ซูกั๋วหลินและซูไห่เฉาถูกทิ้งไว้ในห้องประชุมซูกั๋วหลินหน้าดำคร่ำเครียด เขาพูดอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฉันไม่รู้ว่าซูหยิงเซี่ยวางยาอะไรจงเหลียง ตำแหน่งของแกในบริษัทสูงกว่าเธอแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ไว้หน้าแกแบบนี้”ซูไห่เฉากัดฟันกรอด เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ซูหยิงเซี่ยคงจะนอกใจไอ้คนต่ำต้อยนั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ” “จะเพราะอะไรก็ช่าง เรื่องนี้ต้องให้เธอเป็นคนจัดการเท่านั้น สิ่งที่คุณย่าพูด ท่านรักษาคำพูดเสมอ” ซูกั๋วหลินพูดพร้อมกับถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ซูไห่เฉาก็ปวดหัว รู้อย่างงี้เมื่อคืนเขาไม่น่าโทรหาซูหยิงเซี่ยเลย เพราะตอนนี้เขาต้องไปขอร้องให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนเขา เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปจนเขาตั้งตัวไม่ทัน“ผมคงต้องโทรหาเธอ”ซูไห่เฉาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหมายเลขของซูหยิงเซี่ยเขาไม่กล้าชักช้าในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากจงเหลียงเลือกบริษัทอื่นเป็นหุ้นส่วนขึ้นมาจริง ๆ คงไม่มีทางแก้ไขได้อีกแล้ววันนี้ซูหยิงเซี่ยถูกสั่งให้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน ในใจของเธอรู้สึกหดหู่และขุ่นเคือง ขณะที่เธอดูทีวีอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นเธอกำลังจะลุกขึ้นไปรับโทรศ
ซูไห่เฉาที่ถูกวางสายใส่รู้สึกหงุดหงิดมาก เขาขว้างโทรศัพท์ลงบนพื้นจนมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ “ไอ้คนต่ำต้อย กล้าดียังไงมาวางสายใส่ฉัน!” ซูไห่เฉาพูดอย่างโกรธเกรี้ยวซูกั๋วหลินรู้สึกเป็นกังวล ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่ออกมารับหน้าแทน พวกเขาจบเห่แน่“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น ซูหยิงเซี่ยไม่ยอมช่วยเหรอ?” ซูกั๋วหลินถามซูไห่เฉายิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า “หานซานเฉียนรับสายแทน มันบอกว่าซูหยิงเซี่ยป่วย”“ป่วยอย่างนั้นเหรอ?” ซูกั๋วหลินถ่มน้ำลายลงพื้นและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “ฉันว่าเธอคงแกล้งป่วยน่ะสิและจงใจไม่ช่วยมากกว่า”ถึงซูกั๋วหลินจะรู้สึกโกรธจัด แต่เขาก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอให้ซูหยิงเซี่ยออกมารับหน้าแทนให้ได้ การร่วมมือกับเธอคือเรื่องเล็ก แต่การถูกไล่ออกจากตระกูลซูนั้นคือเรื่องใหญ่“ไห่เฉาไปกันเถอะ พ่อจะพาแกไปเอง” ซูกั๋วหลินกล่าวตั้งแต่ที่ซูไห่เฉาถูกหานซานเฉียนวางสายใส่ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาโกรธมากและแน่นอนว่าต้องไปจัดการกับหานซานเฉียนเมื่อพวกเขามาถึงชุมชนที่ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยอาศัยอยู่ ซูกั๋วหลินก็แสดงท่าทางรังเกียจออกมาอย่างเห็นได้ชัด“ครอบครัวซูต่ำต้อยที่สุดในตระ
ซูไห่เฉารู้สึกกลัวจนตัวสั่น เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และไม่มีข้อสงสัยกับคำพูดของหานซานเฉียนอีก“พวกนายกำลังทำอะไรกัน?” ซูกั๋วเย่าและเจี่ยงหลานกลับมาถึงบ้าน เห็นฉากนี้เข้าพอดี“กั๋วเย่า ลูกเขยของนายกล้ามาก มันตีลูกชายของฉัน” เมื่อซูกั๋วหลินเห็นซูกั๋วเย่า เขาก็แสดงท่าทีหยิ่งยโสอีกครั้ง ตั้งแต่เด็กซูกั๋วเย่าเป็นน้องชายที่ไร้ค่า ตอนนั้นเขาขโมยลูกอม ขโมยหนังสือเรียน และขโมยแฟนสาวของซูกั๋วเย่า ซูกั๋วเย่าก็ยอมแพ้มาตลอด ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเขามีอำนาจกว่าซูกั๋วเย่าเสมอซูกั๋วเย่า เขาถูกรังแกตั้งแต่ยังเด็กจนเป็นภาพติดหัว เมื่อเขาเห็นพี่ชายคนนี้เขาจึงรู้สึกหวาดกลัว“หานซานเฉียน แกบ้าไปแล้วเหรอ...”ซูกั๋วเย่ายังพูดไม่ทันจบก็ถูกเจี่ยงหลานดึงตัวไว้แม้ว่าเจี่ยงหลานจะไม่ชอบหานซานเฉียน แต่เมื่อคืนนี้ซูไห่เฉาแย่งตำแหน่งผู้รับผิดชอบโครงการของซูหยิงเซี่ยไป และเธอหาโอกาสแก้แค้นซูไห่เฉาไม่ได้เลย ที่เขาถูกตีมันก็สมควรแล้ว “พี่เขยคะ ที่ลูกชายของพี่ถูกตีก็เพราะเขาทำตัวเองทั้งนั้น ทำเรื่องอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมค่ะ” เจียงหลานพูด“เธอ…” ซูกั๋วหลินพูดพลางชี้นิ้วอันสั่นเทาไปที่เจียงหลานด้วยความรู้
ความปรารถนาสูงสุดของเจี่ยงหลานคือการหาโอกาสที่จะไล่หานซานเฉียนออกจากตระกูลซู แต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกลับพูดช่วยเขา และเธอยังยอมรับการแต่งงานกับเขา ทำให้เธอโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ซูหยิงเซี่ย แม่ขอเตือนลูกว่าอย่ารู้สึกจริงจังกับเขา หากลูกอยู่กับไอ้คนไร้ประโยชน์แบบนี้ ลูกจะไม่มีทางมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ดูแม่เป็นบทเรียนสิ” เจี่ยงหลานพูดด้วยความรู้สึกโกรธเคืองช่วงเวลาสามปีที่เธออยู่กับหานซานเฉียน ความคิดหรืออุปนิสัยของธอและเขาค่อย ๆ หลอมรวมกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีเรื่องบริษัทลั่วเฉวเข้ามาเกี่ยวเธอก็จะไม่หย่ากับเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นตัวหลักที่ช่วยเธอในการเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้อีกด้วยเหตุผลที่แม่ของเธอมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อหานซานเฉียน เพราะท่านคิดว่าเขาไม่มีผลประโยชน์ แต่ถ้าเธอได้บอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอเชื่อว่าจะสามารถเปลี่ยนทัศนคติของแม่เธอที่มีต่อหานซานเฉียนได้อย่างแน่นอนแต่...ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ ทำไมคุณถึงไม่ยอมให้ฉันบอกเรื่องนี้กับพวกท่านกันนะ“แม่ไม่ได้โกรธลูกนะ แม่แค่ไม่อยากให้ลูกเดินตามรอยแม่” เจี่ยงหลานสังเกตเห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียดเกินไป จึงเริ่มลดเสียงลงเล็กน้อย“แม่คะ
เช้าวันรุ่งขึ้นซูหยิงเซี่ยมีนิสัยชอบวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า และเธอจะตื่นนอนตอนหกโมงเช้าทุกวันหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินเข้าไปหาหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนพื้นข้างเตียง พลางพูดว่า “ยังแกล้งหลับอยู่อีก?”หานซานเฉียนลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เขาคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้ว่าเขาไปเฝ้าเธอหลังเลิกงานทุกวัน และเธอรู้แม้กระทั่งว่าเขาตามเธอไปวิ่งในตอนเช้าอีกด้วยทั้งสองคนออกไปข้างนอกพร้อมกัน สามปีมานี้ซูหยิงเซี่ยจะวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าในเส้นทางเดิมทุกวัน โดยต้องวิ่งผ่านคฤหาสน์เขาหยุนติงด้วยเมื่อมาถึงเขตถนนบริเวณคฤหาสน์เขาหยุนติง หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ยว่า “ทำไมคุณถึงมองที่ตรงนี้ทุกวันเลยล่ะ?”“ถ้าหากได้วิ่งออกกำลังกายบนภูเขาแบบนี้จะได้รับอากาศที่ดีกว่าอย่างไรล่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยแววตาปรารถนา เธอรู้ว่าประตูที่อยู่ใต้ภูเขาไม่มีใครสามารถเข้ามาในพื้นที่นี้ได้ นอกจากผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้เท่านั้น ซูหยิงเซี่ยรู้ดีว่าที่นี่อยู่ไกลเกินเอื้อมของเธอ ดังนั้นเธอจึงพอใจที่จะได้เห็นมันแบบนี้ทุกวัน“คุณย่าของฉันต้องการอยู่ที่นี่ เพราะการอยู่ที่นี่เท่านั้นที่จะทำให้เธอสามารถก้าวเข้าสู่
หญิงชราของตระกูลซูออกไปแล้ว!ดูเหมือนว่าหญิงชราของตระกูลซูจะไปที่บ้านของซูกั๋วเย่า!เมื่อข่าวแพร่กระจายในตระกูลซู ญาติทุกคนต่างตกใจอย่างสุดขีด นานเท่าไรแล้วที่หญิงชราของตระกุลซูไม่เคยไปบ้านลูก ๆ ของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเคยพูดว่า ถ้าอยากให้เธอไปบ้านของลูก ๆ ของเธอนั้น พวกเธอต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเขาหยุนติงเท่านั้น“มันเป็นเรื่องจริงเหรอ?”“คุณย่าจะไปที่บ้านของซูหยิงเซี่ยจริง ๆ ”“ไม่มีทาง ใครเป็นคนสร้างข่าวลือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร”กลุ่มวีแชทของลูกหลานตระกูลซูมีการเคลื่อนไหวอย่างมาก และทุกคนต่างก็บอกว่าพวกเขาไม่อยากจะเชื่อกับข่าวนี้เลย แต่เมื่อมีรูปภาพของคุณย่าลงจากรถถูกโพสต์ลงในกลุ่ม กลุ่มวีแชทก็เงียบลงทันทีพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าการปรากฏตัวของคุณย่าในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แม้ว่าท่านจะต้องรู้สึกขายหน้าซูหยิงเซี่ยก็ตาม สำหรับตำแหน่งในบริษัทของซูไห่เฉานั้นคงจะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่ซูกั๋วเย่าและเจี่ยงหลานรู้เรื่องนี้ พวกเขาก็รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออกเป็นเวลานาน พวกเขาคิดว่าคุณย่าไม่สามารถมาที่นี่ได้แต่ท่านก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าพวกเข
หญิงชรามองไปที่หานซานเฉียนอย่างไม่พอใจและถามเขาว่า “แกพูดว่าไม่ได้ป่วย เรื่องนี้มันหมายความว่ายังไง?”“ท่านต้องให้หยิงเซี่ยเป็นหัวหน้าโครงการ เธอได้รับความร่วมมือจากบริษัทลั่วเฉว ไม่ว่าซูไห่เฉาจะพูดอย่างไร แต่การตัดสินใจเปลี่ยนหัวหน้าโครงการเป็นของท่าน เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของซูไห่เฉา แต่มันก็เป็นความผิดของท่านเช่นกัน ตามที่ท่านได้เคยพูดไว้ใช่หรือไม่ครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย“หานซานเฉียน แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าถามคุณย่าแบบนี้” ซูไห่เฉาพูดขึ้นอย่างโกรธจัดซูกั๋วหลินรู้สึกโกรธมากเช่นกัน เขาเป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าครอบครัวตระกูลซู เขายังไม่เคยรู้สึกหมดความอดทน หรือคิดที่จะประณามความผิดกับหญิงชราท่านนี้เลย“หานซานเฉียน แกไม่ควรจะพูดอะไรที่นี่ แกควรจะไปให้พ้นหน้าฉัน ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษที่ฉันหยาบคายกับแก” ซูกั๋วหลินพูด“คุณย่าครับ ตอนนี้มีเพียงหยิงเซี่ยเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับความร่วมมือนี้ได้ใช่ไหมครับ?” ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกตื่นตระหนกแค่ไหนแต่ หานซานเฉียนก็ดูสงบนิ่งอยู่เสมอหญิงชราสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “การยั่วโมโหฉัน และทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร แกกลัวว่า
สามวันต่อมา ณ คฤหาสน์ตระกูลซูหญิงชราเป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองให้กับซูหยิงเซี่ย และญาติ ๆ ของตระกูลซูก็อยู่กันพร้อมหน้าด้วยในระหว่างรับประทานอาหารเย็น ซูหยิงเซี่ยได้พูดคุยกับหญิงชราเกี่ยวกับความร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว ทำให้หญิงชรารู้สึกมีความสุขมากเป็นพิเศษที่ได้ยินเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ญาติทั้งหมดของตระกูลซูต่างก็มีเจตนาร้ายต่อเธอ ความเป็นผู้นำของซูหยิงเซี่ยได้กลายเป็นความจริงแล้ว ในอนาคตสถานะตำแหน่งในบริษัทของซูหยิงเซี่ยย่อมมั่นคงอย่างเลี่ยงไม่ได้อย่างไรก็ตาม บริษัทลั่วเฉวจำเป็นต้องสร้างทางตะวันตกของเมืองให้เป็นเขตเมืองหลัก และโครงการนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานถ้าโครงการยังไม่จบ ใครจะสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของซูหยิงเซี่ยได้?สีหน้าของซูไห่เฉาดูไม่ค่อยดีนัก เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีตำแหน่งสูงสุดในบริษัท และคาดว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานตระกูลซู ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยมีอำนาจอยู่ในมือ และมันแทบจะบั่นทอนอำนาจของเขาในบริษัท แต่โชคดีที่ซูหยิงเซี่ยเป็นผู้หญิง ซูไห่เฉาเชื่อว่าคุณย่าไม่สามารถยกทั้งบริษัทให้เธอได้นอกจากงานเลี้ยงสังสรรค์แล้ว วันนี้ที่เมืองหยุนเฉิงยังมีงานใหญ่จัดขึ้นอ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ