เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยมีนิสัยชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า และเธอจะตื่นนอนตอนหกโมงเช้าทุกวันหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนพื้นข้างเตียง พลางพูดว่า “ยังแกล้งหลับอยู่อีก?”หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาไปเฝ้าเธอหลังเลิกงานทุกวัน และเธอรู้แม้กระทั่งว่าเขาตามเธอไปวิ่งในตอนเช้าอีกด้วยทั้งสองคนออกไปข้างนอกพร้อมกัน สามปีมานี้ซูหยิงเซี่ยจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าในเส้นทางเดิมทุกวัน โดยต้องวิ่งผ่านคฤหาสน์เขาหยุนติงด้วยเมื่อมาถึงเขตถนนบริเวณคฤหาสน์เขาหยุนติง หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ยว่า “ทำไมคุณถึงมองที่ตรงนี้ทุกวันเลยล่ะ?”“ถ้าหากได้วิ่งออกกำลังกายบนภูเขาแบบนี้จะได้รับอากาศที่ดีกว่าอย่างไรล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยแววตาปรารถนา เธอรู้ว่าประตูที่อยู่ใต้ภูเขาไม่มีใครสามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ นอกจากผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้เท่านั้น ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าที่นี่อยู่ไกลเกินเอื้อมของเธอ ดังนั้นเธอจึงพอใจที่จะได้เห็นมันแบบนี้ทุกวัน“คุณย่าของฉันต้องการอยู่ที่นี่ เพราะการอยู่ที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้เธอสามารถก้าวเข้าสู่
หญิงชราของตระกูลซูออกไปแล้ว!ดูเหมือนว่าหญิงชราของตระกูลซูจะไปที่บ้านของซูกั๋วเย่า!เมื่อข่าวแพร่กระจายในตระกูลซู ญาติทุกคนต่างตกใจอย่างสุดขีด นานเท่าไรแล้วที่หญิงชราของตระกุลซูไม่เคยไปบ้านลูก ๆ ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเคยพูดว่า ถ้าอยากให้เธอไปบ้านของลูก ๆ ของเธอนั้น พวกเธอต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเขาหยุนติงเท่านั้น“มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”“คุณย่าจะไปที่บ้านของซูหยิงเซี่ยจริง ๆ ”“ไม่มีทาง ใครเป็นคนสร้างข่าวลือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร”กลุ่มวีแชทของลูกหลานตระกูลซูมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก และทุกคนต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับข่าวนี้เลย แต่เมื่อมีรูปภาพของคุณย่าลงจากรถถูกโพสต์ลงในกลุ่ม กลุ่มวีแชทก็เงียบลงทันทีพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าการปรากฏตัวของคุณย่าในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าท่านจะต้องรู้สึกขายหน้าซูหยิงเซี่ยก็ตาม สำหรับตำแหน่งในบริษัทของซูไห่เฉานั้นคงจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่ซูกั๋วเย่าและเจี่ยงหลานรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน พวกเขาคิดว่าคุณย่าไม่สามารถมาที่นี่ได้แต่ท่านก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าพวกเข
หญิงชรามองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่พอใจและถามเขาว่า “แกพูดว่าไม่ได้ป่วย เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไง?”“ท่านต้องให้หยิงเซี่ยเป็นหัวหน้าโครงการ เธอได้รับความร่วมมือจากบริษัทลั่วเฉว ไม่ว่าซูไห่เฉาจะพูดอย่างไร แต่การตัดสินใจเปลี่ยนหัวหน้าโครงการเป็นของท่าน เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของซูไห่เฉา แต่มันก็เป็นความผิดของท่านเช่นกัน ตามที่ท่านได้เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย“หานซานเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าถามคุณย่าแบบนี้” ซูไห่เฉาพูดขึ้นอย่างโกรธจัดซูกั๋วหลินรู้สึกโกรธมากเช่นกัน เขาเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าครอบครัวตระกูลซู เขายังไม่เคยรู้สึกหมดความอดทน หรือคิดที่จะประณามความผิดกับหญิงชราท่านนี้เลย“หานซานเฉียน แกไม่ควรจะพูดอะไรที่นี่ แกควรจะไปให้พ้นหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษที่ฉันหยาบคายกับแก” ซูกั๋วหลินพูด“คุณย่าครับ ตอนนี้มีเพียงหยิงเซี่ยเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับความร่วมมือนี้ได้ใช่ไหมครับ?” ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนกแค่ไหนแต่ หานซานเฉียนก็ดูสงบนิ่งอยู่เสมอหญิงชราสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “การยั่วโมโหฉัน และทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร แกกลัวว่า
สามวันต่อมา ณ คฤหาสน์ตระกูลซูหญิงชราเป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองให้กับซูหยิงเซี่ย และญาติ ๆ ของตระกูลซูก็อยู่กันพร้อมหน้าด้วยในระหว่างรับประทานอาหารเย็น ซูหยิงเซี่ยได้พูดคุยกับหญิงชราเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ทำให้หญิงชรารู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ญาติทั้งหมดของตระกูลซูต่างก็มีเจตนาร้ายต่อเธอ ความเป็นผู้นำของซูหยิงเซี่ยได้กลายเป็นความจริงแล้ว ในอนาคตสถานะตำแหน่งในบริษัทของซูหยิงเซี่ยย่อมมั่นคงอย่างเลี่ยงไม่ได้อย่างไรก็ตาม บริษัทลั่วเฉวจำเป็นต้องสร้างทางตะวันตกของเมืองให้เป็นเขตเมืองหลัก และโครงการนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานถ้าโครงการยังไม่จบ ใครจะสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของซูหยิงเซี่ยได้?สีหน้าของซูไห่เฉาดูไม่ค่อยดีนัก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท และคาดว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานตระกูลซู ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยมีอำนาจอยู่ในมือ และมันแทบจะบั่นทอนอำนาจของเขาในบริษัท แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ซูไห่เฉาเชื่อว่าคุณย่าไม่สามารถยกทั้งบริษัทให้เธอได้นอกจากงานเลี้ยงสังสรรค์แล้ว วันนี้ที่เมืองหยุนเฉิงยังมีงานใหญ่จัดขึ้นอ
ซูกั๋วหลินได้รับโทรศัพท์และพูดด้วยความตกใจว่า “ราคามันสูงมาก! ประมาณหกสิบล้านหยวนไม่ใช่เหรอ?”“ใครชนะการประมูล?”เมื่อตระกูลซูได้ยินสิ่งที่ซูกั๋วหลินพูด พวกเขาก็รู้ว่าเขากำลังพูดถึงการประมูลคฤหาสน์ที่ใจกลางภูเขาหยุนติง พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ซูกั๋วหลินและฟังอย่างตั้งใจ“ฉันเข้าใจแล้ว”ซูกั๋วหลินวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจ“พ่อ ราคาซื้อขายอยู่ที่เท่าไหร่?” ซูไห่เฉาถามอย่างร้อนใจ“แปดสิบเก้าล้านหยวน” ซูกั๋วหลินพูดตัวเลขนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกเป็นอย่างมาก หญิงชรายังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ให้สงบลงได้ มันเกินราคาประมูลไปมากกว่ายี่สิบล้านหยวน สามารถจินตนาการได้เลยว่าการประมูลนั้นดุเดือดแค่ไหน ที่สำคัญที่สุดคือ มูลค่าที่แท้จริงของคฤหาสน์หลังนั้น ไม่ค่อยคุ้มค่านักกับเงินแปดสิบเก้าล้านหยวนทั้งหมดนั้นถูกใช้เพื่อความมีหน้ามีตาในสังคม“ยิ่งไปกว่านั้น อี้หานพูดถูกจริง ๆ เขาเป็นผู้ซื้อที่ลึกลับ ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร” ซูกั๋วหลินยังคงพูดต่อซูอี้หานใจเต้นโครมคราม เธอตื่นเต้นมาก เธอแค่พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!ถ้าหากว่าเป็นตระกูลหานผู้ลึกลับซื้อมันมานั้นยิ่งทำให้เ
ณ หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งรูปร่างที่งดงามของเฉินหลิงเหยาดึงดูดความสนใจของผู้ชายหลายคน เพียงไม่กี่นาทีก็มีชายสามคนเข้ามาพูดคุยกับเธอเสื้อยืดพิมพ์ลายคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวบริสุทธิ์และกระโปรงพลีทสีขาวเผยช่วงล่างให้เห็นขาเรียวงามของเธอ ไม่รู้ว่าผู้ชายหลายคนจะรู้สึกตื่นตากับมันมากแค่ไหนในฐานะเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิทของซูหยิงเซี่ย เธอก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าซูหยิงเซี่ยเดินมากับชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ เธอซูหยิงเซี่ยแต่งงานมาได้สามปีแล้ว ลูกเขยที่เขาเล่ากันปากต่อปาก เธอเคยเจอแค่ครั้งเดียวคือในงานแต่งงาน วันนี้ซูหยิงเซี่ยพาเขาออกมาข้างนอกด้วยนี่เราไม่ได้สายตาเลือนรางมองผิดไปใช่ไหม?“เป็นอะไรไป มีอะไรที่ทำให้เธอประหลาดใจขนาดนี้เหรอ” ซูหยิงเซี่ยเดินเข้ามาหาเฉินหลิงเหยาและถามเธอด้วยรอยยิ้มเฉินหลิงเหยาดึงซูหยิงเซี่ยออกมาแล้วถามเธอเบา ๆ ว่า “หยิงเซี่ย ชายคนนี้คือหานซานเฉียนผู้โด่งดังอย่างนั้นเหรอ ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม?”ทั่วทั้งเมืองหยุนเฉิง แม้ว่าจะไม่เคยมีใครเห็นรูปลักษณ์ของหานซานเฉียนแต่ก็เคยได้ยินชื่อของเขามาไม่มากก็น้อย เพราะเรื่องของเมื่อสามปีที่แล้วค่อนข้างโด่งดังมาก อี
เมื่อผู้หญิงเดินเข้ามาในร้าน เธอไม่แม้แต่จะเลือกดูหรือลองสวมเสื้อผ้าเลยด้วยซ้ำ เธอเพียงแค่ให้พนักงานขายห่อสินค้าให้เท่านั้น“ฉันก็ต้องการตัวนี้เหมือนกัน” เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของซูหยิงเซี่ย เธอเพิ่งหยิบเสื้อผ้าชุดนี้มาและกำลังจะลองชุด แต่เธอไม่คิดว่าจะถูกผู้หญิงคนนี้เอาชุดของเธอไปด้วยสำหรับการปฏิบัติต่อลูกค้าที่มีลักษณะตรงไปตรงมา พนักงานขายทุกคนมักจะประจบประแจงและให้บริการอย่างดี อีกทั้งซูหยิงเซี่ยได้ลองเสื้อผ้ามาแล้วหลายชุด และไม่ได้มีทีท่าว่าจะตั้งใจซื้อมัน โดยตามปกติแล้วพนักงานก็จะไม่ได้ให้ความสนใจกับซูหยิงเซี่ย“ได้ค่ะ”“นี่มันเรื่องอะไรกัน ชุดนี้เพื่อนของฉันเป็นคนสนใจก่อนนะ” ซูหยิงเซี่ยยังไม่ทันพูดอะไร เฉินหลิงเหยาก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นคนแรกและตั้งคำถามกับพนักงานขาย หญิงคนรักของเศรษฐีคนนั้นมองเฉินหลิงเหยาด้วยสายตาดูถูกพร้อมกับยิ้มเยาะและพูดว่า “เวลาที่ฉันซื้อเสื้อผ้า ฉันไม่เคยลองเสื้อผ้าเลยก็เพราะว่ามีคนอย่างพวกเธอมาลองเสื้อผ้าอย่างไรล่ะ ไม่รู้ว่าในนั้นมีแบคทีเรียกี่ตัว”“การลองเสื้อผ้าใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเหมาะหรือไม
เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่สามารถหยิบกระเป๋าเงินออกมาได้นานพอสมควร เศรษฐีอ้วนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและแสดงสีหน้าหยิ่งผยองอีกครั้ง“มันจบแล้ว หมดเวลาพล่ามเรื่องไร้สาระแล้ว ไม่มีกระเป๋าเงิน ไม่มีข้อแก้ตัว ถ้าหากว่าแกพูดออกมามันจะเป็นเรื่องตลกไปจนวันตาย” เศรษฐีอ้วนพูดเสร็จก็นั่งลงหญิงคู่รักของเศรษฐีอ้วนหัวเราะอย่างประหลาดและพูดว่า “แย่ละ เธอช่วยอย่ารบกวนเวลาฉันซื้อเสื้อผ้าแล้วออกไปจากที่นี่ได้ไหม เป็นความอัปยศจริง ๆ ”เฉินหลิงเหยาดึงเสื้อผ้าของซูหยิงเซี่ยไปอย่างเงียบ ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ไปกันเถอะ อย่าไปเสียหน้ากับเขาเลย ฉันทนรับความอัปยศแบบนี้ไม่ไหวแล้ว”ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่เข้าใจที่เขาโอ้อวดก็เพื่อรักษาชื่อเสียงหน้าตาอย่างนั้นเหรอ หานซานเฉียนไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวและเดินเข้าไปถามหานซานเฉียนว่า “คุณลืมเอากระเป๋าเงินมาเหรอ?”หานซานเฉียนมีท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาหยิบกระเป๋าเงินมาแต่เขาให้บัตรเครดิตกับจงเหลียงไป เขาลืมเรื่องนี้ได้ยังไงกันเมื่อได้ยินคำพูดของซูหยิงเซี่ยเศรษฐีอ้วนคนนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “คำพูดแบบนี้ถ้าพ