หน้าหลัก / รักโบราณ / วสันตกาลพานพบ / ตอนที่ 13 แมวน้อยแม่สื่อ

แชร์

ตอนที่ 13 แมวน้อยแม่สื่อ

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-12 10:00:37

“เยี่ยนฟาง ตื่นได้แล้ว วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปหาของอร่อย ๆ นะ” หลินเซินลูบหัวของเจ้าแมวน้อยแผ่วเบา รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าหล่อเหลา เจ้าแมวน้อยงัวเงียค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง เพราะเห็นความกระตือรือร้นของหลินเซินในรอบหลายปี

เขาอุ้มเยี่ยนฟางไว้ในอ้อมกอดพานางลอยลิ่วลงมายังล่างเขา ก่อนจะไปแวะซื้อปลาย่างร้านโปรด เมื่อเห็นว่าเจ้าแมวน้อยอิ่มแปล้จนพุงย้อย เขาก็อุ้มนางเดินเล่นในตลาดอยู่สักพัก ครั้นได้เวลา หลินเซินจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของเจียลี่ แอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่เพื่อไม่ให้นางเห็น

“ท่านพ่อ วันนี้ต้องไปส่งของที่ร้านเฒ่าแก่ใช่หรือไม่” เจียลี่เอ่ยปากถามพลางจัดของใส่ตะกร้าใบใหญ่

“อื้ม เจ้าอยากไปเองหรือ” บิดาถามนางเพราะรู้ใจ

“เจ้าค่ะ เชิญท่านพ่อพักผ่อนให้สบายที่บ้านเถิด งานทางนี้ ข้าดูแลเอง ท่านพ่อไม่ต้องกังวล” นางพยายามยกตะกร้าใบใหญ่ด้วยความเงอะงะจนบิดาอดสงสัยไม่ได้

“เจียลี่ เจ้าไปคนเดียวได้หรือ”

“เจ้าค่ะ” นางตอบเขาก่อนจะพยายามยกตะกร้าขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้กลับยกขึ้นได้อย่างง่ายดายจนตนเองก็แปลกใจ

“ไปก่อนนะเจ้าคะ” นางยิ้มให้บิดาแล้วเดินลิ่วไปที่ตลาดในเมือง

ด้านหลังมีหลินเซินและเจ้าแมวน้อยตามหลังมาไม่ห่างมาก เขาใช้พลังเล็กน้อยช่วยนางพยุงตะกร้าใหญ่ใบนั้นตลอดทาง ยามที่เจียลี่หยุดทักทายคนรู้จักเขาก็จะคอยแอบซ่อนอยู่หลังร้านบ้าง หลังเสาบ้าง จนเจ้าแมวน้อยต้องกรอกตา ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่เขาทำ

เจียลี่คล้ายจะรู้สึกได้ว่ามีคนแอบตามหลังมา นางจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ก่อนจะหลบเข้าซอยเล็ก ๆ ข้างร้านขายเครื่องประดับ ผ่านไปได้ชั่วครู่ เจียลี่โผล่หน้าออกมาดูสถานการณ์ด้านนอก เมื่อไม่เห็นผู้ใดที่ดูเป็นภัย นางจึงออกจากที่ซ่อนตัวแล้วรีบจ้ำอ้าวไปทำธุระให้เรียบร้อย

“เฮ้อ เยี่ยนฟาง เกือบโดนจับได้แล้ว” หลินเซินที่ร่ายเวทพรางตัวกลั้นหายใจอยู่ข้าง ๆ นางเมื่อครู่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เจ้าคนซื่อบื้อ ทำตัวแบบนี้ สตรีที่ไหนเค้าก็กลัวทั้งนั้นแหละ เฮ้อ เจ้านี่อ่อนหัดจริง ๆ” เจ้าแมวน้อยคิดในใจออกมาเสียงดังเหมียว เหมียว ส่ายหน้าให้เขาอย่างเบื่อหน่าย

ขณะนั้น เจียลี่ส่งของในตะกร้าใบใหญ่ให้เฒ่าแก่เรียบร้อยแล้ว นางจึงขอตัวรีบกลับบ้านเพราะเกรงว่าจะพบคนแอบตามมาอีกครั้ง จู่ ๆ เยี่ยนฟางก็กระโดดลงจากอ้อมแขนของหลินเซิน นางเดินตรงไปที่ข้อเท้าของเจียลี่ ค่อย ๆ คลอเคลีย เดินวนไปวนมา ส่งเสียงร้องเหมียว เหมียว

“เอ๋ เจ้าแมวน้อย เป็นอันใดหรือ” เจียลี่ก้มลงลูบหัวและลำตัวสีขาวฟูของเยี่ยนฟาง นางช้อนมือสองข้างอุ้มเจ้าแมวน้อยมาดูใกล้ ๆ ดวงตาสีฟ้าอันกลมโตของเยี่ยนฟางกำลังจ้องมองนางพลางทำหน้าออดอ้อน จนเจียลี่อดยิ้มให้ไม่ได้ จึงอุ้มขึ้นกอดก่อนพากลับบ้านของนาง

“เดี๋ยวก่อนสิ เยี่ยนฟาง นี่เจ้ากำลังทำอะไร” เสียงของหลินเซินลอยเข้าหูเยี่ยนฟาง หากแต่นางหันมามองเขาแวบหนึ่งด้วยหางตาแล้วซุกใบหน้าเข้าอ้อมแขนอันอบอุ่นของเจียลี่

“ข้าก็กำลังช่วยเจ้าอยู่นี่ไง” เยี่ยนฟางคิดในใจ

หลินเซินมองตามหลังเจ้าแมวน้อยและเจียลี่ด้วยความสงสัยได้แต่เดินตามไปอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ เขาเห็นเยี่ยนฟางหันมาหาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งนางเหมือนจะถอนหายใจให้เขาเป็นคำตอบ

เมื่อมาถึงบ้าน เจียลี่ก็รีบจัดแจงทำกับข้าวในครัว กลิ่นหอมของอาหารหลากหลายชนิดโชยเข้าจมูกของเยี่ยนฟางจนท้องร้อง เจียลี่แบ่งอาหารส่วนหนึ่งใส่ภาชนะใบเล็กไว้ให้เจ้าแมวน้อย พลางนั่งกินข้าวพูดคุยกับบิดาแล้วเล่าเรื่องที่เจอในวันนี้ให้เขาฟัง

ตกกลางคืนจึงอุ้มเยี่ยนฟางเข้าไปนอนในห้อง นางขดม้วนผ้าห่มทำเป็นที่นอนแล้ววางเจ้าแมวน้อยไว้ก่อนจะห่มผ้าให้อีกชั้น เยี่ยนฟางมองเจียลี่ไม่วางตา หรี่ตาซ้าย หลับตาขวาดูลักษณะท่าทางของนางอย่างเคร่งเครียดราวกับกำลังดูตัวเจ้าสาวให้ชายหนุ่มแสนซื่อบื้อผู้นั้นก็ไม่ปาน ขณะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ หางตาข้างซ้ายเหลือบเห็นสิ่งหนึ่งลอยแวบเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างห้อง แสงโคมจากในห้องสะท้อนไปที่ใบหน้าของเขา

“ไอ๊หยา! ผีหลอกวิญญาณหลอน” เยี่ยนฟางสะดุ้งโหยงจนขนพองตาเบิกโพลง หัวใจแทบหยุดเต้น “เจ้าบ้าเอ๊ย โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง อยากให้ข้าหัวใจวายตายหรือไง” เยี่ยนฟางได้แต่สบถในใจ

“เยี่ยนฟาง เจ้าจะนอนที่นี่ ไม่กลับบ้านกับข้าหรือ” หลินเซินนั่นเองที่ลอยมาคุยกับนางข้างหน้าต่าง เขาทำตาละห้อยรู้สึกว่าต้องอยู่คนเดียวแล้วเหงา ๆ

“เหมียว เหมียว” เยี่ยนฟางตอบกลับสองคำเป็นอันเข้าใจได้ว่า “ใช่แล้ว” เขาจึงได้แต่ทำหน้าหงอย แต่เมื่อหันมาเห็นเจียลี่ที่กำลังนอนหลับตาก็พลันยิ้มออกมาในทันใด ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน เขาขึ้นไปอยู่บนหลังคาเปลี่ยนที่นอนดูดาวชั่วคราวอมยิ้มอย่างมีความสุข แกล้งหลับตานอนอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเข้ามาใกล้ ก่อนจะสัมผัสได้ว่าเจ้าตัวกลม ๆ ขนนุ่ม ๆ แอบมานอนอยู่ข้างเขาอย่างเคย

เช้าวันต่อมา

เจียลี่เตรียมกับข้าวสองสามอย่างไว้ให้เยี่ยนฟาง นางนั่งดูเจ้าแมวน้อยกินอาหารที่นางทำอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกเอ็นดู ครั้นอิ่มแล้วทั้งสองก็พากันเดินเล่นรอบบ้าน ชมดอกไม้ต้นไม้ที่อยู่บริเวณนั้น

“นี่เจ้าแมวน้อย รู้สึกไหมว่ามีคนแอบตามเรามา” เจียลี่อุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมา กระซิบเบา ๆ เตรียมจะวิ่งหนีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

“อื้ม คนผู้นั้น ข้ารู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ ต้องขออภัยแม่นางด้วย ที่ข้าไม่อาจสั่งสอนวิธีเข้าหาสตรีอย่างถูกต้องให้เขาได้ เจ้าหมาป่าเดียวดายผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก” เยี่ยนฟางอยากจะบอกนางตามที่คิดหากแต่เวลานี้แมวน้อยอย่างนางยังพูดไม่ได้จึงมีแต่เสียงร้องเหมียว เหมียวให้ได้ยิน

“เจ้าก็คิดเหมือนข้าใช่ไหมเล่า เช่นนั้น เราค่อย ๆ หนีกลับบ้านดีกว่า” เจียลี่ตั้งท่าจะเผ่นแนบไปทางฝั่งตรงข้าม แต่ทว่าเยี่ยนฟางรีบกระโดดลงจากอ้อมแขนนางแล้วร้องเหมียว เหมียวเสียงดังไปทางด้านหลังต้นไม้ใหญ่ เจียลี่มองตามนางอย่างสงสัยใคร่รู้

“เยี่ยนฟาง เจ้าเรียกข้าหรือ” หลินเซินส่งเสียงกระซิบเข้าหูนาง ก่อนจะได้ยินเสียงเหมียว เหมียว อีกรอบ เขาจึงค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาจากด้านหลัง ปรากฏตัวให้เจียลี่ได้เห็นว่าเจ้าคนที่แอบตามนางคือใคร เพื่อป้องกันไม่ให้นางเข้าใจผิด เยี่ยนฟางจึงเดินไปหาเขาแล้วกระโดดให้เขาอุ้ม

“เอ่อ พอดีข้าตามหาสัตว์เลี้ยงของข้าอยู่ ไม่คิดว่าจะอยู่กับเจ้า” หลินเซินเอ่ยปากบอกนาง พลางลูบหัวของเยี่ยนฟาง

“ค่อยยังชั่ว ถือว่าพอมีไหวพริบอยู่บ้าง” เจ้าแมวน้อยตัวน้อยส่งเสียงเหมียว เหมียวอย่างพอใจ

“เช่นนั้นหรือ ข้าบังเอิญเจอนางที่ตลาด ไม่คิดว่าจะมีเจ้าของ จึงพากลับมาที่บ้านด้วย”

“ข้าชื่อหลินเซิน ส่วนแมวน้อยของข้า นางชื่อเยี่ยนฟาง เราสองคนอยู่บ้านบนเขาลูกนั้น” หลินเซินแนะนำตัวเองให้นางฟัง

เจียลี่อมยิ้มกับท่าทางเคอะเขินของเขา เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ทั้งยังเลี้ยงเจ้าแมวน้อยอย่างทะนุถนอม คงจะมีจิตใจที่ดีอยู่บ้าง

“เจ้าเรียกข้าว่าเจียลี่ก็ได้” นางยิ้มให้เขาอีกครั้ง ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะอีกรอบ

นับจากนั้น ทั้งสองคนก็ได้พบปะพูดคุยกันอย่างคนธรรมดาทั่วไป หลินเซินมักจะอ้างว่าเจ้าแมวน้อยคิดถึงนางจึงพามาเยี่ยมทุกวัน หากแต่จะมามือเปล่าหานางทุกวันก็คงไม่ได้

ในเมื่อบิดาของนางก็นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน เขาจึงนำโสมป่าหายากกับสุราดอกท้อรสดีที่ทำเองติดไม้ติดมือมาฝากอยู่เสมอ เวลาผ่านไปหลายวัน บิดาของนางเริ่มแน่ใจแล้วว่าบุตรสาวคงจะพบโชคชะตาที่รอคอยแล้ว อดไม่ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ วางแผนจะจัดงานแต่งงานให้นางในเร็ววัน “ในที่สุดบุตรสาวของข้าก็จะได้ออกเรือนแล้ว” เขาตะโกนก้องในใจอย่างมีความสุข

บทที่เกี่ยวข้อง

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 14 หมาป่าคำราม

    เจียลี่มาพบเขาที่หน้าประตูบ้าน“หลินเซิน ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า”“เรื่องอันใดหรือ” เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน เงี่ยหูฟังสิ่งที่นางจะบอก“ข้าต้องกลับบ้านแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้กลับมาที่นี่อีก หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอเจ้าอีกนะ”หลินเซินครุ่นคิดเรื่องราวในหัวว่าจะทำอย่างไรดี เขายังไม่ได้คำตอบเลยว่าทำไมนางถึงทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้ ทั้งยังเรื่องด้ายสีทองที่ผูกมัดเขากับนางอีก “ข้าต้องรู้ให้ได้ ว่าเจ้าเป็นใคร ทำไมใจข้าต้องเต้นแรงทุกครั้งที่เห็นหน้าของเจ้า” ราวกับมีคนรู้ทัน เยี่ยนฟางใช้พลังส่งกระแสจิตไปหาเขา “ไปส่งนางที่บ้านสิ”“เอ๋ เยี่ยนฟาง เจ้าพูดได้แล้วหรือ” หลินเซินตาโตประหลาดใจ ส่งกระแสจิตกลับไปหานาง แต่ไม่มีสัญญาณตอบกลับ“เจียลี่ ข้าได้ยินมาว่าป่าทางนั้นมีสัตว์ดุร้ายออกอาละวาด โจรป่าชุกชุม แอบปล้นเสบียงของพ่อค้าที่ผ่านไปมาอยู่บ่อย ๆ ให้ข้าไปส่งเจ้าที่บ้านดีหรือไม่” หลินเซินเสนอตัวเองอย่างที่เยี่ยนฟา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-14
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 15 พันธสัญญาเลือด

    “ข้า... ข้าเข้าใจแล้ว” เจียลี่นิ่วหน้าเหมือนจะร้องไห้ นางไม่อยากโดนสัตว์ประหลาดแทะแขนแทะขานางเหมือนในเรื่องเล่าสยองขวัญของพวกพ่อค้าจึงได้แต่รับปากด้วยความกลัว“พูดไปได้ว่าจะกินนาง เจ้าหมาป่าซื่อบื้ออ่านนิยายแนวนั้นมากไปใช่หรือไม่ เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเจ้าน่ะเป็นสัตว์กินพืช” เยี่ยนฟางบ่นอุบอิบในใจส่งเสียงร้องเหมียว เหมียว แรก ๆ นางเพียงตกใจตามสัญชาตญาณที่ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ที่มีอำนาจมากกว่า เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำกว่าที่คิด นางแค่รอให้เขามาระบายให้ฟังก็จะได้รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่ ร้อยปีที่เขาคอยดูแลนางด้วยความห่วงใย ทำให้นางแน่ใจได้ว่าเขาไม่ใช่สัตว์ป่าดุร้ายเมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย ทั้งสองพากันเดินกลับที่พักเงียบ ๆ ต่างคนต่างไม่พูดอะไรตลอดทาง“เจียลี่ เจ้าหายไปไหนมา” จวีจิวฝูถามบุตรสาวด้วยความกระวนกระวายใจ เขาตกใจตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงคำรามของหลินเซินดังไปทั่วทั้งป่า“ท่านพ่อ ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” เจียลี่พยายามทำสีหน้าปกติ นางเกรงว่าบิดาจะกังวลหากเห็นสีหน้าหวาดกลัวของนาง“

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 16 บ้านเกิดของเจียลี่

    สองอาทิตย์ผ่านไป“เจียลี่ ถึงบ้านแล้ว” จวีจิวฝูตะโกนบอกบุตรสาวที่นั่งอยู่ในรถม้า“จริงหรือ” นางเปิดหน้าต่างเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นตาเผลอยิ้มออกมา แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นคนที่นั่งข้าง ๆ กำลังจ้องอยู่“ข้าจะต้องทำตามที่เจ้าบอกไปจนถึงเมื่อใด” นางถามเขาอีกครั้งเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมองสายตาของเขาราวกับได้คำตอบแล้วว่า “อีกนาน” นั่นล่ะ คำตอบสั้น ๆ ของเขาลั่วหมิงเฟยได้แต่มองความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอย่างเงียบ ๆ อันที่จริงเขาเห็นมาสักพักแล้วว่าดูแปลก ๆ แต่สิ่งที่แปลกกว่าคือ เจ้าแมวตัวน้อยสีขาวมักจะไม่ชอบให้เขาเข้าใกล้หลินเซินหรือคนอื่น ๆ สักเท่าใดครั้งหนึ่งเขาพยายามจะลูบหัวเพื่อทำความคุ้นเคยกลับโดนตะปบอย่างเลือดเย็น กระนั้นเขาไม่ยอมแพ้เป็นคนคอยหาปลามาย่างให้นางอยู่บ่อย ๆ เอาไม้ตกแมวมาล่อให้นางเล่นด้วยอยู่หลายครั้ง นึกไม่ถึงว่านางไม่ยอมใจอ่อนเป็นมิตรกับเขาบ้างเลยจวีจิวฝูหยุดรถม้าหน้าบ้านหลังเล็ก เขาค่อนข้างกังวลใจว่าจะจัดสรรที่อยู่ในบ้านอย่างไร เดิมทีเขาอาศัยอยู่กับบุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-18
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 17 เยี่ยนฟางกลายเป็นมนุษย์

    “เหลือจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเจ้าใช้วิธีนี้” เจียลี่อ้าปากค้างคิดไม่ถึง “อย่าได้คิดทำเช่นนี้กับข้า” เจียลี่รีบบอกเขากลัวว่าสักวันนางจะโดนสะกดจิตให้ทำอะไรแปลก ๆ“อย่างเจ้าน่ะ ต้องยอมทำให้ข้าด้วยความเต็มใจ” หลินเซินยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาง “ไปกันเถอะ” เขาชวนนางเดินไปที่ร้านถังหูลู่“ข้าขอสองไม้” หลินเซินใช้วิธีเดิมกับพ่อค้าร้านถังหูลู่ กระนั้นยังมีใจแบ่งให้นางหนึ่งไม้ เจียลี่เห็นเช่นนั้นจึงหันไปจ่ายเงินให้พ่อค้าแทนเขา“เจ้าทำแบบนี้มาตลอดเลยหรืออย่างไร อยู่เมืองมนุษย์ก็ต้องมีเงินเก็บไว้บ้าง” เจียลี่บ่นอุบอิบอยู่ข้างเขา นางรู้สึกว่าเรื่องราวของเขานั้นซับซ้อนจนไม่รู้จะเริ่มถามอะไร“อยู่กับข้าไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” หลินเซินยักคิ้วข้างหนึ่งอารมณ์ดี“อยู่กับเจ้าไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นหรือ รู้เช่นนี้ ข้าน่าจะแต่งงานเสียตั้งแต่ก่อนเจอเจ้า” นางพูดเสียงอ่อยท้อแท้ใจถ้าจะต้องอยู่เหมือนเป็นทาสของหมาป่าจอมโหด“ถ้าเจ้าแต่งงานกับผู้อื่น ข้าคงเสียใจมาก”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-20
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 18 แมวน้อยเกิดอาการน้อยใจ

    “พี่สะใภ้ ท่านใจเย็นก่อน” หมิงเฟยเลิ่กลั่กมองซ้ายขวาหาทางหนี เพียงแต่ว่าถูกเจียลี่และเยี่ยนฟางขนาบข้างจึงได้แต่นั่งหดตัว“บอกเรื่องที่เจ้ารู้มาให้หมด เจ้าจิ้งจอกน้อย” เจียลี่ยิ้มมุมปากรอฟังคำตอบของเขา“ข้ายังบอกไม่ได้ขอรับ รอท่านพี่มาอธิบายจะดีกว่า” หมิงเฟยหลบสายตาของทั้งสองคน“เช่นนั้นย่อมได้ เจ้าอย่าเพิ่งบอกเขาว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว อยากจะรู้นักว่าจะแกล้งข้าไปจนถึงเมื่อใด” เจียลี่สั่งห้ามหมิงเฟยน้ำเสียงเด็ดขาด หมิงเฟยคิดในใจว่าท่านพี่ของเขาคงจะเจองานใหญ่เข้าแล้วเช้าวันต่อมาเจียลี่กำลังหวีผมผูกผ้าให้เยี่ยนฟางอยู่ในห้อง นางได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากหน้าบ้านจึงรีบลงมาดู เห็นบิดาของนางกำลังลากกระสอบใบใหญ่เข้ามาตรงกลางลานบ้าน“เจียลี่ พ่อกลับมาแล้ว” จวีจิวฝูเดินเข้ามากอดบุตรสาวด้วยความคิดถึง หน้าตาของเขามอมแมมจากการเข้าป่าขุดสมุนไพร“ท่านพ่อ เจ็บตรงไหนหรือไม่ หน้าตาท่านเปรอะเปื้อนดินโคลนไปหมดแล้ว” เจียลี่สำรวจหาบาดแผลของเขา พลันได้ยินเสียงใสแจ๋วของเยี่ยน ฟางดังขึ้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-22
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 19 ลอบทำร้าย

    ผ่านไปสองเดือน“ท่านพี่หลินเซินนนน น้ำค้างยามเช้ามาแล้วเจ้าค่ะ” เยี่ยนฟางตะโกนปลุกเขาเช้าตรู่ วันนี้นางตื่นก่อนเวลาเพื่อออกไปเก็บน้ำค้างมาให้เขา ทั้งยังเด็ดดอกไม้สามสี่ดอกติดมือมาด้วยด้านคนที่กำลังหลับฝันดีอยู่ในบ้านสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแหลมเจื้อยแจ้วของนาง เขาชั่งใจคิดว่าระหว่างให้นางเป็นแมวกับคน อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตั้งแต่ที่เยี่ยนฟางพูดได้ นางก็พูดกับเขาไม่หยุดตลอดทั้งวัน“ได้ยินแล้วเยี่ยนฟาง เดี๋ยวข้าออกไป” หลินเซินเดินออกมาหานางข้างนอก ดูเหมือนว่าทุกคนพร้อมใจกันมารวมตัวอยู่หน้าห้องของเขา“ตื่นแล้วหรือหลินเซิน” เจียลี่ยิ้มหวานทักทายเขา เจียลี่แต่งตัวสวยจนหลินเซินจ้องนางตาไม่กระพริบ วันนี้พวกเขาทั้งสองมีนัดไปเที่ยวตลาดในเมืองกันสองคน“หมิงเฟย พวกเรารีบไปกันดีกว่า อยู่ตรงนี้นานข้าพาลจะหงุดหงิด เบื่อคนมีความรัก” เยี่ยนฟางชวนหมิงเฟยออกมาข้างนอก ปล่อยให้คนทั้งสองอยู่กันตามลำพัง“พวกเจ้าสองคนระวังตัวกันด้วย” เจียลี่ตะโกนบอกด้วยความเป็นห่วง ทั้งคู่จึงโบกมือส่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-24
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 20 หนี

    หลังจากเดินมาพักหนึ่ง เสียงของคนด้านในเริ่มดังใกล้เข้ามา บ้างพูดคุยโวโอ้อวด บ้างหัวเราะสนุกสนาน หลินเซินก้าวเท้าเข้าไปกลางวงล้อมอย่างไม่สนหัวผู้ใด เขาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าคนผู้หนึ่ง ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้าอย่างที่เจ้านักโทษบอก ราวกับการเคลื่อนไหวของเขาแยบยล เงียบเชียบ ไม่มีใครได้ทันตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่คิดว่าจะมีคนกล้าเข้ามาเหยียบหยามถึงในรังของตน“เจ้านี่น่ะหรือ หัวหน้าที่เจ้าพูดถึง” หลินเซินร่ายเวทมัดตัวชายผู้นั้นไว้ไม่ให้ขยับ เขายืนถามอย่างใจเย็นเสียจนนักโทษรู้สึกเสียวสันหลัง ยามโกรธเป็นไฟดูน่ากลัวแล้ว ยามสงบยิ่งดูน่ากลัวกว่าร้อยเท่า คนอื่นที่ไม่รู้ฤทธิ์เดชของหลินเซินต่างพากันหยิบอาวุธประจำกายของตนเองขึ้นมาเตรียมต่อสู้“ขอรับ” นักโทษพยักหน้ายืนยัน“เจ้าเป็นใคร” หัวหน้ากองถามกลับ พยายามต่อต้านพลังของหลินเซินที่สะกดเขาเอาไว้จนเหงื่อผุดเต็มใบหน้า“บอกเขาไป” หลินเซินไม่อยากพูดซ้ำอีกครั้ง จึงให้นักโทษเป็นคนถามหัวหน้ากองเอง ในใจนึกว่าจะได้จังหวะหนีไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะยังโดนล่ามไว้เจรจาแทนเขาอี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 21 พบถังลี่ฮวาครั้งแรก

    เช้าวันต่อมาหลินเซินออกสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ว่ามีทหารจิ้งจอกแฝงตัวปะปนกับมนุษย์หรือไม่เพื่อความปลอดภัยของหมิงเฟย แม้ว่าแคว้นแห่งนี้จะมีสัญญาระหว่างเผ่าพันธุ์แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวในอดีตนานมาแล้ว เพียงแค่ทำตัวกลมกลืน ไม่ก่อเรื่องราววุ่นวายก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ หากมีทหารจิ้งจอกแปลงกายกระทำป่าเถื่อนย่อมต้องถูกทหารหลวงของแคว้นเพ่งเล็งและตามจับมาลงโทษ แคว้นแห่งนี้จึงได้อยู่อย่างสงบหลายร้อยปีหลังจากเสร็จสิ้นงานช่วงเช้า หลินเซินกลับมาพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม โดยมีเจียลี่คอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ ทั้งสองนั่งจิบชาชมนกชมไม้อยู่ริมหน้าต่างสบายอารมณ์เยี่ยนฟางไปเที่ยวในเมืองกับหมิงเฟย นางมองเห็นปลาย่างของโปรดนางอยู่ข้างทาง กลิ่นหอมลอยฟุ้งแตะจมูกจนน้ำลายสอ นางค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ร้านโดยไม่ให้ใครเห็นแล้วฉกติดมือกลับมาหนึ่งไม้ จากนั้นก็แวะไปที่ร้านไก่ย่างเฒ่าแก่กำลังหมุนไม้ไก่ย่างอยู่บนเตา จังหวะที่เขาหันกลับไปหยิบอีกไม้มาย่าง เยี่ยนฟางรีบฉวยไก่ย่างมาอีกหนึ่งตัว วิชาที่ได้มาตั้งแต่ตอนเป็นแมวช่างมีประโยชน์กับนางเวลาที่ไม่มีเงินติดตัว นางยิ้มน้อยย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28

บทล่าสุด

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 48 คำสาปสะท้อนกลับ

    ทันใดนั้นเหล่าลูกสมุนของคนผู้นั้นก็ขึ้นมาจากกองกระดูกด้านล่าง พลังมืดปกคลุมรอบตัวส่งกลิ่นอายความกระหายเลือดเนื้อของคนเป็น เจียลี่บาดเจ็บจากการโจมตีครั้งสุดท้ายมากนัก นางพยายามคลานหนีจากหุ่นเชิดสังหารแต่แรงที่มีกลับถดถอยลงเจียลี่เห็นอาวุธแหลมคมกำลังพุ่งมาทางนาง ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะพลิกตัวหลบ คิดในใจว่าสายไปเสียแล้ว ชีวิตของนางคงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ นางหลับตาพร้อมยอมรับชะตากรรมจู่ ๆ มีดบินสามเล่มก็กระทบกับลูกธนู เยี่ยนฟางเหลือบเห็นเหตุการณ์พอดีจึงช่วยนางไว้ได้ทัน“ท่านพี่!” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของเยี่ยนฟาง เจียลี่ลืมตาขึ้นถอนหายใจ แล้วเสียงลึกลับก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เฮ้อ น่าเสียดาย ๆ” เขาดูจะพอใจที่ได้เห็นเรื่องราวความเป็นความตายของผู้อื่นยิ่งนักเยี่ยนฟางที่เห็นสภาพของเจียลี่เช่นนั้น พยายามหลบหลีกจากการปะทะกับซิ่วอิงให้เร็วที่สุด แต่นางกลับกัดไม่ปล่อย ซิ่วอิงไม่เปิดจังหวะแม้แต่น้อย นางจึงตะโกนบอกหมิงเฟยให้ร่ายม่านเขตแดนปกป้องเจียลี่เพราะพลังเซียนของนางกำลังถดถอยเมื่อมีม่านเขตแดนของหมิงเฟยเป็นเกราะกำบัง ลูกสม

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 47 ของเล่น

    ขณะที่เยี่ยนฟางและเจียลี่กำลังช่วยกันหาทางออกจากหุบเขากองกระดูกอยู่ข้างบน จู่ ๆ ซิ่วอิงโผล่มาตวัดแส้รัดข้อเท้าของเจียลี่แล้วลากนางลอยออกมาอย่างรวดเร็วจนเยี่ยนฟางคว้าไว้ไม่ทัน ร่างของเจียลี่กระแทกไปตามพื้นขรุขระจนได้แผล“วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้” ซิ่วอิงคิดจะแก้แค้นที่เซียวอวี้เทียนสังหารหนิงเหอ นางเอาความโกรธมาลงที่เจียลี่เพราะรู้ว่าเซียวอวี้เทียนรักเจียลี่มากเพียงใด อีกทั้งคนผู้นั้นยังเห็นดีเห็นงามด้วยเพราะนางเป็นคนที่หลินเซินรักมากเช่นกัน หากทำลายนางได้แล้ว หลินเซินคงจะแตกสลายไปเองโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไร เพียงเท่านี้ก็จะไม่มีใครขัดขวางแผนการของเขาได้อีก“ฝันไปเถอะ” เยี่ยนฟางปามีดบินใส่นางจนเผลอปล่อยเจียลี่ “กล้าทำร้ายนาง ไม่กลัวเขาหรืออย่างไร” นางเตือนสติซิ่วอิงถึงสิ่งที่หลินเซินเคยพูดไว้“หลินเซินผู้นั้น ไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก เวลานี้แม้แต่จะออกจากความฝันยังทำไม่ได้” ซิ่วอิงไม่มีความเกรงกลัวสิ่งใดเหลืออยู่ นางโกรธแค้นจนอยากจะกำจัดทุกสิ่งที่ทำร้ายเผ่าของนางเยี่ยนฟางกันเจียลี่ไว้ข้างหลัง นางถือมีดบินสามเล

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 46 หุบเขากองกระดูก

    ผู้คนที่ถูกมือลึกลับดึงผ่านหลุมดำต่างปรากฏตัวอยู่ที่หุบเขากองกระดูกด้วยความมึนงง ภาพสยดสยองของโครงกระดูกกองพะเนินเป็นภูเขา อีกทั้งร่างเหือดแห้งไร้เลือดเนื้อยังทำให้คนที่พบเห็นแทบจะคลื่นเหียนอาเจียนออกมาในทันใด มนุษย์ธรรมดาล้มทั้งยืนปล่อยให้ลูกสมุนของคนผู้นั้นดูดกลืนพลังชีวิตได้โดยง่าย แต่เผ่าพันธุ์อื่น ๆ และเทพเซียนดินแดนสวรรค์ยังพอจะตั้งสติได้เร็วกว่าจึงปกป้องตัวเองได้บ้าง“เยี่ยนฟาง” หลังจากที่ตกลงมาพร้อมกัน ทั้งคู่กระเด็นไปคนละทาง เจียลี่พยายามวิ่งหลบลูกสมุนที่กำลังเล่นโยนหัวกระโหลกสนุกสนานไปอีกทาง“ท่านพี่ ท่านมาหลบอยู่หลังข้า” นางดึงมือเจียลี่แล้วร่ายม่านเขตแดนที่หลินเซินเคยสอนเอาไว้ แม้ยามนี้จะกลัวพลังมืดที่อยู่ตรงหน้าแต่นางก็พร้อมสู้ไม่หวั่น“หาทางหนีออกจากที่นี่ก่อนเถิด” เจียลี่กระซิบบอกนางให้ถอยหลังไปตรงที่ไม่มีใครอยู่เพื่อดูลาดเลา เสียงร้องโหยหวนสลับกับเสียงหัวเราะของผู้ที่เหนือกว่าดังสลับกันเป็นระยะคล้ายกับเสียงหลอกหลอนจนแทบจะประคองสติไว้ไม่อยู่ทันทีที่หมิงเฟยโฟล่มายังที่แห่งนี้ จักรพรรดิจิ้งจอกไม่รอให้เขาได

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 45 สวรรค์ปั่นป่วน

    ดินแดนสวรรค์เวลานี้กำลังโกลาหลวุ่นวายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คำสาปของเซียวอวี้เทียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ายกำลังถูกควบคุมจิตใจเมื่อช่วงเช้า เซียนน้อยในตำหนักกำลังยืนกวาดใบไม้บนลานกว้างอยู่ดี ๆ กลับถูกเซียวอวี้เทียนร่ายเวทปลิดชีวิตในท่วงที กระนั้นเพียงแค่ชีวิตเดียวยังคงไม่หนำใจ เขาหายตัวไปหาอีกคนที่กำลังยืนตะลึงงันกับสิ่งที่เขาทำกับสหายเซียนแล้วใช้มือข้างขวาเสียบทะลุร่างของเซียนที่น่าสงสารไม่อาจหนีได้ทัน จากนั้นทุกคนที่อยู่ในตำหนักต่างพากันหนีจ้าละหวั่น“เทพสงครามพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพใหญ่กองทัพสวรรค์เข้ามารายงานเหตุการณ์“เกิดเรื่องใด” เทียนจวินนึกสงสัยว่าสิ่งใดทำให้ท่านแม่ทัพเหงื่อตกได้เพียงนี้“เซียวอวี้เทียนกำลังไล่สังหารเหล่าเซียนในตำหนัก ข้าส่งทหารไปคุมคุมตัวเขาแล้ว แต่ไม่อาจหยุดยั้งได้ เวลานี้เทพวายุพยายามต้านทานเขาไว้พ่ะย่ะค่ะ” เขาปาดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้า เทพสงครามที่เก่งกาจที่สุดไล่ฆ่าผู้คนในสวรรค์จะมีสักกี่คนที่สู้กับเขาได้“เทียนจวิน เทพสงครามกำลังมา

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 44 ผนึก

    ดินแดนสวรรค์เทียนจวินได้ข่าวว่าบุตรสาวของตนได้รับบาดเจ็บรีบรุดมาหาด้วยความเป็นห่วง พอได้ตรวจดวงจิตของนางจึงได้รู้ว่าพลังของคนผู้นั้นกลับมาอีกแล้ว เขาร่ายเวทของตนเองลบล้างพลังที่ครอบงำจิตของบุตรสาวอยู่หนึ่งชั่วยามจนพลังของเขาอ่อนแอลงครั้งอดีต คนผู้นั้นเคยล่อลวงซ่งอี้ในวัยเด็กให้สละชีวิตของตนเองให้เขาเพราะพลังของนางยิ่งใหญ่เหลือคณาจนสามารถฟื้นร่างเซียนและพลังทั้งหมดของเขาได้ มารดาซ่งอี้จึงสละชีวิตของตนเองร่ายผนึกเพื่อปกป้องบุตรสาว เวลานั้นเทียนจวินทั้งรู้สึกเสียใจที่สูญเสียคนรักและสงสารบุตรสาวที่กำพร้ามารดาจึงเลี้ยงดูนางตามใจมาโดยตลอด“เสด็จพ่อ ข้า...” ซ่งอี้ที่ฟื้นได้สติมองหน้าบิดาด้วยความสำนึกผิด เมื่อหลุดจากการครอบงำ ซ่งอี้เริ่มจำได้ว่านางทำสิ่งเลวร้ายใดลงไปบ้าง น้ำตาของนางเอ่อล้นเสียใจ ก้มลงมองดูมือที่เปื้อนเลือดชีวิตคนบริสุทธิ์และเหล่าเซียนน้อยที่รับใช้นาง“ซ่งอี้ เจ้าอย่างเพิ่งพูดสิ่งใด” เทียนจวินกอดปลอบนางนึกสงสารบุตรสาวจนต้องร่ายเวทอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้นางจมสู่ภวังค์ด้านเซียวอวี้เทียนเองก็ไ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 43 ฝันลวง

    ในเวลานั้น ซ่งอี้แอบตามเซียวอวี้เทียนลงมายังดินแดนมนุษย์เช่นเดียวกัน นางมองเขาอยู่ห่าง ๆ รู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่งนักที่เห็นเขาคอยวนเวียนอยู่กับเจียลี่ผู้เป็นศัตรูหัวใจของนาง ครั้นพอตกกลางคืนซ่งอี้ได้เข้าไปในความฝันของเซียวอวี้เทียนโดยไม่รู้ตัว นางเห็นภาพในอดีตทุกอย่างของเขา โดยเฉพาะยามที่เซียวอวี้เทียนอยู่กับหยางซือซือที่ตำหนักโคมดวงจิต พลันในใจเกิดความอิจฉาเข้าครอบงำอยากได้รอยยิ้ม ความรัก ความห่วงใยเช่นนั้นจากเขาบ้าง“บอกข้ามาเถิด ความปรารถนาของเจ้าคือสิ่งใด” เสียงลึกลับพูดกับนางในความฝัน พยายามหลอกล่อให้นางติดกับดัก“เจ้าเป็นใคร” นางยืนอยู่ในความมืด หันซ้ายแลขวาถามคนที่แอบซ่อนอยู่ในเงา“ความปรารถนาของเจ้า ข้าช่วยได้” เงามืดขยับไหวรอบตัวนางพลางพูดถึงสิ่งที่นางเห็นในความฝันซ้ำ ๆ จนนางไม่อาจต้านทานความรู้สึกของตนเองได้ คนที่มีด้ายแดงผูกกับเขาคือนางแต่ทำไมแม้แต่หน้าของนางเขากลับไม่อยากมอง นางคนนั้นแม้จะมีคนรักในชาตินี้ เขาก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างนางโดยไม่หวังสิ่งใด ซ่งอี้ผู้นี้มีทุกสิ่งดังใจแต่ไม่อาจครอบค

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 42 สามีของข้า

    หลังจากนั้นไม่นาน ผู้คนในแคว้นต่าง ๆ เริ่มหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทีละคนสองคน หลายหมู่บ้านอยู่กันอย่างหวาดกลัวคิดว่ามีปีศาจออกอาละวาดจนไม่กล้าออกไปทำมาหากิน ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ต่างประสบปัญหาเดียวกัน แม้จะมีการสืบหาที่มาแต่ทำอย่างไรก็ไม่พบ คนที่ส่งออกตามหาข่าวย่อมสูญหายเช่นเดียวกันเซียวอวี้เทียนได้รับรายงานจากหลายตำหนักว่าเซียนน้อยที่ลงมาทำภารกิจบนดินแดนมนุษย์ไม่กลับขึ้นสวรรค์ตามกำหนด เทียนจวินจึงสั่งให้เขาลงมาสืบหาสาเหตุ เขาตัดสินใจเริ่มต้นหาข่าวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนเกิดพลังเวทขุมใหญ่คอยดูดกลืนพลังชีวิตผู้คน เมื่อได้เห็นว่าเป็นหมู่บ้านจิ้งจอกแดงจึงคอยดูความเคลื่อนไหวอยู่รอบนอกครั้นได้เห็นว่าเจียลี่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จึงปลอมตัวปะปนเข้าไปในหมู่บ้านด้วย“แม่นาง ให้ข้าช่วยถือหรือไม่” เขาเอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพ“ไม่รบกวนท่านดีกว่า เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” นางตอบปฏิเสธ แล้วหันหลังจะเดินต่อแต่สะดุดบางอย่าง เซียวอวี้เทียนรีบคว้าเอวของนางไว้ไม่ให้ล้มคะมำแล้วรับตะ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 41 อดีตของลู่ฟางหรง

    เช้าวันรุ่งขึ้น พิธีศพของผู้วายชนม์ได้จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ผู้คนพยายามตั้งสติของตนเพื่อรับมือกับการสูญเสียคนรัก บรรยากาศรอบตัวอึมครึม เสียงร้องไห้คร่ำครวญสลับกับเสียงปลอบใจดังมาเป็นระยะ แม้กระทั่งท้องฟ้ายังมืดมัวมีเมฆครึ้มส่อเค้าฝนหมิงเฟยมองดูร่างของถังลี่ฮวาบนแท่นไม้ที่ก่อเอาไว้ด้วยใจที่แตกสลาย คนที่เขาเพิ่งจะจูงมือเข้าพิธีแต่งงาน ก้มลงคำนับฟ้าดินเพื่ออยู่ด้วยกันจนแก่ชราจากเขาไปแล้ว น้ำตาเอ่อคลอนึกถึงวันวานที่เคยหัวเราะด้วยกันยามที่ได้ฟังนางบรรเลงเพลงพิณ รอยยิ้มสดใสของนางยังคงชัดเจนในใจของเขาเสมอ บัดนี้กลายเป็นเพียงความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ เขาบอกลานางเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวางของแทนใจไว้ข้าง ๆ หวังว่าเกิดชาติหน้าจะมีวาสนาได้พบกันอีกครั้นเสร็จสิ้นพิธีส่งดวงวิญญาณ คนที่เหลืออยู่ก็เริ่มหันมารักษาบาดแผลของตนเองที่ยังไม่หายดี ต่างคนต่างคอยให้กำลังใจกันเพื่อที่จะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสียไปให้ได้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องหนึ่งที่พวกเขายังคงหนักใจ การกลับมาของจักรพรรดิจิ้งจอกทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญหนีต้องรีบฟื้นพลังของตนเตรียมรับมือหากต้องเผ

  • วสันตกาลพานพบ   ตอนที่ 40 เหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    ในช่วงเวลาที่ทุกคนไม่คาดคิด หลินเซินพาตัวเจียลี่และเยี่ยนฟางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หนีมาจากที่ตรงนั้นได้ทันท่วงทีจึงไม่ได้รับอันตราย จากนั้นจึงรีบกลับไปช่วยคนอื่นที่อยู่ในงาน เฉิงซานร่ายเวทป้องกันหยางมี่และหลิวอิง แขนของเขาบาดเจ็บจากคมฝนจนแทบจะยกไม่ขึ้น เฉิงเซียวจึงรับช่วงต่อพาทั้งหมดหนีออกจากใจกลางความวุ่นวายหลินเซินกลับเข้ามาในงาน เขาร่ายม่านเขตแดนปกป้องหมิงเฟยและร่างของถังลี่ฮวาเอาไว้ ทันทีที่หลินเซินปรากฏตัว ร่างดำทะมึนจึงค่อย ๆ เผยโฉมของตน“จักรพรรดิจิ้งจอก” เฉิงเซียวตะโกนเสียงดังจากด้านหลัง สิ้นเสียงของเขา คนผู้นั้นระเบิดเวทสายสีดำรัดตัวเฉิงเซียวแน่น ค่อย ๆ บีบที่ลำคอจนเส้นเลือดปูดโปน พลังของจักรพรรดิจิ้งจอกเปลี่ยนไปมาก ทั้งรุนแรงและชั่วร้ายบีบอัดคนที่ตกอยู่ในเงื้อมมือจนร่างแทบจะแหลกเหลวไปตามแรง เยี่ยนฟางโผล่ออกมาจากที่ซ่อนตัวเพื่อตามหาหมิงเฟยเห็นเฉิงเซียวไม่อาจหนีได้จึงร่ายเวทตัดพลังช่วยเฉิงเซียวได้อย่างหวุดหวิดทันใดนั้น ทหารจิ้งจอกหลายสิบคนโผล่ออกมาจากหลุมดำ รัศมีความชั่วร้ายปกคลุมร่างพวกเขา ดวงตาสีขาวโพลนสร้างความหวาดกลัวให้ผู้พบเห็น พวกมันเริ่ม

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status