แนะนำตัวละคร
เหมียวจื่อเผย หญิงสาวที่ถูกซื้อตัวมาเป็นอนุสาม
คุณชายใหญ่มู่เหรินฮั่น เชี่ยวชาญแผนที่ ดูแลหอกระจายข่าว
คุณชายรองมู่เซ่าหลิง เก่งด้านยาสมุนไพร การเพาะปลูก
คุณชายสามมู่ข่ายเฉิง เจ้าบ้านน้อยมู่ได้รับบาดเจ็บต้องนั่งรถเข็น
คุณชายสี่มู่จิงหง เป็นผู้รอบรู้ด้านอาวุธ รับผิดชอบโรงเผาเหล็ก
คุณชายห้ามู่อี้เถียน รักการแสดง ดูแลโรงงิ้ว และโรงทอ
นายพราน บุรุษลึกลับค้าขายกับคุณชายสกุลมู่
คนเลี้ยงม้า ม่อเส้าเฟิง ผู้ที่มีความหลังกับเหมียวจื่อเผย
วณิพก เจิ้งชิว บุรุษที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังไม่ธรรมดา
เจ้าบ้านมู่ มู่ป๋อจาง ดูแลค้าขายในแคว้นเหลียงและต่างแคว้น
ฮูหยินใหญ่มู่ หมี่อิง สตรีที่รักความสันโดษ
อนุเฉิน เฉินปี้ อนุที่มักสร้างปัญหาอยู่ตลอด
สาวใช้หลางฮั่ว หญิงสาวที่เฉินปี้ส่งตัวมาดูแลมู่อี้เถียน
บ่าวรับใช้เจี๋ยชาง เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก รับใช้มู่อี้เถียน
บทนำ
แคว้นเหลียง
ตำหนักน้ำพุซีเฉอ ก่อนวันคัดเลือกเจ้าบ้านน้อย
หญิงสาวไม่อาจหักห้ามใจได้แล้ว ทั้งหมดคงเป็นความต้องการสุดท้ายก่อนวิญญาณหลุดออกจากร่าง แล้วทะลุมิติมาอยู่ในห้วงเวลาที่ห่างกันนับพันปี นางต้องการบุรุษที่ดีพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น บู๊ บุ๋น ร่ำรวย มีอำนาจ หล่อเหลา อ่อนวัย ซื่อสัตย์ แล้วก็รักนางเป็ยอย่างยิ่ง!
ซึ่งยามนี้นางคือ เหมียวจื่อเผย สตรีที่เคยมีชีวิตน่าสงสารในโลกนิยาย จวบจนนางเกิดใหม่ในร่างนี้ ซึ่งเป็นสตรีงามล่มเมืองทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม
“อ๊ะ อื้อ คุณชายสี่ ทะ ท่านจะดึงดันจะเข้ามาข้างในให้ได้เยี่ยงนั้นหรือ โอ้ ตัวข้าเพียงเท่านี้ ได้โปรดอย่าเอาแต่ใจเลย”
เหมียวจื่อเผยบอกอีกฝ่าย แล้วหันไปด้านหลัง มองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“เสี่ยวเหม่ยล้วนเป็นเจ้าที่ดื้อรั้น ข้าบอกแล้วเยี่ยงไร คราแรกควรเป็นข้าที่เริ่มต้น และอยู่ด้านล่าง แล้วจึงให้พี่รองประกบเข้าจากด้านหลัง ส่วนน้องห้า เจ้าจงปรนเปรอเขาด้วยมือ และริมปากอุ่นๆ นั่น”
ถ้อยคำมู่จิงหง ชวนให้หวามใจ ยามที่เขากระแทกนางจากด้านบน ผ่านกลีบเบญจมาศอันบีบรัด นางก็เกือบสลบเหมือด เพราะถึงจะเป็นสตรีที่รักสนุกชอบเรื่องโลดโผน ทว่าการถูกเชยชมในท่านั่ง ทั้งยังเป็นส่วนที่บอบบางมันได้ส่งผลให้นางจุกหน่วงๆ
ส่วนกลีบสวาทเบื้องหน้านาง มีน้ำหวานใสแฉะชื้นชโลมความใหญ่โตของคนที่นอนอยู่ข้างล่าง ซึ่งนับแต่อยู่ในร่างนี้ เหมียวจื่อเผยกลายเป็นสตรีซึ่งมีความต้องการสูง ทั้งยังสามารถเสร็จสมไปพร้อมกับบุรุษ เรียกได้ว่า ตาต่อตาฟันต่อฟัน เมื่อชายที่ร่วมรักกับนางปลดปล่อยความอุ่นข้นสีขาวขุ่น เหมียวจื่อเผยก็สาดความหวานใสออกมาราดรดกายแกร่งของพวกเขาได้มิแพ้กัน
ฝ่ายมู่จิงหง เมื่อเห็นว่านางอึดอัดและเจ็บจุกจึงปลุกเร้านางด้วยริมฝีปากบาง ทั้งขบติ่งหู ดูดหลังลำคอ ก่อนสับสะโพกช้าๆ เพื่อให้นางซ่านสยิว พอทุกอย่างลงตัว เขาก็เคลื่อนไหวแรงขึ้น ราวกับต้องการเอาชนะพี่รอง มู่เซ่าหลิง ซึ่งยามนี้เหมียวจื่อเผยควบขี่อาชาเขาอยู่
การร่วมรักครั้งนี้ ดูเหมือนคนที่เอาแต่ใจที่สุด ทั้งกำลังแสดงท่าฮึดฮึด เพราะทุกสิ่งอย่างไม่เป็นไปตามที่เขาคิดคือ มู่อี้เถียน ซึ่งเป็นเด็กน้อยของเหมียวจื่อเผย
คุณชายห้าสกุลมู่ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ครบ เขาไม่ได้เปลือยกายอย่างผู้อื่น กระนั้นผิวขาวอมชมพู และดวงตากลมโตที่จ้องมายังเรือนร่างเหมียวเผยจื่อ ที่หน้าอกอวบสวยถูกนวดเฟ้น และเด้งไหวสู้มือคุณชายทั้งสอง ก็ท้าทายต่อตัณหาเขาเหลือเกิน
“น้องห้า ระวังเจ้าจะหลั่งโดยไม่รู้ตัว มา... พี่จะสอนให้เย่อนางทางปาก จากนั้นจึงย้ายมาแทนพี่ และค่อยเปลี่ยนลงไปนอนอยู่ด้านล่างให้หญิงโง่ควบขี่”
มู่อี้เถียน หรี่ตามองภาพเร่าร้อนระหว่างหนึ่งหญิงสาวกับสองพี่ชายที่ลานกว้าง อันเป็นหนึ่งในเรือนรับรองหลังงาม
แน่ล่ะ เขาอยากร่วมวงอยู่หรอก แต่ครั้งนี้ เขาเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างที่สุด เหมียวจื่อเผยผู้นี้ไร้หัวนอนปลายเท้า คราแรกนางมากับคณะนางรำเอวอ่อน และสาวงามที่ถูกคัดตัวมาเพื่อปรนนิบัติบุรุษสกุลมู่ ก่อนการชำระร่างกายในน้ำพุซีเฉอ ตัวเขาคิดอยากเก็บนางไว้คนเดียว เนื่องจากเมื่อพบหน้าครั้งแรก เสน่ห์นางทำให้เขาคลั่ง ทั้งยังมีความละม้ายคล้ายใครบางคน !?
แต่ยามนี้ภาพเบื้องหน้า นางกำลังถูกท่อนเอ็นของพี่ชายทั้งสองกระทุ้งอยู่ในกลีบงามชื้นแฉะและบั้นท้ายบีบรัด การเคลื่อนไหวเร่าร้อนดังกล่าวยากเหลือเกินที่เขาจะทนได้ มู่อี้เถียนต้องการให้นางเป็นของตนเพียงผู้เดียว ที่คิดเช่นนั้น เพราะเขายังอายุน้อย มีพื้นนิสัยหวงของใช้ส่วนตัว!
เหมียวจื่อเผย มองคนอายุน้อยสุด นางเชื้อเชิญเขาด้วยดวงตาที่เปี่ยมด้วยไฟสิเน่หา
หนุ่มน้อยผู้นี้ หากจะกล่าวไป เขาคือผู้เติมเต็มหลายสิ่งแก่เหมียวจื่อเผย ทั้งอ่อนเยาว์ น่าค้นหา และการกินเด็กไฉนจะไม่ทำให้นางเป็นอมตะ
“คุณชายห้า ท่านไม่อยากรวมสุขสตรีกับผู้นี้แล้วหรือ”
นางเอ่ยและทำปากเผยออ้า ราวกับรอรับความท่อนเนื้ออุ่นจัดของเขา เข้าไปกระทุ้งในปาก!
แน่นอน นับแต่ก้าวมาอยู่ในเรือนลับ เหมียวจื่อเผยก็เป็นสตรีไร้ยางอาย และนางคืออนุสาม ที่กำลังถูกบรรดาลูกเลี้ยงซึ่งล้วนเป็นชายฉกรรจ์ ปรนเปรอความสิเน่หาให้สาสมกับความงามและเสน่ห์อันร้อนแรงนี้
ในขณะนี้ คุณชายรองซึ่งนอนอยู่บนพื้น โดยที่มีร่างของเหมียวจื่อเผยนั่งทับกายแกร่งของเขาอยู่ กลัวว่าตนจะออกแรงน้อยกว่าน้องสี่ จึงเอื้อมมือมาจับสะโพกคอด แล้วยกให้สูงขึ้นอีกนิด
“เสี่ยวเหม่ย เจ้าเป็นคนโปรดข้าเพียงผู้เดียวดีแล้ว การที่ข้าได้เย่อเจ้าก่อนผู้ใดในทุกๆ ครั้ง เป็นเพราะเราต่างพึงใจกันและกัน”
มู่เซ่าหลิงกล่าวอย่างคนมีชัยเหนือพี่น้อง แต่เหมียวจื่อเผย อยากบอกความในใจตน แต่กลัวเหลือเกินว่าอาจกระทบความรู้สึกชายชู้คนอื่นของนาง
“อ่าส์... คุณชายรอง ทะ ท่าน เป็นท่านที่รังแกข้าเก่งกว่าผู้อื่น เมื่อครู่ก็ลักลอบมาหาข้า... แล้วก็ทำเรื่องน่าละอายก่อนผู้ใด”
เหมียวจื่อเผยต้องกล่าวเช่นนั้น เพราะมู่เซ่าหลิง มีใบหน้าหล่อเหลาที่สุด เพียงแค่สบสายตา หญิงสาวก็ไม่อาจขัดขืน และต้องจำนนตกเป็นทาสสวาทอีกฝ่าย
“ฮึๆ ๆ อย่าลืมว่าเป็นข้าที่ได้ครอบครองเจ้าก่อนผู้ใด”
เหมียวจื่อเผยอับอายเหลือเกิน เรื่องนี้หาใช่สิ่งสำคัญอีกแล้ว ในเมื่อนางทำตัวเหลวไหลต่อบุรุษสกุลมู่ทุกคน ดังนั้นไม่ว่าใครเป็นคนแรกที่เชยชมร่างกาย คงไม่เท่ากับการที่นางนั้นติดใจรสชาติเร่าร้อนในการแนบเนื้อกับบุรุษหลายคนในคราเดียวกันเสียแล้ว
จากนั้นพี่ใหญ่ของบ้านมู่เหรินฮั่นก็ก้าวเข้ามาใกล้ๆ เหมียวจื่อเผย แต่เดิมเขาค่อนข้างถือตัว หากแต่ยามที่ต้องการระบายตัณหาบนเรือนร่างนี้ กลับเต็มไปด้วยลีลาที่ทำให้ในนางซ่านสยิว และเสร็จโดยไม่รู้ตัว นั่นเพราะเขามีขนาดกลางกายใหญ่โต มากกว่าพี่น้องคนอื่น อาจใหญ่กว่าบุรุษใดที่นางเคยพบในโลกที่จากมาด้วยซ้ำ!
“พวกเจ้า มีน้ำยาเพียงแต่ทำให้เสี่ยวเหม่ย ร้องครวญครางราวกับกินของเผ็ดร้อนเท่านั้นหรือ เหตุใด ถึงไร้ความสามารถ ทำให้นางอิ่มเอมใจ แล้วหลั่งออกมาพร้อมกับบุรุษได้เล่า”
เหมียวจื่อเผยมองบุรุษรูปงามที่สืบเท้าเข้ามา แท่งหยกของมู่เหรินฮั่น ตั้งตระหงาดอวดขนาดที่ชวนให้ตกตะลึง และงดงามที่สุด เมื่อเขาจ่อมันกับริมฝีปากอิ่มสวย หญิงสาวก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นางคลั่งไคล้บุรุษแซ่มู่เหลือเกิน”
“เสี่ยวเหม่ย คืนนี้เจ้าเลือกบุรุษที่จะให้เขาปล่อยน้ำพิสุทธิ์ เข้าไปในกลีบหวานล้ำได้หรือยัง!”
ยามนี้ หญิงสาวจะตอบมู่เหรินฮั่นได้อย่างไร ในเมื่อริมฝีปากนางถูกความใหญ่โตกระแทกกระทั้น และดูเหมือนเจ้าของความอุ่นจัดเตรียมพร้อมปลดปล่อยความคาวข้นออกมาได้ทุกเมื่อ
และในทุกการเคลื่อนไหวของแก่นกายบุรุษทุกคนที่กำลังมีความสัมพันธ์กับเรือนร่างเหมียวจื่อเผย ในห้วงเวลานั้น นางมีคำตอบไว้ในใจแล้วว่า อยากให้ใครมอบทายาทสกุลมู่เข้าสู่เรือนกายงดงามนี้ เป็นคนแรก !
จนเสียขวัญ นางพอจะล่วงรู้ว่าการนั่งเกี้ยวเข้าคฤหาสน์สกุลใหญ่ซึ่งทำการค้าทั้งแคว้นและต่างแดน นับว่าเป็นความโชคดียิ่ง และนางกำลังจะเป็นอนุคนใหม่ของเจ้าบ้านวัยสี่สิบเศษ อีกฝ่ายคือ มู่ป๋อจาง บุรุษที่ขุนนางในราชสำนักยังต้องเกรงใจ และทั้งนี้ หญิงสาวไม่ได้อ่อนหัดเรื่องการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของสตรีและบุรุษ นับแต่มาอยู่ในร่างนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มที่นางถูกอบรมอย่างหนัก ทั้งเตรียมพร้อมเพื่อทำให้ร่างกายงดงามแสนอรชรเป็นที่ต้องตาต้องใจบุรุษเพศ หรือแม้แต่สตรีด้วยกัน เพื่อซื้อไปเป็นอนุในเรือน ส่วนมากก็เพื่อประดับบารมี ให้พวกนาง ร้องรำเพลง ต้อนรับแขกคนสำคัญ หรือไม่ก็มีไว้สำหรับระบายความใคร่ บางครอบครัวยังแบ่งบันอนุตนกับคนในเรือน ระหว่างพี่น้อง หรือ แม้กระทั่งบิดากับบุตรชาย เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นอนุ อย่างไรก็เป็นสตรีที่มีเกียรติมากกว่าสาวใช้ห้องข้างเพียงเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น หากเปรียบกับนางโลม สตรีเหล่านี้ย่อมสามารถลืมตาอ้าปากได้ ทั้งยังมีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติ ได้รับเงินเดือน มีเรือนของตน หรือบางคนวาสนาดีสักหน่อย เมื่อใดมอบทายาทชายให้แก่สามี พวกนางย่อมมีชะตาชีวิตที่ดีราวกับหงส์ติดปีก
ในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว “อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!” ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแห
เหมียวจื่อเผยลืมตาขึ้นอีกครั้ง แน่นอน สถานที่แห่งนี้มิใช่คฤหาสน์หลังงาม หากเป็นรถม้าที่มุ่งหน้าขึ้นเขาที่มีไว้สำหรับการพักผ่อนของเหล่าคุณชายในสกุลโม่ นางมาอยู่ที่นี่ ตามความต้องการของตน หลังจากทั้งขู่ และขอร้องให้ม่อเส้าเฟิง ช่วยเหลือนาง “คุณหนูเหตุใดถึงไม่ให้ข้า ไปส่งท่านที่คฤหาสน์สกุลโม่” ม่อเส้าเฟิงเอ่ยถาม หลังจากช่วยเช็ดเนื้อตัวหญิงสาว พร้อมสวมเสื้อผ้า และเขียนคิ้วโก่งให้นางงดงามยิ่งขึ้น “เกี้ยวของข้าไม่ได้ถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์ ตามฤกษ์ที่วางไว้ เจ้ายังคิดว่า หากข้าเดินไปหน้าประตูใหญ่สกุลมู่ และแจ้งพวกเขาว่า ข้าคืออนุสาม คนเฝ้าด้านหน้า หรือแม้แต่คนงานคอยบอกเวลา จะไม่เอาไม้ไล่ตีข้าเหมือนหมูหมาหรอกหรือ ในเมื่อคนที่วางแผนให้ข้าต้องพบเรื่องร้ายแรง คือ อนุเฉิน หากนางรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องหาวิธีปิดปากข้าเป็นแน่” “แล้วคุณหนูต้องการเช่นไร” “อีกไม่กี่วัน คุณชายทั้งสี่ ต้องเข้าคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยคนใหม่ และข้าอยากพบพวกเขาสักเล็กน้อย ก่อนกลับคฤหาสน์หลังงามอย่างสมเกียรติ” เหมียวจื่อเผยกล่าวเช่นนั้น ด้วยนางรู้เรื่องราวในภายภาคหน้า ว่าจะมี
“เห็นที สิ่งที่จะทำให้เจ้าหายจากอาการน่าสงสารก็คือต้องขับความร้อนจากร่างกาย และดื่มด่ำกับความสุขให้มากที่สุด” มู่อี้เถียนว่าจบจึงมองเหมียวจื่อเผยด้วยความสิเน่หา เขาเป็นหนุ่มน้อยก็จริง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีสาวใช้ห้องข้างหลายคน แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยังไม่เกิดขึ้นสักครา นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ถูกตาต้องใจใคร ทว่าผิดกับเมื่อเห็นเหมียวจื่อเผย นางมีเสน่ห์ลึกลับ ชวนให้เขาอยากสัมผัส และเป็นเจ้าของ “แต่เจ้าอย่าเพิ่งหวังสูง ข้าจะให้ผู้ใด เห็นขาอ่อนได้ง่ายๆ จนกว่า ข้าจะมั่นใจว่า เจ้าคู่ควรพอ ที่จะปล่อยความอุ่นซ่านเข้าสู่กลีบชื้นแฉะ” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างถือตัว จากนั้นจึงเป่าปาก เรียกสาวใช้ และบ่าวชายคนสนิทของตน ที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ในบริเวณนั้น เมื่อคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้องดังกล่าว ทำให้เหมียวจื่อเผย รู้สึกตื่นเต้น ทั้งคู่ ดูเหมือนเพิ่งพ้นวัยเด็กมาไม่กี่ปี และตื่นกลัวมิน้อย ซึ่งความเยาว์นี้ มันช่างหอมหวานเหลือเกินสำหรับหญิงสาว “พิษราคะที่อยู่ในร่างกายเจ้า ย่อมต้องรีบขจัดออกให้หมด หาไม่แล้ว อาจมีอันตราย จนทำให้สิ้นลมหายใจ” ได้ยินเช่นนั้
มู่ป๋อจางมองฮูหยินตน ฝ่ายนั้นแม้อายุเข้าวัยเลขสี่ตอนต้น แต่นางยังเป็นสตรีที่ดูแลเรือนร่างอย่างดีเสมอมา ผิดแต่เขากับนางไม่มีทายาทด้วยกัน เว้นเสียแต่ลูกชายของน้องสาวที่ทั้งคู่รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม นอกจากนั้น นางยังไม่พิสมัยการร่วมเตียงกับบุรุษ การที่เขากับนางเป็นคู่ชีวิตกัน ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เป็นหลัก “ฮูหยิน ช่วงนี้เฉิงเอ๋อร์... อาการเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อต้นเดือน ตอนที่ข้ากลับมาจากเมืองไห่ ได้ยินว่าเขากำลังหัดเดิน” หมี่อิงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ “เฉิงเอ๋อร์ พอจะมีแรงเดินบ้าง แต่จิตใจเขาย่ำแย่ ท่านพี่คงเข้าใจ แต่ไหน แต่ไร เขาคือคนเจ้าบ้านน้อย คอยดูแลกิจการทุกอย่างช่วยท่านพี่ตลอด แล้วตอนนี้แม้ป่วยไข้ แต่ก็นับว่าเป็นลูกชายที่มีสมองดีกว่าผู้ใด” “โถ ฮูหยิน เฉิงเอ๋อร์ยังต้องนั่งรถเข็นเช่นนี้ เขาจะไปตรวจงาน หรือเข้าไปเจรจาเรื่องสำคัญกับราชสำนักได้อย่างไร เจ้าก็รู้ กองคลังเปลี่ยนใต้เท้าคนใหม่ คนผู้นั้น ใช่ว่าจะมีเมตตาต่อผู้พิการ หากส่งเฉิงเอ๋อร์ไป เกรงว่าจะได้รับเสียงหัวเราะมากกว่า” “ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นลูกชายที่ท่านพี่ไว้วางใจที่สุด”
“คุณชายสาม อย่างไรข้าขอตัว ไปดูแลอาหารสักหน่อย เย็นนี้เจ้าบ้านมู่ มีแขกด้วย ข้าจำเป็นต้องจัดเตรียมอย่างดี” “ตามสบาย แต่อย่าทำสิ่งใดให้เสียชื่อบิดา อาหารทุกอย่างนอกจากเลิศรสย่อมต้องไร้พิษ ห้ามทำเรื่องเหลวไหลให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เพราะหนนี้ อนุเฉิน คงไม่โชคดีเหมือนอย่างที่เคยทำเรื่องชั่วๆ แล้วไม่มีผู้ใดสืบหาความผิดได้” สิ่งที่มู่ข่ายเฉิงกล่าว ทำให้เฉินปี้หนาวจับขั้วหัวใจ สีหน้านางซีดเผือด มือและเท้าพลันเย็นจัด กระนั้นก็แสร้งยิ้ม และหัวเราะเสียงแปร่งๆ กลบเกลื่อนอาการครั่นคร้ามใจตน “ฮึ ดูเหมือน คนที่พิการ ลุกขึ้นถ่ายเบา ถ่ายหนักด้วยตนเองไม่ได้เยี่ยงท่าน ยังมีพิษสงมิน้อย เช่นนี้ข้าสมควรต้องระวังตัวให้มาก ถึงมากที่สุด” “กล่าวเช่นนี้นับว่าสมควร ข้าเชื่อเหลือเกินว่า บุรุษแซ่มู่ ทั้งสี่ที่ตำหนักน้ำพุซีเฉอ ย่อมไม่มีผู้ใดก้าวขึ้นมาแทนที่ข้าได้ โดยเฉพาะลูกชายของเจ้า น้องห้าเสี่ยวเถียน คนไร้เดียงสา และ...อ่อนด้วยเรื่องการมองคน!” เอ่ยจบมู่ข่ายเฉิงก็สั่งบ่าวคนสนิทเข็นรถของตนไปอีกด้าน ขณะที่ล้อรถเขาหมุนห่างออกไป เสียงหัวเราะชายหนุ่มก้องกังวาน ชวนให้เฉินปี้ร้อ
น้ำพุซีเฉอ สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างซับซ้อน ยามนี้มีเพียงเขากับนางอยู่ด้วยกันสองต่อสอง “รู้หรือไม่ข้าคือผู้ใด” มู่เซ่าหลิงถาม และสำรวจเหมียวจื่อเผยด้วยสายตาที่ไม่ต้องคาดเดา ก็รู้ว่าเขาเกิดความต้องการต่อความสาวและความงามอันเปิดเผยของนาง “อ่อ...ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นใบ้” เหมียวจื่อเผยส่ายหน้าช้าๆ ไม่เชิงปฏิเสธ แต่ไม่ยอมรับ “เอ หรือถูกคนล่อลวงมา แต่มิน่าเป็นไปได้ ท่าทางเจ้า มิใช่สตรีปัญญาทึบ ทั้งยังมีจริตเยี่ยงหญิงงามเมือง” หญิงสาวแสดงท่าถอนหายใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสดเม้มชิด กิริยากึ่งว้าวุ่นใจกึ่งตื่นกลัว ซึ่งทำให้มู่เซ่าหลิงอยากจัดการนางให้เร็วขึ้น “สตรีในตำหนักน้ำพุซีเฉอ ข้าย่อมต้องสำรวจให้ดี มิอาจให้สายลับ เข้ามาปะปน และเมื่อพวกเจ้าทำงานคุ้มค่าจ้าง ข้าจะตอบแทนน้ำใจอย่างดี เสียดายเจ้าพูดไม่ได้ แต่ข้า ก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเปลี่ยวเหงา อ่อ...ยามนี้น้องห้าถูกพี่ใหญ่กักบริเวณที่ห้องคุณธรรม เพื่อสำนึกตน” เรื่องนี้เหมียวจื่อเผยไม่ทราบ คนที่เฉลยต่อจากนั้นก็คือมู่เซ่าหลิงนั่นเอง “เด็กน้อยอย่างเขา เป็นลูกแหง่มากไปสักหน่อย เจ้าอย่าได้ห่วงเลย ยามนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมียวจื่อเผยยอมรับว่า นางอ่อนเพลียและมีไข้อ่อนๆ กระนั้นนับว่าโชคดีที่ได้กินยาและดื่มโจ๊กเพื่อคลายความหิว เมื่อนางลุกไปชำระร่างกาย สาวใช้กับบ่าวชาย ซึ่งถูกสั่งให้มารับใช้นาง ต่างแสดงท่าทีเหมือนโกรธแค้นและชิงชัง “เจ้าคือนังแพศยาดูเอาเถิดทำให้คุณชายห้าต้องถูกจำกัดบริเวณ ทั้งที่ใกล้ถึงวันคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยแล้ว” หญิงสาวฟังคำหลางฮั่นก็ตื่นเต้นไปด้วย การคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยสำคัญที่สุด ในวันนั้นเหมียวจื่อเผยจะกลายเป็นสตรีที่ชี้ชะตาชีวิตบุรุษแซ่มู่ แน่ล่ะ เหมียวจื่อเผยไม่ตอบหลางฮั่ว นางเพียงทำไม้ ทำมือสื่อสาร “นังหญิงไร้ยางอาย ยังไม่เลิกแกล้งทำเป็นใบ้อีกหรือ!?” เหมียวจื่อเผยมองหน้าหลางฮั่ว ท้าทายอีกฝ่ายด้วยสายตา จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มที่ทาชาดแดงก็ขยับไหวช้าๆ “ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นใบ้ หรือต้องพิษร้ายอันใด” สิ้นคำพูดเหมียวจื่อเผย สาวใช้ก็เหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ นางตกใจ จึงอ้าปากกว้าง ทั้งยังแสดงอาการขวัญเสีย มือหนึ่งยื่นไปคว้าร่างเจี๋ยชาง ตีแขนเขาแรงๆ เพื่อเรียกสติตนกลับคืน “นังงูพิษ มันได้ยินสิ่งที่เราพูดทุ
เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หนึ่งปีผ่านไป ในที่สุดฟ่านฉือตี้ก็ได้เป็นฮ่องเต้สมใจอยาก ทว่าสิ่งที่เขาหวาดกลัวอยู่ลึกๆ คือ เขายังไม่ได้ศีรษะขแม่ทัพหลัว ส่วนหยวนเว่ยตู้กลายเป็นเครื่องสังเวยนับแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น และมันทำให้เขาเสียใจอยู่มิน้อย ทว่าเพื่อความยิ่งใหญ่ สิ่งใดที่สละได้เขาก็ไม่รอช้า ถึงอย่างนั้นระยะเวลาที่ผ่านมา ลู่เฟยก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายกับเขา แน่นอนเด็กคนนี้คือองค์ชายผู้งดงาม ที่ภายหน้าจะก้าวขึ้นผู้ครองแคว้นต้าโจว มิต่างจากเขา ลู่เฟยก้าวมาใกล้ๆ ชายหนุ่ม และส่งจอกสุราให้อีกฝ่าย “สุรานี้รสดี ทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลายเพคะ” “อาหราน...เรามีหลายสิ่งแล้ว เพียงแต่...ภัยจากหลัวเจียงเฉินเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้” “เรื่องนี้ไม่ยาก และไม่ง่ายนัก บิดาหม่อมฉันเป็นอิสระได้เพราะฮ่องเต้ ส่วนพี่น้องคนอื่นอยู่อย่างสงบ ดังนั้นก่อนที่หม่อมฉันจะไปทำหน้าที่สำคัญของตน ย่อมช่วยให้ฝ่าบาทได้สมหวัง” “อาหรานจะตัดหัวแม่ทัพหลัวให้เราสินะ” หญิงสาวอมยิ้ม... “หากสวรรค์กำหนดให้เขาต้องสิ้นลมหายใจ หม่อมฉันย่อมทำสำเร็จแน่” “หมายควา
เสียงหวีดร้องดังไปทั้งเรือนพักของหยวนเว่ยตู้ อาการของนางย่อมไม่ธรรมดาแน่ “ตี้อ๋อง... เรียกตี้อ๋องให้ข้าที โอ้ ท่านพี่... ท่านอยู่ที่ไหน” หยวนเว่ยตู้น่าสงสารเหลือเกิน นางไม่คาดคิดว่าตนจะปวดท้องหนักเพียงนี้ อีกทั้งฟ้าฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศชวนให้ขนลุกโดยแท้ นอกจากให้ตามฟ่านฉือตี้ คนท้องแก่ยังอยากพบพี่ชายของตนด้วย เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ เนื้อตัวหยวนเว่ยตู้เริ่มมีสีเขียวคล้ำเป็นจ้ำๆ ใบหน้าก็ซีดสลด กระทั่งนางกรี๊ดร้องอย่างคนเสียสติ ทั้งหมอตำแย และแพทย์ต่างผงะตื่นตกใจ เนื่องจากมีเลือดสดๆ ไหลออกจากช่องคลอดนางเป็นจำนวนมาก เลือดดังกล่าวเป็นสีเข้มจัด และมีกลิ่นเหม็นคาวจัด ทุกคนแทบหยุดหายใจ เกิดความโกลาหล ทั้งสร้างความสะพรึงกลัวต่อทุกชีวิตในห้องนั้น “นะ นั่น... ใช่หรือไม่ หัวงู!” “โอ้ คือมันคือสัตว์อสูร เผ่ยหลงเฟย!” เสียงดังกล่าวสร้างความอกสั่นขวัญอแขวนยิ่งกว่าเดิม และอสูรตนนั้น พอออกมาจากร่างกายหยวนเว่ยตู้ได้ ก็แผดเสียงลั่น พอจะมีใครเข้าไปจัดการ มันก็แสยะปากกว้าง อวดฟันซี่แหลมคม เ
เมืองโหลว จวนรับรองขององค์ชายห้า หยวนเว่ยตู้ไม่เข้าใจว่า เหตุใดตี้อ๋องถึงได้พาสตรีนางนี้มาพบนาง พอเขาแนะนำว่า ลู่เฟยเป็นอนุคนใหม่ หญิงสาวพลันมือเท้าเย็น แต่ไหนแต่ไรตี้อ๋องไม่เคยเหลวไหล นางกับเขาแต่งงานกันได้หนึ่งปีก็จริง ทว่าก่อนหน้านั้นรู้จักกันมาเป็นระยะเวลาเกือบสิบปี ดังนั้นจึงคิดว่าตนรู้จักเขาดีพอ ทว่าเป็นวันนี้ เมื่อเห็นเขาพาสตรีอื่นมาถึงที่นี่ หัวใจนางก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี และฟ่านฉือตี้กลายเป็นคนแปลกหน้าทันที “พระชายา ที่นี่ย่อมปลอดภัยที่สุด เราฝากอาหรานไว้ด้วย” น้ำเสียงเขาราบเรียบ สีหน้าไร้ความทุกข์ร้อน บุรุษเช่นเขาไฉนถึงกลายเป็นคนเย็นชา ทั้งทำร้ายความรู้สึกนางได้ถึงเพียงนี้ “หากตี้อ๋องต้องการความปลอดภัย ไฉนถึงไม่พานางกลับเมืองหลวง อย่างไรเรือนพักเมือง ก็ใกล้เขตสงคราม” ชายหนุ่มหลับตาลงและกล่าวว่า “เราห่วงความปลอดภัยพระชายา อีกทั้งสถานการณ์เมืองหลวงใช่ว่าจะดี ที่ป้อมเมืองโหลวมีทหารมากฝีมือดี ทั้งยังมีที่หลบภัย อีกอย่างไม่ใช่สถานที่ซึ่งชาวเสอ หรือสิบสองเผ่าต้องการรุกราน เพราะเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ฟ่านฉือตี้กล่าว และเขาจับจูงมือ ตั้งใจพาลู่เฟยไป
เช้าวันใหม่ ลู่เฟยออกมานอกกระโจม ได้ทราบว่าหลัวเจียงเฉินเดินทางเข้าไปในค่ายกลแล้ว เมื่อล่วงรู้เช่นนี้ ย่อมเท่ากับว่าสิ่งที่นางวางไว้สำเร็จตามแผน คงเหลือแต่ให้ผู้ชายทั้งสองคนต่อสู้กันเอง ฝ่ายนางรอเพียงผู้ชนะ และคนๆ นั้นจะอยู่รอด ให้นางได้จมูกจูงทำในสิ่งที่ปรารถนาต่อไป ลู่เฟยเดินเตร่ไปเรื่อย ไม่เห็นทหารที่ประจำการอยู่ด้านนอกหนาตาเช่นเดิม ดูเหมือนสถานการณ์เปลี่ยนไป กระนั้นที่นี่ยังมีเชลยที่ถูกขังเอาไว้ ใจคิดอยากช่วยเหลือพวกเขา หลายคนคือเหล่าสัตว์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ ถูกนายพราน รวมถึงพวกมีอาคมจับมาให้เป็นเชลย “เจ้าหุบเขาน้อยจะให้ทหารพวกนั้นผ่านไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องร้ายแรง แม่ทัพหลัว จะทำให้ผู้คนหนีตาย อพยพมาอาศัยที่เขาหวงซาน จากนั้นพวกเราทั้งหมดจะไม่มีป่าศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอีก” “เขาขอแค่ผ่านทาง พวกเจ้าก็ได้ยินสิ่งที่แม่ทัพหลัวให้สัญญากับข้า” “โถ มีมนุษย์คนใดบ้าง ที่เราเชื่อถือคำพูดได้ โดยเฉพาะคนที่อำมหิตเช่นแม่ทัพหลัว บุรุษผู้นั้นแค่ต้องการเล่นสนุกกับท่าน แล้วหลอกเอาแผนที่ เข้าไปในค่ายกลเพื่อเขาจะได้นำทัพผ่านไปโดยสะดวก” หลายเสียงที่บอก ท
หลัวเจียงเฉินพาหญิงสาวมาในกระโจมพักผ่อนส่วนตัว เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกจากปรนเปรอในสิ่งที่นางเสนอ “อยากให้ข้าเป็นเจ้าบ่าวเยี่ยงนั้นหรือ” “ใช่ ข้าต้องการเข้าพิธีวิวาห์กับท่าน ดื่มเหล้ามงคล ผูกปมผมครองคู่” “เสี่ยวหราน ข้ามีหน้าที่มากมาย หากแค่ขึ้นเตียงด้วยกัน เรื่องนั้นย่อมพอทำให้เจ้าสมปรารถนาได้” ลู่เฟยสับสนอยู่มาก คำที่นางได้ยินฮวานหมิง หรือนางแมวเทาบอกมิใช่เช่นนี้ การวิวาห์ระหว่างชายหญิง ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าอีกฝ่ายยอมรับนางในฐานะภรรยา ถึงแม้ใจนางยามนี้ แค่อยากเล่นสนุกกับเขาก็ตามที “แล้วท่านจะยอมรับข้าเป็นภรรยาหรือไม่” ชายหนุ่มแค่ต้องการปลดปล่อย ดังนั้นเขาเลยเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ว่า “หากสตรีที่หลับนอนกับข้าทุกคน ต้องเป็นภรรยา เช่นนี้ข้าคงมีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมายไปหมด ทว่าสำหรับคนงามที่หายากยิ่ง ข้าจะยอมเรียกเจ้าว่าเมียก็แล้วกัน” คำพูดนั้นฟังแล้วหยาบคายสักหน่อย ทว่าลู่เฟยหลงใหลอีกฝ่าย เขาสง่างาม ดูองอาจ จึงช่วยไม่ได้ที่นางงูเขียวจะนิยมเขา นอกจากไอสังหารรุนแรง เขายังมีดวงจิตที่เข้มแข็ง เทียบเท่ากับเซียนผู้หนึ่งได้เลย
ลู่เฟยไม่ได้มีความตื่นตระหนกเช่นคนอื่น หลายวันที่ผ่านมานางปรับตัวได้มากแล้ว ทั้งยังรู้จักเรื่องระหว่างชายหญิง เรียกได้ว่านางสนุกทุกครั้งที่ฮวานหมิงเล่าสิ่งต่างๆ ให้ฟัง โดยเฉพาะการอุ่นเตียงกับคนรัก นี่คือสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวชายหญิงไว้ด้วยกัน นางต้องการเช่นนี้ วางแผนให้ตนถูกทหารจับตัว เพื่อจะได้ใกล้ชิดผู้นำของกองทัพใหญ่จากแคว้นต้าโจว เขาผู้นั้น นางจำได้แม่นยำว่า คือหลัวเจียงเฉิน พี่ชายของหยวนเว่ยตู้ ผู้เป็นพระชายาขององค์ชายห้า... บุรุษที่นางล่อลวงเขาก่อนหน้านั้น หญิงสาวถูกสั่งให้เดินไปเบื้องหน้า ตามทาสคนอื่นๆ หลายคนร้องไห้ บ้างหวาดกลัว ส่วนลู่เฟยหยุดร้องเพลง และนางแย้มยิ้ม มือนางทั้งสองข้างก็มัดไพล่หลังไว้ ท่าทางไม่ได้สบายนัก นอกจากนั้นทหารบางคนมองนางด้วยสายตาหยาบคาย และหื่นกระหาย ด้วยคะเนว่านางคงเป็นสตรีเริงเมือง ไม่ก็คนเสียสติ ด้วยปากถามหาเจ้าบ่าวของตน และหวังอยากปีนขึ้นเตียงอย่างเดียว ดวงตาคมกริบมองไปยังลู่เฟย สำรวจอย่างพินิจ สตรีที่งดงามทั้งสวมเสื้อผ้าบางเบา อยู่ในกลุ่มเชลยได้เยี่ยงไร “พานางมาหาข้า” เสียงแม่ทัพหนุ่มเสมือนเป็นการแหวกทางให้ร่างที่มีกลิ่น
เขาไห่ซาน เมืองคัง รอยต่อดินแดนแคว้นเสอและแคว้นต้าโจว ซึ่งมีการสู้รบกันอยู่เนืองๆ ยามนี้ โจวอ๋องประสงค์อยากได้เมืองคังกลับคืน รวมถึงพื้นที่แคว้นเสอที่ครอบครองอยู่ ดังนั้นจึงสั่งให้หลัวเจียงเฉินยกทัพมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ พร้อมกันนั้น ได้มอบหมายให้ลูกชายคนที่ห้า ตี้อ๋องหรือฟ่านฉือตี้ติดตามอีกฝ่ายมาด้วย ทั้งเพื่อศึกษาการศึก รวมถึงคอยสอดแนมสิ่งต่างๆ ให้แก่ตน ยามนี้ หลัวเจียงเฉินมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด เขาสั่งทหารในสังกัดตรวจสอบทุกอย่างดีแล้ว แต่มีรายงานว่าทางข้างหน้าเป็นพื้นที่ซึ่งมีค่ายกลที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจึงต้องเสียทหารฝีมือดีนับสองร้อยนาย และคาดคะเนว่าคนพวกนั้นกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ฝ่ายเขาอยากพิสูจน์ค่ายกลเขาหวงซานด้วยตนเอง ทว่าองค์ชายห้าที่ติดมาร่วมปราบปรามกลุ่มกบฏแคว้นเสอพยายามคัดค้าน เนื่องจากมีอันตรายเกินไป และอย่างไรแคว้นเสอกับพวกสิบสอบเผ่าวางแผนไว้เช่นนี้ เพื่อให้หลัวเจียงเฉินไม่อาจยกทัพผ่านไปง่ายๆ จึงมีทั้งค่ายกล และการเผาไฟป่าเป็นระยะๆ รวมถึงช่วงนี้มีการขาดแคลนอาหาร ด้วยถูกปล้นเสบียงมาตลอดการยกทัพมาถึงที่นี่ “เราจะเข้าไปในค่ายกลด้วยต
ดวงตาของอสรพิษมองภาพเบื้องหน้า เห็นแล้วก็หงุดหงิดใจ นับห้าร้อยปีที่อยู่เขาหวงซาน มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ม้าศึกนับพันตัวมุ่งหน้าที่นี่ ทั้งยังมีรถลาก อุปกรณ์ในการรบ รวมถึงสิ่งที่สามารถสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ ทั้งเพื่อทำลายกำแพงสูงและภูเขา เรื่องทั้งหมดแปลกใหม่ต่อลู่เฟย นั่นเป็นเพราะนางพึ่งออกมาจากผลึกมรกตได้ไม่นาน สิ่งที่เกี่ยวพันกับมนุษย์นางยังไม่แตกฉาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้สึกพัก ลู่เฟยพลิกตัวบิดความเมื่อยล้า ก่อนเปลี่ยนร่างตนอย่างที่มนุษย์ชอบมอง คือสาวงามสวมอาภรณ์เบาบางสีเขียวดำ ครั้งหนึ่งผู้เป็นเจ้าชื่อ ผิงจื่อหราน เจ้าสาวที่ฝ่ายเจ้าบ่าวตระกูลแซ่เจี่ยงซื้อตัวมา และส่งนางเพื่อให้เป็นเครื่องสังเวยปีศาจ หวังต่ออายุคนในตระกูลเจี่ยง ความคิดดังกล่าวชั่วช้า ช่างน่าชิงชัง ทว่าสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจ นับว่าดียิ่ง ด้วยวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งที่ตามหา และดูเหมือนว่านางจะได้ครอบครองมันมิน้อยแล้ว เมื่อมองกองกำลังเบื้องล่าง นางย้อนคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อน พรานป่าผู้หนึ่งชมว่านางงดงามราวกับเทพเซียน ทั้งยังอยากพานางกลับบ้านด้วยกัน ทว่าคุยกันได
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ขบวนเล็กๆ หยุดอยู่หน้าซุ้มประตูเมืองโหลวที่เก่าทั้งทรุดโทรม ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ฝ่ายหวังตู้ ซึ่งทำหน้าที่แม่สื่อ นางกำลังกลัวหลายสิ่ง ยามนี้หมดเวลาจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เมื่อผ่านประตูโค้งไปนับว่าสิ้นสุดเขตอาคมที่เหล่านักพรตลงเอาไว้ จากนั้นเข้าสู่พื้นที่ของเขาหวงซาน ซึ่งแม้แต่เด็กยังรู้ว่าเป็นดินแดนของปีศาจ และยามนี้มีเจ้าหุบเขาน้อย ซึ่งเป็นเผ่าหลงเฟยดูแลอยู่ ฝ่ายนั้นมากด้วยฤทธิ์เดช ซึ่งกำลังรวบรวบวิญญาณให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ครอบครองทะเลหงเซ่อ รวมถึงปลดปล่อยอดีตเจ้าหุบเขา หรือเจี้ยนชุนเฟยที่ถูกกักขังไว้ให้เป็นอิสระ ด้วยถูกเหล่าเทพเซียนผนึกร่างเอาไว้ แม่สื่อนิ่งงันไปพักหนึ่ง พลางคิดในใจ นางไม่คิดอยากทำสิ่งเป็นบาปกรรมเช่นนี้ แต่คนจนมีชีวิตถูกแสนถูก การแต่งงานเพื่อช่วยต่อเติมอายุสกุลเจ้าบ่าวมีมาช้านาน ก่อนหน้านั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน นางมีชะตากรรมไม่ต่างกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นกับสตรีแซ่ผิง ผู้น่าสงสารด้วยความกตัญญูของนางกลับไร้ค่า ฝ่ายคนงานติดตามขบวน รวมถึงผู้บังคับรถม้า จู่ๆ ต่างหวีดร้องอย่างคนเสียสติ ส่วนผู