เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยมีนิสัยชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า และเธอจะตื่นนอนตอนหกโมงเช้าทุกวันหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนพื้นข้างเตียง พลางพูดว่า “ยังแกล้งหลับอยู่อีก?”หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาไปเฝ้าเธอหลังเลิกงานทุกวัน และเธอรู้แม้กระทั่งว่าเขาตามเธอไปวิ่งในตอนเช้าอีกด้วยทั้งสองคนออกไปข้างนอกพร้อมกัน สามปีมานี้ซูหยิงเซี่ยจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าในเส้นทางเดิมทุกวัน โดยต้องวิ่งผ่านคฤหาสน์เขาหยุนติงด้วยเมื่อมาถึงเขตถนนบริเวณคฤหาสน์เขาหยุนติง หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ยว่า “ทำไมคุณถึงมองที่ตรงนี้ทุกวันเลยล่ะ?”“ถ้าหากได้วิ่งออกกำลังกายบนภูเขาแบบนี้จะได้รับอากาศที่ดีกว่าอย่างไรล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยแววตาปรารถนา เธอรู้ว่าประตูที่อยู่ใต้ภูเขาไม่มีใครสามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ นอกจากผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้เท่านั้น ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าที่นี่อยู่ไกลเกินเอื้อมของเธอ ดังนั้นเธอจึงพอใจที่จะได้เห็นมันแบบนี้ทุกวัน“คุณย่าของฉันต้องการอยู่ที่นี่ เพราะการอยู่ที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้เธอสามารถก้าวเข้าสู่
หญิงชราของตระกูลซูออกไปแล้ว!ดูเหมือนว่าหญิงชราของตระกูลซูจะไปที่บ้านของซูกั๋วเย่า!เมื่อข่าวแพร่กระจายในตระกูลซู ญาติทุกคนต่างตกใจอย่างสุดขีด นานเท่าไรแล้วที่หญิงชราของตระกุลซูไม่เคยไปบ้านลูก ๆ ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเคยพูดว่า ถ้าอยากให้เธอไปบ้านของลูก ๆ ของเธอนั้น พวกเธอต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเขาหยุนติงเท่านั้น“มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”“คุณย่าจะไปที่บ้านของซูหยิงเซี่ยจริง ๆ ”“ไม่มีทาง ใครเป็นคนสร้างข่าวลือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร”กลุ่มวีแชทของลูกหลานตระกูลซูมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก และทุกคนต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับข่าวนี้เลย แต่เมื่อมีรูปภาพของคุณย่าลงจากรถถูกโพสต์ลงในกลุ่ม กลุ่มวีแชทก็เงียบลงทันทีพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าการปรากฏตัวของคุณย่าในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าท่านจะต้องรู้สึกขายหน้าซูหยิงเซี่ยก็ตาม สำหรับตำแหน่งในบริษัทของซูไห่เฉานั้นคงจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่ซูกั๋วเย่าและเจี่ยงหลานรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน พวกเขาคิดว่าคุณย่าไม่สามารถมาที่นี่ได้แต่ท่านก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าพวกเข
หญิงชรามองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่พอใจและถามเขาว่า “แกพูดว่าไม่ได้ป่วย เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไง?”“ท่านต้องให้หยิงเซี่ยเป็นหัวหน้าโครงการ เธอได้รับความร่วมมือจากบริษัทลั่วเฉว ไม่ว่าซูไห่เฉาจะพูดอย่างไร แต่การตัดสินใจเปลี่ยนหัวหน้าโครงการเป็นของท่าน เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของซูไห่เฉา แต่มันก็เป็นความผิดของท่านเช่นกัน ตามที่ท่านได้เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย“หานซานเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าถามคุณย่าแบบนี้” ซูไห่เฉาพูดขึ้นอย่างโกรธจัดซูกั๋วหลินรู้สึกโกรธมากเช่นกัน เขาเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าครอบครัวตระกูลซู เขายังไม่เคยรู้สึกหมดความอดทน หรือคิดที่จะประณามความผิดกับหญิงชราท่านนี้เลย“หานซานเฉียน แกไม่ควรจะพูดอะไรที่นี่ แกควรจะไปให้พ้นหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษที่ฉันหยาบคายกับแก” ซูกั๋วหลินพูด“คุณย่าครับ ตอนนี้มีเพียงหยิงเซี่ยเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับความร่วมมือนี้ได้ใช่ไหมครับ?” ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนกแค่ไหนแต่ หานซานเฉียนก็ดูสงบนิ่งอยู่เสมอหญิงชราสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “การยั่วโมโหฉัน และทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร แกกลัวว่า
สามวันต่อมา ณ คฤหาสน์ตระกูลซูหญิงชราเป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองให้กับซูหยิงเซี่ย และญาติ ๆ ของตระกูลซูก็อยู่กันพร้อมหน้าด้วยในระหว่างรับประทานอาหารเย็น ซูหยิงเซี่ยได้พูดคุยกับหญิงชราเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ทำให้หญิงชรารู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ญาติทั้งหมดของตระกูลซูต่างก็มีเจตนาร้ายต่อเธอ ความเป็นผู้นำของซูหยิงเซี่ยได้กลายเป็นความจริงแล้ว ในอนาคตสถานะตำแหน่งในบริษัทของซูหยิงเซี่ยย่อมมั่นคงอย่างเลี่ยงไม่ได้อย่างไรก็ตาม บริษัทลั่วเฉวจำเป็นต้องสร้างทางตะวันตกของเมืองให้เป็นเขตเมืองหลัก และโครงการนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานถ้าโครงการยังไม่จบ ใครจะสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของซูหยิงเซี่ยได้?สีหน้าของซูไห่เฉาดูไม่ค่อยดีนัก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท และคาดว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานตระกูลซู ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยมีอำนาจอยู่ในมือ และมันแทบจะบั่นทอนอำนาจของเขาในบริษัท แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ซูไห่เฉาเชื่อว่าคุณย่าไม่สามารถยกทั้งบริษัทให้เธอได้นอกจากงานเลี้ยงสังสรรค์แล้ว วันนี้ที่เมืองหยุนเฉิงยังมีงานใหญ่จัดขึ้นอ
ซูกั๋วหลินได้รับโทรศัพท์และพูดด้วยความตกใจว่า “ราคามันสูงมาก! ประมาณหกสิบล้านหยวนไม่ใช่เหรอ?”“ใครชนะการประมูล?”เมื่อตระกูลซูได้ยินสิ่งที่ซูกั๋วหลินพูด พวกเขาก็รู้ว่าเขากำลังพูดถึงการประมูลคฤหาสน์ที่ใจกลางภูเขาหยุนติง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ซูกั๋วหลินและฟังอย่างตั้งใจ“ฉันเข้าใจแล้ว”ซูกั๋วหลินวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ“พ่อ ราคาซื้อขายอยู่ที่เท่าไหร่?” ซูไห่เฉาถามอย่างร้อนใจ“แปดสิบเก้าล้านหยวน” ซูกั๋วหลินพูดตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกเป็นอย่างมาก หญิงชรายังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ให้สงบลงได้ มันเกินราคาประมูลไปมากกว่ายี่สิบล้านหยวน สามารถจินตนาการได้เลยว่าการประมูลนั้นดุเดือดแค่ไหน ที่สำคัญที่สุดคือ มูลค่าที่แท้จริงของคฤหาสน์หลังนั้น ไม่ค่อยคุ้มค่านักกับเงินแปดสิบเก้าล้านหยวนทั้งหมดนั้นถูกใช้เพื่อความมีหน้ามีตาในสังคม“ยิ่งไปกว่านั้น อี้หานพูดถูกจริง ๆ เขาเป็นผู้ซื้อที่ลึกลับ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร” ซูกั๋วหลินยังคงพูดต่อซูอี้หานใจเต้นโครมคราม เธอตื่นเต้นมาก เธอแค่พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!ถ้าหากว่าเป็นตระกูลหานผู้ลึกลับซื้อมันมานั้นยิ่งทำให้เ
ณ หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งรูปร่างที่งดงามของเฉินหลิงเหยาดึงดูดความสนใจของผู้ชายหลายคน เพียงไม่กี่นาทีก็มีชายสามคนเข้ามาพูดคุยกับเธอเสื้อยืดพิมพ์ลายคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์และกระโปรงพลีทสีขาวเผยช่วงล่างให้เห็นขาเรียวงามของเธอ ไม่รู้ว่าผู้ชายหลายคนจะรู้สึกตื่นตากับมันมากแค่ไหนในฐานะเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าซูหยิงเซี่ยเดินมากับชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอซูหยิงเซี่ยแต่งงานมาได้สามปีแล้ว ลูกเขยที่เขาเล่ากันปากต่อปาก เธอเคยเจอแค่ครั้งเดียวคือในงานแต่งงาน วันนี้ซูหยิงเซี่ยพาเขาออกมาข้างนอกด้วยนี่เราไม่ได้สายตาเลือนรางมองผิดไปใช่ไหม?“เป็นอะไรไป มีอะไรที่ทำให้เธอประหลาดใจขนาดนี้เหรอ” ซูหยิงเซี่ยเดินเข้ามาหาเฉินหลิงเหยาและถามเธอด้วยรอยยิ้มเฉินหลิงเหยาดึงซูหยิงเซี่ยออกมาแล้วถามเธอเบา ๆ ว่า “หยิงเซี่ย ชายคนนี้คือหานซานเฉียนผู้โด่งดังอย่างนั้นเหรอ ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม?”ทั่วทั้งเมืองหยุนเฉิง แม้ว่าจะไม่เคยมีใครเห็นรูปลักษณ์ของหานซานเฉียนแต่ก็เคยได้ยินชื่อของเขามาไม่มากก็น้อย เพราะเรื่องของเมื่อสามปีที่แล้วค่อนข้างโด่งดังมาก อี
เมื่อผู้หญิงเดินเข้ามาในร้าน เธอไม่แม้แต่จะเลือกดูหรือลองสวมเสื้อผ้าเลยด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่ให้พนักงานขายห่อสินค้าให้เท่านั้น“ฉันก็ต้องการตัวนี้เหมือนกัน” เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอเพิ่งหยิบเสื้อผ้าชุดนี้มาและกำลังจะลองชุด แต่เธอไม่คิดว่าจะถูกผู้หญิงคนนี้เอาชุดของเธอไปด้วยสำหรับการปฏิบัติต่อลูกค้าที่มีลักษณะตรงไปตรงมา พนักงานขายทุกคนมักจะประจบประแจงและให้บริการอย่างดี อีกทั้งซูหยิงเซี่ยได้ลองเสื้อผ้ามาแล้วหลายชุด และไม่ได้มีทีท่าว่าจะตั้งใจซื้อมัน โดยตามปกติแล้วพนักงานก็จะไม่ได้ให้ความสนใจกับซูหยิงเซี่ย“ได้ค่ะ”“นี่มันเรื่องอะไรกัน ชุดนี้เพื่อนของฉันเป็นคนสนใจก่อนนะ” ซูหยิงเซี่ยยังไม่ทันพูดอะไร เฉินหลิงเหยาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นคนแรกและตั้งคำถามกับพนักงานขาย หญิงคนรักของเศรษฐีคนนั้นมองเฉินหลิงเหยาด้วยสายตาดูถูกพร้อมกับยิ้มเยาะและพูดว่า “เวลาที่ฉันซื้อเสื้อผ้า ฉันไม่เคยลองเสื้อผ้าเลยก็เพราะว่ามีคนอย่างพวกเธอมาลองเสื้อผ้าอย่างไรล่ะ ไม่รู้ว่าในนั้นมีแบคทีเรียกี่ตัว”“การลองเสื้อผ้าใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเหมาะหรือไม
เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่สามารถหยิบกระเป๋าเงินออกมาได้นานพอสมควร เศรษฐีอ้วนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแสดงสีหน้าหยิ่งผยองอีกครั้ง“มันจบแล้ว หมดเวลาพล่ามเรื่องไร้สาระแล้ว ไม่มีกระเป๋าเงิน ไม่มีข้อแก้ตัว ถ้าหากว่าแกพูดออกมามันจะเป็นเรื่องตลกไปจนวันตาย” เศรษฐีอ้วนพูดเสร็จก็นั่งลงหญิงคู่รักของเศรษฐีอ้วนหัวเราะอย่างประหลาดและพูดว่า “แย่ละ เธอช่วยอย่ารบกวนเวลาฉันซื้อเสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่ได้ไหม เป็นความอัปยศจริง ๆ ”เฉินหลิงเหยาดึงเสื้อผ้าของซูหยิงเซี่ยไปอย่างเงียบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ไปกันเถอะ อย่าไปเสียหน้ากับเขาเลย ฉันทนรับความอัปยศแบบนี้ไม่ไหวแล้ว”ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่เข้าใจที่เขาโอ้อวดก็เพื่อรักษาชื่อเสียงหน้าตาอย่างนั้นเหรอ หานซานเฉียนไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวและเดินเข้าไปถามหานซานเฉียนว่า “คุณลืมเอากระเป๋าเงินมาเหรอ?”หานซานเฉียนมีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหยิบกระเป๋าเงินมาแต่เขาให้บัตรเครดิตกับจงเหลียงไป เขาลืมเรื่องนี้ได้ยังไงกันเมื่อได้ยินคำพูดของซูหยิงเซี่ยเศรษฐีอ้วนคนนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “คำพูดแบบนี้ถ้าพ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ