จนเสียขวัญ นางพอจะล่วงรู้ว่าการนั่งเกี้ยวเข้าคฤหาสน์สกุลใหญ่ซึ่งทำการค้าทั้งแคว้นและต่างแดน นับว่าเป็นความโชคดียิ่ง และนางกำลังจะเป็นอนุคนใหม่ของเจ้าบ้านวัยสี่สิบเศษ อีกฝ่ายคือ มู่ป๋อจาง บุรุษที่ขุนนางในราชสำนักยังต้องเกรงใจ
และทั้งนี้ หญิงสาวไม่ได้อ่อนหัดเรื่องการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของสตรีและบุรุษ นับแต่มาอยู่ในร่างนี้ เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเต็มที่นางถูกอบรมอย่างหนัก ทั้งเตรียมพร้อมเพื่อทำให้ร่างกายงดงามแสนอรชรเป็นที่ต้องตาต้องใจบุรุษเพศ หรือแม้แต่สตรีด้วยกัน เพื่อซื้อไปเป็นอนุในเรือน ส่วนมากก็เพื่อประดับบารมี ให้พวกนาง ร้องรำเพลง ต้อนรับแขกคนสำคัญ หรือไม่ก็มีไว้สำหรับระบายความใคร่ บางครอบครัวยังแบ่งบันอนุตนกับคนในเรือน ระหว่างพี่น้อง หรือ แม้กระทั่งบิดากับบุตรชาย เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นอนุ อย่างไรก็เป็นสตรีที่มีเกียรติมากกว่าสาวใช้ห้องข้างเพียงเล็กน้อย ถึงอย่างนั้น หากเปรียบกับนางโลม สตรีเหล่านี้ย่อมสามารถลืมตาอ้าปากได้ ทั้งยังมีสาวใช้ไว้คอยปรนนิบัติ ได้รับเงินเดือน มีเรือนของตน หรือบางคนวาสนาดีสักหน่อย เมื่อใดมอบทายาทชายให้แก่สามี พวกนางย่อมมีชะตาชีวิตที่ดีราวกับหงส์ติดปีก
เมื่อนั่งเกี้ยวเจ้าสาวมาได้สักระยะหนึ่ง เหมียวจื่อเผยก็ถูกขู่แกมบังคับให้ไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ แน่นอน เรื่องนี้มีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล
“แม่บ้านเกิดสิ่งใดติดขัดเยี่ยงนั้นหรือ” เหมียวจื่อเผยถามสตรีวัยกลางคน
แม่บ้านถอนหายใจออกมาหลายเฮือกใหญ่ เงินนางก็รับมาแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ ผู้อยู่เบื้องหลัง กำชับนางว่า ห้ามเปิดปากบอกสิ่งใดเด็ดขาด
“ข้าไม่ทราบ รู้แต่ว่า เมื่อนั่งเกี้ยวออกจากตรอกสำนักโคมเขียว ก็ให้เจ้าขึ้นรถม้า และจะมีคนพาไปยังสถานที่หนึ่ง”
“ตะแต่ ข้าสมควรได้เข้าคฤหาสน์สกุลมู่!”
“ฮึ... ฝันสูงส่งเกินไปหรือเปล่า หากนางโลมเช่นเจ้าสามารถลืมตาอ้าปากในคฤหาสน์สกุลมู่ได้ เยี่ยงนั้นสาวใช้เฝ้าห้องเก็บฝืน และหญิงตักมูลเจ้านาย คงเป็นฮูหยินได้สินะ”
และเหมียวจื่อเผยไม่ได้คิดต่อความยาวสาวความยืดกับอีกฝ่าย นางได้แต่เงียบ คิดถึงสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ และแน่นอนนางต้องหลักแหลม หาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ มิเช่นนั้น คนที่ทำเรื่องชั่วช้าต่อนางคงสาสมใจ กับสิ่งที่ตนต้องการให้นางเป็นหมากตัวเล็กๆ ที่ถูกทิ้งไปอย่างไร้ความหมาย
ซึ่งฝ่ายเถ้าแก้เนี้ยที่ดูแลนางก่อนหน้านั้น เล่าสิ่งต่างๆ ให้ฟังมากมาย บอกวิธีการรับมือพวกจิตใจอำมหิต กระทั่งโชคชะตาลิขิตให้นางมีเส้นทางของตน ซึ่งยามนี้ย่อมต้องเล่นบทปัญญาทึบ แสร้งบีบน้ำตาและทำให้ตนดูน่าสงสารสักหน่อย เพื่อให้พวกตัวร้ายตายใจ ก่อนที่นางจะถูกส่งตัวไปยังตำหนักน้ำพุซีเฉอ เพื่อที่ในภายภาคหน้า นางจะเป็นอนุสามในโลกนิยายนี้ โดยที่ไม่ได้ตายโหงตั้งแต่ต้นเรื่อง เหมือนนิยายเรื่องเก่าซึ่งถูกเขียนไว้
ย้อนเวลากลับไปราวๆ สามเดือนก่อน!
โลกปัจจุบัน
เหมียวจื่อเผย คือนักเขียนสาววัยเฉียดสามสิบ และถือเป็นช่วงขาลงของอาชีพ เพราะถูกเพื่อนรักกับสามีอีกฝ่ายที่เป็นบรรณาธิการต้นฉบับให้เธอลอกพลอตอย่างหน้าด้านๆ และงานของคนพวกนั้นกลับดังกว่า อีกทั้งมีชื่อเสียงในโลกออนไลน์ มีเพื่อนในวงการเป็นขโยง ฝ่ายเธอที่เป็นมือใหม่ และแทบไม่ได้รู้จักพวกหน้าเนื้อใจเสือมาก่อน จึงถูกเอาเปรียบสารพัด สุดท้ายกลายเป็นคนผิด เมื่อผลงานหญิงสาวออกนำเสนอ ทั้งรูปแบบการขายแบบรายตอน และงานอีบุ๊ค ก็โดนจับผิด กล่าวหาว่าเธอ ยำนิยายเพื่อนและบรรณาธิการอย่างไม่มีหัวคิด
เพื่อความอยู่รอด เหมียวจื่อเผยจึงต้องการหาผลงานที่แตกต่าง หญิงสาวเลือกเขียนแนวอีโรติก เน้นฉากหวือหวาเร่าร้อน พร้อมขยี้เรื่องการมีความสัมพันธ์อันหมิ่นเหม่ และรักต้องห้าม แม้จะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ หากสุดท้ายเธอพบความจริงว่า โลกในตัวหนังสือเมื่อต้องทำงานคนเดียว มันมีความเปลี่ยวเหงา ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซ้ำร้ายแฟนหนุ่มที่คบหากัน พยายามหาเรื่องทะเลาะ ทั้งบอกว่าเธอไม่ค่อยมีเวลาให้เขา เอาแต่หมกหมุ่นเรื่องใต้สะดือเกินไป
กระนั้นเหมียวจื่อเผยดึงดันจะแต่งงานกับอีกฝ่ายให้ได้ เนื่องจากทั้งคู่วางแผนนี้ไว้นานแล้ว แต่เรื่องย่ำแย่หนัก เมื่อแฟนหนุ่มหายตัวไปเสื้อดื้อๆ ในวันแต่งงาน สาเหตุเพราะญาติเธอจับได้ว่า อีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพี่สะใภ้ของเหมียวจื่อเผย
แน่นอนหญิงสาวสติแตก ไม่อาจทนรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้อีก ซ้ำร้ายยังถูกสายตาผู้อื่นดูถูกเหยียดหยามว่า เป็นเพราะเหมียวจื่อเผย ไร้เสน่ห์ ทั้งกดขี่ข่มเหงน้ำใจเจ้าบ่าวตนเสมอ ด้วยอีกฝ่ายมีฐานะต้อยต่ำกว่า นอกจากนั้น ยังเป็นเธอที่ตีแต่ชีวิตบัดซบของเขา มาขายเป็นนิยายจนทำให้กลับมามีชื่อเสียงอีกครั้ง
ในวันที่เหมียวจื่อเผยพอจะรวบรวมแรงกายได้ เพื่อสะสางเรื่องราวอันบัดซบ เธอตั้งใจเคลียร์ของแฟนหนุ่มออกจากคอนโด จู่ๆ ฝ่ายชายกลับมาพร้อมพี่สะใภ้ คนทั้งคู่หน้าด้านถึงขั้นกล้าขอเงินจากเธอ และต้องการแบ่งทรัพย์สินต่างๆ ไป โดยอ้างว่าเขาสมควรที่จะได้มัน จึงทำให้เกิดการทะเลาะรุนแรง สุดท้าย เหมียวจื่อเผยถูกเจ้าบ่าว และพี่สะใภ้ พลั้งมือทำร้ายหนัก และเธอพลัดตกคอนโดสูง!
แน่นอน เหมียวจื่อเผยไม่ได้อยากตาย เธอยังอยากใช้ชีวิตต่อ ต้องการพบรักแท้สักครั้งในชีวิต ปรารถนาความซาบซ่านสยิวใจกับบุรุษด้วยตัณหา เสพรักกันด้วยราคะอย่างเช่นนิยายที่เขียนเอาไว้ ทว่าคนชั่วทั้งสองกลับเป็นต้นเหตุให้เหมียวจื่อเผยต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควร
ในห้วงสุดท้ายก่อนวิญญาณออกจากร่าง เหมียวจื่อเผย อธิษฐานว่า หากชาติหน้ามีจริงขอให้ได้พบกับบุรุษที่เพียบพร้อมด้านฐานะ หน้าตาหล่อเหลา มีความรอบรู้ ชาญฉลาด เปี่ยมด้วยอำนาจบารมี ร่ำรวย แข็งแรง เป็นผู้อ่อนเยาว์ ที่สำคัญต้องรักเธออย่างสุดหัวใจ!
กระทั่งลืมตาขึ้นอีกครั้ง เหมียวจื่อเผยต้องหัวเราะทั้งน้ำตา
หญิงสาวมาอยู่ในโลกคล้ายจีนโบราณ เป็นวิญญาณสิงร่างสตรีโฉมงามที่มีชื่อแซ่เดียวกัน เพียงแต่อยู่ที่โลกคู่ขนาน ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันนับพันปี!
ภาพต่างๆ ย้ำย้อนไปมา และเสียงแม่เล้าก็กล่าวเตือนสติ
“อาเผย เป็นอนุผู้อื่น อย่างไรก็คงดีกว่าเป็นนางโลมในหอคณิกาข้า”
หญิงสาวมองไปยังแม่เล้าที่ดูแลนางมาหลายปี นับแต่ถูกพ่อค้าทาสชิงตัวมาจากโจรป่า และเอ่ยว่า “อย่างน้อย ทำงานกับท่าน ข้าก็มีข้าวกินสามมื้อ ได้แต่งตัวงดงาม และมีเงินมีทองใช้สอยไม่ขาดมือ”
“โถ เด็กโง่ เป็นอนุสกุลมู่แล้ว ประสงค์สิ่งใด ย่อมต้องไขว่คว้ามาให้ได้ ขอเพียงหัดใช้ความงาม กับเรือนร่างให้เป็น บุรุษแซ่มู่ล้วนมีดีทุกคน ขอเพียงเจ้ากุมหัวใจพวกเขาให้ได้ อีกอย่าง คณิกาที่ก้าวออกจากสำนักของข้าไป หากไม่ร่ำรวยจงอย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก มันคือกฏของที่นี่”
แม่เล้าเอ่ยจบก็มอบของหลายสิ่งให้เหมียวจื่อเผย ทั้งยาลูกกลอนสลายการตั้งครรภ์ ยาหอม ยาคลายเครียด ยาสกัดพิษ ขี้ผึ้งเนื้อดี รวมถึงเข็มเงินสำหรับเงินฝังจุดรักษาสารพัดโรค รวมถึงบันทึกลับสนมหลันเอ๋อร์คนดัง ที่ทำให้ฮ่องเต้โปรดปราณยามร่วมรับนอนกับนาง
และหลังจากขึ้นมาอยู่บนรถม้าได้สักพัก เหมียวจื่อเผยล่วงรู้ว่าจุดหมายข้างหน้ามิใช่กำแพงสูงของคฤหาสน์สกุลมู่ นางถูกพาออกนอกเมืองใหญ่ด้วยความรวดเร็ว
เหมียวจื่อเผยกำลังจะขยับปากถามแม่บ้านและสาวใช้อีกคนที่ถูกซื้อตัวมาเพื่อให้ดูแลนาง ทว่ายามนั้นนางรู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนัก ก่อนที่ร่างจะโงนเงน และค่อยๆ สิ้นสติไป
อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ เหมียวจื่อเผยไม่ได้ตื่นตระหนก นางพอรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น ตอนนี้ที่ทำได้คือ เล่นไปตามบทบาทตัวละคร เพียงแต่นางจะต้องเล่นได้ดี มีชีวิตแสนสุขห้อมล้อมด้วยเหล่าบุรุษ ทั้งอายุอยู่ยืนยาวกว่าในโลกที่จากมา และบทบาทนางที่ได้รับคือ เป็นสตรีที่จุดไฟราคะบุรุษทุกคนที่โผล่มาในนิยายเรื่องนี้ให้ลุกโชน
ซึ่งสาเหตุที่เกิดเรื่องร้ายๆ กับเหมียวจื่อเผยคือ อนุรอง เฉินปี้ ตั้งใจส่งเหมียวจื่อเผยไปยังรังโจร หวังให้พวกป่าเถื่อนทำลายโฉมนาง และย่ำยีศักดิ์ศรี ทว่าชะตาชีวิตนางกลับพลิกผลัน เมื่อมีคนผู้หนึ่งแอบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนที่นางจะขอร้องเขาให้พาไปที่น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เพื่อชำระสิ่งชั่วร้ายให้หมดไป โดยที่บ่อน้ำพุเดียวกันนี้ คือสถานที่ซึ่งบุรุษสกุลมู่จะมาชำระร่างกาย ก่อนลงเขาไปทำพิธีสำคัญ คือการคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยคนใหม่ หรือผู้สืบทอดกิจการสกุลมู่ แทนคุณชายสามที่เคราะห์ร้ายพลัดตกหลังม้า และพิการจนต้องนั่งรถเข็น
ในขณะที่เหมียวจื่อเผยคล้ายจะได้สติคืนมาทีละนิดหลังจากรถม้าเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน นางมีอาการร้อนวูบวาบในจุดที่ไวต่อสัมผัส กระทั่งต้องปล่อยเสียงครางของตน ระบายความซ่านสยิว “อื้อ... อ๊ะ... อ๋า!” ยามนั้น เหมียวจื่อเผยไม่อาจกลั้นความเสียวที่เกิดขึ้นได้ นางร้อนอบอ้าว ปรารถนาให้ความหวานฉ่ำในจุดสวยงามของสตรีได้พาตนไปสู่สวรรค์แสนสุขที่ร้อนแรงด้วยราคะ แต่เดิมนางในโลกก่อนคบหาบุรุษหลายคน ใช้ชีวิตรักสนุกอยู่สักหน่อย แต่ไม่เคยพบความรักที่แท้จริงสักครั้ง เรียกได้ว่าความสวยของเหมียวจื่อเผยเป็นกรรมในรูปแบบหนึ่ง กระทั่งสุดท้ายก็ต้องตายเพราะน้ำมือคนที่เคยไว้ใจ ยามนี้ ริมฝีปากหนาและอุ่นซ่าน ดูดแล้วเม้มที่หลังเท้านางอีกครั้ง ก่อนเริ่มเคลื่อนช้าๆ มายังหน้าขา ส่วนมือสากหยาบกร้านแตะเนินเนื้อสาวอย่างย่ามใจ แตะวนๆ และลากผ่านอย่างเย้ายั่ว พอเนื้อนางเต้นระริกท้าทายมือใหญ่และหยาบกร้าน นิ้วของเขาก็แทรกกลีบอวบอูมเพื่อสำรวจความบริสุทธิ์ ซึ่งมันคับแน่น ทั้งยังตอดนิ้วเขาราวกับปลาที่ฮุบเหยื่อ เมื่อรู้ว่านางยังรักษาพรหมจรรย์ตนไว้ได้ ไฟสิเน่หาก็พุ่งสูง เขาถอนนิ้วออก แล้วแห
เหมียวจื่อเผยลืมตาขึ้นอีกครั้ง แน่นอน สถานที่แห่งนี้มิใช่คฤหาสน์หลังงาม หากเป็นรถม้าที่มุ่งหน้าขึ้นเขาที่มีไว้สำหรับการพักผ่อนของเหล่าคุณชายในสกุลโม่ นางมาอยู่ที่นี่ ตามความต้องการของตน หลังจากทั้งขู่ และขอร้องให้ม่อเส้าเฟิง ช่วยเหลือนาง “คุณหนูเหตุใดถึงไม่ให้ข้า ไปส่งท่านที่คฤหาสน์สกุลโม่” ม่อเส้าเฟิงเอ่ยถาม หลังจากช่วยเช็ดเนื้อตัวหญิงสาว พร้อมสวมเสื้อผ้า และเขียนคิ้วโก่งให้นางงดงามยิ่งขึ้น “เกี้ยวของข้าไม่ได้ถูกพาเข้าไปในคฤหาสน์ ตามฤกษ์ที่วางไว้ เจ้ายังคิดว่า หากข้าเดินไปหน้าประตูใหญ่สกุลมู่ และแจ้งพวกเขาว่า ข้าคืออนุสาม คนเฝ้าด้านหน้า หรือแม้แต่คนงานคอยบอกเวลา จะไม่เอาไม้ไล่ตีข้าเหมือนหมูหมาหรอกหรือ ในเมื่อคนที่วางแผนให้ข้าต้องพบเรื่องร้ายแรง คือ อนุเฉิน หากนางรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องหาวิธีปิดปากข้าเป็นแน่” “แล้วคุณหนูต้องการเช่นไร” “อีกไม่กี่วัน คุณชายทั้งสี่ ต้องเข้าคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยคนใหม่ และข้าอยากพบพวกเขาสักเล็กน้อย ก่อนกลับคฤหาสน์หลังงามอย่างสมเกียรติ” เหมียวจื่อเผยกล่าวเช่นนั้น ด้วยนางรู้เรื่องราวในภายภาคหน้า ว่าจะมี
“เห็นที สิ่งที่จะทำให้เจ้าหายจากอาการน่าสงสารก็คือต้องขับความร้อนจากร่างกาย และดื่มด่ำกับความสุขให้มากที่สุด” มู่อี้เถียนว่าจบจึงมองเหมียวจื่อเผยด้วยความสิเน่หา เขาเป็นหนุ่มน้อยก็จริง และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีสาวใช้ห้องข้างหลายคน แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยังไม่เกิดขึ้นสักครา นั่นเป็นเพราะเขายังไม่ถูกตาต้องใจใคร ทว่าผิดกับเมื่อเห็นเหมียวจื่อเผย นางมีเสน่ห์ลึกลับ ชวนให้เขาอยากสัมผัส และเป็นเจ้าของ “แต่เจ้าอย่าเพิ่งหวังสูง ข้าจะให้ผู้ใด เห็นขาอ่อนได้ง่ายๆ จนกว่า ข้าจะมั่นใจว่า เจ้าคู่ควรพอ ที่จะปล่อยความอุ่นซ่านเข้าสู่กลีบชื้นแฉะ” เด็กหนุ่มกล่าวอย่างถือตัว จากนั้นจึงเป่าปาก เรียกสาวใช้ และบ่าวชายคนสนิทของตน ที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ในบริเวณนั้น เมื่อคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้องดังกล่าว ทำให้เหมียวจื่อเผย รู้สึกตื่นเต้น ทั้งคู่ ดูเหมือนเพิ่งพ้นวัยเด็กมาไม่กี่ปี และตื่นกลัวมิน้อย ซึ่งความเยาว์นี้ มันช่างหอมหวานเหลือเกินสำหรับหญิงสาว “พิษราคะที่อยู่ในร่างกายเจ้า ย่อมต้องรีบขจัดออกให้หมด หาไม่แล้ว อาจมีอันตราย จนทำให้สิ้นลมหายใจ” ได้ยินเช่นนั้
มู่ป๋อจางมองฮูหยินตน ฝ่ายนั้นแม้อายุเข้าวัยเลขสี่ตอนต้น แต่นางยังเป็นสตรีที่ดูแลเรือนร่างอย่างดีเสมอมา ผิดแต่เขากับนางไม่มีทายาทด้วยกัน เว้นเสียแต่ลูกชายของน้องสาวที่ทั้งคู่รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม นอกจากนั้น นางยังไม่พิสมัยการร่วมเตียงกับบุรุษ การที่เขากับนางเป็นคู่ชีวิตกัน ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เป็นหลัก “ฮูหยิน ช่วงนี้เฉิงเอ๋อร์... อาการเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อต้นเดือน ตอนที่ข้ากลับมาจากเมืองไห่ ได้ยินว่าเขากำลังหัดเดิน” หมี่อิงถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกใหญ่ “เฉิงเอ๋อร์ พอจะมีแรงเดินบ้าง แต่จิตใจเขาย่ำแย่ ท่านพี่คงเข้าใจ แต่ไหน แต่ไร เขาคือคนเจ้าบ้านน้อย คอยดูแลกิจการทุกอย่างช่วยท่านพี่ตลอด แล้วตอนนี้แม้ป่วยไข้ แต่ก็นับว่าเป็นลูกชายที่มีสมองดีกว่าผู้ใด” “โถ ฮูหยิน เฉิงเอ๋อร์ยังต้องนั่งรถเข็นเช่นนี้ เขาจะไปตรวจงาน หรือเข้าไปเจรจาเรื่องสำคัญกับราชสำนักได้อย่างไร เจ้าก็รู้ กองคลังเปลี่ยนใต้เท้าคนใหม่ คนผู้นั้น ใช่ว่าจะมีเมตตาต่อผู้พิการ หากส่งเฉิงเอ๋อร์ไป เกรงว่าจะได้รับเสียงหัวเราะมากกว่า” “ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นลูกชายที่ท่านพี่ไว้วางใจที่สุด”
“คุณชายสาม อย่างไรข้าขอตัว ไปดูแลอาหารสักหน่อย เย็นนี้เจ้าบ้านมู่ มีแขกด้วย ข้าจำเป็นต้องจัดเตรียมอย่างดี” “ตามสบาย แต่อย่าทำสิ่งใดให้เสียชื่อบิดา อาหารทุกอย่างนอกจากเลิศรสย่อมต้องไร้พิษ ห้ามทำเรื่องเหลวไหลให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน เพราะหนนี้ อนุเฉิน คงไม่โชคดีเหมือนอย่างที่เคยทำเรื่องชั่วๆ แล้วไม่มีผู้ใดสืบหาความผิดได้” สิ่งที่มู่ข่ายเฉิงกล่าว ทำให้เฉินปี้หนาวจับขั้วหัวใจ สีหน้านางซีดเผือด มือและเท้าพลันเย็นจัด กระนั้นก็แสร้งยิ้ม และหัวเราะเสียงแปร่งๆ กลบเกลื่อนอาการครั่นคร้ามใจตน “ฮึ ดูเหมือน คนที่พิการ ลุกขึ้นถ่ายเบา ถ่ายหนักด้วยตนเองไม่ได้เยี่ยงท่าน ยังมีพิษสงมิน้อย เช่นนี้ข้าสมควรต้องระวังตัวให้มาก ถึงมากที่สุด” “กล่าวเช่นนี้นับว่าสมควร ข้าเชื่อเหลือเกินว่า บุรุษแซ่มู่ ทั้งสี่ที่ตำหนักน้ำพุซีเฉอ ย่อมไม่มีผู้ใดก้าวขึ้นมาแทนที่ข้าได้ โดยเฉพาะลูกชายของเจ้า น้องห้าเสี่ยวเถียน คนไร้เดียงสา และ...อ่อนด้วยเรื่องการมองคน!” เอ่ยจบมู่ข่ายเฉิงก็สั่งบ่าวคนสนิทเข็นรถของตนไปอีกด้าน ขณะที่ล้อรถเขาหมุนห่างออกไป เสียงหัวเราะชายหนุ่มก้องกังวาน ชวนให้เฉินปี้ร้อ
น้ำพุซีเฉอ สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างซับซ้อน ยามนี้มีเพียงเขากับนางอยู่ด้วยกันสองต่อสอง “รู้หรือไม่ข้าคือผู้ใด” มู่เซ่าหลิงถาม และสำรวจเหมียวจื่อเผยด้วยสายตาที่ไม่ต้องคาดเดา ก็รู้ว่าเขาเกิดความต้องการต่อความสาวและความงามอันเปิดเผยของนาง “อ่อ...ข้าลืมไปว่าเจ้าเป็นใบ้” เหมียวจื่อเผยส่ายหน้าช้าๆ ไม่เชิงปฏิเสธ แต่ไม่ยอมรับ “เอ หรือถูกคนล่อลวงมา แต่มิน่าเป็นไปได้ ท่าทางเจ้า มิใช่สตรีปัญญาทึบ ทั้งยังมีจริตเยี่ยงหญิงงามเมือง” หญิงสาวแสดงท่าถอนหายใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสีสดเม้มชิด กิริยากึ่งว้าวุ่นใจกึ่งตื่นกลัว ซึ่งทำให้มู่เซ่าหลิงอยากจัดการนางให้เร็วขึ้น “สตรีในตำหนักน้ำพุซีเฉอ ข้าย่อมต้องสำรวจให้ดี มิอาจให้สายลับ เข้ามาปะปน และเมื่อพวกเจ้าทำงานคุ้มค่าจ้าง ข้าจะตอบแทนน้ำใจอย่างดี เสียดายเจ้าพูดไม่ได้ แต่ข้า ก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเปลี่ยวเหงา อ่อ...ยามนี้น้องห้าถูกพี่ใหญ่กักบริเวณที่ห้องคุณธรรม เพื่อสำนึกตน” เรื่องนี้เหมียวจื่อเผยไม่ทราบ คนที่เฉลยต่อจากนั้นก็คือมู่เซ่าหลิงนั่นเอง “เด็กน้อยอย่างเขา เป็นลูกแหง่มากไปสักหน่อย เจ้าอย่าได้ห่วงเลย ยามนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น เหมียวจื่อเผยยอมรับว่า นางอ่อนเพลียและมีไข้อ่อนๆ กระนั้นนับว่าโชคดีที่ได้กินยาและดื่มโจ๊กเพื่อคลายความหิว เมื่อนางลุกไปชำระร่างกาย สาวใช้กับบ่าวชาย ซึ่งถูกสั่งให้มารับใช้นาง ต่างแสดงท่าทีเหมือนโกรธแค้นและชิงชัง “เจ้าคือนังแพศยาดูเอาเถิดทำให้คุณชายห้าต้องถูกจำกัดบริเวณ ทั้งที่ใกล้ถึงวันคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยแล้ว” หญิงสาวฟังคำหลางฮั่นก็ตื่นเต้นไปด้วย การคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยสำคัญที่สุด ในวันนั้นเหมียวจื่อเผยจะกลายเป็นสตรีที่ชี้ชะตาชีวิตบุรุษแซ่มู่ แน่ล่ะ เหมียวจื่อเผยไม่ตอบหลางฮั่ว นางเพียงทำไม้ ทำมือสื่อสาร “นังหญิงไร้ยางอาย ยังไม่เลิกแกล้งทำเป็นใบ้อีกหรือ!?” เหมียวจื่อเผยมองหน้าหลางฮั่ว ท้าทายอีกฝ่ายด้วยสายตา จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มที่ทาชาดแดงก็ขยับไหวช้าๆ “ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นใบ้ หรือต้องพิษร้ายอันใด” สิ้นคำพูดเหมียวจื่อเผย สาวใช้ก็เหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ นางตกใจ จึงอ้าปากกว้าง ทั้งยังแสดงอาการขวัญเสีย มือหนึ่งยื่นไปคว้าร่างเจี๋ยชาง ตีแขนเขาแรงๆ เพื่อเรียกสติตนกลับคืน “นังงูพิษ มันได้ยินสิ่งที่เราพูดทุ
ก่อนวันชำระล้างกายที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ “ทำตามที่ข้าบอก ครั้งนี้ข้าคือผู้ชนะ ถ้าหากเจ้า สามารถทำให้พี่ใหญ่พึงใจ ก็จะเป็นอิสระออกจากเรือนหลังนี้ได้ พร้อมเงินสองพันตำลึงเงินจากข้าและน้องสี่” เหมียวจื่อเผยชอบมู่เซ่าหลิง เขาเป็นบุรุษหล่อร้าย และมีความชั่วช้าในสันดาน “คุณชายรองกำลังต้องการให้ข้ายั่วยวนคุณชายใหญ่” “มิใช่ยั่วยวน สิ่งที่ข้าสั่งคือ พี่ใหญ่ต้องสมสู่กับเจ้าให้เราดูเป็นขวัญตา” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ บนดวงหน้างดงาม “ท่านทั้งสองช่างเป็นคนที่รักสนุกโดยแท้ อยากเห็นข้าร่วมรักกับคุณชายใหญ่จนเนื้อเต้นเช่นนั้นหรือ” “ฮ่าๆ ๆ ข้าขอเตือนก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ที่เจ้าจะทำให้ มู่เหรินฮั่น ผู้เย็นชา ไร้ความรู้สึก สาดความขาวข้นใส่เรือนร่างของเจ้า” ได้ยินแบบนั้น เหมียวจื่อเผยพลันเนื้อเต้น นางรักความสนุกและอยากเอาชนะ ยิ่งเขาเป็นบุรุษที่ไม่อยากให้สตรีเข้าใกล้ ทั้งหวงเนื้อหวงตัว และชอบมีความสัมพันธ์แปลกประหลาด นางก็อยากเริ่มงานในตอนนี้เลย จากนั้นเหมียวจื่อเผยต้องประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าการเสพสุขกับมู่เหรินฮั่น นางต้องแต่งก
เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หนึ่งปีผ่านไป ในที่สุดฟ่านฉือตี้ก็ได้เป็นฮ่องเต้สมใจอยาก ทว่าสิ่งที่เขาหวาดกลัวอยู่ลึกๆ คือ เขายังไม่ได้ศีรษะขแม่ทัพหลัว ส่วนหยวนเว่ยตู้กลายเป็นเครื่องสังเวยนับแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น และมันทำให้เขาเสียใจอยู่มิน้อย ทว่าเพื่อความยิ่งใหญ่ สิ่งใดที่สละได้เขาก็ไม่รอช้า ถึงอย่างนั้นระยะเวลาที่ผ่านมา ลู่เฟยก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายกับเขา แน่นอนเด็กคนนี้คือองค์ชายผู้งดงาม ที่ภายหน้าจะก้าวขึ้นผู้ครองแคว้นต้าโจว มิต่างจากเขา ลู่เฟยก้าวมาใกล้ๆ ชายหนุ่ม และส่งจอกสุราให้อีกฝ่าย “สุรานี้รสดี ทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลายเพคะ” “อาหราน...เรามีหลายสิ่งแล้ว เพียงแต่...ภัยจากหลัวเจียงเฉินเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้” “เรื่องนี้ไม่ยาก และไม่ง่ายนัก บิดาหม่อมฉันเป็นอิสระได้เพราะฮ่องเต้ ส่วนพี่น้องคนอื่นอยู่อย่างสงบ ดังนั้นก่อนที่หม่อมฉันจะไปทำหน้าที่สำคัญของตน ย่อมช่วยให้ฝ่าบาทได้สมหวัง” “อาหรานจะตัดหัวแม่ทัพหลัวให้เราสินะ” หญิงสาวอมยิ้ม... “หากสวรรค์กำหนดให้เขาต้องสิ้นลมหายใจ หม่อมฉันย่อมทำสำเร็จแน่” “หมายควา
เสียงหวีดร้องดังไปทั้งเรือนพักของหยวนเว่ยตู้ อาการของนางย่อมไม่ธรรมดาแน่ “ตี้อ๋อง... เรียกตี้อ๋องให้ข้าที โอ้ ท่านพี่... ท่านอยู่ที่ไหน” หยวนเว่ยตู้น่าสงสารเหลือเกิน นางไม่คาดคิดว่าตนจะปวดท้องหนักเพียงนี้ อีกทั้งฟ้าฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศชวนให้ขนลุกโดยแท้ นอกจากให้ตามฟ่านฉือตี้ คนท้องแก่ยังอยากพบพี่ชายของตนด้วย เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ เนื้อตัวหยวนเว่ยตู้เริ่มมีสีเขียวคล้ำเป็นจ้ำๆ ใบหน้าก็ซีดสลด กระทั่งนางกรี๊ดร้องอย่างคนเสียสติ ทั้งหมอตำแย และแพทย์ต่างผงะตื่นตกใจ เนื่องจากมีเลือดสดๆ ไหลออกจากช่องคลอดนางเป็นจำนวนมาก เลือดดังกล่าวเป็นสีเข้มจัด และมีกลิ่นเหม็นคาวจัด ทุกคนแทบหยุดหายใจ เกิดความโกลาหล ทั้งสร้างความสะพรึงกลัวต่อทุกชีวิตในห้องนั้น “นะ นั่น... ใช่หรือไม่ หัวงู!” “โอ้ คือมันคือสัตว์อสูร เผ่ยหลงเฟย!” เสียงดังกล่าวสร้างความอกสั่นขวัญอแขวนยิ่งกว่าเดิม และอสูรตนนั้น พอออกมาจากร่างกายหยวนเว่ยตู้ได้ ก็แผดเสียงลั่น พอจะมีใครเข้าไปจัดการ มันก็แสยะปากกว้าง อวดฟันซี่แหลมคม เ
เมืองโหลว จวนรับรองขององค์ชายห้า หยวนเว่ยตู้ไม่เข้าใจว่า เหตุใดตี้อ๋องถึงได้พาสตรีนางนี้มาพบนาง พอเขาแนะนำว่า ลู่เฟยเป็นอนุคนใหม่ หญิงสาวพลันมือเท้าเย็น แต่ไหนแต่ไรตี้อ๋องไม่เคยเหลวไหล นางกับเขาแต่งงานกันได้หนึ่งปีก็จริง ทว่าก่อนหน้านั้นรู้จักกันมาเป็นระยะเวลาเกือบสิบปี ดังนั้นจึงคิดว่าตนรู้จักเขาดีพอ ทว่าเป็นวันนี้ เมื่อเห็นเขาพาสตรีอื่นมาถึงที่นี่ หัวใจนางก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี และฟ่านฉือตี้กลายเป็นคนแปลกหน้าทันที “พระชายา ที่นี่ย่อมปลอดภัยที่สุด เราฝากอาหรานไว้ด้วย” น้ำเสียงเขาราบเรียบ สีหน้าไร้ความทุกข์ร้อน บุรุษเช่นเขาไฉนถึงกลายเป็นคนเย็นชา ทั้งทำร้ายความรู้สึกนางได้ถึงเพียงนี้ “หากตี้อ๋องต้องการความปลอดภัย ไฉนถึงไม่พานางกลับเมืองหลวง อย่างไรเรือนพักเมือง ก็ใกล้เขตสงคราม” ชายหนุ่มหลับตาลงและกล่าวว่า “เราห่วงความปลอดภัยพระชายา อีกทั้งสถานการณ์เมืองหลวงใช่ว่าจะดี ที่ป้อมเมืองโหลวมีทหารมากฝีมือดี ทั้งยังมีที่หลบภัย อีกอย่างไม่ใช่สถานที่ซึ่งชาวเสอ หรือสิบสองเผ่าต้องการรุกราน เพราะเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ฟ่านฉือตี้กล่าว และเขาจับจูงมือ ตั้งใจพาลู่เฟยไป
เช้าวันใหม่ ลู่เฟยออกมานอกกระโจม ได้ทราบว่าหลัวเจียงเฉินเดินทางเข้าไปในค่ายกลแล้ว เมื่อล่วงรู้เช่นนี้ ย่อมเท่ากับว่าสิ่งที่นางวางไว้สำเร็จตามแผน คงเหลือแต่ให้ผู้ชายทั้งสองคนต่อสู้กันเอง ฝ่ายนางรอเพียงผู้ชนะ และคนๆ นั้นจะอยู่รอด ให้นางได้จมูกจูงทำในสิ่งที่ปรารถนาต่อไป ลู่เฟยเดินเตร่ไปเรื่อย ไม่เห็นทหารที่ประจำการอยู่ด้านนอกหนาตาเช่นเดิม ดูเหมือนสถานการณ์เปลี่ยนไป กระนั้นที่นี่ยังมีเชลยที่ถูกขังเอาไว้ ใจคิดอยากช่วยเหลือพวกเขา หลายคนคือเหล่าสัตว์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ ถูกนายพราน รวมถึงพวกมีอาคมจับมาให้เป็นเชลย “เจ้าหุบเขาน้อยจะให้ทหารพวกนั้นผ่านไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องร้ายแรง แม่ทัพหลัว จะทำให้ผู้คนหนีตาย อพยพมาอาศัยที่เขาหวงซาน จากนั้นพวกเราทั้งหมดจะไม่มีป่าศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอีก” “เขาขอแค่ผ่านทาง พวกเจ้าก็ได้ยินสิ่งที่แม่ทัพหลัวให้สัญญากับข้า” “โถ มีมนุษย์คนใดบ้าง ที่เราเชื่อถือคำพูดได้ โดยเฉพาะคนที่อำมหิตเช่นแม่ทัพหลัว บุรุษผู้นั้นแค่ต้องการเล่นสนุกกับท่าน แล้วหลอกเอาแผนที่ เข้าไปในค่ายกลเพื่อเขาจะได้นำทัพผ่านไปโดยสะดวก” หลายเสียงที่บอก ท
หลัวเจียงเฉินพาหญิงสาวมาในกระโจมพักผ่อนส่วนตัว เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกจากปรนเปรอในสิ่งที่นางเสนอ “อยากให้ข้าเป็นเจ้าบ่าวเยี่ยงนั้นหรือ” “ใช่ ข้าต้องการเข้าพิธีวิวาห์กับท่าน ดื่มเหล้ามงคล ผูกปมผมครองคู่” “เสี่ยวหราน ข้ามีหน้าที่มากมาย หากแค่ขึ้นเตียงด้วยกัน เรื่องนั้นย่อมพอทำให้เจ้าสมปรารถนาได้” ลู่เฟยสับสนอยู่มาก คำที่นางได้ยินฮวานหมิง หรือนางแมวเทาบอกมิใช่เช่นนี้ การวิวาห์ระหว่างชายหญิง ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าอีกฝ่ายยอมรับนางในฐานะภรรยา ถึงแม้ใจนางยามนี้ แค่อยากเล่นสนุกกับเขาก็ตามที “แล้วท่านจะยอมรับข้าเป็นภรรยาหรือไม่” ชายหนุ่มแค่ต้องการปลดปล่อย ดังนั้นเขาเลยเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ว่า “หากสตรีที่หลับนอนกับข้าทุกคน ต้องเป็นภรรยา เช่นนี้ข้าคงมีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมายไปหมด ทว่าสำหรับคนงามที่หายากยิ่ง ข้าจะยอมเรียกเจ้าว่าเมียก็แล้วกัน” คำพูดนั้นฟังแล้วหยาบคายสักหน่อย ทว่าลู่เฟยหลงใหลอีกฝ่าย เขาสง่างาม ดูองอาจ จึงช่วยไม่ได้ที่นางงูเขียวจะนิยมเขา นอกจากไอสังหารรุนแรง เขายังมีดวงจิตที่เข้มแข็ง เทียบเท่ากับเซียนผู้หนึ่งได้เลย
ลู่เฟยไม่ได้มีความตื่นตระหนกเช่นคนอื่น หลายวันที่ผ่านมานางปรับตัวได้มากแล้ว ทั้งยังรู้จักเรื่องระหว่างชายหญิง เรียกได้ว่านางสนุกทุกครั้งที่ฮวานหมิงเล่าสิ่งต่างๆ ให้ฟัง โดยเฉพาะการอุ่นเตียงกับคนรัก นี่คือสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวชายหญิงไว้ด้วยกัน นางต้องการเช่นนี้ วางแผนให้ตนถูกทหารจับตัว เพื่อจะได้ใกล้ชิดผู้นำของกองทัพใหญ่จากแคว้นต้าโจว เขาผู้นั้น นางจำได้แม่นยำว่า คือหลัวเจียงเฉิน พี่ชายของหยวนเว่ยตู้ ผู้เป็นพระชายาขององค์ชายห้า... บุรุษที่นางล่อลวงเขาก่อนหน้านั้น หญิงสาวถูกสั่งให้เดินไปเบื้องหน้า ตามทาสคนอื่นๆ หลายคนร้องไห้ บ้างหวาดกลัว ส่วนลู่เฟยหยุดร้องเพลง และนางแย้มยิ้ม มือนางทั้งสองข้างก็มัดไพล่หลังไว้ ท่าทางไม่ได้สบายนัก นอกจากนั้นทหารบางคนมองนางด้วยสายตาหยาบคาย และหื่นกระหาย ด้วยคะเนว่านางคงเป็นสตรีเริงเมือง ไม่ก็คนเสียสติ ด้วยปากถามหาเจ้าบ่าวของตน และหวังอยากปีนขึ้นเตียงอย่างเดียว ดวงตาคมกริบมองไปยังลู่เฟย สำรวจอย่างพินิจ สตรีที่งดงามทั้งสวมเสื้อผ้าบางเบา อยู่ในกลุ่มเชลยได้เยี่ยงไร “พานางมาหาข้า” เสียงแม่ทัพหนุ่มเสมือนเป็นการแหวกทางให้ร่างที่มีกลิ่น
เขาไห่ซาน เมืองคัง รอยต่อดินแดนแคว้นเสอและแคว้นต้าโจว ซึ่งมีการสู้รบกันอยู่เนืองๆ ยามนี้ โจวอ๋องประสงค์อยากได้เมืองคังกลับคืน รวมถึงพื้นที่แคว้นเสอที่ครอบครองอยู่ ดังนั้นจึงสั่งให้หลัวเจียงเฉินยกทัพมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ พร้อมกันนั้น ได้มอบหมายให้ลูกชายคนที่ห้า ตี้อ๋องหรือฟ่านฉือตี้ติดตามอีกฝ่ายมาด้วย ทั้งเพื่อศึกษาการศึก รวมถึงคอยสอดแนมสิ่งต่างๆ ให้แก่ตน ยามนี้ หลัวเจียงเฉินมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด เขาสั่งทหารในสังกัดตรวจสอบทุกอย่างดีแล้ว แต่มีรายงานว่าทางข้างหน้าเป็นพื้นที่ซึ่งมีค่ายกลที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจึงต้องเสียทหารฝีมือดีนับสองร้อยนาย และคาดคะเนว่าคนพวกนั้นกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ฝ่ายเขาอยากพิสูจน์ค่ายกลเขาหวงซานด้วยตนเอง ทว่าองค์ชายห้าที่ติดมาร่วมปราบปรามกลุ่มกบฏแคว้นเสอพยายามคัดค้าน เนื่องจากมีอันตรายเกินไป และอย่างไรแคว้นเสอกับพวกสิบสอบเผ่าวางแผนไว้เช่นนี้ เพื่อให้หลัวเจียงเฉินไม่อาจยกทัพผ่านไปง่ายๆ จึงมีทั้งค่ายกล และการเผาไฟป่าเป็นระยะๆ รวมถึงช่วงนี้มีการขาดแคลนอาหาร ด้วยถูกปล้นเสบียงมาตลอดการยกทัพมาถึงที่นี่ “เราจะเข้าไปในค่ายกลด้วยต
ดวงตาของอสรพิษมองภาพเบื้องหน้า เห็นแล้วก็หงุดหงิดใจ นับห้าร้อยปีที่อยู่เขาหวงซาน มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ม้าศึกนับพันตัวมุ่งหน้าที่นี่ ทั้งยังมีรถลาก อุปกรณ์ในการรบ รวมถึงสิ่งที่สามารถสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ ทั้งเพื่อทำลายกำแพงสูงและภูเขา เรื่องทั้งหมดแปลกใหม่ต่อลู่เฟย นั่นเป็นเพราะนางพึ่งออกมาจากผลึกมรกตได้ไม่นาน สิ่งที่เกี่ยวพันกับมนุษย์นางยังไม่แตกฉาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้สึกพัก ลู่เฟยพลิกตัวบิดความเมื่อยล้า ก่อนเปลี่ยนร่างตนอย่างที่มนุษย์ชอบมอง คือสาวงามสวมอาภรณ์เบาบางสีเขียวดำ ครั้งหนึ่งผู้เป็นเจ้าชื่อ ผิงจื่อหราน เจ้าสาวที่ฝ่ายเจ้าบ่าวตระกูลแซ่เจี่ยงซื้อตัวมา และส่งนางเพื่อให้เป็นเครื่องสังเวยปีศาจ หวังต่ออายุคนในตระกูลเจี่ยง ความคิดดังกล่าวชั่วช้า ช่างน่าชิงชัง ทว่าสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจ นับว่าดียิ่ง ด้วยวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งที่ตามหา และดูเหมือนว่านางจะได้ครอบครองมันมิน้อยแล้ว เมื่อมองกองกำลังเบื้องล่าง นางย้อนคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อน พรานป่าผู้หนึ่งชมว่านางงดงามราวกับเทพเซียน ทั้งยังอยากพานางกลับบ้านด้วยกัน ทว่าคุยกันได
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ขบวนเล็กๆ หยุดอยู่หน้าซุ้มประตูเมืองโหลวที่เก่าทั้งทรุดโทรม ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ฝ่ายหวังตู้ ซึ่งทำหน้าที่แม่สื่อ นางกำลังกลัวหลายสิ่ง ยามนี้หมดเวลาจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เมื่อผ่านประตูโค้งไปนับว่าสิ้นสุดเขตอาคมที่เหล่านักพรตลงเอาไว้ จากนั้นเข้าสู่พื้นที่ของเขาหวงซาน ซึ่งแม้แต่เด็กยังรู้ว่าเป็นดินแดนของปีศาจ และยามนี้มีเจ้าหุบเขาน้อย ซึ่งเป็นเผ่าหลงเฟยดูแลอยู่ ฝ่ายนั้นมากด้วยฤทธิ์เดช ซึ่งกำลังรวบรวบวิญญาณให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ครอบครองทะเลหงเซ่อ รวมถึงปลดปล่อยอดีตเจ้าหุบเขา หรือเจี้ยนชุนเฟยที่ถูกกักขังไว้ให้เป็นอิสระ ด้วยถูกเหล่าเทพเซียนผนึกร่างเอาไว้ แม่สื่อนิ่งงันไปพักหนึ่ง พลางคิดในใจ นางไม่คิดอยากทำสิ่งเป็นบาปกรรมเช่นนี้ แต่คนจนมีชีวิตถูกแสนถูก การแต่งงานเพื่อช่วยต่อเติมอายุสกุลเจ้าบ่าวมีมาช้านาน ก่อนหน้านั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน นางมีชะตากรรมไม่ต่างกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นกับสตรีแซ่ผิง ผู้น่าสงสารด้วยความกตัญญูของนางกลับไร้ค่า ฝ่ายคนงานติดตามขบวน รวมถึงผู้บังคับรถม้า จู่ๆ ต่างหวีดร้องอย่างคนเสียสติ ส่วนผู