อกเซอร์หรือกางเกงวอร์มก็พอแล้ว จึงทำให้เห็นเนินเนื้อตรงบั้นท้ายอย่างหมิ่นเหม่ใกล้จะเห็นแก้มก้นสีขาวอยู่รอมร่อเฉินเฟิงเลื่อนมือไปพลิกไม้แขวนเสื้ออยู่ครู่หนึ่งก็ได้เสื้อที่หมายตาไว้ ต้องบอกว่าตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้ตอนนอน เขาแทบไม่แตะเสื้อผ้าในกระเป๋าของตัวเองเลยแค่ขี้เกียจซักน่ะ…ก่อนหน้านี้แอบถือวิสาสะดูรูปในห้องนี้ไปเสียหลายอัลบั้ม รูปร่างของเจ้าของบ้านกะด้วยสายตาแล้วคงพอ ๆ กับเขา ติดที่จะตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ทำให้เวลาสวมจะดูหลวม แต่สวมใส่แล้วนอนสบายกลับมาที่ปัจจุบันก่อน เฉินเฟิงเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมากลัดกระดุม ควา
“///” ก็ไม่ใช่ว่ารู้สึกแย่อะไร แค่ทำให้เขินมากเกินไปฮื่อออ!!!เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ยังคงมีฝนตกหนัก แม้แต่มังคุดเองก็ไม่หาที่หลบฝน นอนอ้าปากรับน้ำด้วยซ้ำ“พอแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” คุณหมอเห็นว่าเฉินเฟิงตากฝนเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว มากกว่านี้คงไม่ดีแน่“ขออีกนิดไม่ได้เหรอครับ” กำลังเย็นสบายเลย ไม่ได้อาบน้ำแบบเต็มที่มากี่วันแล้วนะ สำหรับยุคที่อาหารสำคัญกว่าของใช้จำเป็นทั่วไป บอกเลยว่ากลิ่นตัวแต่ละคนไม่ใช่เล่น ๆ ยิ่งออกไปทำงานเหงื่อไหลเป็นก๊อกทั้งวัน เวลาต้องไปพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือกันเขาแทบอยากจะยืดคอให้อยู่เหนือลม แน่นอนว่ากลิ่นตัวของเขาเองก็ไม่ใช่เล่นขนาดยาสีฟันเองก็ต้องพยายามใช้ทีละน้อยกับผสมเกลือเข้าไป อีกไม่นานถ้าไม่สามารถหาแปรงสีฟันได้เขาอาจต้องหาหนังสือประวัติศาสตร์อ่านละ ดูว่าคนโบราณเขาทำความสะอาดฟันกันยังไงเป็นท้อ…ชีวิตวันสิ้นโลกแม่งลำบากจังวะ พี่ดาเองก็มีปัญหาเรื่องประจำเดือน ตอนเขาไปบอกว่าถ้าเข้าเมืองจะหาผ้าอนามัยมาให้ อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้อง เจ้าตัวได้ใช้ผ้าที่บ้านมาเย็บเป็นผ้าอนามัยแบบใช้แล้วซักเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยถูกสุขลักษณะหรือเปล
กว่าสองสัปดาห์ที่เฉินเฟิงและนิโคลัสต้องอาศัยอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กับกลุ่มผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง“ปักเสายาวเท่านี้ก่อนก็ได้ครับ” เฉินเฟิงตะโกนบอกกลุ่มกรรมกรจำเป็นในวันนี้ เวลาเริ่มเย็นมากแล้ว ถ้าไม่รีบกลับจะมืดค่ำเอาได้“เมฆเองก็ลอยต่ำลงด้วย อีกไม่นานคงมีฝนตก” นิโคลัสเสริมงี้ดมังคุดเงยหน้ามองฟ้าทำจมูกฟุดฟิด ความชื้นในอากาศทำให้มันต้องร้องเตือนเจ้านายมนุษย์ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ฝนตกธรรมดาเสียแล้วหลังจากไปขนเสบียงจากรถบรรทุกมามากมาย กลุ่มของวิทย์ก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเฉินเฟิงสอบถามว่าอยากจะสร้างเส้นทางให้ที่นี่ไปถึงหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ มีใครคัดค้านหรือไม่ ก็มีแต่คนเห็นดีเห็นงามและพร้อมใจกันเสนอว่าควรใช้เส้นทางไหนในการสัญจรไปมาระหว่างกลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยกันการพูดคุยกินเวลากว่า 2 วัน สุดท้ายก็ใช้เส้นถนนเส้นเล็กที่รู้กันเพียงไม่เยอะลัดเลาะไปเรื่อย ๆ อาศัยการปักเสาไปก่อน จากนั้นค่อยนำลวดหนามมาขึงไว้เพื่อป้องกันซอมบี้ และตบท้ายด้วยการทำกำแพงไล่ตามมาเรื่อย ๆโดยหน้าที่หลักของเฉินเฟิงก็คือการเร่งโตต้นไม้ให้มีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการทำรั้
เฉินเฟิงอาสาขับรถภายในเมืองเล็ก ๆ นี้เอง ยังไงก็ไม่มีซอมบี้หรือรถคันอื่นส่วนกันไปมา ทั้งสองคนเลือกบ้านหลังที่มังคุดเคยไปนั่งเล่นน้ำอยู่เพราะคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่คงนอนเล่นอยู่ที่นั่นแล้วก็ใช่“มังคุด” เฉินเฟิงกระโดดลงจากรถหลังจอดสนิทดีแล้ว เห็นแร็กคูนมองมาที่พวกเขา นัยน์ตาเม็ดลำไยของมันเปล่งประกายพอ ๆ กับพวงหางที่สะบัดขึ้นลง‘เจ้านายใหม่กลับมาแล้ว!!’“แอบไปซนที่บ้านครูเมตตาหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายหรี่ตาจับผิด ซึ่งได้รับการส่ายหัวจากมังคุดกลับมา “ดีมาก เด็กดีที่เชื่อฟังจะได้รางวัล”“จะเอาอันนั้นมาให้มันกินเหรอ” นิโคลัสค่อนข้างเสียดายหากเจ้าสิ่งนั้นจะกลายเป็นแค่ของกินเล่นของมังคุด“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องใช้มันนี่นา เก็บไว้นานกว่านี้จะหมดอายุได้” คุณเชฟเปิดท้ายรถหยิบกระสอบเกล็ดขนมปังสำหรับชุบแป้งทอดออกมาวางตรงหน้าพร้อมกับใช้มีดกรีดเปิดปากถุงให้เจ้าแร็กคูนได้สูดดมกลิ่นหอมหวานงี้ด!มังคุดสูดจมูกฟุดฟิด ในถุงนั่นมีของกินแสนอร่อยรอมันอยู่!“เอาล่ะ กินได้เลย” เจ้ากระต่ายกรีดแผ่กระสอบให้แบออก เขาไม่อยากเทลงพื้นถนนแล้วให้มันกินแบบนั้น แต่ก็ไม่มีจานหรือชามที่ใหญ่พอจะใส่เกล็ดข
เมื่อรถขับมาจอดสนิททุกคนต่างก็วิ่งกรูกันไปกอดวิทย์ไว้ ดูภายนอกคล้ายกลุ่มก้อนอะไรบางอย่าง เพิ่งรู้ว่าพวกเขารักกันเหนียวแน่นมาก ถึงว่าทำไมตอนวิทย์เสนอให้เป็นโจรดักปล้นคนทั่วไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่เห็นมีใครค้าน (ยกเว้นครูเมตตาที่ไม่รู้) เพราะพวกเขาก็มีกันแค่นี้ ถ้าหาอาหารไม่ได้ก็เป็นอันจบ ไหนจะปากท้องของเด็กอีกหลายชีวิตที่รออยู่“พวกเราได้อาหารมาเพียบเลย!”“มีรถบรรทุกถูกจอดทิ้งไว้เต็มไปหมด”“บะหมี่พี่ พวกเราได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มเลย!”“(3$#^$&%^$%@@...” หลายคนช่วยกันบอกเล่าเรื่องราวเสียงดังเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ ซึ่งครูเมตตาก็ไม่คิดห้ามปราม เลือกที่จะเดินมาหานิโคลัสและเฉินเฟิง“ขอบคุณมากเลยนะคะ” หญิงชราค้อมศีรษะให้ เธอยกพวกเขาให้เป็นผู้มีพระคุณของบ้านหลังนี้เลยทีเดียว ถ้าไม่มีพวกเขา เด็ก ๆ คงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปอีกนาน“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอบคุณขนาดนั้นก็ได้” เฉินเฟิงยกมือปฏิเสธไม่กล้ารับคำขอบคุณจากผู้ใหญ่“พวกเราทำเรื่องที่สมควร” นิโคลัสเอ่ย“ใช่ครับ” เจ้ากระต่ายพยักหน้าเห็นด้วยไม่นานเด็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันดูแลแปลงผักอยู่ด้านหลังก็ได้ยินเสียงความวุ่นวายด้านหน้า จึงพากันวิ่งออกมาดูโด
เราฆ่าซอมบี้เพื่อความอยู่รอด เราล่าเพื่อหาอาหาร เราให้ความช่วยเหลือในฐานะมนุษย์ และเราแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันพอนั่งจ้องนานเข้ากิเลสก็เริ่มครอบงำอยากทำมากกว่ามองอยากลองสัมผัสตัวตนแสนน่าหลงใหลนั้นด้วยตัวเองและชั่ววูบนั้นนิโคลัสก็ได้ปีนขึ้นเตียงแล้วนอนกอดเจ้ากระต่ายจนเต็มอ้อมแขนราวกับว่าเวลาทุกอย่างหยุดหมุน ความนุ่มนิ่มในอ้อมอกทำให้รู้สึกอยากจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างลง ณ เวลานั้น ชายหนุ่มจรดจมูกที่ปลายเส้นผม กลิ่นภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉินเฟิงตีฟุ้งขึ้นมาจนแทบมึนเมาในตอนที่เขาค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้โดยมีจุดมุ่งหมายคือมาร์ชเมลโลว์นุ่มนิ่ม ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่สูดลมหายใจให้เกิดเสียงดัง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าในจังหวะที่เขากำลังจะประทับริมฝีปากลงไปแล้วเจ้าของมันตื่นขึ้นมาละก็...“คุณนิค”“...”“คุณนิค! ซอมบี้มาข้างหลังแล้วนะครับ” เฉินเฟิงผลักนิโคลัสออกจากรัศมีการจู่โจมของซอมบี้แล้วยกขาขึ้นถีบมันให้ถอยห่างออกไปก่อน “อย่าเหม่อในเวลานี้สิครับ!” และหันไปต่อว่าครูฝึกที่เผลอใจลอยไปไหนก็ไม่รู้“!!!” นิโคลัสรีบตั้งหลักตัวเองแล้วหันไปเผาซอมบี้ด้วยลูกไฟระดับความร้อนสูง พอสั
นิโคลัสรีบออกมาจากรถเป็นคนแรก ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเจ้ากระต่าย แต่เขาจะไม่ทำอะไร ปล่อยให้ลูกศิษย์เป็นคนจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ด้วยตัวคนเดียว ยกเว้นแต่จะตึงมืออีกฝ่ายจนไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงจะช่วยเฉินเฟิงไม่รอให้ซอมบี้เดินมาหา เป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าไปใกล้มันโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ถีบไปที่ยอดอกหวังให้มันเสียหลักล้มไปกองกับพื้น ใช้ช่วงเวลาที่มันพยายามจะลุกขึ้นยืนนั้นตัดคอมันตุบเสียงศีรษะกระเด็นไปพร้อมกับร่างกายของมันทรุดลงไปนอนเหมือนเดิมอยู่ชื่นชมผลงานการจัดการกับซอมบี้ได้ภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ต้องกระโดดหลบฉากออกมาจากจุดเดิมเพราะมีซอมบี้อีกตัวตะครุบมาจากด้านข้าง อันที่จริงเขารู้ว่ามันตั้งใจเดินไปหานิโคลัสที่อยู่ด้านหลัง แต่คุณหมอหมีคงเบี่ยงตัวหลบ มันเลยเลือกเล่นงานเขาที่อยู่ใกล้กว่าแทนลูกทีมของวิทย์ที่กำลังพยายามงัดกุญแจตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อหันมาเห็นคุณเชฟฆ่าซอมบี้ก็ได้แต่นึกชื่นชมในใจ การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและเด็ดขาดมาก กลุ่มของพวกเขาแม้จะมีอาวุธครบมือ แต่เมื่อออกมาด้านนอก การจัดการซอมบี้สักตัวนั้นจำเป็นต้องใช้ 2 รุม 1 เพื่อเป็นหลักยืนยันว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัย ไม่มีใครต้องรับหน้