สปาหลงเหมิน ติดธงสัญลักษณ์นวดผ่อนคลายและแช่เท้า ในความเป็นจริงสปาหลงเหมินนั้นเป็นแค่ป้ายที่แขวนไว้บังหน้าเท่านั้น คนที่รู้เรื่องดีจะเรียกที่นี่ว่าบ่อนใต้ดินหลงเหมิน ที่ชั้นหนึ่งของสปามีบ่อนการพนันที่มีพื้นที่กว้างขวาง นักพนันทั่วทุกสารทิศจมปลักอยู่ที่นี่จนถอนตัวไม่ขึ้น บางคนหน้าตาซีดเซียว บางคนหน้าแดงเปล่งปลั่ง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นประเภทแรก เพราะถึงอย่างไรการพนันก็มีเสียมากกว่าได้ ความเป็นไปได้ที่จะชนะในบ่อนไม่สูงไปกว่าการซื้อหวยสักเท่าไหร่ เวลานี้หน้าโต๊ะพนันบาคาร่ามีเสียงผู้คนดังเอะอะ ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่นชนะสิบตาติดต่อกัน ชิปตรงหน้าเขากองสุมเท่าภูเขา ผู้คนไม่น้อยที่มุงดูกันคึกคักต่างตะโกนเชียร์เขา ชายหนุ่มคนนี้คือหานซานเฉียน ข้างกายของเขาคือหลินหย่งที่เหงื่อแตกพลั่ก หากยังเล่นชนะในลักษณะนี้ต่อไป พวกเขาจะตกเป็นเป้าสายตาในบ่อนอย่างแน่นอน ถ้าเกิดหานซานเฉียนถูกคนจับไต๋ได้ว่าโกง ชีวิตของพวกเขาจะต้องจบลงที่นี่แน่ หลินหย่งไม่รู้ว่าหานซานเฉียนไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้มาบ่อนแค่พวกเขาสองคนโดยไม่พาลูกน้องมาด้วย หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครช่วยได้ ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ดูกล้องวงจ
“ฉางปิน แกทำอย่างนี้ได้ยังไง” ม่อหยางมองฉางปินด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ถ้าเธอตาย ฉันจะฝังแกในหลุมศพแน่” ฉางปินไม่กลัวคำขู่ของม่อหยางเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “ไอ้สวะอย่างแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ในสายตาของฉัน แกก็เหมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น ฉันจะบี้แกให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แกไม่ต้องกังวลไป ฉันยังเล่นสนุกไม่พอ ให้แกตายตอนนี้มันง่ายเกินไป” หลังจากนั้นฉางปินก็ออกจากห้องทำงานไป ม่อหยางถูกคนของเขากระหน่ำตีอีกชุดใหญ่ หานซานเฉียนได้รับเชิญเข้ามาในห้องวีไอพี ไม่นานฉางปินก็ปรากฏตัวขึ้น พอฉางปินเห็นหลินหย่งก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่หย่งนี่เอง ให้เกียรติมาเยือนถึงถิ่น ทำไมถึงมีเวลาว่างมาผ่อนคลายในพื้นที่เล็ก ๆ ของฉันได้ล่ะ” หลินหย่งไม่กล้าพูดอะไร เพราะที่นี่คือถิ่นของฉางปิน ถ้าเกิดไปยั่วโมโหฉางปินเข้า ตายที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ หานซานเฉียนคาดหวังในตัวหลินหย่งสูงมาก แต่การแสดงออกของเขาน่าผิดหวังจริง ๆ ท่าทางแบบนี้จะทำการใหญ่สำเร็จได้อย่างไร? “แล้วคุณล่ะเป็นใคร นั่งอยู่หน้าพี่หย่ง ภูมิหลังคงไม่ธรรมดาสินะ” ฉางปินมองไปที่หานซานเฉียนและถามขึ้น “ห
ฉางปินไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หลินหย่งเห็นมันจัง ๆ เขาตกใจอึ้งตัวแข็งทื่อไปแล้วลูกสมุนของฉางปิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนก็เหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่มีพลังในการต่อสู้เลย แถมยังถูกหานซานเฉียนล้มลงได้อย่างง่ายดายนี่เขา...ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“ฉันอนุญาตให้แกไปได้แล้วเหรอ?” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังผ่านหูฉางปินเข้ามาฉางปินเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหานซานเฉียน เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ“หานซานเฉียน นี่แกจะทำอะไร ถ้าแกมีเรื่องกับฉัน ตระกูลซูได้จบเห่แน่ โดยเฉพาะแกยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ฉางปินพูด“พาฉันไปหาม่อหยางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกซะ” หานซานเฉียนพูดเสียงเย็น“แกกล้าเหรอ!”มือของหานซานเฉียนค่อย ๆ เพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉางปินรู้สึกว่าการหายใจของเขาเริ่มยากขึ้น ในที่สุดความหวาดหวั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา“แก...แกปล่อยฉันก่อนสิ ฉันจะพาไปเอง!” ฉางปินพูด“ไป”กลุ่มคนสามคนออกมาจากห้องวีไอพี เมื่อลูกน้องของฉางปินเห็นฉากนี้ก็ล้อมเข้ามาทีละคน“หานซานเฉียน แกกำลังรนหาที่ตาย ฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ และทุกคนในตระกูลซูจะต้องจะต้องติดร่างแหไปกับแกด
“ฉางปินฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?” ม่อหยางถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเปื้อนเลือดทำให้เขาดูเหมือนปีศาจฉางปินยังคงดูเหมือนคนรนหาที่ตาย เพราะเขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นม่อหยางหรือหานซานเฉียน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน“ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอตายแล้ว เธอตายตั้งแต่แกถูกจับมาที่นี่แล้ว” ฉางปินพูดม่อหยางไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังสงบลงอย่างผิดปกติ แต่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าม่อหยางในตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยอารณ์อาฆาต“โทรเรียกลูกน้องของนายมาซะ มีกี่คนเรียกมาให้หมด” หานซานเฉียนบอกกับหลินหย่ง ถ้าหากม่อหยางฆ่าฉางปินที่นี่จริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสามคนจะออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหลินหย่งหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขโทรออกหาลูกน้องของเขาทันที“ถ้าเธอตายแล้ว งั้นแกก็ไปอยู่ที่ยมโลกกับเธอด้วยแล้วกัน เพราะเธอกลัวความมืด” ม่อหยางพูดฉางปินมองม่อหยางอย่างดูถูกและพูดว่า “แกกล้าฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ? แกรู้ไหมว่าถ้าฉันตายจะทำให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ขนาดใหญ่แค่ไหน? เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่แกคนเดียว แต่เป็นพวกแกทั้งสามคนๅ และคนตระกูลซูทั
ขณะเดียวกันที่บ้านหยิงเซี่ยหลังจากหานซานเฉียนออกไป ซูหยิงเซี่ยก็ดูไม่สบายใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูหยิงเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีว่าจะหลับเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแทบจะทุกวินาที จนตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้วโดยปกติเวลานี้ซูหยิงเซี่ยจะนอนหลับไปแล้ว เพราะเธอต้องออกไปวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้เลยตอนนั้นเอง ซูหยิงเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าหานซานเฉียนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะนอนบนพื้นข้างเตียง แต่เขาสำคัญในหัวใจของเธอซูหยิงเซี่ยอยากโทรหาหานซานเฉียน และถามเขาว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขามีธุระที่ต้องทำ เธอจึงไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป เวลาผ่านไปหนึ่งคืนโดยที่ซูหยิงเซี่ยยังไม่ได้นอน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว เธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จึงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วและแกล้งทำเป็นหลับหานซานเฉียนไม่คิดว่าเมื่อคืนจะเสียเวลานานขนาดนี้ เขาเขย่งเท้าเข้าไปในห้อง และพบว่าซูหยิงเซี่ยยังหลับอยู่ เขาจึงรู้สึกโล่งใจแต่เมื่อเขาเห็นขนตาของซูหยิงเซี่ยสั่นเล็กน้อยและถุงใต้ตาของเธอก็บวมเป่ง ใต้ตาของเธอ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หานซานเฉียนก็ไปส่งซูหยิงเซี่ยที่บริษัท ร้านขายของก็เปิดตามปกติแล้ว แถมมีลูกค้าเข้าออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลยด้วย“นายจะเอายังไงต่อ?” หานซานเฉียนถามม่อหยาง“ฉางปินตายแล้ว ความยุ่งเหยิงที่มันทิ้งไว้เบื้องหลังต้องมีใครสักคนมาทำความสะอาดไม่ใช่รึไง” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนพยักหน้า ดูเหมือนว่าม่อหยางพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงการนักเลงมาเฟียแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหลินหย่งไม่สามารถทำงานที่สำคัญได้ ในใจของหานซานเฉียนไม่ได้ให้หลินหย่งเป็นเป้าหมายของการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป “ถ้าหากนายต้องการอะไรก็พูดมาได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฉางปินตายแล้ว แต่หยุนเฉิงก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ความช่วยเหลือนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว นายต่างหาก ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย”“คำนี้ฉันจำขึ้นใจแล้วนะ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ” หานซานเฉียนพูดยิ้ม ๆม่อหยางหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วยื่นให้หานซานเฉียนและถามว่า “นายนิ่งเฉยมาสามปีแล้ว กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”หานซานเฉียนโบกมือและพูดว่า “ฉันยังมีงานรออยู่ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”ม่อหยาง
“แม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี คงไม่ใช่ให้ผมชดใช้หรอกใช่ไหม?” เจี่ยงเฉิงพูดด้วยอาการอกสั่นขวัญหายหลิวฮวามองไปที่หานซานเฉียน เธอปล่อยให้ลูกชายของเธอเป็นคนรับผิดชอบไม่ได้ อย่างไรซะหานซานเฉียนก็ถูกตระกูลซูดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้เขาเป็นแพะรับบาปคงไม่มีปัญหาอะไร“ผมยังต้องไปรับหยิงเซี่ยกลับจากที่ทำงาน พวกคุณขึ้นไปข้างบนกันเองก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดเจี่ยงเฟิงกวางรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นมารยาทในการรับแขกอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังจะพูด แต่ก็ถูกหลิวฮวาแทรกขึ้นซะก่อน “นายรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”เจี่ยงเฟิงกวางมองหลิวฮวาอย่างสงสัย ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงเปลี่ยนไป พวกเราเป็นแขกที่มาเยี่ยมบ้าน จะทิ้งพวกเราไว้ข้างล่างแบบนี้ได้ยังไง“หลิวฮวา คุณกำลังทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่ให้เจ้าคนไร้ค่านั่นพาพวกเราขึ้นไปข้างบน?” หลังจากที่หานซานเฉียนขับรถออกไป เจี่ยงเฟิงกวางก็รีบถามหลิวฮวาทันที“ถ้าเขาไม่ไป พวกเราจะโยนความผิดให้เขาได้ยังไงล่ะ?” หลิวฮวาพูดพลางหัวเราะ “อีกเดี๋ยวพอขึ้นไปข้างบนแล้ว พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนพูดเอง”เมื่อทั้งสามคนเดินขึ้นไปข้างบน เจี่ยงหลานก็ได้รอต้อนรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว“พี่ชา
หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยเลิกงาน เธอเห็นรถมีร่องรอยของการชน แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าหานซานเฉียน เธอเพียงแค่พูดว่า “ทำไมคุณถึงไม่ระวังขนาดนี้?”“วันนี้ไปรับคุณลุงที่สถานีรถไฟ พอเจี่ยงเฉิงเห็น เขาก็อยากขับน่ะ เขาไม่ทันได้ระวังก็เลยไปเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” หานซานเฉียนพูด“เจี่ยงเฉิง?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วทันที เธอเกลียดเจี่ยงเฉิงมาก อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมทำมาหากิน และก็เอาแต่เรียนรู้การโอ้อวดจากเจี่ยงเฟิงกวาง แล้วยังขับรถคนอื่นไปชนแบบนี้อีก“ถ้าแม่ฉันรู้เรื่องนี้ ฉันจะดูสิว่าเจี่ยงเฉิงเขาจะทำยังไง” ซูหยิงเซี่ยพูดเมื่อขับถมาถึงบ้าน เจี่ยงหลาน ซูกั๋วเย่า และยังมีครอบครัวของเจี่ยงเฟิงกวางยืนรออยู่ที่ข้างล่าง ในสถานการณ์เช่นนี้ หานซานเฉียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคงไม่ได้มารอซูหยิงเซี่ยหรอกใช่ไหม?หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่า ทั้งคู่ต่างรีบพากันมาดูที่ด้านหน้ารถด้วยความตึงเครียด พวเขารู้สึกเจ็บปวดใจเพราะว่ามันเป็นรถคันใหม่“หานซานเฉียนเอากุญแจรถมาให้ฉัน” เจี่ยงหลานเดินไปหาหานซานเฉียนและพูดอย่างเย็นชาหานซานเฉียนรู้สึกมึนงง แต่เขาก็ยอมส่งกุญแจรถให้