“เหลวไหล คุณเป็นคนชนฉันเอง ตอนที่ชนเขายังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่เลย” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่ซูกั๋วเย่าแล้วพูดออกมา ซูกั๋วเย่ามีท่าทีหวาดผวา ไม่กล้าตอบโต้อะไร เจี่ยงหลานพูดด้วยท่าทีใครเสียงดังกว่าคนนั้นชนะว่า “ตอแหล! สามีของฉันเล่นโทรศัพท์ตอนไหน? เธอตาบอดรึเปล่า พอเห็นว่าเราขับรถออดี้เข้าหน่อยก็แกล้งโดนรถชน เพื่อจะเรียกเงินจากพวกเรา คนแบบเธอน่ะ ยากจนจนเป็นบ้าไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนจ้องมองเจี่ยงหลานอย่างไม่ยินยอม เธอแค่ข้ามถนนตามปกติ ถูกคนขับรถชนแล้วยังถูกใส่ความอีก “ใช่ฉันจน แต่คนจนก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่มีทางไปขู่กรรโชกใคร ถ้าใครพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว ขอให้ถูกฟ้าผ่า” หญิงวัยกลางคนกล่าว เจี่ยงหลานได้ยินคำว่าขอให้ถูกฟ้าผ่าก็รู้สึกหวาดหวั่น เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะอยู่ได้นาน จึงบอกกับหานซานเฉียนว่า “แกจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ถ้าทำให้สามีของฉันมีปัญหาก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก” หานซานเฉียนเป็นคนที่รักใครก็รักและดูแลคนที่เขารักรักด้วย เขาสามารถอดทนต่ออารมณ์และความพาลไร้เหตุผลของคนชราทั้งสองได้เพราะเห็นแก่ซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์ด้วย ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยเล
เจี่ยงหลานมองไปที่หานซานเฉียนและยิ้มเยาะเย้ยออกมา บ้านใหม่อย่างนั้นเหรอ มันก็เป็นแค่บ้านมือสองที่เก่าซอมซ่อเท่านั้นแหละ ถึงแม้ว่าจะมอบบ้านหลังนั้นให้เธอฟรี ๆ เธอก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาหรอก ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเธอจะไปอยู่ที่นั่น“หานซานเฉียน แกคิดว่าซื้อบ้านเก่า ๆ มันสุดยอดมากเลยใช่ไหม? ชั่วชีวิตของฉันไม่มีทางไปอยู่ที่บ้านของแก ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่ไปอยู่กับแกเหมือนกัน” เจี่ยงหลานกล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างเย็นชา เขากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเป็นฝ่ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านของเขาน่ะสิขีดจำกัดความอดทนของหานซานเฉียนมันสามารถยืดขยายได้ไม่มีขีดจำกัด แต่ทำได้เพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น ตอนนี้เจี่ยงหลานได้ทำร้ายคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนจะอดทนได้อีกต่อไปขณะนั้นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้ข้อสรุป ซูกั๋วเย่าเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งหมด นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีค่าซ่อมแซมรถจักรยานไฟฟ้าด้วยตำรวจเดินไปหาเจี่ยงหลานและพูดเสียงเย็น “คราวหลังอย่าทำตัวอวดฉลาดอีก ถ้าหากว่าเขาหลบหนี ใช่ว่าจะจบง่าย ๆ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายแบบนี้ แต่เขายังต้องติดคุกด้วย”เมื่ออยู่ต่อห
เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งโยนก้อนหินใส่เด็กชายคนหนึ่งที่อายุราว ๆ ประมาณ 10 ปี เด็กชายคนนั้นร้องไห้ด้วยท่าทางเจ็บปวดเพราะทนไม่ไหว หานซานเฉียนจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป“หยุดนะ ไอ้พวกเด็กดื้อกำลังทำอะไรกันน่ะ?” หานซานเฉียนแผดเสียงดังใส่เด็กกลุ่มคุ้นชินกับความไร้ระเบียบของที่นี่ พวกเขาไม่กลัวหานซานเฉียนเลยสักนิด เด็กสองคนที่โตที่สุดในกลุ่มตะโกนเอะอะโวยวายใส่เขา“แกเป็นใคร เป็นอะไรกับไอ้ปัญญาอ่อนนี่ พวกเราตีมันไม่ได้ตีแกสักหน่อย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”“ดูไอ้ปัญญาอ่อนนี่สิ มันยังยิ้มอยู่เลย แสดงว่ามันชอบโดนตี”หลังจากพูดจบ เด็กพวกนี้ก็ขว้างก้อนหินใส่เด็กชายคนนั้นอีกครั้งหานซานเฉียนยืนขวางอยู่ข้างหน้าจางเทียนซินสาเหตุที่จางหลิงฮวาตั้งชื่อนี้ให้กับเขา เป็นเพราะหวังว่าเขาจะสามารถมีความสุขได้ในทุก ๆ วัน แต่ว่าจางหลิงฮวาจะรู้ได้อย่างไรว่าหลังจากที่เธอออกไปทำงาน ลูกชายของเธอกลับกลายเป็นของเล่นให้กับเด็กน้อยที่อยู่ในละแวกนี้“แกก็เป็นคนปัญญาอ่อนเหมือนกันสินะ ถึงได้ยอมโดนตีแทนมัน”“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนปัญญาอ่อนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง จัดการมันเลย”ภายใต้การนำของเด็กสองคนที่โตที่สุด
เด็กชายรู้สึกภาคภูมิใจในพฤติกรรมของหยางซิ่ง เขาพูดอย่างหยิ่งผยองว่า “พ่อครับ วันข้างหน้าผมจะยิ่งใหญ่เหมือนพ่อให้ได้”หยางซิ่งตบหัวลูกชาเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจและพูดว่า “ลูกจะต้องยิ่งใหญ่กว่าพ่อแน่ วันหลังจะได้พาลูกน้องขยายออกไปจากหมูบ้านเฉิงจง ทำให้พ่อได้มีความสุข”ขณะที่พ่อลูกกำลังวางแผนอนาคตที่สดใสอยู่นั้น หานซานเฉียนที่ออกไปซื้ออาหารก็กลับมา เมื่อเขาเห็นเด็กเมื่อวานซืนคนนั้นกลับมาพร้อมกับพาผู้ใหญ่เพื่อแก้แค้น แถมยังกำลังทุบตีจางเทียนซิน จิตสังหารก็ผุดขึ้นในใจของเขา“พ่อครับ เขาคือคนที่ตีผมเมื่อกี้นี้” เด็กชายชี้ไปที่หานซานเฉียนและพูดกับหยางซิ่งหยางซิ่งยิ้มอย่างดุร้าย พลางมองไปที่หานซานเฉียนและพูดว่า “ไอ้สารเลว แกน่ะเหรอที่ตีลูกชายของฉัน? คุกเข่าลงและขอโทษเขาซะ ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะหักขาของแกแน่”หานซานเฉียนทิ้งอาหารที่อยู่ในมือและเดินตรงไปหาหยางซิ่งในเวลานี้หานซานเฉียนมีจิตสังหารที่รุนแรงอย่างไม่เคยเป็นก่อนลูกน้องทั้งหลายเมื่อเห็นดังนั้นก็ออกมายืนขวางข้างหน้าหยางซิ่งไว้ ราวกับไม่เห็นหานซานเฉียนอยู่ในสายตา“แกกล้ามากนะ ที่กล้าทำร้ายลูกชายของพี่หยาง”“ดูท่าทางแกจะไม่ใช่คนใน
ในขณะเดียวกันนั้น ซูหยิงเซี่ยที่ออกไปชอปปิงก็กลับบ้านมาอย่างเหนื่อยล้าเจี่ยงหลานนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจเรื่องบางอย่าง ยังไม่ทันที่ซูหยิงเซี่ยจะวางของลง เจี่ยงหลานก็พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป บ้านหลังนี้จะต้องเลือกคนใดคนนึงเท่านั้น ระหว่างแม่ กับหานซานเฉียน หยิงเซี่ย ลูกตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน”ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้ว อยู่ดี ๆ เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก“แม่คะ แม่เป็นอะไรอีกคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“เป็นอะไรอีกหมายความว่ายังไง?” เจี่ยงหลานรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เธอพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “ตอนนี้หานซานเฉียนไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาแล้ว ตอนนี้มันปีกกล้าขาแข็งถึงขั้นกล้าด่าแม่แล้ว ลูกบอกทีว่าแม่จะอยู่ร่วมกับคนแบบนี้ได้ยังไง?”ด่า?หานซานเฉียนจะกล้าด่าเจี่ยงหลานได้อย่างไร เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน“แม่คะ คงไม่ใช่ว่าแม่ไปฟังคนอื่นพูดจาเหลวไหลมาใช่ไหมคะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“มันด่าแม่ต่อหน้า ยังต้องไปฟังมาคนอื่นมาอีกเหรอ?” เจี่ยงหลานพูด“จะเป็นไปได้ยังไงคะ” ปฏิกิริยาแรกของซูหยิงเซี่ยคือเรื่องแบบนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น หานซานเฉียนเป็นคนอย่างไรเ
หลังจากหานซานเฉียนกับจางเทียนซินทานอาหารเย็นเสร็จ เขากังวลว่าหยางซิ่งกำลังรอให้เขากลับไปเพื่อแก้แค้นจางเทียนซิน เขาจึงพาจางเทียนซินไปที่โรงพยาบาล และจัดห้องพักผู้ป่วยวีไอพีให้จางหลิงฮวา และจ้างพยาบาลส่วนตัวมาคอยดูแลพวกเธอจางหลิงฉวาซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่หานซานเฉียนทำเพื่อเธอ ในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีมีที่พักผ่อนสำหรับจางเทียนซิน แค่นี้เธอก็สามารถรักษาบาดแผลได้อย่างไม่ต้องกังวลใจแล้วหลังจากจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว หานซานเฉียนก็กลับมาที่บ้านถึงแม้เขาจะคาดเดาไว้แล้วว่าเจี่ยงหลางคงไม่มีทางยอมเรื่องวันนี้ง่าย ๆ แต่หานซานเฉียนคาดไม่ถึงว่าเมื่อถึงบ้าน เจี่ยงหลานก็ไล่เขาออกไปทันที ซูหยิงเซี่ยยืนปกป้องข้างหน้าหานซานเฉียน โดยไม่สนใจว่าเจี่ยงหลานจะสร้างเรื่องราวเหลวไหลอะไรอีก เธอถามหานซานเฉียนว่า “ซานเฉียน มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”หานซานเฉียนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ซูหยิงเซี่ยฟังทั้งหมดเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ซูหยิงเซี่ยรู้สึกโกรธมาก เธอไม่คิดว่าแม่ของเธอจะไร้เหตุผลถึงขนาดนี้ ขับรถชนคนอื่นแล้วยังไม่ยอมรับผิดชอบ กลับด่าคนอื่นว่าแกล้งโดนรถชนเพื่อเรียกร้องค่าเสีย
”ทำไมลูกต้องช่วยมันพูดด้วย นี่ลูกกำลังโกหกแม่อยู่ใช่ไหม?” เจี่ยงหลานถาม“ไม่ว่าแม่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่นี่คือความจริงค่ะ แม่คิดว่าหนูสามารถเอาเงินมาจากบริษัทได้มากมายขนาดนี้เหรอคะ แม่คิดว่าคุณย่าจะปล่อยให้หนูยักยอกเงินของบริษัทเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดเสียงเย็นด้วยสีหน้าเฉยเมย“พ่อคะ พ่อคิดว่าถ้าหนูยักยอกเงินจากบริษัทมากกว่าหนึ่งล้านหยวน คุณย่าจะไม่ตรวจสอบหาความจริงเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยถามพ่อของเธอซูกั๋วเย่ารู้ดีว่าหญิงชราของตระกูลซูเป็นคนอย่างไร เธอเป็นคนตรวจสอบบัญชีด้วยตัวเอง หากพบเจอปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เธอก็อาจจะไม่พูดอะไร แต่จำนวนเงินที่มากกว่าหนึ่งล้านหยวน เธอไม่มีทางยอมปล่อยผ่านไปได้แน่อีกทั้งซูหยิงเซี่ยเพิ่งได้เป็นหัวหน้าโครงการได้ไม่นาน จะสามารถนำเงินออกมาได้มากกว่าหนึ่งล้านหยวน มันดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะเป็นไปได้สักเท่าไหร่“ก็…” ซูกั๋วเย่าลังเลและพูดไม่ออกซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนและพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเขา พ่อจะได้ขับรถออดี้เหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจะเอาเงินสองแสนหยวนมาจากไหนให้คุณลุงยืม ทุกคนคิดว่านี่เป็นความดีความชอบของหนูเหรอคะ?”เจี่ยงหลานตกตะลึงจนพูดอะไรไม่อ
คำพูดของซูกั๋วเย่าเป็นเหมือนน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวของเจี่ยงหลาน และทำให้เธอสงบลงทันที ในหัวของเธอนึกภาพว่าหานซานเฉียนเป็นคุณชายใหญ่คนหนึ่ง ถูกทำลายลงอย่างไร้ความปราณี“อีกอย่าง คุณลองคิดดูถ้าเขารวยจริง เขาจะซื้อบ้านมือสองทำไม เพราะว่ารถสองคันคงทำให้เขาหมดตัวแล้วยังไงล่ะ” ซูกั๋วเย่ารีบพูดต่อทันทีเจี่ยงหลานเปลี่ยนเป็นท่าทีเย็นชาอีกครั้ง ถ้าหานซานเฉียนรวยจริง มันก็พอคุยกันได้ แต่ถ้าเขาเป็นพวกคนจน ทัศนคติของเธอที่มีต่อเขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม“ในเมื่อไม่มีเงินยังกล้าไม่เคารพฉัน มันคิดว่ามันเป็นใคร” เจี่ยงหลานพูดเสียงเย็น ซูกั๋วเย่าทำได้แค่เพียงถอนหายใจกับการเปลี่ยนสีหน้าที่รวดเร็วของเจี่ยงหลาน เขาคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขามีนามสกุลซู เจี่ยงหลานก็คงไม่แต่งงานกับเขา ในเรื่องการบูชาเงินของเจี่ยงหลาน เขานั้นรู้ดีกว่าใคร ผู้หญิงคนนี้เลือกคบเฉพาะคนรวยเท่านั้น“คุณเก็บอารมณ์ไว้หน่อย ไม่ว่ายังไงรถที่ผมขับอยู่ตอนนี้เขาก็เป็นคนซื้อ และคุณก็ยังนั่งด้วยเหมือนกัน” ซูกั๋วเย่าพูดเตือนออกมาเจี่ยงหลานถลึงตาใส่ซูกั๋วเย่าและพูดว่า “คุณมีสิทธิ์มาสั่งสอนฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ มันกินดื่มในบ้านเรามาตั้งสามปี
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ