“ข่งอู่ คุณกำลังทำอะไรน่ะ คนพวกนี้...” “คุณอย่าพูดมาก หุบปากซะ” ข่งอู่ตวาดใส่ หญิงสาวร่างเล็กตกใจ หรือว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงจะเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ? ไม่อย่างนั้นเขาจะมีอาการตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้เหรอ “คุณ...ดูคุ้น ๆ หน้านะ เป็นคนของตระกูลข่งใช่ไหม?” หัวหน้ารปภ.เดินเข้าไปหาข่งอู่และถามเสียงเย็น ข่งอู่เหงื่อแตกพลั่กเต็มหลังมือ เขารีบบอกอย่างรวดเร็วว่า “พี่ชาย ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น วันหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ” “ฮึ่ม!” หัวหน้ารปภ.ทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “คุณไปกับผมหน่อย ตระกูลข่งอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว คงไม่มีทางที่จะไม่รู้กฎของที่นี่ ในเมื่อคุณบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่น คุณก็ควรจะรู้ราคาที่คุณต้องจ่าย” ข่งอู่กลัวจนขาอ่อน ไปกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ได้ยินมาว่าแผนกนิติบุคคลมีห้องเล็ก ๆ ไว้จัดการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎโดยเฉพาะ เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งเข้าไปข้างในและออกมาพร้อมกับขาที่หัก หลังจากเหตุการณ์นั้นทางครอบครัวก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ก่อนจะรีบย้ายออกจากเมืองหยุนเฉิงไปในทันที “พี่ชาย ผมเพิ่งทำครั้งแรก
หลังจากหานซานเฉียนสั่งให้บริษัทตกแต่งส่งคนมาเพิ่ม และเร่งระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้น หานซานเฉียนก็ขับรถออกจากโครงการคฤหาสน์ไป วันนี้ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ไปทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องไปบริษัทของตระกูลซู แต่หานซานเฉียนตั้งใจจะไปดูร้านขายของชำเล็ก ๆ สักหน่อย เมื่อพวกเขามาถึงร้านขายของชำเล็ก ๆ ในที่สุดวันนี้ม่อหยางก็เปิดร้านแล้ว แต่เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหานซานเฉียน “นายไม่เคยโผล่มาในวันหยุดเลยนี่นา อย่าบอกนะว่ามาหาฉัน?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม หานซานเฉียนซื้อบุหรี่หนึ่งซองแล้วยื่นให้ม่อหยางมวนหนึ่งก่อนจะถามว่า “เป็นไงบ้าง เมืองหยุนเฉิงในปัจจุบันกับในตอนนั้น ไม่ค่อยเหมือนกันล่ะสิ?” ม่อหยางพยักหน้าแล้วยื่นไฟแช็กให้หานซานเฉียนก่อนจะพูดว่า “แตกต่างไปจริง ๆ นั่นแหละ ทุกวันนี้ผู้คนทำอะไรไม่ใช้สมอง โดยเฉพาะพวกคนหนุ่มสาว พวกเขาถูกภาพยนตร์แก๊งมาเฟียล้างสมองกันหมดแล้ว คิดว่าการต่อสู้เข่นฆ่าคือวิถีชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เรื่องผิดกฎหมาย มีแต่คนที่ป่วยทางจิตเท่านั้นที่จะทำได้” หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อก่อนม่อหยางเคยเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหยุนเฉิง แต่ดันพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำ
“เหลวไหล คุณเป็นคนชนฉันเอง ตอนที่ชนเขายังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่เลย” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่ซูกั๋วเย่าแล้วพูดออกมา ซูกั๋วเย่ามีท่าทีหวาดผวา ไม่กล้าตอบโต้อะไร เจี่ยงหลานพูดด้วยท่าทีใครเสียงดังกว่าคนนั้นชนะว่า “ตอแหล! สามีของฉันเล่นโทรศัพท์ตอนไหน? เธอตาบอดรึเปล่า พอเห็นว่าเราขับรถออดี้เข้าหน่อยก็แกล้งโดนรถชน เพื่อจะเรียกเงินจากพวกเรา คนแบบเธอน่ะ ยากจนจนเป็นบ้าไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนจ้องมองเจี่ยงหลานอย่างไม่ยินยอม เธอแค่ข้ามถนนตามปกติ ถูกคนขับรถชนแล้วยังถูกใส่ความอีก “ใช่ฉันจน แต่คนจนก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่มีทางไปขู่กรรโชกใคร ถ้าใครพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว ขอให้ถูกฟ้าผ่า” หญิงวัยกลางคนกล่าว เจี่ยงหลานได้ยินคำว่าขอให้ถูกฟ้าผ่าก็รู้สึกหวาดหวั่น เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะอยู่ได้นาน จึงบอกกับหานซานเฉียนว่า “แกจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ถ้าทำให้สามีของฉันมีปัญหาก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก” หานซานเฉียนเป็นคนที่รักใครก็รักและดูแลคนที่เขารักรักด้วย เขาสามารถอดทนต่ออารมณ์และความพาลไร้เหตุผลของคนชราทั้งสองได้เพราะเห็นแก่ซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์ด้วย ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยเล
เจี่ยงหลานมองไปที่หานซานเฉียนและยิ้มเยาะเย้ยออกมา บ้านใหม่อย่างนั้นเหรอ มันก็เป็นแค่บ้านมือสองที่เก่าซอมซ่อเท่านั้นแหละ ถึงแม้ว่าจะมอบบ้านหลังนั้นให้เธอฟรี ๆ เธอก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาหรอก ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเธอจะไปอยู่ที่นั่น“หานซานเฉียน แกคิดว่าซื้อบ้านเก่า ๆ มันสุดยอดมากเลยใช่ไหม? ชั่วชีวิตของฉันไม่มีทางไปอยู่ที่บ้านของแก ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่ไปอยู่กับแกเหมือนกัน” เจี่ยงหลานกล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างเย็นชา เขากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเป็นฝ่ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านของเขาน่ะสิขีดจำกัดความอดทนของหานซานเฉียนมันสามารถยืดขยายได้ไม่มีขีดจำกัด แต่ทำได้เพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น ตอนนี้เจี่ยงหลานได้ทำร้ายคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนจะอดทนได้อีกต่อไปขณะนั้นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้ข้อสรุป ซูกั๋วเย่าเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งหมด นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีค่าซ่อมแซมรถจักรยานไฟฟ้าด้วยตำรวจเดินไปหาเจี่ยงหลานและพูดเสียงเย็น “คราวหลังอย่าทำตัวอวดฉลาดอีก ถ้าหากว่าเขาหลบหนี ใช่ว่าจะจบง่าย ๆ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายแบบนี้ แต่เขายังต้องติดคุกด้วย”เมื่ออยู่ต่อห
เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งโยนก้อนหินใส่เด็กชายคนหนึ่งที่อายุราว ๆ ประมาณ 10 ปี เด็กชายคนนั้นร้องไห้ด้วยท่าทางเจ็บปวดเพราะทนไม่ไหว หานซานเฉียนจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป“หยุดนะ ไอ้พวกเด็กดื้อกำลังทำอะไรกันน่ะ?” หานซานเฉียนแผดเสียงดังใส่เด็กกลุ่มคุ้นชินกับความไร้ระเบียบของที่นี่ พวกเขาไม่กลัวหานซานเฉียนเลยสักนิด เด็กสองคนที่โตที่สุดในกลุ่มตะโกนเอะอะโวยวายใส่เขา“แกเป็นใคร เป็นอะไรกับไอ้ปัญญาอ่อนนี่ พวกเราตีมันไม่ได้ตีแกสักหน่อย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”“ดูไอ้ปัญญาอ่อนนี่สิ มันยังยิ้มอยู่เลย แสดงว่ามันชอบโดนตี”หลังจากพูดจบ เด็กพวกนี้ก็ขว้างก้อนหินใส่เด็กชายคนนั้นอีกครั้งหานซานเฉียนยืนขวางอยู่ข้างหน้าจางเทียนซินสาเหตุที่จางหลิงฮวาตั้งชื่อนี้ให้กับเขา เป็นเพราะหวังว่าเขาจะสามารถมีความสุขได้ในทุก ๆ วัน แต่ว่าจางหลิงฮวาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากที่เธอออกไปทำงาน ลูกชายของเธอกลับกลายเป็นของเล่นให้กับเด็กน้อยที่อยู่ในละแวกนี้“แกก็เป็นคนปัญญาอ่อนเหมือนกันสินะ ถึงได้ยอมโดนตีแทนมัน”“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนปัญญาอ่อนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง จัดการมันเลย”ภายใต้การนำของเด็กสองคนที่โตที่สุด
เด็กชายรู้สึกภาคภูมิใจในพฤติกรรมของหยางซิ่ง เขาพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “พ่อครับ วันข้างหน้าผมจะยิ่งใหญ่เหมือนพ่อให้ได้”หยางซิ่งตบหัวลูกชาเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ลูกจะต้องยิ่งใหญ่กว่าพ่อแน่ วันหลังจะได้พาลูกน้องขยายออกไปจากหมูบ้านเฉิงจง ทำให้พ่อได้มีความสุข”ขณะที่พ่อลูกกำลังวางแผนอนาคตที่สดใสอยู่นั้น หานซานเฉียนที่ออกไปซื้ออาหารก็กลับมา เมื่อเขาเห็นเด็กเมื่อวานซืนคนนั้นกลับมาพร้อมกับพาผู้ใหญ่เพื่อแก้แค้น แถมยังกำลังทุบตีจางเทียนซิน จิตสังหารก็ผุดขึ้นในใจของเขา“พ่อครับ เขาคือคนที่ตีผมเมื่อกี้นี้” เด็กชายชี้ไปที่หานซานเฉียนและพูดกับหยางซิ่งหยางซิ่งยิ้มอย่างดุร้าย พลางมองไปที่หานซานเฉียนและพูดว่า “ไอ้สารเลว แกน่ะเหรอที่ตีลูกชายของฉัน? คุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาของแกแน่”หานซานเฉียนทิ้งอาหารที่อยู่ในมือและเดินตรงไปหาหยางซิ่งในเวลานี้หานซานเฉียนมีจิตสังหารที่รุนแรงอย่างไม่เคยเป็นก่อนลูกน้องทั้งหลายเมื่อเห็นดังนั้นก็ออกมายืนขวางข้างหน้าหยางซิ่งไว้ ราวกับไม่เห็นหานซานเฉียนอยู่ในสายตา“แกกล้ามากนะ ที่กล้าทำร้ายลูกชายของพี่หยาง”“ดูท่าทางแกจะไม่ใช่คนใน
ในขณะเดียวกันนั้น ซูหยิงเซี่ยที่ออกไปชอปปิงก็กลับบ้านมาอย่างเหนื่อยล้าเจี่ยงหลานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเรื่องบางอย่าง ยังไม่ทันที่ซูหยิงเซี่ยจะวางของลง เจี่ยงหลานก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บ้านหลังนี้จะต้องเลือกคนใดคนนึงเท่านั้น ระหว่างแม่ กับหานซานเฉียน หยิงเซี่ย ลูกตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้ว อยู่ดี ๆ เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก“แม่คะ แม่เป็นอะไรอีกคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“เป็นอะไรอีกหมายความว่ายังไง?” เจี่ยงหลานรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เธอพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ตอนนี้หานซานเฉียนไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาแล้ว ตอนนี้มันปีกกล้าขาแข็งถึงขั้นกล้าด่าแม่แล้ว ลูกบอกทีว่าแม่จะอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ได้ยังไง?”ด่า?หานซานเฉียนจะกล้าด่าเจี่ยงหลานได้อย่างไร เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน“แม่คะ คงไม่ใช่ว่าแม่ไปฟังคนอื่นพูดจาเหลวไหลมาใช่ไหมคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“มันด่าแม่ต่อหน้า ยังต้องไปฟังมาคนอื่นมาอีกเหรอ?” เจี่ยงหลานพูด“จะเป็นไปได้ยังไงคะ” ปฏิกิริยาแรกของซูหยิงเซี่ยคือเรื่องแบบนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น หานซานเฉียนเป็นคนอย่างไรเ
หลังจากหานซานเฉียนกับจางเทียนซินทานอาหารเย็นเสร็จ เขากังวลว่าหยางซิ่งกำลังรอให้เขากลับไปเพื่อแก้แค้นจางเทียนซิน เขาจึงพาจางเทียนซินไปที่โรงพยาบาล และจัดห้องพักผู้ป่วยวีไอพีให้จางหลิงฮวา และจ้างพยาบาลส่วนตัวมาคอยดูแลพวกเธอจางหลิงฉวาซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่หานซานเฉียนทำเพื่อเธอ ในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีมีที่พักผ่อนสำหรับจางเทียนซิน แค่นี้เธอก็สามารถรักษาบาดแผลได้อย่างไม่ต้องกังวลใจแล้วหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หานซานเฉียนก็กลับมาที่บ้านถึงแม้เขาจะคาดเดาไว้แล้วว่าเจี่ยงหลางคงไม่มีทางยอมเรื่องวันนี้ง่าย ๆ แต่หานซานเฉียนคาดไม่ถึงว่าเมื่อถึงบ้าน เจี่ยงหลานก็ไล่เขาออกไปทันที ซูหยิงเซี่ยยืนปกป้องข้างหน้าหานซานเฉียน โดยไม่สนใจว่าเจี่ยงหลานจะสร้างเรื่องราวเหลวไหลอะไรอีก เธอถามหานซานเฉียนว่า “ซานเฉียน มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”หานซานเฉียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ซูหยิงเซี่ยฟังทั้งหมดเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ซูหยิงเซี่ยรู้สึกโกรธมาก เธอไม่คิดว่าแม่ของเธอจะไร้เหตุผลถึงขนาดนี้ ขับรถชนคนอื่นแล้วยังไม่ยอมรับผิดชอบ กลับด่าคนอื่นว่าแกล้งโดนรถชนเพื่อเรียกร้องค่าเสีย