หลังจากที่ผู้จัดการพูดจบ เขาก็มองไปที่หานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง และพบว่าเขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำถามเกิดขึ้นในใจของผู้จัดการ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับม่อหยาง และดูเหมือนว่าสถานะของเขาก็ไม่ต่ำต้อยเลย เขาจะทนให้คนอื่นเรียกเขาว่าคนไร้ค่าได้อย่างไร? และเป็นเวลากว่าสามปีที่แม้แต่ขอทานข้างถนนยังหัวเราะเยาะเขาได้ ในสายตาของผู้จัดการ แม้แต่เขาก็ยังทนความอับอายแบบนี้ไม่ได้ เมื่อฉินโหรวและเฉินเหมี่ยวได้ยินคำว่าแต่งออก พวกเธอแสดงสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เพียงแต่แต่งงานแล้ว แต่ยังแต่งออกอีกด้วย! แม้ว่าปรากฏการณ์แบบนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมปัจจุบัน แต่ในสายตาของคนส่วนใหญ่ การแต่งออกหมายถึงคนที่ไร้ความสามารถ และหมายความว่าผู้ชายไม่มีความสามารถซึ่งเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของผู้ชายเอง และหลายคนก็ไม่ยอมรับสภาพนี้ เขาดีขนาดนี้ ทำไมถึงอยากแต่งออก? เมื่อเทียบกับเฉินเหมี่ยว ฉินโหรวรู้สึกตกใจมากยิ่งกว่าเพราะเธอรู้จักตัวตนของหานซานเฉียนจากฉินหลิน นี่คือนายน้อยของตระกูลหานในเหยียนจิง มาถึงเมืองหยุนเฉิงแล้วกลับเลือกที่จะแต่งงานออกไป? "ตอนนี
“เดาว่าเป็นใคร?” ม่อหยางถามอย่างสงสัย "อาจจะเป็นสาวใช้ของหานเหยียน หานชิง" หานซานเฉียนกล่าว “เป็นแค่สาวใช้ กล้าดียังไงถึงได้ทำขนาดนี้” ม่อหยางถามด้วยความประหลาดใจ "ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม่ แต่ตระกูลหานจะไม่ทำให้ใครแปลกใจ" หานซานเฉียนไม่รู้ว่าตระกูลในสหรัฐอเมริกาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ทำให้หานซานเฉียนรู้สึกถึงอำนาจล้นเหลือของครอบครัวนี้ และไม่น่าแปลกใจเลยที่สาวใช้จะมีนิสัยเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะเขาและหานชิงไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างกันมากนัก และหานชิงก็เสี่ยงที่จะถูกหานเหยียนตำหนิเพื่อตอบโต้ ผู้หญิงประเภทนี้ไม่ง่ายเลยที่จะยุ่งด้วย ภายในบ้านเช่าในหยุนเฉิง หานชิงมองดูชายตรงหน้าด้วยใบหน้าเย็นชา นี่เป็นการเตรียมการของเธอที่จะไปคลับเมจิกซิตี้เพื่อสร้างปัญหา แต่เธอไม่คาดคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้จะยุ่งเหยิงขนาดนี้ "พวกไร้ค่า จะมีประโยชน์อะไรถ้าแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้พวกแกก็ทำไม่ได้" หานชิงพูดอย่างเฉียบขาด ชายร่างใหญ่ไม่กล้าแม้แต่จะหักหน้าหานชิง หลังจากนั้นพวกเขาก็รับเงินของหานชิง และตอนนี้พวกเขาทำอะไรไม่ได้เลย พวกเขากังวลว่าหานชิงจะขอเงินคืน
เงินเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจที่สุดในโลกนี้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ขัดสนเงิน พวกเขาเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินนั้น หลังจากได้ยินคำพูดของหานชิง พวกนี้ดูเหมือนจะพร้อมที่จะเคลื่อนไหว แม้ว่าการลักพาตัวซูหยิงเซี่ยจะทำให้เกิดปัญหามากมาย ตราบใดที่พวกเขามีเงินเพียงพอ พวกเขาก็สามารถใช้เงินเพื่อบินหนีไปหลังจากนั้น และออกจากหยุนเฉิงไปตลอดกาล ถึงมีคนพยายามตามสืบก็ไม่พบ "คุณหาน ถ้าคุณยินดีจ่ายมากกว่านี้ พี่น้องของผมจะทำให้เรื่องนี้ราบรื่นสำหรับคุณอย่างแน่นอน" หนึ่งในนั้นพูดกับหานชิง สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว หานชิงไม่แปลกใจเลย การเติบโตในตระกูลหาน เธอตระหนักดีถึงอำนาจของเงิน ที่ตระกูลหานมีอำนาจในพื้นที่จีน อเมริกา ไม่ใช่เพราะเงินหรือ? ดังคำกล่าวที่ว่า เงินสามารถเปลี่ยนผีได้ นับประสาอะไรกับคนไม่กี่คน "ไปซะ แล้วค่อยกลับมาหาฉันหลังจากทำสิ่งนี้สำเร็จ ฉันหวังว่าครั้งนี้พวกแกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง" หานชิงพูดอย่างเย็นชา หลังจากที่คนเหล่านั้นออกจากบ้านเช่าไป ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม ทัศนคติของหานชิงนั้นยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะยอมรับได้ “ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้หยิ่งทะนงเกินไ
หานเหยียนดูลังเลเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นาน หานเหยียนก็พูดว่า "ถึงคราวที่เธอต้องตาย มันก็สมควรที่จะตาย" ตี้หยางหยุดพูด เขารู้ว่าหานเหยียนมีแผน และแผนนี้ต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหานซานเฉียน ในกรณีนี้ตี้หยางไม่จำเป็นต้องถามคำถามเพิ่มเติม ก่อนที่เธอจะตัดสินใจ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นในคลับเมจิกซิตี้ มาตรการรักษาความปลอดภัยก็เข้มงวดมากขึ้น ทุกคนที่เข้าไปในสถานที่ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และไม่อนุญาตให้นำสิ่งที่อาจกลายเป็นอาวุธกระทบกระทั่งเข้ามาในบริเวณข้างในได้ ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนยังได้เตรียมการสำหรับการคุ้มครองของซูหยิงเซี่ยอีกด้วย จิตใจของผู้หญิงจะชั่วร้ายเพียงใด หานซานเฉียนไม่รู้ แต่เนื่องจากหานชิงสามารถทำอะไรบางอย่างกับคลับเมจิกซิตี้ได้ หานซานเฉียนจึงต้องระแวดระวังภัยคุกคามของเธอที่มีต่อซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียนไม่เคยต้องการให้ซูหยิงเซี่ยได้รับอันตรายใด ๆ จากเรื่องนี้ ดังนั้นการวางแผนล่วงหน้าจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แม้ว่าหานชิงจะไม่ได้วางแผนที่จะจัดการกับซูหยิงเซี่ย แต่หานซานเฉียนก็เสียกำลังคนไปเพียงสองคน สำหรับเขา มันไม่ส
ม่อหยางผู้มีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ กลับซ่อนความรู้สึกผิดไว้ลึก ๆ เมื่อเขาคิดว่าสามารถทดสอบความแข็งแกร่งของตี้หยางโดยใช้ฉีฮู่ “โรงแรมเพนนินซูล่า แต่ถ้าไม่คิดว่าป็นคู่ต่อสู้ ก็ไม่ต้องไป...” ก่อนที่ม่อหยางพูดจบ ฉีฮู่ก็ขัดจังหวะ "ให้คนพาฉันไปที่นั่น ฉันไม่รู้ทาง" "ลองคิดดูให้ดี ถ้านายตายที่โรงแรมเพนนินซูลา จะไม่มีใครไปเก็บศพให้นาย" ม่อหยางกล่าว ฉีฮู่ยิ้มอย่างเหยียดหยาม เขาไม่คิดว่าโลกนี้เต็มไปด้วยปรมาจารย์ ชายชราที่เขาพบครั้งล่าสุดควรเป็นปรมาจารย์ที่หายากและยิ่งใหญ่ และเขาคงจะไม่โชคร้านที่จะได้พบกับคนแบบนั้นหรอก "ไม่ต้องกังวล ฉันสามารถฆ่าคนได้หลายคนด้วยหมัดเดียว มีคนไม่มากนักหรอกโลกนี้ที่สามารถฆ่าฉันได้" ฉีฮู่กล่าวด้วยความมั่นใจ "ตกลง" ม่อหยางพูดแล้วเรียกลูกน้องพาฉีฮู่ไปที่โรงแรมเพนนินซูลา หลังจากฉีฮู่จากไป ม่อหยางก็หายใจเข้าลึก เขารู้ว่าหานซานเฉียนจะตำหนิเขา แต่ถ้าเขาไม่ทำเช่นนี้ ม่อหยางจะไม่มีทางรู้ว่าตี้หยางจะคุกคามหานซานเฉียนได้มากเพียงใด อย่างไรก็ตาม เขายังคงหวังว่าฉีฮู่จะสามารถเอาชนะตี้หยางได้ เพื่อให้หานซานเฉียนมีอิสระมากขึ้นในการแข่งขันทางการตลาดกับหานกรุ๊ป ในหมู่บ้า
เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันที่หานซานเฉียนมีต่อเขา ม่อหยางรู้สึกว่าเหงื่อเย็น ๆ ไหลหยดลงตามหลังของเขา ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าเขายืนอยู่คนละฝั่งกับหานซานเฉียน "ซานเฉียน เขาไปที่โรงแรมเพนนินซูลา" ม่อหยางทนแรงกดดันที่หานซานเฉียนที่มีต่อเขาไม่ได้ เขาจึงต้องพูดความจริงออกมาเท่านั้น เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานซานเฉียนก็กัดฟันทันที ฉีฮู่คงไม่ไปที่โรงแรมเพนนินซูลาได้โดยไม่มีเหตุผล เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรงแรมเพนนินซูลาอยู่ที่ไหน เห็นได้ชัดว่าม่อหยางเป็นคนบงการเรื่องนี้! "ม่อหยาง ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าฉีฮู่จะมีประโยชน์มากขึ้นในอนาคต ปล่อยให้เขาไปเสี่ยงในเวลานี้ได้อย่างไร" หานซานเฉียนพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ถ้านายไม่รู้ความแข็งแกร่งของตี้หยาง ทุกสิ่งที่นายกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการเสี่ยง”ม่อหยางกล่าว “ถ้านายขอให้ฉีฮู่ไปเพื่อทดสอบ มันก็เหมือนกับผลักฉันลงไปในหลุมไฟไม่ใช่เหรอ?” หานซานเชียนดุอย่างโกรธเกรี้ยว "ถ้าเขาไม่อาจต่อสู้กับตี้หยางได้ ฉันจะหาทางพานายออกจากหยุนเฉิง ฉันจะรับผลที่ตามมาทั้งหมดเอง ตราบใดที่นายยังมีชีวิตอยู่ นายจะสามารถช่วยล้างแค้นให้ฉันได้ เมื่อนายยังมีชีวิตอยู่เท
คำพูดของหลินหย่งทำให้ม่อหยางทรุดลงบนพื้น เขาจัดเตรียมการทั้งหมดอย่างละเอียด แต่เขามองข้ามไปอีกจุดหนึ่งนั่นคือตัวหานซานเฉียนเอง ถ้าหากว่าเขาถูกส่งออกไปจากหยุนเฉิง แล้วเขาจะไม่กลับมาอีกงั้นเหรอ? ดังที่หลินหย่งพูด หานซานเฉียนจะปล่อยให้เขาตายได้อย่างไร! ม่อหยางยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ในที่สุดก็ได้รู้ว่าการรับมือของเขานั้นงี่เง่าเพียงใด ความตั้งใจทั้งหมดของเขานั้นก็ไร้ความหมายทันทีเมื่อเผชิญกับความต้องการของหานซานเฉียน ไม่ว่าโอกาสจะมากเพียงใด ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของหานซานเฉียนได้ “ตราบเท่าชีวิตนี้ การมีพี่น้องแบบนี้ น่าจะเป็นของขวัญจากพระเจ้า” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หลินหย่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูจากท่าทางของม่อหยางแล้ว เขาคงไม่ออกไป ซึ่งหมายถึงว่าชีวิตของเขาเองก็คงจะรอดแล้ว "พี่ใหญ่ม่อ คุณควรวางใจพี่ซานเฉียน เขาจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน" หลินหย่งกล่าว ม่อหยางพยักหน้าละไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากที่หานซานเฉียนมาถึงโรงแรมแพนินซูลา เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยห้ามที่หน้าประตู หากไม่มีคำสั่งของหานเหยียน คนเหล่านี้จะไม่ยอมปล่อยเขาให้เข้าไป สถ
เธอไม่กลัวคำขู่ของหานซานเฉียน แต่หากหานเหยียนรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก "ฉันไม่เข้าใจว่าคุณพูดถึงอะไร" หานชิงพูด ในขณะที่ซ่อนสีหน้าที่ลุกลี้ลุกลนของเธอไว้ "ไม่กล้าบอกให้หานเหยียนรู้เหรอ ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกเธอ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริง ๆ" หานซานเฉียนยิ้มเยาะ หานชิงกัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเธอออกจากห้องมาเพื่อเหยียดหยามหานซานเฉียนด้วยท่าทีที่เหนือกว่า แต่ตอนนี้เธอกลับเป็นฝ่ายที่ถูกเหยียดหยามเสียเอง ซึ่งมันทำให้เธอรับไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่กล้าที่จะระรานหานซานเฉียน อย่างไรก็ตาม เธอยังคงกังวลว่าหานซานเฉียนจะบอกหานซานเฉียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ หานชิงจับจ้องที่หลังของหานซานเฉียน พลางคิดในใจ เมื่อใดที่ซูหยิงเซี่ยตกอยู่ในมือฉัน มาดูกันว่าแกจะยังหยิ่งยโสอยู่อีกหรือเปล่า เมื่อเดินเข้าไปในห้อง หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก เมื่อเขาเห็นฉีฮู่ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าของตี้หยาง และแน่นอนว่าแม้แต่ฉีฮู่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตี้หยาง "หานเหยียน พี่น้องของได้ผมก้าวก่ายมาโดยพละการ เขาชอบที่จะแข่งขันกับเหล่าปรมาจารย์ นั่นคือเหตุผลที่เขามาท้าทายตี้หยาง ในเมื่อเขาแพ้แล้ว คุณปล่อย
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ