“คุณโจเซฟ จะมีซอมบี้มาจริง ๆ เหรอครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามเสียงสั่น“แค่คาดการณ์น่ะนะ แต่กันไว้ก่อนดีกว่าแก้” หัวหน้าทหารรับจ้างไม่รับปาก เฉินเฟิงบอกว่าเป็นคำพูดประโยคแรกของเด็กชายปอนด์เมื่ออีกฝ่ายลืมตาน่าเสียดายที่ลูกทีมอย่างหงส์ผู้มีลางสังหรณ์ที่แม่นยำกับตุ่นที่มีหูดีที่สุดไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วย เขาจึงไม่อาจยืนยันได้ 100% ว่าจะมีซอมบี้บุกมาจริงมันอาจเป็นแค่ความกลัวที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของเด็กคนนั้นก็เป็นได้ ทำให้เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลสภาพความเป็นจริงได้ก็นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้วแทน“อะไรกัน แค่นี้ก็สั่นแล้วเหรอ” ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายสูงใหญ่เดินมาตบบ่าเล็กของหนุ่มวัยรุ่น “พวกคนหนุ่ม ๆ น่ะ ไม่ต้องไปไกลนักหรอกนะ ให้คนแก่ ๆ อย่างน้าโดนก่อน”“ได้ไงล่ะครับ พวกเราต้องช่วยกันสิ” โจเซฟเอ่ยเตือน สิ่งที่เขาสอนในตอนนี้สำหรับคนธรรมดาที่ยังไม่เคยฆ่าซอมบี้คือต้องมี 2 คนช่วยกันรับมือกับซอมบี้ 1 ตัว ถ้าเกิดความคุ้นชินแล้วค่อยขยับเป็น 1 ต่อ 1 และที่ต้องให้รุมซอมบี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนใดคนหนึ่งเกิดพลาดท่าและถูกกัดไปอย่างน่าเสียดายจำน
เขาไม่เหมือนกับบ้านอื่นที่อยากจะพุ่งตัวเข้าเมือง ความรู้สึกลึก ๆ ของเขาร้องเตือนว่าในเมืองนั้นน่ากลัวกว่าชนบทมาก“ไอ้หนูเหม่ออะไร รีบฟันคอมันเร็วเข้า” เสียงตะโกนจากคู่หูปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์ ใครว่าช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานคนจะไม่คิดอะไร เห็นได้ชัดว่าเขาคิดเป็นตุเป็นตะมากเด็กวัยรุ่นรีบยันตัวขึ้นจากพื้น กระชับมีดยาวในมือแน่น ก่อนอ้อมไปทางด้านหลังของซอมบี้แล้วใส่แรงทั้งหมดไปที่การเหวี่ยงตุบเสียงศีรษะตกกระทบพื้นดังก้องอยู่ในหู“ไม่ต้องไปมอง รีบมาช่วยจัดการตัวต่อไปได้แล้ว” ชายวัยกลางคนตบหลังให้กำลังใจ พอดีกับมีซอมบี้ที่โจเซฟจงใจปล่อยมาให้พวกเขาเก็บประสบการณ์วิ่งตรงมาทางนี้ อาการคลื่นเหียนจึงถูกกดข่มลงไป พวกเขาไม่มีเวลาอ่อนแอ มีแต่ต้องต่อสู้!ฝ่ามือที่กำมีดถูกบีบรัดแน่นขึ้นนี่น่ะเหรอวันสิ้นโลกเฮงซวย!โจเซฟคอยสกัดซอมบี้อยู่ด้านหน้า แม้ว่าจะมีเขาเพียงคนเดียวแต่ก็ยังสามารถหลบการพุ่งเข้าโจมตีของซอมบี้ได้โดยไม่มีส่วนไหนบุบสลาย ฟากทีโอก็คอยสนับสนุนอยู่ในแนวหลังเพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่ยังอ่อนประสบการณ์ต้องกลายเป็นพวกมันไปด้วย มีบ้างที่ลูกศรจากหน้าไม้ของคนหลังกำแพงสามารถช่วยชีวิตกลุ่มที่อยู่แนวหน้าไ
เมื่อกลับมาถึงบ้านโจเซฟและทีโอก็ต้องพบกับความโกลาหล บ้านที่เคยสงบกลับมีเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจและเสียงร้องโอดโอยของเด็ก ๆ เล็ดลอดออกมาเกิดอะไรขึ้น!!โจเซฟมองหน้าทีโอก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปด้านใน หรือว่า… จะมีซอมบี้บุกเข้ามาในบ้าน!ปัง!หัวหน้าทหารรีบผลักประตูบ้านเข้าไปอย่างแรง แต่ภาพแรกที่พวกเขาเห็นคือดาริณีนั่งมองลูกชายที่ถูกพิมพาตีด้วยก้านมะยมในขณะที่ดวงตาแดงเรื่อและมีน้ำหยดลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนพิมพาผู้ลงมือคือผู้ที่ปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาราวกับว่าก้านมะยมในมือนั้นคือของร้อนที่ไม่ควรแตะต้อง“พี่พิมกับพี่ดากำลังลงโทษเด็ก ๆ ที่ขโมยของของคนอื่นครับ” เฉินเฟิงอธิบาย เขาเป็นคนยื่นกิ่งมะยมให้หญิงสาวเองด้วยซ้ำ แน่นอนว่าลงทุนเร่งโตต้นมะยมหลังบ้านให้สูงใหญ่ เด็ดกิ่งมาลิดใบแล้วส่งให้เองกับมือ ส่วนดาริณีไม่กล้าลงมือด้วยตนเองเพราะกลัวจะทำให้ลูกกระดูกหักจากแรงของตน“แล้วทำไม…”“หัวอกคนเป็นแม่น่ะ” นิโคลัสที่เคยเรียนเกี่ยวกับจิตวิทยาแม่และเด็กมาพูดเสริม “ถึงจะทำโทษเด็กให้เจ็บเพื่อให้พวกเขาหลาบจำ แต่คนที่เจ็บเป็นคนต่อมาก็คือผู้ที่ลงมือ” ยิ่งดาริณีไม่ได้ลงมือเองเพราะกลัวยั้งพลังไม่ได้ยิ่งชอกช้ำการที่ต้
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เฉินเฟิงร่วมเดินทางไปด้วย ก่อนไปก็ไปรับหงส์ที่ภูเขา อย่างไรเราก็ต้องพึ่งพาลางสังหรณ์สุดยอดเพื่อคอยระวังภัย” โจเซฟกล่าวปิดท้ายการประชุมเพราะมัวแต่ประชุมกันมื้อเย็นวันนี้กลุ่มทหารรับจ้างและเฉินเฟิงจึงไม่ได้ออกไปกินอาหารร่วมกับคนในหมู่บ้าน ปกติแล้วกลุ่มแม่บ้านจะทำอาหารที่ลานหมู่บ้านแล้วแจกจ่ายให้ทุกคนได้กิน ใครที่ทำงานหนักจะตักมากหน่อยก็ไม่มีใครว่า ส่วนใครที่ทำน้อยก็ต้องพึงระลึกว่าตนเองทำไปแค่ไหน คุณยายร้านขายของชำเดินมาตามพวกเขาให้ไปรับอาหารมากินด้วยกัน“ขอบคุณมากครับคุณยาย วันนี้พวกผมจะทำอาหารกินกันเอง จริงสิ เดี๋ยวผมจะออกไปหาเสบียงข้างนอกเข้ามาเพิ่มสักหน่อย คุณยายมีอะไรที่อยากได้ไหมครับ” เฉินเฟิงจงใจบอกว่าจะไปด้านนอก แต่ไม่อธิบายเพิ่มว่าเขาจะไปถึงเมืองหลวงเพื่อไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่นนึกว่าจะถูกพวกตนทิ้งไว้ข้างหลัง“โอ๊ย ยายจะยังต้องการอะไรล่ะ แค่กินอิ่มนอนหลับก็พอแล้ว ไปข้างนอกก็ระวังตัวกันด้วยนะ เดี๋ยวเอารถลูกชายยายออกไปใช้ก็ได้ ยังไงอาเฟิงก็ไม่มีรถใช่หรือเปล่า”“ครับ กำลังจะไปขอยืมอยู่พอดีเลย” เจ้ากระต่ายยิ้มกว้าง พอเห็นคุณยายเดินกลับไปแล้วก็หันหลังเข้าบ้าน“กลับไปแล
“จนกว่าพวกเขาจะโตและสู้กับซอมบี้ได้ครับ” โจเซฟพูดประโยคสุดท้ายจบก็กลั้นหายใจรอฟังคำตอบ“ขอปฏิเสธค่ะ” พิมพาตอบโดยไม่ต้องคิด เธอไม่อยากให้ลูกสาวออกไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดนั่นอยู่แล้ว ใครจะรับผิดชอบหากลูกของเธอพลาดพลั้งกลายเป็นพวกมัน เธอเหลือลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นครอบครัวสุดท้ายที่ทำให้เธอยังมีกำลังใจในการมีชีวิต ถ้าต้องสูญเสียไปอีกครั้ง…เธอก็ไม่ขออยู่เช่นกัน“ไม่รู้ว่าน้องดลจะมีพลังไหม แต่ดาก็ขอฝากให้คุณตุ่นช่วยดูแลแกด้วยนะคะ อย่างน้อยก็สอนพวกการต่อสู้ก็ยังดี” ต่างจากดาริณี หญิงสาวกลับค้อมศีรษะไปด้านหน้ายอมรับข้อเสนอ “ส่วนน้องปอนด์ ดาอยากให้แกตัดสินใจเองค่ะ ถึงตอนนี้ดาจะเป็นผู้ปกครองของเขาแล้ว แต่ก็อยากให้เขาเลือกเองว่าจะสู้อยู่แนวหน้าหรืออยากสนับสนุนอยู่ข้างหลัง”“น้องดา” พิมพามองหญิงสาวร่วมหมู่บ้านดวงตาเบิกกว้าง เท่าที่อีกฝ่ายเคยเล่าให้ฟัง น้องสาวคนนี้เจอเรื่องโหดร้ายมามาก ทำไมยังอยากจะที่จะเผชิญหน้ากับซอมบี้อีก ถึงเราไม่ทำก็ต้องมีคนที่พร้อมจะสู้อยู่แล้ว เป็นคนอ่อนแอคอยสนับสนุนพวกเขาอยู่ในรั้วก็ได้“เพราะดาไม่รู้ว่าจะอยู่ปกป้องลูกได้ถึงเมื่อไหร่ สักวันเขาก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง จะเ
“สรุปว่าเด็กทั้ง 3 คนจะขึ้นไปฝึกซ้อมบนภูเขาใช่ไหมครับ” โจเซฟหันขอคำยืนยันจากผู้ปกครองอีกครั้ง“ไม่ใช่แค่เด็กค่ะ ดาจะไปซ้อมด้วย” ดาริณีก้าวขึ้นมาด้านหน้า “ดาเองก็เป็นคนที่มีพลังพิเศษ ถ้าสามารถทำให้สู้กับซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ได้เก่งกว่านี้ ดาก็พร้อมจะทำ” หญิงสาวเผยสีหน้ามุ่งมั่น“ได้ครับ” หัวหน้าทหารหนุ่มนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายอมรับการตัดสินใจ เขาเองก็เคยคิดอยากจะแนะนำให้หญิงสาวหัดฝึกซ้อมการต่อสู้เช่นกัน แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถามสักที...“ถ้าอย่างนั้นใครที่จะขึ้นเขาก็ไปเตรียมเสื้อผ้าเลย บนนั้นมีบ้านที่พวกเราสร้างไว้สำหรับพักผ่อนอยู่ ส่วนใครที่จะเข้าเมืองก็ให้ไปเตรียมอุปกรณ์แค่ที่จำเป็น” โจเซฟปรบมือแจกแจงงานเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกลับไปนอนเพื่อเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้เช้าวันต่อมาคนในหมู่บ้านจึงได้รู้ว่าเฉินเฟิงและคณะทหารรับจ้างบางส่วนจะออกจากหมู่บ้านเพื่อไปหาเสบียงและของใช้จำเป็น มีหลายคนคิดใช้โอกาสนี้ติดตามอีกฝ่ายเข้าเมือง“พวกเราไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองจังหวัดหรอกนะครับ แต่จะไปแถบโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดข้าง ๆ” เจ้ากระต่ายตอบ “แถวนั้นมีซอมบี้เยอะ ถ้าพวกคุณจะไปด้วยผมข
“...” ชาวบ้านหลายคนเริ่มนิ่งเงียบ หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาอยู่ในรั้วไม้สูงใหญ่ ทำมาหาอาหารกันอย่างปลอดภัย ใครอยากกินผักก็ปลูกพืช อยากกินปลาก็ไปยกยอ ทุกอย่างดูราบรื่นเสมือนว่าไม่เคยพบเจอเรื่องโหดร้ายมาก่อน พอทุกคนได้ยินดังนั้นต่างก็ก้าวถอยห่างจากกิ่งแก้วมากขึ้น“ฉันไม่ไป” มีใครคนหนึ่งพูด เสียงไม่ดังไม่เบานั้นกลับส่งไปถึงทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้น“ฉันก็ไม่ไป”“แต่เข้าเมืองอาจปลอดภัยกว่า”“อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว”“ใช่ ๆ บ้านของเราอยู่ที่นี่ ให้ออกไปอยู่ในเมืองแล้วจะทำอะไร”“ซอมบี้มาก็แค่ช่วยกันสู้”“#^%*^) (^#...”เสียงเริ่มแตกออก มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการย้ายถิ่นฐานกิ่งแก้วหน้าเสียเมื่อเห็นว่ามีผู้ร่วมอุดมการณ์น้อยกว่าที่คิด ในตอนที่ตั้งใจจะพูดโน้มน้าวอีกกลับโดนลูกชายลากดึงออกมาจากหน้ารถของกลุ่มทหารรับจ้าง“เอะอะอะไรกัน” คุณยายร้านขายของชำให้กุญแจรถกับกลุ่มของเฉินเฟิงเสร็จก็กลับไปพักผ่อนในบ้าน หัวยังไม่ทันถึงหมอนกลับได้ยินเสียงโวยวายดังลอดเข้ามาพอออกมาดูก็เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมรถของลูกชายเธออยู่“คุณยาย” ชาวบ้านที่มุงอยู่แหวกทางให้คุณยายได้เดินเข้ามา“หืม มีอะไร
ความขุ่นมัวจากการปะทะคารมกับกิ่งแก้วหมดไปเมื่อรถเคลื่อนตัวห่างออกจากหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ สายลมแรงพัดพากลิ่นชื้นในอากาศขึ้นสูง ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากซอมบี้ อากาศในยามเช้าแสนวิเศษภายในรถไม่มีใครปิดกระจกสักคน พวกเขาอยากดื่มดำกับบรรยากาศที่หาได้ยากนี้“ไม่มีใครตามมาเลย” เฉินเฟิงมองไปทางด้านหลัง เห็นเพียงฝุ่นจากดินลูกรังฟุ้งตลบ“ขอแค่พวกเรารับปากว่าจะคอยดูแลหรือพาไปส่งถึงเมืองหลวงคงมีคนตามมาเป็นพรวน” โจเซฟแค่นยิ้มให้กับความคิดของตนเอง เขาอุตส่าห์ห์คิดว่าหมู่บ้านนี้คงแตกต่างแต่ก็ไม่ใช่…ไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมีคนที่พร้อมจะโทษทุกสิ่งยกเว้นการกระทำของตนเองรวมถึงคนที่ถ้าตนไม่ได้ดีก็จะไม่ยินยอมให้คนอื่นได้ดีเช่นกันไม่ถึง 20 นาที รถก็เคลื่อนมาถึงภูเขาด้านที่พวกเขาลงมา เฉินเฟิงอาสาขึ้นไปส่งเด็ก ๆ เพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี โจเซฟกับนิโคลัสจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นเดินลง การเดินทางเข้าเมืองยังต้องขอแรงอีกฝ่ายในการขับรถด้วย เพราะเทียบกับตัวเขาที่ขับรถเป็นก็จริง แต่ก็รู้แค่เส้นทางที่ GPS เคยนำทางเท่านั้น ทางสายนอกหรือทางลัดนั้นอย่าได้หวังมีหรือที่นิโคลัสจะปล่อยให้เฉินเฟิงห่างจากสายตา คุณหมอหม
นิโคลัสเหมือนโดนศรรักปักอกอีกครั้ง พอเขาได้ลองพิจารณาดูดี ๆ แล้ว อาการที่เฉินเฟิงมักแสดงออกไม่ใช่ลำบากใจที่จะอยู่กับเขา แต่อีกคนแค่ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของเขาเท่านั้นเอง เจ้ากระต่ายไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะคบหาเป็นแฟนในทันที จึงประหม่าเพราะไม่คุ้นชินกับการถูกรัก แถมยังต้องอยู่กันสองต่อสองบ่อยครั้ง“ถ้าอาเฟิงอยากให้ผมทำอะไรก็แค่บอก ไม่ต้องกลัวว่าผมจะรู้สึกไม่ดีหรอกนะ บอกกันตรง ๆ ดีกว่า” พูดไปก็ลูบแก้มอีกฝ่ายไป“ผมแค่… แค่ไม่ชิน” เจ้ากระต่ายยอมสารภาพออกไปในที่สุด “คือผมชอบผู้ชายก็จริง แต่ก็ไม่เคยมีแฟนหรือชอบใครอย่างจริงจัง ผมก็เลย… เฮ้อ” ถอนหายใจออกมาอีกเฮือก ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาสารภาพเรื่องน่าอายของตนเอง คิดว่าการพูดคุยแบบนี้จะมีแต่ในนิยายเสียอีก“ก็เลยทำตัวไม่ถูก?” นิโคลัสช่วยต่อประโยคที่ไม่ได้ถูกพูดออกมา“ใช่” เฉินเฟิงก้มหน้ารับคำเสียงอ่อย“ขอโทษที่เร่งรัดนะ” คุณหมอใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างประคองแก้มขาวให้เงยขึ้นมาสบตา“ไม่…” คนสบตาตั้งใจจะปฏิเสธไม่รับคำขอโทษ แต่ถูกนิ้วชี้วางทาบริมฝีปากเสียก่อน“ชู่”“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้โทษที่ผมสารภาพความในใจ ผมเองต่อ
“กลับกันเถอะ” นิโคลัสมองพระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ ช้ากว่านี้จะกลับไปบ้านครูเมตตาค่ำมืดได้“พรุ่งนี้เราจะออกไปข้างนอกกัน อยู่ที่นี่อย่าไปกวนที่บ้านนั้นนะ” เฉินเฟิงหันไปกำชับกับมังคุด กลัวว่าตอนพวกเขาไม่อยู่จะไปป้วนเปี้ยนให้เด็กกลัวอีกงี้ดมังคุดที่นอนหงายอยู่ถึงกับพลิกตัวกลับมามองหมายความว่ายังไง มนุษย์จะไม่อยู่แล้วเหรอ!“พวกเราจะออกไปหาของ” เห็นมันทำหน้าเศร้าคุณเชฟจึงรีบอธิบาย ถึงจะไม่รู้ว่ามันเข้าใจแค่ไหนก็ตาม “ไปไม่นานหรอก เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”มังคุดพยักหน้าขึ้นลงเหยดด… เข้าใจว่ะก็คือฟังออกว่าเขาต้องการจะสื่อสารว่าอะไรงี้เหรอ สุดยอด!!“สติปัญญาระดับสูงเลยนะ” เทียบเท่ากับเด็ก 5 ขวบได้เลย“เก่งจังเลย” เจ้ากระต่ายตรงเข้าไปลูบแผงคอของมัน “เป็นเด็กดีนะ เดี๋ยวคราวหน้าจะทำของอร่อยมาให้กินอีก”งี้ด~พอได้ยินคำว่า ‘อร่อย’ แร็กคูนยักษ์ก็นอนหงายโชว์พุงอีกครั้ง คล้ายจะบอกใบ้ให้อีกฝ่ายสามารถเกาพุงของมันได้“ฮะ ๆ คราวนี้เป็นแมวไปแล้ว”เฉินเฟิงอยู่เล่นกับมังคุดอีกครู่หนึ่ง กว่าจะแยกกลับไปนอนที่บ้านครูได้ก็ใช้เวลาพอสมควร คุณหมอแทบจะจับอุ้มพาดบ่าแล้วลากกลับอยู่รอมร่อแล้วก็กลับมาอยู่ที่ห้องกันสองต่
“ก็ดีครับ ปล่อยไว้นานกว่านี้อาจมีคนเจอรถพวกนั้นก่อน” นิโคลัสเห็นด้วย ของแบบนี้ใครเร็วกว่าได้เปรียบ จะมัวแต่คิดว่ามันจะจอดอยู่แบบนั้นตลอดไปไม่ได้“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ใครพร้อมก็มารอกันที่หน้าประตูตอน 10 โมงเช้าเลยนะครับ” เฉินเฟิงพูดต่อ “ว่าแต่จัดการเรื่องลวดที่ถูกทำลายหรือยังครับ” เขาไม่ได้ไปดูเลยเพราะมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการทำอาหารและปลอบเด็ก ๆ เพราะเมื่อไหร่ที่มีกลิ่นหอมโชยออกไป เจ้าแร็กคูนก็มักจะมาป้วนเปี้ยนใกล้ ๆ เสมอ เป็นผลให้เด็กร้องไห้ตกใจกลัวอยู่บ่อยครั้ง“เรียบร้อยแล้วครับ ต้องขอขอบคุณพวกคุณมากจริง ๆ ที่ทำให้ผมจัดการกับไอ้ดำได้เสียที ส่วนเรื่องวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวผมจะรีบเรียกทุกคนมาประชุมกันว่าใครจะไป”…หมดเรื่องวุ่นภายในเจ้ากระต่ายก็ชวนคุณหมอหมีไปดูว่าเจ้าแร็กคูนเป็นยังไงบ้าง ถูกเขาดุไปสองสามครั้ง ป่านนี้ไม่รู้ว่าไปนอนงอนอยู่ที่ไหน“พูดถึงเรื่องกลับหมู่บ้าน” นิโคลัสเอ่ยขึ้นระหว่างเดินกันอยู่สองคน “คุณคิดว่าพวกเขาจะตกใจตอนเห็นแร็กคูนเหมือนเด็กพวกนี้หรือเปล่า”“ก็คงมีบ้างครับ ถ้าพวกเขากลัวก็ให้มันไปอยู่บนภูเขา ยังไงที่นั่นก็เป็นป่า มันน่าจะปรับตัวได้ดี” แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้เขาก็แค
เฉินเฟิงหรี่ตามองอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเป็นอะไร อาหารที่กินเข้าไปก็แทบจะตีย้อนออกจากกระเพาะมาพร้อมกับน้ำย่อย ต้องสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งกว่าจะสงบคงอีกนานเลยกว่าเขาจะชินกับการเห็นชิ้นส่วนของคนถูกตัดออกจากกันแบบนี้“มันคงกลัวว่าเราจะไม่เชื่อ” นิโคลัสหัวเราะในลำคอ ระดับสติปัญญาของมันนับว่าสูงมากทีเดียว“ผมคงต้องทำอาหารอร่อยให้มันสุดฝีมือเลยมั้งครับแบบนี้” ให้มันติดใจแล้วอยู่กับพวกเขาตลอดไป“ไว้กลุ่มวิทย์พร้อมค่อยไปหาเสบียงต่อก็แล้วกัน” เพราะสิ่งที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้คือการซ่อมแซมบรรดารั้วลวดหนามที่ได้รับความเสียหาย ไม่อย่างนั้นซอมบี้ที่อยู่รอบนอกอาจจะเข้ามาได้ทุกเมื่อ แค่ตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งตามกลุ่มผู้บุกรุกไป จึงไม่มีซอมบี้หลงเหลืออยู่ตรงจุดที่รั้วชำรุด“แล้วลวดนี่” เฉินเฟิงเองก็คิดว่าไม่ควรปล่อยไว้อย่างนี้แล้วกลับไปเลย“เอารถมาจอดขวางไว้ก่อนแล้วกัน” คุณหมอหมีเสนอ“เพิ่งรู้นะครับเนี่ยว่าในบ้านรอบนอกมีซอมบี้อาศัยอยู่ด้วย” ไม่คิดว่าวิทย์จะคิดการรอบคอบวางแผนซ้อนไปมาไม่หยุด บ้านเรือนในละแวกที่ใกล้กับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นบ้านเปล่าที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยจริง แต่บ้านรอบนอกติดกับรั้วล
“แฮ่ก ๆ แม่งเอ๊ย! ไม่น่าบ้าจี้ตามไอ้ดำมาเลย!” ยอดวิ่งหนีไปตามตรอกซอกซอยหวังว่าจะสลัดเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ให้หลุด แต่เมื่อแหงนหน้ามองไปด้านบน เขาก็จะเห็นมันกำลังไต่หลังคาตามเขาอยู่เสมอ“สัส! ฉลาดนักนะมึง!” ชายหน้าบากสบถอย่างหัวเสีย อีกไม่กี่เมตรเขาก็จะพ้นจากเมืองเล็กเมืองนี้แล้วยอดตัดสินใจหลบเข้าไปในบ้านร้างหลังหนึ่ง ขอเพียงเขาอยู่ในบ้านมันก็ไม่สามารถเข้ามาได้ แถมซอมบี้ด้านนอกเองก็เข้ามาไม่ได้เหมือนกัน…แฮร่!“!!!”กึง!ผู้บุกรุกบ้านถึงกับผงะรีบก้มตัวลงจนได้ยินเสียงฟันกระทบกันจากด้านหลังเชี่ย! ยังมีเจ้าของบ้านอยู่อีกเหรอวะ! ไหนว่าพวกมันเคลียร์ซอมบี้ในเมืองไปแล้วไง!ด้านนอกก็สัตว์ประหลาดวิวัฒนาการตัวใหญ่ ในบ้านก็ยังมีซอมบี้ อย่าบอกนะว่าบ้านหลายหลังที่ตั้งอยู่นี่มีซอมบี้เหมือนกันหมดสิ่งที่ยอดคาดเดานั้นถูกต้อง กลุ่มของวิทย์ไม่เพียงแต่ล้อมรั้วป้องกันไม่ให้ซอมบี้เข้ามาในเมือง แต่ในบ้านที่ร้างผู้คนเหล่านั้นก็ยังคงมีซอมบี้อาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน ป้องกันไว้เผื่อกรณีผู้บุกรุกหลบหนีเข้าไปในบ้านแล้วพวกเขาตามหาตัวไม่เจอไพ่ตายเยอะนักนะ!ยอดฆ่าซอมบี้ในบ้านตายภายในเวลาไม่ถึงนาที อย่างไรเขาก็เป็นผู้ม
“เราลองแจกงานแรกให้เจ้าตัวนี้ดูไหม” นิโคลัสหันไปถามคุณเชฟ ดูเหมือนว่ามันจะเชื่อฟังเจ้ากระต่ายมากที่สุด“ก็ดีนะครับ” เฉินเฟิงพยักหน้าเห็นพ้อง มาลองดูกันหน่อยว่าสมาชิกใหม่จะทำประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน “นี่ ไปจัดการมนุษย์คนนั้นทีสิ” เขากระตุกขนของเจ้าแร็กคูนที่กำลังอ้าปากหาวแกเป็นสัตว์กลางคืนไม่ใช่เหรอฮะ มาหงมาหาวอะไรตอนนี้?งี้ด (ไม่อยากไปเลย) แร็กคูนมีสีหน้าเบื่อหน่าย มันไม่อยากออกแรงแล้ว“ถ้าจัดการได้จะทำของอร่อยให้กิน รับรองว่าอร่อยจริง ๆ”กี๊ซ (ต้องอร่อยจริง ๆ นะ) มันร้องเสียงดัง ยอมวิ่งออกไปด้านหน้า“ตกลงแล้วมันฟังเราออกจริง ๆ ใช่ไหมครับเนี่ย” เฉินเฟิงค่อนข้างประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก จริงอยู่ว่ามันฉลาดกว่าแมว แต่โดยสามัญสำนึกแล้วมันไม่น่าจะฟังออกทุกคำไม่ใช่หรือ?แต่ที่แปลกกว่าคือทำไมเขาดันเข้าใจในสิ่งที่มันจะสื่อ...“สมองคงวิวัฒนาการไปด้วยแล้วล่ะ” นิโคลัสสันนิษฐาน“ถ้าสัตว์วิวัฒนาการเป็นแบบนี้กันหมด โลกคงคุยกันง่ายขึ้นเยอะ” เจ้ากระต่ายจินตนาการเมืองที่มีสัตว์น้อยใหญ่เดินกันเป็นระเบียบเรียบร้อยบนฟุตบาธ มีร้านกาแฟริมทางที่มีคนกับกระรอกนั่งคุยกัน“อย่าเลย การรู้ว่ามันต้องการอะไรจะยิ่ง
“ไอ้วิทย์!” ดำกัดฟันกรอด พวกมันยิ่งมีทรัพยากรไม่เพียงพออยู่ การจะเอารถออกมาถึง 3 คันได้ก็ต้องถ่ายน้ำมันจากเครื่องสำรองไฟมาตั้งเท่าไร แค่นี้เขาก็นับได้ว่าเสียหายไปเยอะแล้ว ถ้าหากไม่ได้น้ำมันชดเชยกลับไป ตำแหน่งหัวหน้าของเขาต้องสั่นคลอนแน่!“อยากจะมาก็มา อยากจะไปแล้วคิดว่ากูจะยอมให้มึงไปง่าย ๆ หรือไง” วิทย์เลิกคิ้วท้าทาย ในมือถือหนังสติ๊ก ต้นเหตุของการระเบิดครั้งใหญ่ในค่ำคืนนี้พวกมันมีไพ่ตาย… แล้วคิดว่าพวกเขาจะไม่มีบ้างงั้นเหรอ?“มึง-ทำ-อะไร!” ดำกำหมัดแน่น มันต้องพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกแล้วเฮือกเล่าไม่ให้ตนวู่วาม ห้ามเต้นไปตามเกมเด็ดขาด เพราะอีกฝ่ายยังมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่หนุนอยู่ยอดเองก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แม้ตัวมันจะหนังหนา แต่เห็นเจ้าแร็กคูนแยกเขี้ยวขู่ก็ชักไม่แน่ใจว่าฟันของสัตว์ตัวใหญ่นั่นอาจจะบดเขาขาดครึ่งตัวได้ง่าย ๆ“กู-ไม่-บอก” วิทย์เก็บหนังสติ๊กใส่กระเป๋าคาดเอว นี่เป็นไพ่ในมือที่เขามีอยู่ ตั้งแต่มันบุกและถอยไปในครั้งนั้น ชายหนวดโค้งคิดอยู่แล้วว่ามันต้องวกกลับมา จึงเกณฑ์คนออกไปรื้อหาของในละแวกนี้อย่างหนักจนได้เตรียมแบริเออร์ ตะปูเรือใบ ลวดเส้นเล็ก กระสุนบีบีกันเป็นลัง
“อะไรกัน~ ก็ไม่เห็นเจ็บเลยนี่นา” ยอดมองกระสุนสีขาวที่ยิงใส่ตัวเองหลายนัด“นั่นก็เพราะพี่ยอดมีพลังพิเศษต่างหาก” ลูกน้องที่ไปตามยอดเดินบ่นเสียงอุบอิบตามหลัง“ไรวะไอ้ดำ ของแค่นี้ต้องปลุกกูด้วยเหรอ” ยอดมองคนทำตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มที่เอาแต่นั่งหลบอยู่หลังรถกระบะ นี่ก็สบายเหลือเกิน“เสียเวลา กูไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ทั้งคืน” ยิ่งอยู่ดึกเส้นทางกลับไปที่รังจะมีแต่ซอมบี้เดินเพ่นพ่านเอาได้“กลัวอะไรวะ ก็นอนที่นี่เสียก็สิ้นเรื่อง” ตอนเช้าค่อยออกเดินทางต่อ“ไอ้ย้งน้องมึงจะได้ยึดอำนาจกูน่ะสิ” ดำจิ๊ปาก พี่น้องคู่นี้ไม่รู้เป็นบ้าอะไร คนหนึ่งไม่อยากเป็นใหญ่ก็ดีไป ส่วนอีกคนกลับอยากจะมาแทนที่เขาอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามันมีพลังน้ำละก็ อย่าหวังเลยว่าเขาจะปล่อยให้มีชีวิต ขาดอาหารได้แต่ขาดน้ำก็ตาย ดังนั้นต่อให้กลุ่มเขามีคนใช้พลังน้ำอยู่หนึ่งคนก็ยังจำเป็นต้องมีมันเผื่อไว้ตอนฉุกเฉินด้วยอยู่ดีฐานที่ตั้งของดำเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่จำหน่ายอาหารค้าส่ง ตอนนี้กำลังประสบกับปัญหาเรื่องเครื่องปั่นไฟสำรองกำลังจะใช้การไม่ได้เพราะไม่มีน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง นั่นจะทำให้ตู้แช่แข็งอาหารหยุดทำงานคราวนี้ล่ะบรรลัยแน
“พี่ดำ! ไม่ตายก็จริงแต่เจ็บเอาเรื่องเลยว่ะพี่” หนึ่งในลูกน้องแนวหน้าวิ่งกลับมารายงาน เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้กลายพันธุ์หรือมีพลังพิเศษทำให้ผิวบางกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เมื่อกี้โดนเปลือกตาไปนัดหนึ่งเขาเลยรีบวิ่งกลับมาเกือบตาบอดเลยนะเว้ย!ด้านคนที่มีพลังพิเศษเองก็พยายามตอบโต้กลับไป แต่เพราะมีแบริเออร์ที่วิทย์ยกขึ้นมาปิดถนนเป็นเกราะกำบัง พลังเพียงน้อยนิดไม่อาจทำให้มันสะดุ้งสะเทือนได้มากนัก คนหนึ่งปาลูกบอลน้ำ ส่วนอีกคนก็ปาเหล็กทั้งแผ่นหึ ทำได้แค่ระคายผิวเท่านั้นแหละส่วนคนที่กลายพันธุ์ก็ใช้แรงกายที่เพิ่มมากขึ้นหยิบก้อนหินขว้างปาใส่เป็นกองสนับสนุน คนธรรมดาจึงต้องร่นถอยมาอยู่แนวหลัง คิดไปในทางเดียวกันว่าพวกมันคงไม่มีกระสุนเยอะมากนัก รออีกสักพักค่อยจัดการก็ยังไม่สายแต่ผ่านไปเกือบ 5 นาทีกระสุนพลาสติกกลม ๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงเสียทีจนคนเป็นหัวหน้าอย่างดำขมวดคิ้วแน่น“ไปตามไอ้ยอดมา!” ดำสั่งเสียงเหี้ยม“ได้ครับ!” คนได้รับคำสั่งรีบวิ่งไปยังรถกระบะคันสุดท้าย ในนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังปรับเบาะเอนนอนใช้หมวกปีกกว้างบดบังใบหน้าอยู่ลูกน้องที่ได้รับหน้าที่ให้มาตามกลั้นใจกลืนน้ำลายก่อนหนึ่งอึกเรีย