“ในเมื่อวันนี้มารวมตัวกันแล้ว พวกเราก็ไปกันให้หมดเลย จะได้ไปดูว่าบ้านใหม่ของเถ้าแก่ซูเป็นอย่างไรบ้าง” เฉิงเย่ไม่ได้กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เลย เขาโทรเรียกทุกคนมาที่นี่ “ใช่ ๆ ๆ พวกเราจะได้อาศัยบารมีด้วย ไม่รู้ว่าจะใหญ่เท่าบ้านหลังนี้ของเถ้าแก่ถังหรือเปล่านะ” “เถ้าแก่ซู บ้านหลังใหม่ของนายซื้อของโครงการไหนเหรอ” “ยังไงนายก็เป็นสมาชิกของตระกูลซู คงไม่ด้อยไปกว่าของเถ้าแก่ถังหรอกนะ?” ซูกั๋วเย่าพยักหน้าอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไรดี บ้านใหม่อะไรกัน ตอนนี้ครอบครัวของเขาแทบไม่มีอะไรกินแล้ว จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้าน วันนี้ลูกชายของถังเฉิงเย่ไม่ได้กลับมา ถือว่าตัดไปหนึ่งปัญหา ไม่อย่างนั้นหานซานเฉียนคงไม่ได้สบายใจอยู่แบบนี้ หลังรับประทานอาหารเสร็จ ซูกั๋วเย่าก็หาข้ออ้างขอตัวกลับ ก่อนไปถังเฉิงเย่ยังย้ำว่าอย่าลืมโทรหาเขา เพื่อนคนอื่น ๆ ก็มองมาอย่างมีความสุขเช่นกัน หานซานเฉียนเลยกำหนดเวลา และบอกพวกเขาว่าให้เป็นวันที่ 15 เดือนหน้า ส่วนที่อยู่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง คำพูดของเขาทำให้เจี่ยงหลานโมโหจนแทบบ้า หลังจากหานซานเฉียนและทุกคนกลับไปแล้ว ถังเฉิงเย่ก็พูดกับเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วย
ภายในห้อง แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพอเดาได้ว่าบ้านที่หานซานเฉียนซื้อนั้นคงเทียบกับบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ไม่ได้ แต่ในใจเธอก็ยังสงสัยอยู่ว่าบ้านใหม่นั้นอยู่ที่ไหน ตอนนี้บ้านที่พักอยู่บนชั้นหกต้องขึ้นลงบันไดทุกวัน เหนื่อยเอาการทีเดียว ถึงแม้สภาพแวดล้อมบ้านใหม่จะไม่ได้ดีเท่าบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ แต่ขอแค่มีลิฟต์ก็พอใจแล้ว “คุณคงไม่ได้คิดจะมีความลับกับฉันใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ความจริงคุณก็เห็นอยู่ทุกวัน” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นทุกวัน?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่เขาพูดว่าเห็นอยู่ทุกวันคงไม่ใช่ชุมชนนี้หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็คงจะพังทลาย “พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณว่างหรือเปล่า?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “ฉันรับปากเฉินหลิงเหยาไว้ว่าจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ ความเจ็บปวดที่คุณทิ้งไว้ให้เธอ ตอนนี้ฉันต้องเป็นคนมารับเคราะห์แทน” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมกับถลึงตาใส่หานซานเฉียน หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉินหลิงเหยายังไม่ปล่อยวางจากเรื่องนั้นอีกเหรอ? วันต่อมา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยเพิ่งตื่นนอนก็ได
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเมื่อคืนหานซานเฉียนได้บอกแล้วว่าเธอเห็นมันทุกวัน ในเมื่อเป็นสถานที่ที่เธอเห็นทุกวัน ก็น่าจะอยู่ในบริเวณชุมชนของเธอนั่นเอง แต่ในเมื่อหานซานเฉียนพูดขึ้นมาแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เกิดอยากรู้ จึงถามเขาไปว่า “อยู่ที่ไหนล่ะ?” หานซานเฉียนชี้ไปที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาแล้วบอกว่า “นั่นไง” ซูหยิงเซี่ยตะลึงงันอยู่นานก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เธอมองไปที่หานซานเฉียนอย่างหมดคำพูด “ต่อหน้าฉันคุณยังจะคุยโม้อยู่อีกเหรอ? รีบกลับบ้านกันเถอะ เฉินหลิงเหยากำลังรอฉันอยู่” หานซานเฉียนยังไม่ทันได้อธิบาย ซูหยิงเซี่ยก็วิ่งออกไปไกลแล้ว แต่การที่เธอไม่เชื่อก็ถือเป็นเรื่องปกติ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา มีราคาประมูลขายเฉียดร้อยล้าน ใครจะคิดว่าผู้ที่ซื้อไปคือลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลซู? หานซานเฉียนยิ้มบาง ๆ มองตามหลังซูหยิงเซี่ยแล้วพูดขึ้นว่า “วันที่ 15 เดือนหน้าคุณก็รู้เอง หวังว่าคุณจะพอใจกับเซอร์ไพรส์นี้นะ” หลังรับทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองกลับถึงบ้านได้ไม่นาน ซูหยิงเซี่ยก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินหลิงเหยา เธอกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามให้หานซานเฉียนมาด้วย ไม่อย่างนั้นเธอจะเ
“รถสองคันที่บ้านเขาเป็นคนซื้อ แถมเร็ว ๆ นี้เขายังซื้อบ้านอีกด้วย ถึงจะเป็นบ้านมือสองแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย” ซูหยิงเซี่ยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เฉินหลิงเหยาเป็นคนแรกที่ได้รู้ และเป็นคนที่เธออยากแบ่งปันด้วยมานานแล้ว เฉินหลิงเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอนึกว่าซูหยิงเซี่ยเอาเงินจากบริษัทไปซื้อรถซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาจากน้ำพักน้ำแรงของหานซานเฉียน รถสองคันมูลค่านับล้าน ยังมีบ้านมือสองอีกหนึ่งหลัง เขาคนนี้รวยมากจริง ๆ! “ซูหยิงเซี่ย เธอปล่อยให้ผู้ชายมีเงินส่วนตัวได้ยังไง? เธอไม่รู้เหรอว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม? วันหลังเขาจะมีเงินทุนสำหรับการนอกใจเธอได้นะ” เฉินหลิงเหยามองซูหยิงเซี่ยอย่างโกรธเคือง ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ เธอไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าหานซานเฉียนจะนอกใจเธอก็คงทำไปนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงป่านนี้? ช่วงเวลาสามปีเต็ม ทุกคนรู้สถานะของเขาในตระกูลซูเป็นอย่างดีว่าเขาได้รับความอัปยศมากมายเพียงใด สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ได้ทำให้เขามีใจออกห่างจากเธอ นับประสาอะไรกับตอนนี้ “เธอคิดมากไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เคยนอกใจ เขาจะรอมาจนถึงตอนนี้เนี่ยนะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ย พอเห็นสีห
“ไปสิ มีที่ไหนที่คนอย่างข่งอู่เข้าไปไม่ได้บ้าง” ข่งอู่ตบหน้าอกรับประกัน หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ใจกลางภูเขา ระหว่างทาง ข่งอู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เขานึกภาวนาในใจว่าขออย่าให้เจอเจ้าของคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเลย ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เหตุผลที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงเป็นเขตที่อยู่อาศัยอันหรูหรา นอกจากเรื่องขององค์ประกอบสภาพแวดล้อมแล้ว จุดที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ถูกใครรบกวน คฤหาสน์ทุกหลังล้วนมีพื้นที่ส่วนตัว การรุกล้ำอาณาเขตของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการฝ่าฝืนกฎ นับตั้งแต่มีการเปิดใช้โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงก็มีการละเมิดกฎเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปและมีความเข้าใจในกฎเกณฑ์เป็นอย่างดี ยังไม่ทันถึงไหล่เขา หญิงสาวร่างเล็กก็ดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว ขณะที่ข่งอู่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนจะมีสัญญาณของลางร้าย “คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดบนเขาหยุนติงแล้วสินะ?” หญิงร่างเล็กพูดพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ข่งอู่ชะเง้อคอดูว่ามีใครอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่นอก
“ข่งอู่ คุณกำลังทำอะไรน่ะ คนพวกนี้...” “คุณอย่าพูดมาก หุบปากซะ” ข่งอู่ตวาดใส่ หญิงสาวร่างเล็กตกใจ หรือว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงจะเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ? ไม่อย่างนั้นเขาจะมีอาการตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้เหรอ “คุณ...ดูคุ้น ๆ หน้านะ เป็นคนของตระกูลข่งใช่ไหม?” หัวหน้ารปภ.เดินเข้าไปหาข่งอู่และถามเสียงเย็น ข่งอู่เหงื่อแตกพลั่กเต็มหลังมือ เขารีบบอกอย่างรวดเร็วว่า “พี่ชาย ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น วันหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ” “ฮึ่ม!” หัวหน้ารปภ.ทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “คุณไปกับผมหน่อย ตระกูลข่งอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว คงไม่มีทางที่จะไม่รู้กฎของที่นี่ ในเมื่อคุณบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่น คุณก็ควรจะรู้ราคาที่คุณต้องจ่าย” ข่งอู่กลัวจนขาอ่อน ไปกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ได้ยินมาว่าแผนกนิติบุคคลมีห้องเล็ก ๆ ไว้จัดการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎโดยเฉพาะ เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งเข้าไปข้างในและออกมาพร้อมกับขาที่หัก หลังจากเหตุการณ์นั้นทางครอบครัวก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ก่อนจะรีบย้ายออกจากเมืองหยุนเฉิงไปในทันที “พี่ชาย ผมเพิ่งทำครั้งแรก
หลังจากหานซานเฉียนสั่งให้บริษัทตกแต่งส่งคนมาเพิ่ม และเร่งระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้น หานซานเฉียนก็ขับรถออกจากโครงการคฤหาสน์ไป วันนี้ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ไปทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องไปบริษัทของตระกูลซู แต่หานซานเฉียนตั้งใจจะไปดูร้านขายของชำเล็ก ๆ สักหน่อย เมื่อพวกเขามาถึงร้านขายของชำเล็ก ๆ ในที่สุดวันนี้ม่อหยางก็เปิดร้านแล้ว แต่เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหานซานเฉียน “นายไม่เคยโผล่มาในวันหยุดเลยนี่นา อย่าบอกนะว่ามาหาฉัน?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม หานซานเฉียนซื้อบุหรี่หนึ่งซองแล้วยื่นให้ม่อหยางมวนหนึ่งก่อนจะถามว่า “เป็นไงบ้าง เมืองหยุนเฉิงในปัจจุบันกับในตอนนั้น ไม่ค่อยเหมือนกันล่ะสิ?” ม่อหยางพยักหน้าแล้วยื่นไฟแช็กให้หานซานเฉียนก่อนจะพูดว่า “แตกต่างไปจริง ๆ นั่นแหละ ทุกวันนี้ผู้คนทำอะไรไม่ใช้สมอง โดยเฉพาะพวกคนหนุ่มสาว พวกเขาถูกภาพยนตร์แก๊งมาเฟียล้างสมองกันหมดแล้ว คิดว่าการต่อสู้เข่นฆ่าคือวิถีชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เรื่องผิดกฎหมาย มีแต่คนที่ป่วยทางจิตเท่านั้นที่จะทำได้” หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อก่อนม่อหยางเคยเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหยุนเฉิง แต่ดันพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำ
“เหลวไหล คุณเป็นคนชนฉันเอง ตอนที่ชนเขายังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่เลย” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่ซูกั๋วเย่าแล้วพูดออกมา ซูกั๋วเย่ามีท่าทีหวาดผวา ไม่กล้าตอบโต้อะไร เจี่ยงหลานพูดด้วยท่าทีใครเสียงดังกว่าคนนั้นชนะว่า “ตอแหล! สามีของฉันเล่นโทรศัพท์ตอนไหน? เธอตาบอดรึเปล่า พอเห็นว่าเราขับรถออดี้เข้าหน่อยก็แกล้งโดนรถชน เพื่อจะเรียกเงินจากพวกเรา คนแบบเธอน่ะ ยากจนจนเป็นบ้าไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนจ้องมองเจี่ยงหลานอย่างไม่ยินยอม เธอแค่ข้ามถนนตามปกติ ถูกคนขับรถชนแล้วยังถูกใส่ความอีก “ใช่ฉันจน แต่คนจนก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่มีทางไปขู่กรรโชกใคร ถ้าใครพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว ขอให้ถูกฟ้าผ่า” หญิงวัยกลางคนกล่าว เจี่ยงหลานได้ยินคำว่าขอให้ถูกฟ้าผ่าก็รู้สึกหวาดหวั่น เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะอยู่ได้นาน จึงบอกกับหานซานเฉียนว่า “แกจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ถ้าทำให้สามีของฉันมีปัญหาก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก” หานซานเฉียนเป็นคนที่รักใครก็รักและดูแลคนที่เขารักรักด้วย เขาสามารถอดทนต่ออารมณ์และความพาลไร้เหตุผลของคนชราทั้งสองได้เพราะเห็นแก่ซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์ด้วย ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยเล