ภายในห้อง แม้ว่าซูหยิงเซี่ยจะพอเดาได้ว่าบ้านที่หานซานเฉียนซื้อนั้นคงเทียบกับบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ไม่ได้ แต่ในใจเธอก็ยังสงสัยอยู่ว่าบ้านใหม่นั้นอยู่ที่ไหน ตอนนี้บ้านที่พักอยู่บนชั้นหกต้องขึ้นลงบันไดทุกวัน เหนื่อยเอาการทีเดียว ถึงแม้สภาพแวดล้อมบ้านใหม่จะไม่ได้ดีเท่าบ้านของเถ้าแก่ถังเฉิงเย่ แต่ขอแค่มีลิฟต์ก็พอใจแล้ว “คุณคงไม่ได้คิดจะมีความลับกับฉันใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ความจริงคุณก็เห็นอยู่ทุกวัน” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เห็นทุกวัน?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วแน่นและรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่เขาพูดว่าเห็นอยู่ทุกวันคงไม่ใช่ชุมชนนี้หรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นก็คงจะพังทลาย “พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณว่างหรือเปล่า?” หานซานเฉียนเอ่ยถาม “ฉันรับปากเฉินหลิงเหยาไว้ว่าจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ ความเจ็บปวดที่คุณทิ้งไว้ให้เธอ ตอนนี้ฉันต้องเป็นคนมารับเคราะห์แทน” ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมกับถลึงตาใส่หานซานเฉียน หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉินหลิงเหยายังไม่ปล่อยวางจากเรื่องนั้นอีกเหรอ? วันต่อมา หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยเพิ่งตื่นนอนก็ได
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้คาดหวังอะไรกับเรื่องนี้มากนัก เพราะเมื่อคืนหานซานเฉียนได้บอกแล้วว่าเธอเห็นมันทุกวัน ในเมื่อเป็นสถานที่ที่เธอเห็นทุกวัน ก็น่าจะอยู่ในบริเวณชุมชนของเธอนั่นเอง แต่ในเมื่อหานซานเฉียนพูดขึ้นมาแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เกิดอยากรู้ จึงถามเขาไปว่า “อยู่ที่ไหนล่ะ?” หานซานเฉียนชี้ไปที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาแล้วบอกว่า “นั่นไง” ซูหยิงเซี่ยตะลึงงันอยู่นานก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เธอมองไปที่หานซานเฉียนอย่างหมดคำพูด “ต่อหน้าฉันคุณยังจะคุยโม้อยู่อีกเหรอ? รีบกลับบ้านกันเถอะ เฉินหลิงเหยากำลังรอฉันอยู่” หานซานเฉียนยังไม่ทันได้อธิบาย ซูหยิงเซี่ยก็วิ่งออกไปไกลแล้ว แต่การที่เธอไม่เชื่อก็ถือเป็นเรื่องปกติ คฤหาสน์ใจกลางภูเขา มีราคาประมูลขายเฉียดร้อยล้าน ใครจะคิดว่าผู้ที่ซื้อไปคือลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ของตระกูลซู? หานซานเฉียนยิ้มบาง ๆ มองตามหลังซูหยิงเซี่ยแล้วพูดขึ้นว่า “วันที่ 15 เดือนหน้าคุณก็รู้เอง หวังว่าคุณจะพอใจกับเซอร์ไพรส์นี้นะ” หลังรับทานอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองกลับถึงบ้านได้ไม่นาน ซูหยิงเซี่ยก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินหลิงเหยา เธอกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามให้หานซานเฉียนมาด้วย ไม่อย่างนั้นเธอจะเ
“รถสองคันที่บ้านเขาเป็นคนซื้อ แถมเร็ว ๆ นี้เขายังซื้อบ้านอีกด้วย ถึงจะเป็นบ้านมือสองแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลย” ซูหยิงเซี่ยไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร เฉินหลิงเหยาเป็นคนแรกที่ได้รู้ และเป็นคนที่เธออยากแบ่งปันด้วยมานานแล้ว เฉินหลิงเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอนึกว่าซูหยิงเซี่ยเอาเงินจากบริษัทไปซื้อรถซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมาจากน้ำพักน้ำแรงของหานซานเฉียน รถสองคันมูลค่านับล้าน ยังมีบ้านมือสองอีกหนึ่งหลัง เขาคนนี้รวยมากจริง ๆ! “ซูหยิงเซี่ย เธอปล่อยให้ผู้ชายมีเงินส่วนตัวได้ยังไง? เธอไม่รู้เหรอว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม? วันหลังเขาจะมีเงินทุนสำหรับการนอกใจเธอได้นะ” เฉินหลิงเหยามองซูหยิงเซี่ยอย่างโกรธเคือง ซูหยิงเซี่ยส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ เธอไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าหานซานเฉียนจะนอกใจเธอก็คงทำไปนานแล้ว ทำไมต้องรอจนถึงป่านนี้? ช่วงเวลาสามปีเต็ม ทุกคนรู้สถานะของเขาในตระกูลซูเป็นอย่างดีว่าเขาได้รับความอัปยศมากมายเพียงใด สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ได้ทำให้เขามีใจออกห่างจากเธอ นับประสาอะไรกับตอนนี้ “เธอคิดมากไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เคยนอกใจ เขาจะรอมาจนถึงตอนนี้เนี่ยนะ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ย พอเห็นสีห
“ไปสิ มีที่ไหนที่คนอย่างข่งอู่เข้าไปไม่ได้บ้าง” ข่งอู่ตบหน้าอกรับประกัน หลังจากที่ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ใจกลางภูเขา ระหว่างทาง ข่งอู่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก เขานึกภาวนาในใจว่าขออย่าให้เจอเจ้าของคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเลย ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เหตุผลที่โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงเป็นเขตที่อยู่อาศัยอันหรูหรา นอกจากเรื่องขององค์ประกอบสภาพแวดล้อมแล้ว จุดที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ถูกใครรบกวน คฤหาสน์ทุกหลังล้วนมีพื้นที่ส่วนตัว การรุกล้ำอาณาเขตของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการฝ่าฝืนกฎ นับตั้งแต่มีการเปิดใช้โครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงก็มีการละเมิดกฎเพียงครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปและมีความเข้าใจในกฎเกณฑ์เป็นอย่างดี ยังไม่ทันถึงไหล่เขา หญิงสาวร่างเล็กก็ดูเหมือนจะอดใจรอไม่ไหวแล้ว ขณะที่ข่งอู่รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนจะมีสัญญาณของลางร้าย “คฤหาสน์หลังนี้เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดบนเขาหยุนติงแล้วสินะ?” หญิงร่างเล็กพูดพลางถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ข่งอู่ชะเง้อคอดูว่ามีใครอยู่ในคฤหาสน์หรือไม่นอก
“ข่งอู่ คุณกำลังทำอะไรน่ะ คนพวกนี้...” “คุณอย่าพูดมาก หุบปากซะ” ข่งอู่ตวาดใส่ หญิงสาวร่างเล็กตกใจ หรือว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงจะเป็นคนใหญ่คนโตเหรอ? ไม่อย่างนั้นเขาจะมีอาการตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้เหรอ “คุณ...ดูคุ้น ๆ หน้านะ เป็นคนของตระกูลข่งใช่ไหม?” หัวหน้ารปภ.เดินเข้าไปหาข่งอู่และถามเสียงเย็น ข่งอู่เหงื่อแตกพลั่กเต็มหลังมือ เขารีบบอกอย่างรวดเร็วว่า “พี่ชาย ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ผมแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น วันหลังจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ” “ฮึ่ม!” หัวหน้ารปภ.ทำเสียงฮึดฮัดและพูดว่า “คุณไปกับผมหน่อย ตระกูลข่งอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว คงไม่มีทางที่จะไม่รู้กฎของที่นี่ ในเมื่อคุณบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของคนอื่น คุณก็ควรจะรู้ราคาที่คุณต้องจ่าย” ข่งอู่กลัวจนขาอ่อน ไปกับเขาอย่างงั้นเหรอ? ได้ยินมาว่าแผนกนิติบุคคลมีห้องเล็ก ๆ ไว้จัดการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎโดยเฉพาะ เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีลูกชายของเศรษฐีคนหนึ่งเข้าไปข้างในและออกมาพร้อมกับขาที่หัก หลังจากเหตุการณ์นั้นทางครอบครัวก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก ก่อนจะรีบย้ายออกจากเมืองหยุนเฉิงไปในทันที “พี่ชาย ผมเพิ่งทำครั้งแรก
หลังจากหานซานเฉียนสั่งให้บริษัทตกแต่งส่งคนมาเพิ่ม และเร่งระยะเวลาการก่อสร้างให้เร็วขึ้น หานซานเฉียนก็ขับรถออกจากโครงการคฤหาสน์ไป วันนี้ซูหยิงเซี่ยไม่ได้ไปทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องไปบริษัทของตระกูลซู แต่หานซานเฉียนตั้งใจจะไปดูร้านขายของชำเล็ก ๆ สักหน่อย เมื่อพวกเขามาถึงร้านขายของชำเล็ก ๆ ในที่สุดวันนี้ม่อหยางก็เปิดร้านแล้ว แต่เขาดูแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหานซานเฉียน “นายไม่เคยโผล่มาในวันหยุดเลยนี่นา อย่าบอกนะว่ามาหาฉัน?” ม่อหยางพูดด้วยรอยยิ้ม หานซานเฉียนซื้อบุหรี่หนึ่งซองแล้วยื่นให้ม่อหยางมวนหนึ่งก่อนจะถามว่า “เป็นไงบ้าง เมืองหยุนเฉิงในปัจจุบันกับในตอนนั้น ไม่ค่อยเหมือนกันล่ะสิ?” ม่อหยางพยักหน้าแล้วยื่นไฟแช็กให้หานซานเฉียนก่อนจะพูดว่า “แตกต่างไปจริง ๆ นั่นแหละ ทุกวันนี้ผู้คนทำอะไรไม่ใช้สมอง โดยเฉพาะพวกคนหนุ่มสาว พวกเขาถูกภาพยนตร์แก๊งมาเฟียล้างสมองกันหมดแล้ว คิดว่าการต่อสู้เข่นฆ่าคือวิถีชีวิต แต่สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เรื่องผิดกฎหมาย มีแต่คนที่ป่วยทางจิตเท่านั้นที่จะทำได้” หานซานเฉียนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อก่อนม่อหยางเคยเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองหยุนเฉิง แต่ดันพูดว่าตัวเองไม่ได้ทำ
“เหลวไหล คุณเป็นคนชนฉันเอง ตอนที่ชนเขายังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่เลย” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่ซูกั๋วเย่าแล้วพูดออกมา ซูกั๋วเย่ามีท่าทีหวาดผวา ไม่กล้าตอบโต้อะไร เจี่ยงหลานพูดด้วยท่าทีใครเสียงดังกว่าคนนั้นชนะว่า “ตอแหล! สามีของฉันเล่นโทรศัพท์ตอนไหน? เธอตาบอดรึเปล่า พอเห็นว่าเราขับรถออดี้เข้าหน่อยก็แกล้งโดนรถชน เพื่อจะเรียกเงินจากพวกเรา คนแบบเธอน่ะ ยากจนจนเป็นบ้าไปแล้ว” หญิงวัยกลางคนจ้องมองเจี่ยงหลานอย่างไม่ยินยอม เธอแค่ข้ามถนนตามปกติ ถูกคนขับรถชนแล้วยังถูกใส่ความอีก “ใช่ฉันจน แต่คนจนก็มีศักดิ์ศรี ฉันไม่มีทางไปขู่กรรโชกใคร ถ้าใครพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว ขอให้ถูกฟ้าผ่า” หญิงวัยกลางคนกล่าว เจี่ยงหลานได้ยินคำว่าขอให้ถูกฟ้าผ่าก็รู้สึกหวาดหวั่น เธอรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะอยู่ได้นาน จึงบอกกับหานซานเฉียนว่า “แกจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ถ้าทำให้สามีของฉันมีปัญหาก็ไม่ต้องกลับมาบ้านอีก” หานซานเฉียนเป็นคนที่รักใครก็รักและดูแลคนที่เขารักรักด้วย เขาสามารถอดทนต่ออารมณ์และความพาลไร้เหตุผลของคนชราทั้งสองได้เพราะเห็นแก่ซูหยิงเซี่ย แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์ด้วย ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยเล
เจี่ยงหลานมองไปที่หานซานเฉียนและยิ้มเยาะเย้ยออกมา บ้านใหม่อย่างนั้นเหรอ มันก็เป็นแค่บ้านมือสองที่เก่าซอมซ่อเท่านั้นแหละ ถึงแม้ว่าจะมอบบ้านหลังนั้นให้เธอฟรี ๆ เธอก็ไม่เห็นมันอยู่ในสายตาหรอก ยิ่งไม่ต้องคิดเลยว่าเธอจะไปอยู่ที่นั่น“หานซานเฉียน แกคิดว่าซื้อบ้านเก่า ๆ มันสุดยอดมากเลยใช่ไหม? ชั่วชีวิตของฉันไม่มีทางไปอยู่ที่บ้านของแก ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่ไปอยู่กับแกเหมือนกัน” เจี่ยงหลานกล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างเย็นชา เขากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเป็นฝ่ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านของเขาน่ะสิขีดจำกัดความอดทนของหานซานเฉียนมันสามารถยืดขยายได้ไม่มีขีดจำกัด แต่ทำได้เพียงแค่ตัวเขาเท่านั้น ตอนนี้เจี่ยงหลานได้ทำร้ายคนอื่น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนจะอดทนได้อีกต่อไปขณะนั้นการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก็ได้ข้อสรุป ซูกั๋วเย่าเป็นฝ่ายรับผิดชอบทั้งหมด นอกจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีค่าซ่อมแซมรถจักรยานไฟฟ้าด้วยตำรวจเดินไปหาเจี่ยงหลานและพูดเสียงเย็น “คราวหลังอย่าทำตัวอวดฉลาดอีก ถ้าหากว่าเขาหลบหนี ใช่ว่าจะจบง่าย ๆ ด้วยการชดใช้ค่าเสียหายแบบนี้ แต่เขายังต้องติดคุกด้วย”เมื่ออยู่ต่อห
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ