แคชเชียร์ที่เคาน์เตอร์กลัวจนพูดไม่ออก แต่หานซานเฉียนก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาพูดกับเธอว่า “ขอโทษภรรยาของฉันซะ” “ขอ...ขอโทษค่ะ” แคชเชียร์ก้มหน้าพูดอย่างตะกุกตะกัก เหลยฉวนยังคงมองหาหลินหย่ง เขาหวังว่าหลินหย่งจะออกหน้าพูดแทนเขาได้ ถึงจะเอาชนะไม่ได้ แต่ด้วยฐานะของหลินหย่ง อย่างไรก็ต้องหยุดความจองหองของเจ้าหมอนี่ได้บ้างสิ? แต่สิ่งที่ทำให้เหลยฉวนผิดหวังก็คือ หลินหย่งยืนเอามือทั้งสองแนบต้นขาด้วยความยำเกรง ภาพนี้ทำให้เหลยฉวนตกใจจนหน้าถอดสี แม้แต่หลินหย่งก็...ไม่กล้ามีเรื่องกับเขา! เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่ หลังจากหานซานเฉียนพาซูหยิงเซี่ยเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างแล้ว เหลยฉวนก็เดินเข้าไปหาหลินหย่งอย่างเงียบ ๆ แล้วถามเขาว่า “พี่หย่ง คนคนนี้เป็นใคร?” หลินหย่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างขุ่นเคืองแล้วพูดว่า “เหลยฉวน แกนี่รนหาที่ตายจริง ๆ อย่าลากฉันเข้ามาซวยไปด้วย ถ้าเรื่องนี้ทำให้ฉันเดือดร้อน ฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่” หลังจากเกิดเรื่องนั้นกับฉางปิน หลินหย่งก็รู้ว่าสถานะของเขาในใจของหานซานเฉียนนั้นถูกตีค่าต่ำลง หากครั้งนี้ยังทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจอีก แม้แต่ตำแหน่งในปัจจุบันของเขาก็ไม
เมื่อกลับถึงบ้าน เจี่ยงหลานนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ซูกั๋วเย่าดูโทรทัศน์ด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว บนโต๊ะน้ำชามีโจ๊กสองถ้วยที่ยังไม่กินไม่เสร็จ และผักดองหนึ่งจานวางอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกโมโห อย่าบอกนะว่าพอไม่มีหานซานเฉียน แม้แต่ชีวิตตัวเองพวกเขาก็ยังจัดการไม่ได้? หรือคาดหวังให้หานซานเฉียนทำกับข้าวอยู่บ้านไปทั้งชีวิตอย่างนั้นเหรอ? “แม่คะ แค่ไม่ได้เข้าครัวมาหลายปี คงไม่ใช่ว่าทำกับข้าวไม่เป็นแล้วนะคะ ถ้าต่อไปหานซานเฉียนไม่ได้ทำกับข้าว แม่คงไม่อดตายหรอกใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยบ่นขณะที่เก็บถ้วยและตะเกียบ เจี่ยงหลานไม่ตอบ ซูกั๋วเย่าถอนหายใจและพูดว่า “แม่ของลูกเริ่มเสียดายเงินสองแสนนั่นแล้วน่ะสิ แถมยังบอกอีกว่าต่อไปจะตัดค่าใช้จ่ายประจำวันเหลือครึ่งเดียว” พอพูดถึงเรื่องเงิน เจี่ยงหลานก็ตื่นตัวขึ้นมาทันที เธอหันไปพูดกับหานซานเฉียนด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายใช้เงินได้แค่เดือนละห้าร้อยหยวนเท่านั้น” “ห้าร้อยหยวน?” ซูหยิงเซี่ยเดินออกมาจากครัวอย่างโมโห ทั้งครอบครัวมีตั้งสี่คน ห้าร้อยหยวนต่อเดือนจะซื้ออะไรได้ จะให้กินแต่โจ๊กหรือไง? “แม่คะ อย่าให้มัน
ในขณะรับประทานอาหารเย็นอยู่ ซูกั๋วเย่าก็ได้รับโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร แต่สีหน้าท่าทางของเขาไม่สู้ดีนัก หลังจากวางสาย เขาดูท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด เจี่ยงหลานเห็นดังนั้นจึงตัดบทขึ้นมาว่า “ถ้าเป็นเรื่องเสียเงิน ครอบครัวเราไม่มีวันไป” “ถังเฉิงเย่โทรมาบอกว่าย้ายบ้านแล้ว เขาชวนพวกเราไปเยี่ยมบ้านน่ะ” ซูกั๋วเย่ากล่าว การขึ้นบ้านใหม่สื่อถึงการมอบของขวัญ แต่สถานการณ์ของเจี่ยงหลานในตอนนี้การใช้เงินก็เหมือนการฆ่าเธอ แต่ถังเฉิงเย่อุตส่าห์โทรมาด้วยตัวเองจะไม่ไปก็ไม่ได้ “ครอบครัวคุณอาถังย้ายบ้านใหม่เหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม ถังเฉิงเย่เป็นเพื่อนเก่าของซูกั๋วเย่า ทั้งสองครอบครัวเคยสนิทสนมกันมาก่อน ถังเฉิงเย่ถึงขั้นอยากเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน และอยากให้ซูหยิงเซี่ยมาเป็นลูกสะใภ้ของเขา ต่อมาหลังจากที่หานซานเฉียนแต่งเข้าตระกูลซู ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวก็จืดจางลงไป “ใช่ ได้ยินว่าย้ายไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่สไตล์ดูเพล็กซ์” ซูกั๋วเย่ากล่าว “ไปก็ให้คนอื่นเหยียดหยาม ไม่ไปหรอก” เจี่ยงหลานพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ในอดีตถังเฉิงเย่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครอบครัวของพวกเขา เพ
“ในเมื่อวันนี้มารวมตัวกันแล้ว พวกเราก็ไปกันให้หมดเลย จะได้ไปดูว่าบ้านใหม่ของเถ้าแก่ซูเป็นอย่างไรบ้าง” เฉิงเย่ไม่ได้กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เขาโทรเรียกทุกคนมาที่นี่ “ใช่ ๆ ๆ พวกเราจะได้อาศัยบารมีด้วย ไม่รู้ว่าจะใหญ่เท่าบ้านหลังนี้ของเถ้าแก่ถังหรือเปล่านะ” “เถ้าแก่ซู บ้านหลังใหม่ของนายซื้อของโครงการไหนเหรอ” “ยังไงนายก็เป็นสมาชิกของตระกูลซู คงไม่ด้อยไปกว่าของเถ้าแก่ถังหรอกนะ?” ซูกั๋วเย่าพยักหน้าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรดี บ้านใหม่อะไรกัน ตอนนี้ครอบครัวของเขาแทบไม่มีอะไรกินแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้าน วันนี้ลูกชายของถังเฉิงเย่ไม่ได้กลับมา ถือว่าตัดไปหนึ่งปัญหา ไม่อย่างนั้นหานซานเฉียนคงไม่ได้สบายใจอยู่แบบนี้ หลังรับประทานอาหารเสร็จ ซูกั๋วเย่าก็หาข้ออ้างขอตัวกลับ ก่อนไปถังเฉิงเย่ยังย้ำว่าอย่าลืมโทรหาเขา เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มองมาอย่างมีความสุขเช่นกัน หานซานเฉียนเลยกำหนดเวลา และบอกพวกเขาว่าให้เป็นวันที่ 15 เดือนหน้า ส่วนที่อยู่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คำพูดของเขาทำให้เจี่ยงหลานโมโหจนแทบบ้า หลังจากหานซานเฉียนและทุกคนกลับไปแล้ว ถังเฉิงเย่ก็พูดกับเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย
ภายในห้อง แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพอเดาได้ว่าบ้านที่หานซานเฉียนซื้อนั้นคงเทียบกับบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ไม่ได้ แต่ในใจเธอก็ยังสงสัยอยู่ว่าบ้านใหม่นั้นอยู่ที่ไหน ตอนนี้บ้านที่พักอยู่บนชั้นหกต้องขึ้นลงบันไดทุกวัน เหนื่อยเอาการทีเดียว ถึงแม้สภาพแวดล้อมบ้านใหม่จะไม่ได้ดีเท่าบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ แต่ขอแค่มีลิฟต์ก็พอใจแล้ว “คุณคงไม่ได้คิดจะมีความลับกับฉันใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ความจริงคุณก็เห็นอยู่ทุกวัน” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นทุกวัน?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่เขาพูดว่าเห็นอยู่ทุกวันคงไม่ใช่ชุมชนนี้หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็คงจะพังทลาย “พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณว่างหรือเปล่า?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “ฉันรับปากเฉินหลิงเหยาไว้ว่าจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ ความเจ็บปวดที่คุณทิ้งไว้ให้เธอ ตอนนี้ฉันต้องเป็นคนมารับเคราะห์แทน” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมกับถลึงตาใส่หานซานเฉียน หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉินหลิงเหยายังไม่ปล่อยวางจากเรื่องนั้นอีกเหรอ? วันต่อมา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยเพิ่งตื่นนอนก็ได
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเมื่อคืนหานซานเฉียนได้บอกแล้วว่าเธอเห็นมันทุกวัน ในเมื่อเป็นสถานที่ที่เธอเห็นทุกวัน ก็น่าจะอยู่ในบริเวณชุมชนของเธอนั่นเอง แต่ในเมื่อหานซานเฉียนพูดขึ้นมาแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เกิดอยากรู้ จึงถามเขาไปว่า “อยู่ที่ไหนล่ะ?” หานซานเฉียนชี้ไปที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาแล้วบอกว่า “นั่นไง” ซูหยิงเซี่ยตะลึงงันอยู่นานก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เธอมองไปที่หานซานเฉียนอย่างหมดคำพูด “ต่อหน้าฉันคุณยังจะคุยโม้อยู่อีกเหรอ? รีบกลับบ้านกันเถอะ เฉินหลิงเหยากำลังรอฉันอยู่” หานซานเฉียนยังไม่ทันได้อธิบาย ซูหยิงเซี่ยก็วิ่งออกไปไกลแล้ว แต่การที่เธอไม่เชื่อก็ถือเป็นเรื่องปกติ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา มีราคาประมูลขายเฉียดร้อยล้าน ใครจะคิดว่าผู้ที่ซื้อไปคือลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลซู? หานซานเฉียนยิ้มบาง ๆ มองตามหลังซูหยิงเซี่ยแล้วพูดขึ้นว่า “วันที่ 15 เดือนหน้าคุณก็รู้เอง หวังว่าคุณจะพอใจกับเซอร์ไพรส์นี้นะ” หลังรับทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองกลับถึงบ้านได้ไม่นาน ซูหยิงเซี่ยก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินหลิงเหยา เธอกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามให้หานซานเฉียนมาด้วย ไม่อย่างนั้นเธอจะเ
“รถสองคันที่บ้านเขาเป็นคนซื้อ แถมเร็ว ๆ นี้เขายังซื้อบ้านอีกด้วย ถึงจะเป็นบ้านมือสองแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย” ซูหยิงเซี่ยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เฉินหลิงเหยาเป็นคนแรกที่ได้รู้ และเป็นคนที่เธออยากแบ่งปันด้วยมานานแล้ว เฉินหลิงเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอนึกว่าซูหยิงเซี่ยเอาเงินจากบริษัทไปซื้อรถซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาจากน้ำพักน้ำแรงของหานซานเฉียน รถสองคันมูลค่านับล้าน ยังมีบ้านมือสองอีกหนึ่งหลัง เขาคนนี้รวยมากจริง ๆ! “ซูหยิงเซี่ย เธอปล่อยให้ผู้ชายมีเงินส่วนตัวได้ยังไง? เธอไม่รู้เหรอว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม? วันหลังเขาจะมีเงินทุนสำหรับการนอกใจเธอได้นะ” เฉินหลิงเหยามองซูหยิงเซี่ยอย่างโกรธเคือง ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ เธอไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าหานซานเฉียนจะนอกใจเธอก็คงทำไปนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงป่านนี้? ช่วงเวลาสามปีเต็ม ทุกคนรู้สถานะของเขาในตระกูลซูเป็นอย่างดีว่าเขาได้รับความอัปยศมากมายเพียงใด สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ได้ทำให้เขามีใจออกห่างจากเธอ นับประสาอะไรกับตอนนี้ “เธอคิดมากไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เคยนอกใจ เขาจะรอมาจนถึงตอนนี้เนี่ยนะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ย พอเห็นสีห
“ไปสิ มีที่ไหนที่คนอย่างข่งอู่เข้าไปไม่ได้บ้าง” ข่งอู่ตบหน้าอกรับประกัน หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ใจกลางภูเขา ระหว่างทาง ข่งอู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เขานึกภาวนาในใจว่าขออย่าให้เจอเจ้าของคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเลย ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เหตุผลที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงเป็นเขตที่อยู่อาศัยอันหรูหรา นอกจากเรื่องขององค์ประกอบสภาพแวดล้อมแล้ว จุดที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ถูกใครรบกวน คฤหาสน์ทุกหลังล้วนมีพื้นที่ส่วนตัว การรุกล้ำอาณาเขตของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการฝ่าฝืนกฎ นับตั้งแต่มีการเปิดใช้โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงก็มีการละเมิดกฎเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปและมีความเข้าใจในกฎเกณฑ์เป็นอย่างดี ยังไม่ทันถึงไหล่เขา หญิงสาวร่างเล็กก็ดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว ขณะที่ข่งอู่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนจะมีสัญญาณของลางร้าย “คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดบนเขาหยุนติงแล้วสินะ?” หญิงร่างเล็กพูดพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ข่งอู่ชะเง้อคอดูว่ามีใครอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่นอก
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ