ความขุ่นมัวจากการปะทะคารมกับกิ่งแก้วหมดไปเมื่อรถเคลื่อนตัวห่างออกจากหมู่บ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ สายลมแรงพัดพากลิ่นชื้นในอากาศขึ้นสูง ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าจากซอมบี้ อากาศในยามเช้าแสนวิเศษภายในรถไม่มีใครปิดกระจกสักคน พวกเขาอยากดื่มดำกับบรรยากาศที่หาได้ยากนี้“ไม่มีใครตามมาเลย” เฉินเฟิงมองไปทางด้านหลัง เห็นเพียงฝุ่นจากดินลูกรังฟุ้งตลบ“ขอแค่พวกเรารับปากว่าจะคอยดูแลหรือพาไปส่งถึงเมืองหลวงคงมีคนตามมาเป็นพรวน” โจเซฟแค่นยิ้มให้กับความคิดของตนเอง เขาอุตส่าห์ห์คิดว่าหมู่บ้านนี้คงแตกต่างแต่ก็ไม่ใช่…ไม่ว่าจะที่ไหนก็ต้องมีคนที่พร้อมจะโทษทุกสิ่งยกเว้นการกระทำของตนเองรวมถึงคนที่ถ้าตนไม่ได้ดีก็จะไม่ยินยอมให้คนอื่นได้ดีเช่นกันไม่ถึง 20 นาที รถก็เคลื่อนมาถึงภูเขาด้านที่พวกเขาลงมา เฉินเฟิงอาสาขึ้นไปส่งเด็ก ๆ เพราะรู้เส้นทางเป็นอย่างดี โจเซฟกับนิโคลัสจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเดินขึ้นเดินลง การเดินทางเข้าเมืองยังต้องขอแรงอีกฝ่ายในการขับรถด้วย เพราะเทียบกับตัวเขาที่ขับรถเป็นก็จริง แต่ก็รู้แค่เส้นทางที่ GPS เคยนำทางเท่านั้น ทางสายนอกหรือทางลัดนั้นอย่าได้หวังมีหรือที่นิโคลัสจะปล่อยให้เฉินเฟิงห่างจากสายตา คุณหมอหม
อาหารกระป๋องเองก็ไม่ได้ถูกกินไปเยอะนัก ทั้งที่เขาบอกไปแล้วแท้ ๆ ว่าสามารถหยิบกินได้เลย เกรงใจกันไปได้ เขาเองก็ได้รับความช่วยเหลือจากทีมของโจเซฟมากเหมือนกัน“มาอยู่ที่นี่เอง” นิโคลัสเดินลงบันไดที่ถูกวางเป็นชั้น“พี่หงส์เก็บของเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอครับ” เจ้ากระต่ายเห็นคุณหมอหมีลงมายังห้องถนอมอาหารก็นึกว่าจะมาตามตนเองไปเตรียมลงจากเขา“ยังหรอก” ชายหนุ่มส่ายหน้า “ผมแค่เห็นว่าคุณหายไป ก็เลยคิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่”“อ๋อ มีโอกาสเข้าเมืองทั้งทีก็เลยอยากดูว่ายังขาดเหลืออะไรบ้างน่ะครับ” เครื่องปรุงบางชนิดเขาสามารถหยิบจับจากครัวในบ้านได้ แต่ก็มีขวดที่ใกล้หมดอายุแล้วเช่นกันหรือเขาต้องเร่งโตพืชเพื่อหมักเครื่องปรุงเอง?“อยากกินอาหารประเทศ C เขาบอกว่าเผ็ดใช่ไหม” นิโคลัสชวนคุย เห็นหูกระต่ายกระดุกกระดิกเพราะคุยเรื่องที่สนใจแล้วเพลินตา อยากจะยืดช่วงเวลานี้ให้นานขึ้นอีกสักนิดก็ยังดี“แล้วแต่พื้นที่ครับ แต่อาหารประเทศ C แบบเผ็ดร้อนนั้นถูกปากชาวต่างชาติมากกว่า” ภัตตาคารที่เขาเคยทำอาหารอยู่ก็เลือกเมนูอาหารจากหลายมณฑลมาใส่ไว้ให้ลูกค้าได้เลือกทาน บางคนไม่กินเผ็ดก็จะเลือกเมนูทางภาคเหนือหรือภาคใต้ ใครชอบกินรสจัด
“ผมกลัวว่าพี่เขาจะขึ้นเขามาเองแล้วเจอซอมบี้หรือสัตว์กลายพันธุ์ระหว่างทางต่างหากล่ะครับ”“งั้นไว้พี่ค่อยลงเขาพาน้องพลอยไปหาสัปดาห์ละวันก็แล้วกัน” เพราะไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดการฝึกเมื่อไหร่ ดีไม่ดีเฉินเฟิงกลับมาจากเมืองหลวงก็ใช่ว่าพวกเขาจะฝึกจบ“แบบนั้นก็ดีครับ” เจ้ากระต่ายพูดคุยอีกเล็กน้อยก็เดินลงเขาไปพร้อมกับนิโคลัสและหงส์ ระหว่างทางเขาก็ยังคงถูกต้นไทรร้อยปีดึงดูด“มีอะไร” นิโคลัสเห็นอีกฝ่ายนิ่งงันไปจึงเอ่ยปากถาม“ผมคิดว่าต้นไทรต้นนี้ต้องมีอะไรบางอย่าง” ครั้งแรกไม่เอะใจ แต่ครั้งที่สองค่อยเริ่มแน่ชัด เวลาที่ยืนอยู่ใต้ร่มเงาของมัน จิตใจที่เคยว้าวุ่นก็จะสงบลง“รู้สึกเหมือนได้รับการเติมเต็ม” แพทย์ทหารเองก็เริ่มเข้าใจว่าอะไรบางอย่างที่เฉินเฟิงพูดนั้นเป็นอย่างไร“เนอะ” เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองกิ่งก้านของต้นไทรยักษ์ รากอากาศลู่ตามลม เป็นบรรยากาศที่ชวนให้อยากจะนั่งพิงลำต้นแล้วหลับสักงีบ“คงมีการกลายพันธุ์” ที่ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย“ผมเคยมานั่งเล่นสมัยที่ยังไม่มีซอมบี้” เฉินเฟิงนึกย้อนไปถึงตนเองสมัยที่อยากมีบ้านหลังเล็ก ๆ บนภูเขาเหมือนพวกอินฟลูเอนเซอร์ต่างประเทศที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในป่าโดยการสร้างบ้านหรื
เฉินเฟิงมองออกไปด้านนอกอย่างสนใจ ตั้งแต่วันสิ้นโลกมาเยือน เขายังไม่เคยเห็นสภาพด้านนอกหมู่บ้านเลยสักครั้ง ถ้าเป็นช่วงปกติถึงจะเป็นชายขอบจังหวัดก็มักจะมีรถยนต์สวนกันไปมาสักคันสองคัน แต่ในเวลานี้กลับไม่มีเลย แถมยังมีรถที่คว่ำอยู่ข้างทางให้เห็นประปรายเจอซอมบี้เดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนน พอมันได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวก็จะเดินตามราวกับไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย พอเสียงห่างไปไกลก็เดินไปยังทิศทางอื่นไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่ถูกตั้งโปรแกรมบ้านเรือนริมทางไร้ผู้อยู่อาศัยต่างก็รกครึ้มไปด้วยต้นไม้ที่กำลังรุกคืบเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วหรือนี่จะเป็นการเอาคืนของธรรมชาติ เพราะแต่เดิมโรคระบาดที่แพร่กระจายอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีแหล่งข่าวหลายแห่งออกมาสันนิษฐานว่ามาจากสัตว์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำ ไม่นานก็แพร่กระจายมาสู่คนจากการนำมันมาปรุงอาหาร แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่าหลุดออกมาจากห้องวิจัยของมนุษย์เอง หลังจากนั้นก็เป็นมหกรรมโบ้ยกันไปมาของประเทศมหาอำนาจที่อยากจะโยนความผิดนี้ให้พ้นตัวเฉินเฟิงไม่ได้ตามข่าวนี้มากนัก แค่พยายามประคองตัวเองไม่ให้ตกงานก็เต็มกลืน แต่สุดท้ายก็ไม่รอดตกงานอยู่ดี…เส้นทางสายนอกส่วนใหญ่มีไว้สำหรับรถบร
“ปลิงทะเลแห้งครับ”“ปลิง…” สวนทางกับท่าทางเริงร่าของเจ้ากระต่าย นิโคลัสค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปมองกล่องที่เขาเลือกเปิด ในนั้นยังมีปลิงทะเลแห้งถูกบรรจุอีกเป็นจำนวนมากเจ้าสิ่งนี้... กินได้จริงดิ?เฉินเฟิงมองสีหน้าปุเลี่ยนของคุณหมอแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ไม่แปลกที่คนต่างชาติจะไม่สันทัดอาหารหน้าตาแปลก ๆ แบบนี้ แต่อย่าดูถูกเห็นว่าหน้าตามันประหลาดเชียว ราคาถูกสุดของเจ้าสิ่งนี้มากกว่าอาหารทะเลทั่วไปเสียอีก ยิ่งถ้าเป็นปลิงทะเลที่มีระดับหน่อยอาจจะมีราคาค่าตัวหลักหมื่น ส่วนในกล่องพวกนี้ก็อยู่ในระดับปานกลางที่คนทั่วไปสามารถหยิบจับได้“ไว้จะทำให้กินนะครับ” วัตถุดิบเยอะขนาดนี้ก็ต้องลองให้อีกคนได้ลิ้มรสชาติอาหารบ้านเกิดของพ่อเขาสักหน่อย“เปิดได้ไหม” โจเซฟเดินมาดู“อาหารแห้งครับ เป็นอาหารแห้งของประเทศ C”“พอดีเลย” หัวหน้ากลุ่มทหารยิ้ม กำลังคิดอยู่เลยว่าต้องไปหาอาหารที่ไหนได้บ้าง“ครับ?” พอดี... พอดีอะไร“จะเข้าไปในค่ายได้ต้องมีการจ่ายค่าผ่านทาง ส่วนใหญ่ก็จะรับพวกอาหารและของใช้ที่ทางค่ายเห็นว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวม”“เอ๊ะ เก็บอาหารจากคนที่ออกไปข้างนอกเนี่ยนะครับ” ออกไปเสี่ยงแล้วยังต้องจ่ายด้วยเหรอ“เพ
“...” เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเฉินเฟิงและหงส์ในทันทีเจ้ากระต่ายมองท่าทีเย็นชาของหญิงสาว แสร้งหรี่ตาจับผิด“หลอกผมไม่ได้นะครับ” ใช่แน่ ต้องแกล้งเขาแน่ ๆ รู้ทันหรอกน่า…“...” หงส์กดยิ้มมุมปากไม่พูดอะไร ใบหน้าสวยดูลึกลับยากจะตีความนัยถึงที่มาของรอยยิ้ม…ไม่จริงใช่ไหมเพราะถ้าใช่… ทีมนี้ไม่ควรเป็นทหารรับจ้างแล้วพวกเขาควรไปเป็นนักแสดงมากกว่า!“อะ หยอกเล่น” หงส์ยิ้มหัวเราะ เห็นคุณผู้ช่วยเชฟทำสีหน้าเหมือนกำลังกินของขมก็ทำใจแกล้งต่อไม่ลง ถ้าหูไม่ถูกเก็บไว้ใต้ฮู้ดเธออาจได้เห็นมันลู่ไปด้านหลังเพราะหวาดระแวงก็เป็นได้อืม… ไว้หาโอกาสแกล้งอีกดีกว่า~...กลับมาที่กลุ่มโจรนอกรถ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อน“ตื่นแล้วเหรอ” โจเซฟขับรถเลยจุดที่พวกเขาซ่อนรถบรรทุกมาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว คนที่ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกกลับเป็นคุณหมอหมีผู้ใช้พลังไฟจนเหน็ดเหนื่อย“อืม” นิโคลัสสติยังไม่กลับมาดีนัก เขาตื่นมาเพราะรู้สึกหนักที่ไหล่ อีกทั้งกลิ่นที่กระทบจมูกก็เป็นกลิ่นที่เขาชอบมาก ๆกลิ่นป่าเขา…ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีคนนอนซบไหล่อยู่“อีกนิดหน้าจะบานเท่าจานแล้ว” โจเซฟล้อ“หมายความว่ายังไง” แต่ดันลืมไปว่ามุกแบบนี้คน
“อย่าเพิ่งของขึ้น เดี๋ยวลงไปดูลาดเลาให้ก่อน” โจเซฟเห็นลูกทีมเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยากจะออกกำลังกายหลังตื่นนอกก็รีบห้าม กำลังคนพวกมันมากกว่า และบางคนก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ทั้งยังไม่รู้ว่ามีพลังพิเศษซุกซ่อนไว้หรือเปล่า “อยู่เฝ้ารถ ถ้าเห็นท่าไม่ดีก็ขับรถหนีไปเลย”“ก็รู้อยู่ว่าหงส์ขับไม่เป็น” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปด ไม่เชิงว่าขับไม่เป็นเสียทีเดียว แต่เธอเคยขับแค่สองครั้งตอนตุ่นสอนเท่านั้น และทั้งสองครั้งก็ทำกันชนหน้าบุบจนต้องเข้าศูนย์ ตั้งแต่นั้นมาสามีจึงไม่เคยให้เธอแตะต้องพวงมาลัยรถอีกเลย“เดี๋ยวผมลงไปด้วย” นิโคลัสบิดคอ ไล่ความเมื่อยขบ“ไหวเหรอ” เพิ่งใช้พลังจนหลับไปแท้ ๆ“ดีกว่าปล่อยให้คุณไปคนเดียวแล้วกัน” 10 รุม 1 นั่นออกจะมากเกินไป“ก็ได้ ๆ” โจเซฟยกมือยอมแพ้ ล้มเลิกความคิดจะออกไปฉายเดี่ยวเพื่อไล่เหน็บที่กินก้นเขาไปครึ่งซีก มีคนช่วยจะได้เสร็จเร็วปัง ๆแต่เหมือนคนด้านนอกจะร้อนใจ รอต่อไปไม่ไหว จากแค่เคาะก็เปลี่ยนเป็นทุบอย่างแรง เสียงนั้นดังมากจนทำให้เจ้ากระต่ายเริ่มขมวดคิ้วใกล้ตื่นเต็มที“ลงไปคุยกันก่อนเถอะ” นานกว่านี้เดี๋ยวเฉินเฟิงตื่น“โอเค คุยก่อนนะ” มุมปากหยักกดลึกเมื่อได้ยินเสียงคุณหม
นิโคลัสนิ่งฟังเสียงรอบด้านครู่หนึ่ง ไม่ได้ยินการเคลื่อนไหวใด ๆ เพิ่มเติมจึงมั่นใจว่าจะไม่มีการตลบหลังในระยะที่เขารับรู้ อีกอย่างหงส์เองก็ไม่ได้ออกมาเตือนด้วย คงมีแค่โจรสมัครเล่นพวกนี้เท่านั้น“ริอ่านเป็นโจรก็ต้องรับผลให้ได้” โจเซฟยืนกอดอกเปิดปากเทศนา“ครับ ๆ ขอโทษครับ พวกผมจะไม่ทำอีกแล้ว” หัวหน้าโจรที่มีสภาพสะบักสะบอมกว่าคนอื่นก้มหัวขอโทษ “ถ้าจะฆ่าก็ทำแค่ผมคนเดียวได้ไหมครับ เด็ก ๆ พวกนี้ผมเป็นคนโน้มน้าวให้เขาทำไม่ดีเอง” เห็นการต่อสู้เท่านี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายถ้าไม่ใช่ทหารก็ต้องเป็นตำรวจดีไม่ดีในตัวอาจมีอาวุธที่ร้ายแรงกว่าปืนบีบีกันที่เขาพกอยู่ก็เป็นได้ ขืนดึงดันจะเล่นให้ถึงชีวิต คนที่สูญเสียหนักคงไม่พ้นพวกมันเอง“ขอโทษครับ เป็นเพราะแถวนี้อาหารถูกเอาไปหมดแล้ว พวกเรายังมีพี่น้องคนอื่นอีกเลยต้องออกมาดักปล้นเพื่อนำไปให้พวกเขา” ชายคนหนึ่งละล่ำละลักสารภาพ“คนอื่น?”“เป็นเด็ก ๆ จากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าครับ” เห็นว่ากลุ่มคนตรงหน้าให้ความสนใจ ชายคนที่พูดรีบอธิบายเพิ่มทันที“เหวอ!!” โจรมือสมัครเล่นสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกโจเซฟตรงมาที่ตนพร้อมกับจับไหล่แน่น“ที่ไหน! สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั่นอยู่ท
น่าเสียดายที่บริเวณนี้ไม่มีแม่น้ำไหลผ่านเลย แม้จะเคยมีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก แต่ก็ถูกนายทุนกว้านซื้อที่และถมดินไปหมดแล้วเพื่อเตรียมทำเป็นทาวน์โฮมโครงการใหม่ ทำให้น้ำที่เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตขาดแคลนหากทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้านของเขากับที่นี่สำเร็จไปได้ด้วยดี อย่างแรกที่ครูเมตตาอยากจะขอทำการแลกเปลี่ยนด้วยก็คงไม่พ้นน้ำนี่แหละ เพราะหมู่บ้านเขามีแม่น้ำอยู่ด้านหลัง รวมถึงลำธารสายเล็กที่ไหลมาจากน้ำตกบนภูเขาอีกในวันที่ 5 ฝนที่ตกติดต่อกันมานานก็หยุดลงเสียที เรียกได้ว่ารองน้ำจนเต็มแล้วเต็มอีก แถมยังมีน้ำท่วมอีกด้วย เพราะระบบโครงสร้างท่อที่ด้านล่างไม่ดีทำให้ไม่สามารถรองรับน้ำปริมาณมหาศาลได้ ดีแค่ไหนที่บริเวณนี้ยังมีความสูงในระดับหนึ่งน้ำก็เลยไม่ท่วม แค่ระบายช้าเท่านั้น“นี่ถ้าใครอยู่ในเมืองหลวงน่าจะต้องเจอกับน้ำท่วมไปแล้วแน่ ๆ” วิทย์เปรยขึ้นมาตอนมื้อเช้า“นั่นสินะ ตกหนักขนาดนี้” คนเคยทำงานในเมืองหลวงพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่รู้ป่านนี้คุณโจเซฟเป็นยังไงบ้างนะครับ” เฉินเฟิงหันไปคุยกับนิโคลัส“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ” เพราะยิ่งใกล้ค่ายมากเท่าไรซอมบี้ก็ยิ่งเยอะขึ้น อีกทั้งบางจุดก็เคยมีคนอาศัยหนาแน่นเกิน
แต่ทันทีที่เจ้ากระต่ายหันกลับมาก็เข้าทางใครอีกคนที่รอคอยอยู่นิโคลัสเปิดฉากจู่โจมด้วยการคว้าคนตัวบางไปนอนที่เตียงแล้วพาตัวเองไปคร่อมทับไว้ปิดทางหนีทีไล่ไม่ให้ได้ตั้งตัว“!!!” เฉินเฟิงตาเหลือกเมื่อถูกโยนลงเตียงพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคุณหมอที่ตามลงมาทาบทับเอ๋… เอ๋!!!ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ!“ยั่วผมเหรอ หืม…” นิโคลัสโน้มหน้าผากไปชนกับคนใต้ร่าง ใช้สายตาดุจ้องสบกับนัยน์ตาสีทับทิม “อยากข้ามขั้นตอนก็ไม่บอก”“ผะ ผมไม่ได้ทำนะ” เฉินเฟิงรีบแย้ง เขาไม่ได้ยั่ว แค่จะเอาคืนที่อีกฝ่ายอ่อยเขาเท่านั้นเอง“จริงเหรอ” ฝ่ามือสากเลื่อนลงไปลูบตั้งแต่โคนเข่าขึ้นมายังต้นขาอ่อน พาให้ขนคอผู้ถูกกระทำลุกชัน“คุณนิค!” เจ้ากระต่ายแหวเสียงดัง ฝ่ามือข้างนั้นจึงยังคงหยุดค้างอยู่ตรงหน้าขาของเขา แต่ถ้าหากเลื่อนขึ้นมาอีกก็เป็นใต้เสื้อเชิ้ตแล้ว!“ครับ” คุณหมีขานรับตาใส แต่มือกลับไม่หยุดลูบไล้ ยังคงเลื่อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้าให้คนใต้ร่างดิ้นเร้าเพราะความตื่นตระหนก“ผมขอโทษ ก็คุณอ่อยผมก่อน” เฉินเฟิงละล่ำละลักสารภาพความผิด“คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” นิโคลัสจ้องมองกระต่ายตื่นตูม นัยน์ตาปรากฏแววเจ้าเล่ห์พาดผ่านไปวูบหนึ่ง แต่มี
สมองยังไม่หายมึนงง การกระทำของเจ้ากระต่ายกลับทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก เมื่อเฉินเฟิงเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดที่ต้องการ จากนั้นก็เลื่อนมือไปที่ชายเสื้อของตนแล้วค่อย ๆ ถอดมันออก…ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าตัวจงใจหรือสมองเขามองมันเป็นภาพสโลว์โมชั่นเองกันแน่ การกระทำทุกอย่างถึงได้ดูเชื่องช้าราวกับว่ากำลังสะกดให้เขาหลงงงงวยเอวขาวค่อดกิ่วปรากฏสู่สายตาเมื่อไร้สิ่งปกปิด ส่วนล่างเป็นกางเกงวอร์มสีดำผิดไซส์ที่เกาะบั้นเอวไว้หมิ่นเหม่ และผู้ชายอย่างที่รู้กันใครเขาจะใส่กางเกงชั้นในเวลานอน มีแค่บ็อกเซอร์หรือกางเกงวอร์มก็พอแล้ว จึงทำให้เห็นเนินเนื้อตรงบั้นท้ายอย่างหมิ่นเหม่ใกล้จะเห็นแก้มก้นสีขาวอยู่รอมร่อเฉินเฟิงเลื่อนมือไปพลิกไม้แขวนเสื้ออยู่ครู่หนึ่งก็ได้เสื้อที่หมายตาไว้ ต้องบอกว่าตั้งแต่อยู่บ้านหลังนี้ตอนนอน เขาแทบไม่แตะเสื้อผ้าในกระเป๋าของตัวเองเลยแค่ขี้เกียจซักน่ะ…ก่อนหน้านี้แอบถือวิสาสะดูรูปในห้องนี้ไปเสียหลายอัลบั้ม รูปร่างของเจ้าของบ้านกะด้วยสายตาแล้วคงพอ ๆ กับเขา ติดที่จะตัวใหญ่กว่านิดหน่อย ทำให้เวลาสวมจะดูหลวม แต่สวมใส่แล้วนอนสบายกลับมาที่ปัจจุบันก่อน เฉินเฟิงเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมากลัดกระดุม ควา
“///” ก็ไม่ใช่ว่ารู้สึกแย่อะไร แค่ทำให้เขินมากเกินไปฮื่อออ!!!เจ้ากระต่ายเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ยังคงมีฝนตกหนัก แม้แต่มังคุดเองก็ไม่หาที่หลบฝน นอนอ้าปากรับน้ำด้วยซ้ำ“พอแล้ว เดี๋ยวไม่สบาย” คุณหมอเห็นว่าเฉินเฟิงตากฝนเกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว มากกว่านี้คงไม่ดีแน่“ขออีกนิดไม่ได้เหรอครับ” กำลังเย็นสบายเลย ไม่ได้อาบน้ำแบบเต็มที่มากี่วันแล้วนะ สำหรับยุคที่อาหารสำคัญกว่าของใช้จำเป็นทั่วไป บอกเลยว่ากลิ่นตัวแต่ละคนไม่ใช่เล่น ๆ ยิ่งออกไปทำงานเหงื่อไหลเป็นก๊อกทั้งวัน เวลาต้องไปพูดคุยเพื่อปรึกษาหารือกันเขาแทบอยากจะยืดคอให้อยู่เหนือลม แน่นอนว่ากลิ่นตัวของเขาเองก็ไม่ใช่เล่นขนาดยาสีฟันเองก็ต้องพยายามใช้ทีละน้อยกับผสมเกลือเข้าไป อีกไม่นานถ้าไม่สามารถหาแปรงสีฟันได้เขาอาจต้องหาหนังสือประวัติศาสตร์อ่านละ ดูว่าคนโบราณเขาทำความสะอาดฟันกันยังไงเป็นท้อ…ชีวิตวันสิ้นโลกแม่งลำบากจังวะ พี่ดาเองก็มีปัญหาเรื่องประจำเดือน ตอนเขาไปบอกว่าถ้าเข้าเมืองจะหาผ้าอนามัยมาให้ อีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้อง เจ้าตัวได้ใช้ผ้าที่บ้านมาเย็บเป็นผ้าอนามัยแบบใช้แล้วซักเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยถูกสุขลักษณะหรือเปล
กว่าสองสัปดาห์ที่เฉินเฟิงและนิโคลัสต้องอาศัยอยู่ที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้กับกลุ่มผู้รอดชีวิตซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่ง“ปักเสายาวเท่านี้ก่อนก็ได้ครับ” เฉินเฟิงตะโกนบอกกลุ่มกรรมกรจำเป็นในวันนี้ เวลาเริ่มเย็นมากแล้ว ถ้าไม่รีบกลับจะมืดค่ำเอาได้“เมฆเองก็ลอยต่ำลงด้วย อีกไม่นานคงมีฝนตก” นิโคลัสเสริมงี้ดมังคุดเงยหน้ามองฟ้าทำจมูกฟุดฟิด ความชื้นในอากาศทำให้มันต้องร้องเตือนเจ้านายมนุษย์ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ฝนตกธรรมดาเสียแล้วหลังจากไปขนเสบียงจากรถบรรทุกมามากมาย กลุ่มของวิทย์ก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เมื่อเฉินเฟิงสอบถามว่าอยากจะสร้างเส้นทางให้ที่นี่ไปถึงหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ มีใครคัดค้านหรือไม่ ก็มีแต่คนเห็นดีเห็นงามและพร้อมใจกันเสนอว่าควรใช้เส้นทางไหนในการสัญจรไปมาระหว่างกลุ่มผู้รอดชีวิตด้วยกันการพูดคุยกินเวลากว่า 2 วัน สุดท้ายก็ใช้เส้นถนนเส้นเล็กที่รู้กันเพียงไม่เยอะลัดเลาะไปเรื่อย ๆ อาศัยการปักเสาไปก่อน จากนั้นค่อยนำลวดหนามมาขึงไว้เพื่อป้องกันซอมบี้ และตบท้ายด้วยการทำกำแพงไล่ตามมาเรื่อย ๆโดยหน้าที่หลักของเฉินเฟิงก็คือการเร่งโตต้นไม้ให้มีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการทำรั้
เฉินเฟิงอาสาขับรถภายในเมืองเล็ก ๆ นี้เอง ยังไงก็ไม่มีซอมบี้หรือรถคันอื่นส่วนกันไปมา ทั้งสองคนเลือกบ้านหลังที่มังคุดเคยไปนั่งเล่นน้ำอยู่เพราะคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวใหญ่คงนอนเล่นอยู่ที่นั่นแล้วก็ใช่“มังคุด” เฉินเฟิงกระโดดลงจากรถหลังจอดสนิทดีแล้ว เห็นแร็กคูนมองมาที่พวกเขา นัยน์ตาเม็ดลำไยของมันเปล่งประกายพอ ๆ กับพวงหางที่สะบัดขึ้นลง‘เจ้านายใหม่กลับมาแล้ว!!’“แอบไปซนที่บ้านครูเมตตาหรือเปล่า” เจ้ากระต่ายหรี่ตาจับผิด ซึ่งได้รับการส่ายหัวจากมังคุดกลับมา “ดีมาก เด็กดีที่เชื่อฟังจะได้รางวัล”“จะเอาอันนั้นมาให้มันกินเหรอ” นิโคลัสค่อนข้างเสียดายหากเจ้าสิ่งนั้นจะกลายเป็นแค่ของกินเล่นของมังคุด“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องใช้มันนี่นา เก็บไว้นานกว่านี้จะหมดอายุได้” คุณเชฟเปิดท้ายรถหยิบกระสอบเกล็ดขนมปังสำหรับชุบแป้งทอดออกมาวางตรงหน้าพร้อมกับใช้มีดกรีดเปิดปากถุงให้เจ้าแร็กคูนได้สูดดมกลิ่นหอมหวานงี้ด!มังคุดสูดจมูกฟุดฟิด ในถุงนั่นมีของกินแสนอร่อยรอมันอยู่!“เอาล่ะ กินได้เลย” เจ้ากระต่ายกรีดแผ่กระสอบให้แบออก เขาไม่อยากเทลงพื้นถนนแล้วให้มันกินแบบนั้น แต่ก็ไม่มีจานหรือชามที่ใหญ่พอจะใส่เกล็ดข
เมื่อรถขับมาจอดสนิททุกคนต่างก็วิ่งกรูกันไปกอดวิทย์ไว้ ดูภายนอกคล้ายกลุ่มก้อนอะไรบางอย่าง เพิ่งรู้ว่าพวกเขารักกันเหนียวแน่นมาก ถึงว่าทำไมตอนวิทย์เสนอให้เป็นโจรดักปล้นคนทั่วไป คนกลุ่มนี้ก็ไม่เห็นมีใครค้าน (ยกเว้นครูเมตตาที่ไม่รู้) เพราะพวกเขาก็มีกันแค่นี้ ถ้าหาอาหารไม่ได้ก็เป็นอันจบ ไหนจะปากท้องของเด็กอีกหลายชีวิตที่รออยู่“พวกเราได้อาหารมาเพียบเลย!”“มีรถบรรทุกถูกจอดทิ้งไว้เต็มไปหมด”“บะหมี่พี่ พวกเราได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาเต็มเลย!”“(3$#^$&%^$%@@...” หลายคนช่วยกันบอกเล่าเรื่องราวเสียงดังเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ ซึ่งครูเมตตาก็ไม่คิดห้ามปราม เลือกที่จะเดินมาหานิโคลัสและเฉินเฟิง“ขอบคุณมากเลยนะคะ” หญิงชราค้อมศีรษะให้ เธอยกพวกเขาให้เป็นผู้มีพระคุณของบ้านหลังนี้เลยทีเดียว ถ้าไม่มีพวกเขา เด็ก ๆ คงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปอีกนาน“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอบคุณขนาดนั้นก็ได้” เฉินเฟิงยกมือปฏิเสธไม่กล้ารับคำขอบคุณจากผู้ใหญ่“พวกเราทำเรื่องที่สมควร” นิโคลัสเอ่ย“ใช่ครับ” เจ้ากระต่ายพยักหน้าเห็นด้วยไม่นานเด็ก ๆ ที่กำลังช่วยกันดูแลแปลงผักอยู่ด้านหลังก็ได้ยินเสียงความวุ่นวายด้านหน้า จึงพากันวิ่งออกมาดูโด
เราฆ่าซอมบี้เพื่อความอยู่รอด เราล่าเพื่อหาอาหาร เราให้ความช่วยเหลือในฐานะมนุษย์ และเราแลกเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันพอนั่งจ้องนานเข้ากิเลสก็เริ่มครอบงำอยากทำมากกว่ามองอยากลองสัมผัสตัวตนแสนน่าหลงใหลนั้นด้วยตัวเองและชั่ววูบนั้นนิโคลัสก็ได้ปีนขึ้นเตียงแล้วนอนกอดเจ้ากระต่ายจนเต็มอ้อมแขนราวกับว่าเวลาทุกอย่างหยุดหมุน ความนุ่มนิ่มในอ้อมอกทำให้รู้สึกอยากจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างลง ณ เวลานั้น ชายหนุ่มจรดจมูกที่ปลายเส้นผม กลิ่นภูเขาอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉินเฟิงตีฟุ้งขึ้นมาจนแทบมึนเมาในตอนที่เขาค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้โดยมีจุดมุ่งหมายคือมาร์ชเมลโลว์นุ่มนิ่ม ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่สูดลมหายใจให้เกิดเสียงดัง ไม่อยากจะคิดว่าถ้าในจังหวะที่เขากำลังจะประทับริมฝีปากลงไปแล้วเจ้าของมันตื่นขึ้นมาละก็...“คุณนิค”“...”“คุณนิค! ซอมบี้มาข้างหลังแล้วนะครับ” เฉินเฟิงผลักนิโคลัสออกจากรัศมีการจู่โจมของซอมบี้แล้วยกขาขึ้นถีบมันให้ถอยห่างออกไปก่อน “อย่าเหม่อในเวลานี้สิครับ!” และหันไปต่อว่าครูฝึกที่เผลอใจลอยไปไหนก็ไม่รู้“!!!” นิโคลัสรีบตั้งหลักตัวเองแล้วหันไปเผาซอมบี้ด้วยลูกไฟระดับความร้อนสูง พอสั
นิโคลัสรีบออกมาจากรถเป็นคนแรก ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเจ้ากระต่าย แต่เขาจะไม่ทำอะไร ปล่อยให้ลูกศิษย์เป็นคนจัดการกับซอมบี้เหล่านี้ด้วยตัวคนเดียว ยกเว้นแต่จะตึงมืออีกฝ่ายจนไม่ไหวจริง ๆ เขาถึงจะช่วยเฉินเฟิงไม่รอให้ซอมบี้เดินมาหา เป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าไปใกล้มันโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็ถีบไปที่ยอดอกหวังให้มันเสียหลักล้มไปกองกับพื้น ใช้ช่วงเวลาที่มันพยายามจะลุกขึ้นยืนนั้นตัดคอมันตุบเสียงศีรษะกระเด็นไปพร้อมกับร่างกายของมันทรุดลงไปนอนเหมือนเดิมอยู่ชื่นชมผลงานการจัดการกับซอมบี้ได้ภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ต้องกระโดดหลบฉากออกมาจากจุดเดิมเพราะมีซอมบี้อีกตัวตะครุบมาจากด้านข้าง อันที่จริงเขารู้ว่ามันตั้งใจเดินไปหานิโคลัสที่อยู่ด้านหลัง แต่คุณหมอหมีคงเบี่ยงตัวหลบ มันเลยเลือกเล่นงานเขาที่อยู่ใกล้กว่าแทนลูกทีมของวิทย์ที่กำลังพยายามงัดกุญแจตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อหันมาเห็นคุณเชฟฆ่าซอมบี้ก็ได้แต่นึกชื่นชมในใจ การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วและเด็ดขาดมาก กลุ่มของพวกเขาแม้จะมีอาวุธครบมือ แต่เมื่อออกมาด้านนอก การจัดการซอมบี้สักตัวนั้นจำเป็นต้องใช้ 2 รุม 1 เพื่อเป็นหลักยืนยันว่าพวกเขาจะต้องปลอดภัย ไม่มีใครต้องรับหน้