แชร์

บทที่ 8

ผู้แต่ง: เจว๋เหริน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ในที่สุดหญิงชราก็มองมาที่ซูหยิงเซี่ย และขอให้ผู้ช่วยนำแว่นของเธอมาให้เพื่ออ่านสัญญาทั้งหมด

ญาติ ๆ ต่างพากันยืดคอเพื่อต้องการอ่านเนื้อหาของสัญญา เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าซูหยิงเซี่ยจะสามารถเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนได้จริง เพราะพวกเขาทุกคนไม่เคยเห็นแม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉว แล้วทำไมซูหยิงเซี่ยถึงทำได้?

เธอมีฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในตระกูลซู และไม่เคยเป็นที่น่าพอใจเลย ไม่มีใครปฏิบัติกับซูหยิงเซี่ยเหมือนเป็นญาติพี่น้อง แต่ถ้าครั้งนี้เธอขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ แล้วถ้าหญิงชราเห็นคุณค่าของเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?

ในบรรดาญาติ ๆ ของพวกเขา ซูไห่เฉาเป็นคนที่ไม่อยากจะเชื่อมากที่สุด เพราะถ้าหากซูหยิงเซี่ยขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าในอนาคตเขาจะต้องยกน้ำชาให้แก่ซูหยิงเซี่ย และเขาต้องเรียกเธอว่าพี่เซี่ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก

“ซูหยิงเซี่ย เธออาจจะร่างสัญญาขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะไปเชื่อเธอ ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวด้วยซ้ำ” ซูไห่เฉาพูดอย่างประชดประชัน

“ใช่ ฉันไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวจริง ๆ นั่นแหละ” เพราะคุณจงเหลียง ผู้ดูแลโครงการเฉิงซีบอกเธอว่าเจ้าของบริษัทยุ่งมาก และซูหยิงเซี่ยก็เข้าใจ

เมื่อซูหยิงเซี่ยพูดเช่นนี้ ญาติ ๆ ของตระกูลซูก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา

“ซูหยิงเซี่ย เธอกล้าปลอมสัญญานี้ขึ้นมาหลอกพวกเราเหรอ”

“คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ เพื่อไม่ให้ถูกไล่ออกจากตระกูลซู”

“เธอคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่เหรอ? ถึงได้ใช้สัญญาปลอมนี้มาหลอกพวกเรา”

ทุกคนต่างรู้สึกโกรธเคือง กัดฟันด้วยความเคียดแค้น และปฏิบัติต่อซูหยิงเซี่ยราวกับเธอเป็นศัตรู

ซูไห่เฉารู้สึกผ่อนคลายอย่างทันที เขามองดูซูหยิงเซี่ยเหมือนคนโง่เขลาและพูดว่า “เธอใช้วิธีนี้เพราะเธอกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากตระกูลซูเหรอ? แต่ก็ใช่ ครอบครัวของเธอสามคน รวมลูกเขยที่ไร้ค่าคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตระกูลซู แต่ไม่ต้องกังวลไป ฉันไม่ใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น ถ้าเธอหิวจริง ๆ ฉันจะให้อาหารสักมื้อก็แล้วกัน”

เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างหัวเราะเยาะและพูดต่อว่า “ใช่ กับข้าวมื้อเดียวพวกเราให้ได้อยู่แล้วล่ะ”

ซูหยิงเซี่ยไม่รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เธอยิ้มรับและพูดว่า “พวกเธอไม่สามารถตัดสินได้ว่าสัญญานี้เป็นของจริงหรือไม่ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉว แต่ผู้รับผิดชอบโครงการเฉิงซีคือ คุณจงเหลียง และในสัญญานี้ก็เป็นลายเซ็นของเขาด้วย”

“ฉันไม่ใช่คนโง่ และฉันก็ไม่เคยคิดว่าคุณย่าเป็นคนโง่ พวกเธอคิดว่าฉันจะทำสัญญาปลอมขึ้นมางั้นเหรอ?”

หัวใจของซูไห่เฉาเริ่มสั่นไหว ใบหน้าของเขาซีดขาวเหมือนกระดาษ

การปลอมแปลงเอกสารสัญญานั้นไม่มีประโยชน์อะไร ตรงกันข้ามกัน มันจะยิ่งทำให้คุณย่ารู้สึกโกรธ ซูหยิงเซี่ยจะทำแบบนั้นไปทำไม?

หรือว่าเธอจะขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ?

“ซูหยิงเซี่ย พวกเรายังทำไม่ได้เลย แล้วทำไมเธอถึง...”

ซูไห่เฉายังพูดไม่ทันจบ หญิงชราก็ยกมือขึ้นปราม

เธอมองไปที่ซูหยิงเซี่ยและพูดขึ้นว่า “สัญญาฉบับนี้ลงนามโดยเธอและคุณจงเหลียงจริง ซึ่งหมายความว่าเราได้เป็นผู้จัดหาวัสดุอย่างเต็มรูปแบบสำหรับโครงการเฉิงซีใช่ไหม?”

“คุณย่าคะ ฉันได้เชิญคุณจงเหลียงมาที่บริษัทของเราในวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะได้รู้ความว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ซูหยิงเซี่ยกล่าว

หญิงชรายิ้มและพูดชมเชยเล็กน้อย

คำชมเชยเล็กน้อยนี้ดังก้องอยู่ในหูของบรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซู และทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

ซูหยิงเซี่ยได้รับคำชมเชยจากหญิงชรา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซูเลย ซูหยิงเซี่ยอาจได้รับการเห็นค่ามากขึ้นในอนาคต และพวกเขาไม่ต้องการโดนเธอเหยียบย่ำ

“ซูหยิงเซี่ย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะทำได้ เธอนี่โชคดีจริง ๆ” ซูไห่เฉาต้องยอมรับความจริง เพราะวันพรุ่งนี้คนของบริษัทลั่วเฉวจะมาที่บริษัท แม้ว่าเขาไม่อยากจะเชื่อก็ตาม แต่เขาคิดว่าซูหยิงเซี่ยไม่มีความจำเป็นที่จะพูดโม้โอ้อวด

“นายยังไม่ลืมสิ่งที่นายพูดไว้ใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว

ซูไห่เฉากัดฟันและพูดว่า “ซูหยิงเซี่ย คราวนี้เธอก็แค่โชคดีเท่านั้น ถ้าฉันไป ฉันก็ทำได้ เธอจะให้ฉันยกน้ำชาให้เธอจริงเหรอ?”

ซูไห่เฉาไม่เต็มใจที่จะทำสิ่งอัปยศเช่นนี้ เพราะเขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลซู และเขายังเป็นคนที่มีความหวังในการสืบทอดตำแหน่งประธานมากที่สุด แล้วเขาจะยกชาให้แก่ซูหยิงเซี่ยได้อย่างไร

“ซูหยิงเซี่ยอย่าให้มันมากเกินไปนัก เธอก็แค่โชคดี อย่าคิดว่าจะเหนือกว่าซูไห่เฉาได้เลย”

“ใช่ คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งหรือไง บางทีถ้าฉันไปเองฉันก็คงทำได้เช่นกัน”

“ซูหยิงเซี่ย ฉันขอพูดในฐานะผู้อาวุโส ปล่อยเรื่องนี้ไปเถอะ ครั้งนี้เธอก็แค่โชคดีเท่านั้น”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 9

    บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูหลายคนลุกขึ้นยืนพูดแทนซูไห่เฉา เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเข้าข้างและปกป้องเขา ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ พวกเขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ ซูไห่เฉาเป็นคนให้สัญญาเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความผิดของเธอซะงั้นหากเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนไม่สำเร็จ หากซูไห่เฉาจะไล่เธอออกจากตระกูลซู แล้วคนเหล่านี้จะลุกขึ้นมาโต้แย้งช่วยเธอไหม?“ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้” หญิงชราพูดเมื่อบรรดาญาติ ๆ ที่ต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมของซูไห่เฉา เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเหมือนมะเขือที่ถูกทุบ พวกเขาไม่กล้าพูดไร้สาระอะไรอีกซูไห่เฉาแสดงสีหน้าบูดบึ้งราวกับว่าเขากินอุจจาระเข้าไป แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่พอใจเป็นหมื่นพันเท่า แต่ในเมื่อคุณย่าพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรซูไห่เฉายกถ้วยน้ำชามาให้ซูหยิงเซี่ยดื่ม และตะโกนอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่เซี่ย”เมื่อเขาก้มหัวลง ดวงตาของซูไห่เฉาก็ฉายแววน่ากลัว และคิดในใจว่า ครั้งนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ฉันเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบริษัท ถ้าฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตาย มันยังมีอีกหลายวิธีที่

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 10

    “คุณย่าครับ คุณย่าจะให้ซูหยิงเซี่ยรับผิดชอบเรื่องนี้จริงเหรอครับ?” ซูไห่เฉาพูดกับคุณย่าของเขาในห้องนั่งเล่นที่บ้านพักของตระกูลซูหญิงชรายิ้มรับและตอบว่า “สัญญานี้หยิงเซี่ยเป็นคนเจรจามาได้ ฉันมอบหมายให้เธอเป็นคนรับผิดชอบแล้วมันผิดตรงไหน?”“แม่ครับ แม่ลองคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบนะครับ ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ถ้าเธอสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเราได้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนักสำหรับซูไห่เฉานะครับ” ซูกั๋วหลินกล่าวหญิงชราของตระกูลซูมองทั้งสองอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า “ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา อย่ามาเล่นลิ้นกับฉัน”“คุณย่าครับ ถึงแม้ว่าหานซานเฉียนจะเข้ามาเป็นภาระในตระกูลเรา แต่เขาก็เป็นคนละนามสกุลกับเรา ตลอดสามปีที่ผ่านมา เจ้าคนต่ำต้อยนี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ถ้าบริษัทต้องไปอยู่ในความดูแลของซูหยิงเซี่ย คุณย่าไม่กลัวว่าทรัพย์สินของตระกูลซูของเราจะตกไปอยู่ในมือของคนนามสกุลคนอื่นเหรอครับ” ซูไห่เฉากล่าว“หยิงเซี่ยกับเจ้าคนต่ำต้อยนี้ไม่มีความรู้สึกผูกพันธ์อะไรกัน ถ้าไม่ใช่เพราะภาพลักษณ์ของตระกูลซู ฉันคงจะให้พวกเขาหย่ากันไปนานแล้ว เหตุการณ์ที่พวกแกกังวลไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น” หญิงชรากล่าวซูไห่เฉากัดฟันและพูดต่

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 11

    “คุณผู้หญิงซูอยู่ที่ไหนครับ” จงเหลียงถามอย่างไม่แยแสซูไห่เฉาคิดว่าจงเหลียงแค่ถามไปอย่างงั้น เขาจึงหาเหตุผลมาอ้างง่าย ๆ ว่า “เธอป่วยครับ จากนี้ไปผมจะรับผิดชอบติดตามความร่วมมือกับบริษัทคุณเองครับ”จงเหลียงพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น เราค่อยคุยกันหลังจากที่คุณผู้หญิงซูหายเป็นปกติแล้วดีกว่าครับ”หลังจากพูดจบ จงเหลียงก็หันหลังกลับและเดินออกไปทันทีซูไห่เฉาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงรีบวิ่งตามจงเหลียงไปทันทีและพูดว่า “พี่จงครับ ผมจะรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ คุณวางใจได้เลย ผมมีความสามารถมากกว่าซูหยิงเซี่ยแน่นอนครับ การเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทของคุณ....”ก่อนที่ซูไห่เฉาจะพูดจบ จงเหลียงก็หยุดอยู่ที่ด้านข้างของรถของเขาแล้วพูดว่า “มีคนจำนวนมากที่ต้องการเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทลั่วเฉว ในเมื่อตระกูลซูไม่มีความซื่อสัตย์ ผมคงต้องพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง”เมื่อซูไห่เฉาเห็นรถของคุณจงเหลียงขับออกไป เขาก็ยืนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจงเหลียงคงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ทัศนคติของเขาเด็ดขาดอย่างไม่น่าเชื่อพิจารณาเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งอย่างนั้นเหรอ!ประโยคนี้ทำให้ซูไห่เฉาหัวหมุน เดิมทีต

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 12

    ซูกั๋วหลินและซูไห่เฉาถูกทิ้งไว้ในห้องประชุมซูกั๋วหลินหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันไม่รู้ว่าซูหยิงเซี่ยวางยาอะไรจงเหลียง ตำแหน่งของแกในบริษัทสูงกว่าเธอแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ไว้หน้าแกแบบนี้”ซูไห่เฉากัดฟันกรอด เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ซูหยิงเซี่ยคงจะนอกใจไอ้คนต่ำต้อยนั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” “จะเพราะอะไรก็ช่าง เรื่องนี้ต้องให้เธอเป็นคนจัดการเท่านั้น สิ่งที่คุณย่าพูด ท่านรักษาคำพูดเสมอ” ซูกั๋วหลินพูดพร้อมกับถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูไห่เฉาก็ปวดหัว รู้อย่างงี้เมื่อคืนเขาไม่น่าโทรหาซูหยิงเซี่ยเลย เพราะตอนนี้เขาต้องไปขอร้องให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน“ผมคงต้องโทรหาเธอ”ซูไห่เฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของซูหยิงเซี่ยเขาไม่กล้าชักช้าในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากจงเหลียงเลือกบริษัทอื่นเป็นหุ้นส่วนขึ้นมาจริง ๆ คงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ววันนี้ซูหยิงเซี่ยถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในใจของเธอรู้สึกหดหู่และขุ่นเคือง ขณะที่เธอดูทีวีอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเธอกำลังจะลุกขึ้นไปรับโทรศ

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 13

    ซูไห่เฉาที่ถูกวางสายใส่รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไอ้คนต่ำต้อย กล้าดียังไงมาวางสายใส่ฉัน!” ซูไห่เฉาพูดอย่างโกรธเกรี้ยวซูกั๋วหลินรู้สึกเป็นกังวล ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่ออกมารับหน้าแทน พวกเขาจบเห่แน่“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยไม่ยอมช่วยเหรอ?” ซูกั๋วหลินถามซูไห่เฉายิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “หานซานเฉียนรับสายแทน มันบอกว่าซูหยิงเซี่ยป่วย”“ป่วยอย่างนั้นเหรอ?” ซูกั๋วหลินถ่มน้ำลายลงพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ฉันว่าเธอคงแกล้งป่วยน่ะสิและจงใจไม่ช่วยมากกว่า”ถึงซูกั๋วหลินจะรู้สึกโกรธจัด แต่เขาก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนให้ได้ การร่วมมือกับเธอคือเรื่องเล็ก แต่การถูกไล่ออกจากตระกูลซูนั้นคือเรื่องใหญ่“ไห่เฉาไปกันเถอะ พ่อจะพาแกไปเอง” ซูกั๋วหลินกล่าวตั้งแต่ที่ซูไห่เฉาถูกหานซานเฉียนวางสายใส่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาโกรธมากและแน่นอนว่าต้องไปจัดการกับหานซานเฉียนเมื่อพวกเขามาถึงชุมชนที่ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยอาศัยอยู่ ซูกั๋วหลินก็แสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ครอบครัวซูต่ำต้อยที่สุดในตระ

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 14

    ซูไห่เฉารู้สึกกลัวจนตัวสั่น เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และไม่มีข้อสงสัยกับคำพูดของหานซานเฉียนอีก“พวกนายกำลังทำอะไรกัน?” ซูกั๋วเย่าและเจี่ยงหลานกลับมาถึงบ้าน เห็นฉากนี้เข้าพอดี“กั๋วเย่า ลูกเขยของนายกล้ามาก มันตีลูกชายของฉัน” เมื่อซูกั๋วหลินเห็นซูกั๋วเย่า เขาก็แสดงท่าทีหยิ่งยโสอีกครั้ง ตั้งแต่เด็กซูกั๋วเย่าเป็นน้องชายที่ไร้ค่า ตอนนั้นเขาขโมยลูกอม ขโมยหนังสือเรียน และขโมยแฟนสาวของซูกั๋วเย่า ซูกั๋วเย่าก็ยอมแพ้มาตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเขามีอำนาจกว่าซูกั๋วเย่าเสมอซูกั๋วเย่า เขาถูกรังแกตั้งแต่ยังเด็กจนเป็นภาพติดหัว เมื่อเขาเห็นพี่ชายคนนี้เขาจึงรู้สึกหวาดกลัว“หานซานเฉียน แกบ้าไปแล้วเหรอ...”ซูกั๋วเย่ายังพูดไม่ทันจบก็ถูกเจี่ยงหลานดึงตัวไว้แม้ว่าเจี่ยงหลานจะไม่ชอบหานซานเฉียน แต่เมื่อคืนนี้ซูไห่เฉาแย่งตำแหน่งผู้รับผิดชอบโครงการของซูหยิงเซี่ยไป และเธอหาโอกาสแก้แค้นซูไห่เฉาไม่ได้เลย ที่เขาถูกตีมันก็สมควรแล้ว “พี่เขยคะ ที่ลูกชายของพี่ถูกตีก็เพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น ทำเรื่องอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมค่ะ” เจียงหลานพูด“เธอ…” ซูกั๋วหลินพูดพลางชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่เจียงหลานด้วยความรู้

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 15

    ความปรารถนาสูงสุดของเจี่ยงหลานคือการหาโอกาสที่จะไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซู แต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกลับพูดช่วยเขา และเธอยังยอมรับการแต่งงานกับเขา ทำให้เธอโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ซูหยิงเซี่ย แม่ขอเตือนลูกว่าอย่ารู้สึกจริงจังกับเขา หากลูกอยู่กับไอ้คนไร้ประโยชน์แบบนี้ ลูกจะไม่มีทางมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ดูแม่เป็นบทเรียนสิ” เจี่ยงหลานพูดด้วยความรู้สึกโกรธเคืองช่วงเวลาสามปีที่เธออยู่กับหานซานเฉียน ความคิดหรืออุปนิสัยของธอและเขาค่อย ๆ หลอมรวมกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องบริษัทลั่วเฉวเข้ามาเกี่ยวเธอก็จะไม่หย่ากับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นตัวหลักที่ช่วยเธอในการเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้อีกด้วยเหตุผลที่แม่ของเธอมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อหานซานเฉียน เพราะท่านคิดว่าเขาไม่มีผลประโยชน์ แต่ถ้าเธอได้บอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของแม่เธอที่มีต่อหานซานเฉียนได้อย่างแน่นอนแต่...ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้ฉันบอกเรื่องนี้กับพวกท่านกันนะ“แม่ไม่ได้โกรธลูกนะ แม่แค่ไม่อยากให้ลูกเดินตามรอยแม่” เจี่ยงหลานสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดเกินไป จึงเริ่มลดเสียงลงเล็กน้อย“แม่คะ

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 16

    เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยมีนิสัยชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า และเธอจะตื่นนอนตอนหกโมงเช้าทุกวันหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนพื้นข้างเตียง พลางพูดว่า “ยังแกล้งหลับอยู่อีก?”หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาไปเฝ้าเธอหลังเลิกงานทุกวัน และเธอรู้แม้กระทั่งว่าเขาตามเธอไปวิ่งในตอนเช้าอีกด้วยทั้งสองคนออกไปข้างนอกพร้อมกัน สามปีมานี้ซูหยิงเซี่ยจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าในเส้นทางเดิมทุกวัน โดยต้องวิ่งผ่านคฤหาสน์เขาหยุนติงด้วยเมื่อมาถึงเขตถนนบริเวณคฤหาสน์เขาหยุนติง หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ยว่า “ทำไมคุณถึงมองที่ตรงนี้ทุกวันเลยล่ะ?”“ถ้าหากได้วิ่งออกกำลังกายบนภูเขาแบบนี้จะได้รับอากาศที่ดีกว่าอย่างไรล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยแววตาปรารถนา เธอรู้ว่าประตูที่อยู่ใต้ภูเขาไม่มีใครสามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ นอกจากผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้เท่านั้น ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าที่นี่อยู่ไกลเกินเอื้อมของเธอ ดังนั้นเธอจึงพอใจที่จะได้เห็นมันแบบนี้ทุกวัน“คุณย่าของฉันต้องการอยู่ที่นี่ เพราะการอยู่ที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้เธอสามารถก้าวเข้าสู่

บทล่าสุด

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1455

    เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1454

    “เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1453

    เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1452

    เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1451

    “เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1450

    ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1449

    ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1448

    หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด

  • ลูกเขยฟ้าประทาน   บทที่ 1447

    “ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ

DMCA.com Protection Status