เช้าวันรุ่งขึ้น เหมียวจื่อเผยยอมรับว่า นางอ่อนเพลียและมีไข้อ่อนๆ กระนั้นนับว่าโชคดีที่ได้กินยาและดื่มโจ๊กเพื่อคลายความหิว เมื่อนางลุกไปชำระร่างกาย สาวใช้กับบ่าวชาย ซึ่งถูกสั่งให้มารับใช้นาง ต่างแสดงท่าทีเหมือนโกรธแค้นและชิงชัง “เจ้าคือนังแพศยาดูเอาเถิดทำให้คุณชายห้าต้องถูกจำกัดบริเวณ ทั้งที่ใกล้ถึงวันคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยแล้ว” หญิงสาวฟังคำหลางฮั่นก็ตื่นเต้นไปด้วย การคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยสำคัญที่สุด ในวันนั้นเหมียวจื่อเผยจะกลายเป็นสตรีที่ชี้ชะตาชีวิตบุรุษแซ่มู่ แน่ล่ะ เหมียวจื่อเผยไม่ตอบหลางฮั่ว นางเพียงทำไม้ ทำมือสื่อสาร “นังหญิงไร้ยางอาย ยังไม่เลิกแกล้งทำเป็นใบ้อีกหรือ!?” เหมียวจื่อเผยมองหน้าหลางฮั่ว ท้าทายอีกฝ่ายด้วยสายตา จากนั้นริมฝีปากอวบอิ่มที่ทาชาดแดงก็ขยับไหวช้าๆ “ข้าไม่เคยบอกว่าเป็นใบ้ หรือต้องพิษร้ายอันใด” สิ้นคำพูดเหมียวจื่อเผย สาวใช้ก็เหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ นางตกใจ จึงอ้าปากกว้าง ทั้งยังแสดงอาการขวัญเสีย มือหนึ่งยื่นไปคว้าร่างเจี๋ยชาง ตีแขนเขาแรงๆ เพื่อเรียกสติตนกลับคืน “นังงูพิษ มันได้ยินสิ่งที่เราพูดทุ
ก่อนวันชำระล้างกายที่บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ “ทำตามที่ข้าบอก ครั้งนี้ข้าคือผู้ชนะ ถ้าหากเจ้า สามารถทำให้พี่ใหญ่พึงใจ ก็จะเป็นอิสระออกจากเรือนหลังนี้ได้ พร้อมเงินสองพันตำลึงเงินจากข้าและน้องสี่” เหมียวจื่อเผยชอบมู่เซ่าหลิง เขาเป็นบุรุษหล่อร้าย และมีความชั่วช้าในสันดาน “คุณชายรองกำลังต้องการให้ข้ายั่วยวนคุณชายใหญ่” “มิใช่ยั่วยวน สิ่งที่ข้าสั่งคือ พี่ใหญ่ต้องสมสู่กับเจ้าให้เราดูเป็นขวัญตา” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ บนดวงหน้างดงาม “ท่านทั้งสองช่างเป็นคนที่รักสนุกโดยแท้ อยากเห็นข้าร่วมรักกับคุณชายใหญ่จนเนื้อเต้นเช่นนั้นหรือ” “ฮ่าๆ ๆ ข้าขอเตือนก่อน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ที่เจ้าจะทำให้ มู่เหรินฮั่น ผู้เย็นชา ไร้ความรู้สึก สาดความขาวข้นใส่เรือนร่างของเจ้า” ได้ยินแบบนั้น เหมียวจื่อเผยพลันเนื้อเต้น นางรักความสนุกและอยากเอาชนะ ยิ่งเขาเป็นบุรุษที่ไม่อยากให้สตรีเข้าใกล้ ทั้งหวงเนื้อหวงตัว และชอบมีความสัมพันธ์แปลกประหลาด นางก็อยากเริ่มงานในตอนนี้เลย จากนั้นเหมียวจื่อเผยต้องประหลาดใจ เมื่อรู้ว่าการเสพสุขกับมู่เหรินฮั่น นางต้องแต่งก
เมื่อทั้งคู่ดื่มสุราจดหมดหนึ่งป้าน จากคำพูดที่หยั่งเชิงของแต่ละฝ่าย ก็เป็นคำสัปดน มู่เหรินฮั่นยิ้มบ่อยครั้ง มือเขาเอื้อมไปบีบสะโพกเหมียวจื่อเผย พอไฟในกายร้อนฉ่า เขาจึงจับร่างนางมานั่งซ้อนทับบนตักของตน ชายหนุ่มถูกใจนางมิน้อย ทั้งเสื้อตาข่ายไหมทองที่สวมไว้ และการเขียนสีวาดลวดลายบนตัวนาง ซึ่งมีทั้งอักษรโบราณ และรูปของปีศาจในตำนาน “พวกมันล้วน ต้องการให้ข้าสมสู่กับเจ้า” มู่เหรินฮั่นหมายถึงบรรดาน้องชายของเขา “แล้ว คุณชายใหญ่ ยังจะหลงกลพวกเขาอีกหรือ” “ไม่... สำหรับข้า ใครก็บังคับให้ทำสิ่งต่างๆ มิได้ กระนั้นการ ได้เย่อเจ้าวันนี้ เห็นทีคงเป็นเรื่องแปลกใหม่ ที่ข้าจะกระทำ เนื่องจากถึงเวลา ที่ข้าอยากพิสูจน์ตนเอง” คำพูดของมู่เหรินฮั่น สร้างความฉงนให้แก่เหมียวจื่อเผย ทว่ายามนี้นางหาได้สนใจ ด้วยรู้เพียงแต่ว่า นางจะต้องรีดน้ำขาวข้นและอุ่นจัดออกจากร่างชายหนุ่มผู้นี้ให้ได้ มากถึงมากที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจไม่ร่วมมือกับนางเพื่อเล่นสนุกด้วยกัน ส่วนฝ่ายมู่เหรินฮั่ว ก็จำเป็นต้องเสพรักกับเหมียวจื่อเผย เพื่อทำให้บรรดาคุณชายที่แอบดูอยู่ ม
มู่เซ่าหลิงยังเป็นฝ่ายแทรกความใหญ่โตเข้าไปกระแทกกระทั้นเหมียวจื่อเผยเช่นเดิม ผิดแต่เขาเปิดโอกาสให้น้องสี่ ได้ทำรักกับนางจากประตูหลังด้วย “หากน้องสี่ไม่ถือ จงมาเสร็จพร้อมกันในตัวนางดีหรือไม่” ในขณะนั้น เหมียวจื่อเผยนั่งอยู่บนกึ่งกลางลำตัวมู่เซ่าหลิง และบั้นท้ายงอนหนั่นแน่นเด้งไหวไปมา กลีบสวาทนางรับศึกหนักอยู่อย่างช่ำแฉะ แต่ดอกเบญจมาศก็เย้ายวนสายตามู่จิงหงมิหยอก ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาได้เห็นพี่ชายคนโตร่วมรักนางอย่างถึงใจในช่องทางนี้มาแล้ว ฝ่ายนางก็ออดอ้อนร้องเรียกให้เขาปล่อยน้ำหวานเข้าสีขาวขุ่นเข้าไป ซึ่งภาพดังกล่าวยังติดตามู่จิงหง “ข้าหาใช่คนสัปดนอย่างพี่ใหญ่” “ฮ่าๆ ๆ ขืนเจ้ามัวแต่พล่ามไม่หยุด ระวังน้องห้า จะโผล่เข้ามา แล้วสาดความอุ่นข้นของเขาใส่รูก้นนางแทนเจ้า” ได้ยินแล้ว มู่จิงหงจึงไม่รอช้า เขาประกบเข้าด้านหลังเหมียวจื่อเผย แล้วถ่มน้ำลายเหนียวๆ ของตนป้ายดอกไม้งามของนาง “เสี่ยวเหม่ย อดทนสักหน่อย รับรองว่าเจ้าจะมีความสุขกว่าสตรีนางอื่นเป็นแน่แท้” เหมียวจื่อเผยตื่นกลัว กระนั้นในทุกจังหวะที่มู่จิงหงนำพาความใหญ่โตผ่านเข้าไป หัวใจนางกับล
หญิงสาวพุ่งตัวไปอีกฝั่งหมายใจไปยังบ่อน้ำพุ สถานที่ซึ่งมั่นใจว่าต้องได้พบคุณชายทั้งสี่คนเป็นแน่แท้ ทว่าในขณะเดียวกันนั้นที่ หลางฮั่วเกิดสติแตก นางล้วงเข้าไปในสาปเสื้อ ได้มีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา “คุณชายห้าสั่งว่า หากนางโสเภณีคนไหน ไม่เชื่อฟังและคิดออกไปจากตำหนักแห่งนี้ก่อนทำหน้าที่สุดท้ายแล้วเสร็จ ก็ให้ข้ากับอาชาง เฉือนนางให้เป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปทิ้งด้านหลังตำหนัก เพื่อเป็นอาการหมาป่าและสัตว์เลื้อยคลาน!” “อย่านะ พวกเจ้าจะทำเรื่องเลวทรามกับข้าเยี่ยงนั้นไม่ได้” “หึๆ ๆ เหตุใดจะไม่ได้ ไป อาชางจับตัวหญิงแพศยามา” เจี๋ยชางไม่ได้อยากทำตามคำพูดของหลางฮั่ว แต่เพื่อตัดปัญหาความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้น เขาเลยบ่ายหน้าหมายจะเข้ามาจับตัวเหมียวจื่อเผย ยามนั้นเกิดการวิ่งไล่ปล้ำกัน เหมียวจื่อเผยแม้จะคล่องตัว ทว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มหุ่นสูงเพรียว และคล่องแคล่ว นางวิ่งหลบเขาไปได้หลายอึดใจ หากสุดท้ายก็ถูกตะครุบตัว เหมียวจื่อเผยดิ้นปัดไปมาอย่างแรง สองเท้าถีบเจี๋ยชาง และเขาเริ่มเจ็บจึงสะบัดร่างนางชนกับก้อนหินใหญ่ “โอ๊ย... ปะ ปล่อยนะ” ที่น่องข
เหมียวจื่อเผยหนีรอดจากกองเพลิงในเรือนรับรองหลังนั้นได้ ก็เพราะนางหลบอยู่หลังก้อนหิน และภาพที่นางเห็นคือ ร่างของนางรำหลายคนที่ถูกฆ่าตาย และเลือดของพวกนางทำให้น้ำพุกลายเป็นสีแดงเป็นวงกว้าง แต่น่าประหลาดคือนางกลับไม่เห็น คุณชายทั้งสี่ ราวกับว่าพวกเขาล่วงรู้ว่าตนตกอยู่ในความไม่ปลอดภัย หญิงสาวทั้งกลัว ทั้งสยองใจ เมื่อเหตุการณ์คับขันอย่างที่สุด ก็ไม่มีใครสนใจนาง นั่นจึงเป็นโอกาสเดียวที่ทำให้นางหนีออกจากตำหนักน้ำพุซีเฉอ เหมียวจื่อเผยแข็งใจกัดฟันออกวิ่งโดยไม่หันหลังกลับ นางตั้งมั่นในใจว่า ตั้งแต่มาอยู่ในโลกคู่ขนานนี้ นาจะไม่ตายโง่ๆ หรือถูกผู้อื่นทำให้สิ้นลมหายใจ ดังนั้นแผนทั้งหมดจึงเตรียมไว้ และภายใต้กองไฟที่ลุกไหม้นั้น หาใช่ร่างของนางไม่ กระนั้นกว่าจะหาทางออกมาจากตำหนักน้ำพุซีเฉอได้ ก็เกือบครึ่งชั่วยาม จากนั้นนางต้องดีใจ เป็นอย่างมาก คนที่ยื่นมือช่วยเหลือนางไว้ อีกหนคือม่อเส้าเฟิง “คุณหนูแปด” เสียงเขาเต็มไปด้วยความยินดี ทว่ายามนี้ไม่ใช่เพียงม่อเส้าเฟิงปรากฏตัว คนที่อยู่ในรถม้าซึ่งจอดซุ่มอยู่ ทำให้เหมียวจื่อเผยต้องเหงื่อแตกกว่าเดิม อีกฝ่
สี่คุณชายเดือนทางมาจากตำหนักน้ำพุซีเฉอซีเฉอ เป็นเวลาเกือบสิบวันแล้ว แต่ยังไม่มีสิ่งคืบหน้า อีกทั้งพวกเขาถูกจำกัดบริเวณในหอบรรพชน ทั้งให้กินอาหารเจกับน้ำชาเท่านั้น เรื่องที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้เหล่าคุณชายทั้งสี่เป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่อาจโต้เถียง หรือออกจากหอบรรพชนได้ เนื่องจากเป็นคำสั่งเด็ดขาดของมู่ป๋อจาง กระทั่งล่วงเข้าวันที่สิบเอ็ด ภายในเรือนบรรพชน ของคฤหาสน์สกุลมู่มีบรรยากาศอึมครึมเป็นอย่างมาก ยามนี้ คุณชายทั้งห้าต่างนั่งประจำตำแหน่งของตน จะมีก็แต่มู่ข่ายเฉิงที่อยู่บนรถเข็น ความเงียบของเจ้าบ้านมู่ ทำให้คุณชายทั้งห้ากดดันยิ่ง และเป็นมู่อี้เถียนที่เขาอาศัยความอ่อนเยาว์ของตน เพื่อทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง “บิดา เหตุใดผ่านมานานแล้วจึงไม่มีการคัดเลือกเจ้าบ้านน้อย” เมื่อความอึดอัดใจนี้ ถูกเอ่ยถามออกไป ซึ่งพลอยให้พี่น้องทุกคนโล่งใจขึ้นมาได้สักหน่อย “หึ! พวกเจ้าทั้งสี่คน ยังมีหน้าเข้าร่วมการคัดเลือกเจ้าบ้านน้อยครั้งนี้หรือ” “เอ หมายความเยี่ยงไรบิดา พวกเราทุกคนล้วนมีคุณสมบัติครบถ้วน น้องห้ายังอ่อนเยาว์ก็จริง แต่เขาผ่านเกณฑ์หลายอย่าง ส่วน
“นางล่อลวงให้น้องห้าหลงใหล และเขาหลับนอนกับนาง ต่อจากนั้น...” มู่เซ่าหลิงกล่าว แต่หยุดคำพูดตัวเองเอาไว้เสียก่อน เพราะมันอาจมีโทษมาถึงเขา “มีสิ่งใดที่เจ้าไม่กล้าเอ่ยเยี่ยงนั้นหรือ เจ้ารอง” มู่เซ่าหลิงมองบิดา ก่อนหันไปจ้องเหมียวจื่อเผย “นางเป็นปีศาจร้าย ตั้งใจปั่นหัวเราทุกคน บิดาอย่าเชื่อคำใดจากนางอีกเลย” “เจ้าคิดดีแล้วหรือถึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา อย่าลืมว่า พ่อตั้งความหวังไว้กับเจ้ามิน้อย เมื่อสองปีก่อน ท่านหญิงเผิงก็หวังใจให้เจ้าแต่งงานกับนาง แต่เจ้าเหลวไหล คว้าอนุเผิงอ๋อง ผู้เป็นบิดานาง มาข่มเหง จนเสื่อมเสียมาถึงข้า สุดท้ายต้องส่งเจ้าไปอยู่ต่างเมือง!” “ทั้งหมด เป็นแผนคนชั่ว ที่ไม่อยากให้ข้า แต่งงานกับท่านหญิงเผิง ส่วนอนุผู้นั้นเป็นสตรีร่านราคะ นางหวังใช้เรือนร่างตน มอมเมาบุรุษ” “แต่เจ้าก็หลงกลนางจนได้!” มู่ป๋อจางตวาดเสียงดัง และมู่เซ่าหลิงไม่อยากโต้แย้งด้วยเขารู้อารมณ์บิดาดี “เอาล่ะ ยังมีผู้ใด ในพวกเจ้าอยากโต้แย้งหรือไม่!” ซึ่งหลังจากนั้น มิใช่สี่คุณชายที่อยู่ด้วยกันในตำหนักน้ำพุซีเฉอ หากเป็นมู่ข่ายเฉิง ที่เลื่อนรถเข็นของต
เมืองหลวงแคว้นต้าโจว หนึ่งปีผ่านไป ในที่สุดฟ่านฉือตี้ก็ได้เป็นฮ่องเต้สมใจอยาก ทว่าสิ่งที่เขาหวาดกลัวอยู่ลึกๆ คือ เขายังไม่ได้ศีรษะขแม่ทัพหลัว ส่วนหยวนเว่ยตู้กลายเป็นเครื่องสังเวยนับแต่เกิดเรื่องในคืนนั้น และมันทำให้เขาเสียใจอยู่มิน้อย ทว่าเพื่อความยิ่งใหญ่ สิ่งใดที่สละได้เขาก็ไม่รอช้า ถึงอย่างนั้นระยะเวลาที่ผ่านมา ลู่เฟยก็ได้ให้กำเนิดทารกเพศชายกับเขา แน่นอนเด็กคนนี้คือองค์ชายผู้งดงาม ที่ภายหน้าจะก้าวขึ้นผู้ครองแคว้นต้าโจว มิต่างจากเขา ลู่เฟยก้าวมาใกล้ๆ ชายหนุ่ม และส่งจอกสุราให้อีกฝ่าย “สุรานี้รสดี ทั้งยังช่วยให้ผ่อนคลายเพคะ” “อาหราน...เรามีหลายสิ่งแล้ว เพียงแต่...ภัยจากหลัวเจียงเฉินเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้” “เรื่องนี้ไม่ยาก และไม่ง่ายนัก บิดาหม่อมฉันเป็นอิสระได้เพราะฮ่องเต้ ส่วนพี่น้องคนอื่นอยู่อย่างสงบ ดังนั้นก่อนที่หม่อมฉันจะไปทำหน้าที่สำคัญของตน ย่อมช่วยให้ฝ่าบาทได้สมหวัง” “อาหรานจะตัดหัวแม่ทัพหลัวให้เราสินะ” หญิงสาวอมยิ้ม... “หากสวรรค์กำหนดให้เขาต้องสิ้นลมหายใจ หม่อมฉันย่อมทำสำเร็จแน่” “หมายควา
เสียงหวีดร้องดังไปทั้งเรือนพักของหยวนเว่ยตู้ อาการของนางย่อมไม่ธรรมดาแน่ “ตี้อ๋อง... เรียกตี้อ๋องให้ข้าที โอ้ ท่านพี่... ท่านอยู่ที่ไหน” หยวนเว่ยตู้น่าสงสารเหลือเกิน นางไม่คาดคิดว่าตนจะปวดท้องหนักเพียงนี้ อีกทั้งฟ้าฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศชวนให้ขนลุกโดยแท้ นอกจากให้ตามฟ่านฉือตี้ คนท้องแก่ยังอยากพบพี่ชายของตนด้วย เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วยาม สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ เนื้อตัวหยวนเว่ยตู้เริ่มมีสีเขียวคล้ำเป็นจ้ำๆ ใบหน้าก็ซีดสลด กระทั่งนางกรี๊ดร้องอย่างคนเสียสติ ทั้งหมอตำแย และแพทย์ต่างผงะตื่นตกใจ เนื่องจากมีเลือดสดๆ ไหลออกจากช่องคลอดนางเป็นจำนวนมาก เลือดดังกล่าวเป็นสีเข้มจัด และมีกลิ่นเหม็นคาวจัด ทุกคนแทบหยุดหายใจ เกิดความโกลาหล ทั้งสร้างความสะพรึงกลัวต่อทุกชีวิตในห้องนั้น “นะ นั่น... ใช่หรือไม่ หัวงู!” “โอ้ คือมันคือสัตว์อสูร เผ่ยหลงเฟย!” เสียงดังกล่าวสร้างความอกสั่นขวัญอแขวนยิ่งกว่าเดิม และอสูรตนนั้น พอออกมาจากร่างกายหยวนเว่ยตู้ได้ ก็แผดเสียงลั่น พอจะมีใครเข้าไปจัดการ มันก็แสยะปากกว้าง อวดฟันซี่แหลมคม เ
เมืองโหลว จวนรับรองขององค์ชายห้า หยวนเว่ยตู้ไม่เข้าใจว่า เหตุใดตี้อ๋องถึงได้พาสตรีนางนี้มาพบนาง พอเขาแนะนำว่า ลู่เฟยเป็นอนุคนใหม่ หญิงสาวพลันมือเท้าเย็น แต่ไหนแต่ไรตี้อ๋องไม่เคยเหลวไหล นางกับเขาแต่งงานกันได้หนึ่งปีก็จริง ทว่าก่อนหน้านั้นรู้จักกันมาเป็นระยะเวลาเกือบสิบปี ดังนั้นจึงคิดว่าตนรู้จักเขาดีพอ ทว่าเป็นวันนี้ เมื่อเห็นเขาพาสตรีอื่นมาถึงที่นี่ หัวใจนางก็แหลกสลายไม่มีชิ้นดี และฟ่านฉือตี้กลายเป็นคนแปลกหน้าทันที “พระชายา ที่นี่ย่อมปลอดภัยที่สุด เราฝากอาหรานไว้ด้วย” น้ำเสียงเขาราบเรียบ สีหน้าไร้ความทุกข์ร้อน บุรุษเช่นเขาไฉนถึงกลายเป็นคนเย็นชา ทั้งทำร้ายความรู้สึกนางได้ถึงเพียงนี้ “หากตี้อ๋องต้องการความปลอดภัย ไฉนถึงไม่พานางกลับเมืองหลวง อย่างไรเรือนพักเมือง ก็ใกล้เขตสงคราม” ชายหนุ่มหลับตาลงและกล่าวว่า “เราห่วงความปลอดภัยพระชายา อีกทั้งสถานการณ์เมืองหลวงใช่ว่าจะดี ที่ป้อมเมืองโหลวมีทหารมากฝีมือดี ทั้งยังมีที่หลบภัย อีกอย่างไม่ใช่สถานที่ซึ่งชาวเสอ หรือสิบสองเผ่าต้องการรุกราน เพราะเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์” ฟ่านฉือตี้กล่าว และเขาจับจูงมือ ตั้งใจพาลู่เฟยไป
เช้าวันใหม่ ลู่เฟยออกมานอกกระโจม ได้ทราบว่าหลัวเจียงเฉินเดินทางเข้าไปในค่ายกลแล้ว เมื่อล่วงรู้เช่นนี้ ย่อมเท่ากับว่าสิ่งที่นางวางไว้สำเร็จตามแผน คงเหลือแต่ให้ผู้ชายทั้งสองคนต่อสู้กันเอง ฝ่ายนางรอเพียงผู้ชนะ และคนๆ นั้นจะอยู่รอด ให้นางได้จมูกจูงทำในสิ่งที่ปรารถนาต่อไป ลู่เฟยเดินเตร่ไปเรื่อย ไม่เห็นทหารที่ประจำการอยู่ด้านนอกหนาตาเช่นเดิม ดูเหมือนสถานการณ์เปลี่ยนไป กระนั้นที่นี่ยังมีเชลยที่ถูกขังเอาไว้ ใจคิดอยากช่วยเหลือพวกเขา หลายคนคือเหล่าสัตว์ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ ถูกนายพราน รวมถึงพวกมีอาคมจับมาให้เป็นเชลย “เจ้าหุบเขาน้อยจะให้ทหารพวกนั้นผ่านไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่องร้ายแรง แม่ทัพหลัว จะทำให้ผู้คนหนีตาย อพยพมาอาศัยที่เขาหวงซาน จากนั้นพวกเราทั้งหมดจะไม่มีป่าศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวอีก” “เขาขอแค่ผ่านทาง พวกเจ้าก็ได้ยินสิ่งที่แม่ทัพหลัวให้สัญญากับข้า” “โถ มีมนุษย์คนใดบ้าง ที่เราเชื่อถือคำพูดได้ โดยเฉพาะคนที่อำมหิตเช่นแม่ทัพหลัว บุรุษผู้นั้นแค่ต้องการเล่นสนุกกับท่าน แล้วหลอกเอาแผนที่ เข้าไปในค่ายกลเพื่อเขาจะได้นำทัพผ่านไปโดยสะดวก” หลายเสียงที่บอก ท
หลัวเจียงเฉินพาหญิงสาวมาในกระโจมพักผ่อนส่วนตัว เขาไม่ได้ต้องการสิ่งใด นอกจากปรนเปรอในสิ่งที่นางเสนอ “อยากให้ข้าเป็นเจ้าบ่าวเยี่ยงนั้นหรือ” “ใช่ ข้าต้องการเข้าพิธีวิวาห์กับท่าน ดื่มเหล้ามงคล ผูกปมผมครองคู่” “เสี่ยวหราน ข้ามีหน้าที่มากมาย หากแค่ขึ้นเตียงด้วยกัน เรื่องนั้นย่อมพอทำให้เจ้าสมปรารถนาได้” ลู่เฟยสับสนอยู่มาก คำที่นางได้ยินฮวานหมิง หรือนางแมวเทาบอกมิใช่เช่นนี้ การวิวาห์ระหว่างชายหญิง ย่อมเป็นข้อบ่งชี้ว่าอีกฝ่ายยอมรับนางในฐานะภรรยา ถึงแม้ใจนางยามนี้ แค่อยากเล่นสนุกกับเขาก็ตามที “แล้วท่านจะยอมรับข้าเป็นภรรยาหรือไม่” ชายหนุ่มแค่ต้องการปลดปล่อย ดังนั้นเขาเลยเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ว่า “หากสตรีที่หลับนอนกับข้าทุกคน ต้องเป็นภรรยา เช่นนี้ข้าคงมีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมายไปหมด ทว่าสำหรับคนงามที่หายากยิ่ง ข้าจะยอมเรียกเจ้าว่าเมียก็แล้วกัน” คำพูดนั้นฟังแล้วหยาบคายสักหน่อย ทว่าลู่เฟยหลงใหลอีกฝ่าย เขาสง่างาม ดูองอาจ จึงช่วยไม่ได้ที่นางงูเขียวจะนิยมเขา นอกจากไอสังหารรุนแรง เขายังมีดวงจิตที่เข้มแข็ง เทียบเท่ากับเซียนผู้หนึ่งได้เลย
ลู่เฟยไม่ได้มีความตื่นตระหนกเช่นคนอื่น หลายวันที่ผ่านมานางปรับตัวได้มากแล้ว ทั้งยังรู้จักเรื่องระหว่างชายหญิง เรียกได้ว่านางสนุกทุกครั้งที่ฮวานหมิงเล่าสิ่งต่างๆ ให้ฟัง โดยเฉพาะการอุ่นเตียงกับคนรัก นี่คือสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวชายหญิงไว้ด้วยกัน นางต้องการเช่นนี้ วางแผนให้ตนถูกทหารจับตัว เพื่อจะได้ใกล้ชิดผู้นำของกองทัพใหญ่จากแคว้นต้าโจว เขาผู้นั้น นางจำได้แม่นยำว่า คือหลัวเจียงเฉิน พี่ชายของหยวนเว่ยตู้ ผู้เป็นพระชายาขององค์ชายห้า... บุรุษที่นางล่อลวงเขาก่อนหน้านั้น หญิงสาวถูกสั่งให้เดินไปเบื้องหน้า ตามทาสคนอื่นๆ หลายคนร้องไห้ บ้างหวาดกลัว ส่วนลู่เฟยหยุดร้องเพลง และนางแย้มยิ้ม มือนางทั้งสองข้างก็มัดไพล่หลังไว้ ท่าทางไม่ได้สบายนัก นอกจากนั้นทหารบางคนมองนางด้วยสายตาหยาบคาย และหื่นกระหาย ด้วยคะเนว่านางคงเป็นสตรีเริงเมือง ไม่ก็คนเสียสติ ด้วยปากถามหาเจ้าบ่าวของตน และหวังอยากปีนขึ้นเตียงอย่างเดียว ดวงตาคมกริบมองไปยังลู่เฟย สำรวจอย่างพินิจ สตรีที่งดงามทั้งสวมเสื้อผ้าบางเบา อยู่ในกลุ่มเชลยได้เยี่ยงไร “พานางมาหาข้า” เสียงแม่ทัพหนุ่มเสมือนเป็นการแหวกทางให้ร่างที่มีกลิ่น
เขาไห่ซาน เมืองคัง รอยต่อดินแดนแคว้นเสอและแคว้นต้าโจว ซึ่งมีการสู้รบกันอยู่เนืองๆ ยามนี้ โจวอ๋องประสงค์อยากได้เมืองคังกลับคืน รวมถึงพื้นที่แคว้นเสอที่ครอบครองอยู่ ดังนั้นจึงสั่งให้หลัวเจียงเฉินยกทัพมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ พร้อมกันนั้น ได้มอบหมายให้ลูกชายคนที่ห้า ตี้อ๋องหรือฟ่านฉือตี้ติดตามอีกฝ่ายมาด้วย ทั้งเพื่อศึกษาการศึก รวมถึงคอยสอดแนมสิ่งต่างๆ ให้แก่ตน ยามนี้ หลัวเจียงเฉินมีสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด เขาสั่งทหารในสังกัดตรวจสอบทุกอย่างดีแล้ว แต่มีรายงานว่าทางข้างหน้าเป็นพื้นที่ซึ่งมีค่ายกลที่สลับซับซ้อน ดังนั้นจึงต้องเสียทหารฝีมือดีนับสองร้อยนาย และคาดคะเนว่าคนพวกนั้นกำลังอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ฝ่ายเขาอยากพิสูจน์ค่ายกลเขาหวงซานด้วยตนเอง ทว่าองค์ชายห้าที่ติดมาร่วมปราบปรามกลุ่มกบฏแคว้นเสอพยายามคัดค้าน เนื่องจากมีอันตรายเกินไป และอย่างไรแคว้นเสอกับพวกสิบสอบเผ่าวางแผนไว้เช่นนี้ เพื่อให้หลัวเจียงเฉินไม่อาจยกทัพผ่านไปง่ายๆ จึงมีทั้งค่ายกล และการเผาไฟป่าเป็นระยะๆ รวมถึงช่วงนี้มีการขาดแคลนอาหาร ด้วยถูกปล้นเสบียงมาตลอดการยกทัพมาถึงที่นี่ “เราจะเข้าไปในค่ายกลด้วยต
ดวงตาของอสรพิษมองภาพเบื้องหน้า เห็นแล้วก็หงุดหงิดใจ นับห้าร้อยปีที่อยู่เขาหวงซาน มีหลายสิ่งเกิดขึ้น ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ม้าศึกนับพันตัวมุ่งหน้าที่นี่ ทั้งยังมีรถลาก อุปกรณ์ในการรบ รวมถึงสิ่งที่สามารถสร้างลูกไฟขนาดใหญ่ ทั้งเพื่อทำลายกำแพงสูงและภูเขา เรื่องทั้งหมดแปลกใหม่ต่อลู่เฟย นั่นเป็นเพราะนางพึ่งออกมาจากผลึกมรกตได้ไม่นาน สิ่งที่เกี่ยวพันกับมนุษย์นางยังไม่แตกฉาก ต้องใช้เวลาเรียนรู้สึกพัก ลู่เฟยพลิกตัวบิดความเมื่อยล้า ก่อนเปลี่ยนร่างตนอย่างที่มนุษย์ชอบมอง คือสาวงามสวมอาภรณ์เบาบางสีเขียวดำ ครั้งหนึ่งผู้เป็นเจ้าชื่อ ผิงจื่อหราน เจ้าสาวที่ฝ่ายเจ้าบ่าวตระกูลแซ่เจี่ยงซื้อตัวมา และส่งนางเพื่อให้เป็นเครื่องสังเวยปีศาจ หวังต่ออายุคนในตระกูลเจี่ยง ความคิดดังกล่าวชั่วช้า ช่างน่าชิงชัง ทว่าสำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจ นับว่าดียิ่ง ด้วยวิญญาณบริสุทธิ์คือสิ่งที่ตามหา และดูเหมือนว่านางจะได้ครอบครองมันมิน้อยแล้ว เมื่อมองกองกำลังเบื้องล่าง นางย้อนคิดถึงเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อน พรานป่าผู้หนึ่งชมว่านางงดงามราวกับเทพเซียน ทั้งยังอยากพานางกลับบ้านด้วยกัน ทว่าคุยกันได
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ขบวนเล็กๆ หยุดอยู่หน้าซุ้มประตูเมืองโหลวที่เก่าทั้งทรุดโทรม ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ฝ่ายหวังตู้ ซึ่งทำหน้าที่แม่สื่อ นางกำลังกลัวหลายสิ่ง ยามนี้หมดเวลาจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อตนเอง เมื่อผ่านประตูโค้งไปนับว่าสิ้นสุดเขตอาคมที่เหล่านักพรตลงเอาไว้ จากนั้นเข้าสู่พื้นที่ของเขาหวงซาน ซึ่งแม้แต่เด็กยังรู้ว่าเป็นดินแดนของปีศาจ และยามนี้มีเจ้าหุบเขาน้อย ซึ่งเป็นเผ่าหลงเฟยดูแลอยู่ ฝ่ายนั้นมากด้วยฤทธิ์เดช ซึ่งกำลังรวบรวบวิญญาณให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้ครอบครองทะเลหงเซ่อ รวมถึงปลดปล่อยอดีตเจ้าหุบเขา หรือเจี้ยนชุนเฟยที่ถูกกักขังไว้ให้เป็นอิสระ ด้วยถูกเหล่าเทพเซียนผนึกร่างเอาไว้ แม่สื่อนิ่งงันไปพักหนึ่ง พลางคิดในใจ นางไม่คิดอยากทำสิ่งเป็นบาปกรรมเช่นนี้ แต่คนจนมีชีวิตถูกแสนถูก การแต่งงานเพื่อช่วยต่อเติมอายุสกุลเจ้าบ่าวมีมาช้านาน ก่อนหน้านั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน นางมีชะตากรรมไม่ต่างกัน ครั้งนี้เกิดขึ้นกับสตรีแซ่ผิง ผู้น่าสงสารด้วยความกตัญญูของนางกลับไร้ค่า ฝ่ายคนงานติดตามขบวน รวมถึงผู้บังคับรถม้า จู่ๆ ต่างหวีดร้องอย่างคนเสียสติ ส่วนผู