“ฉางปิน แกทำอย่างนี้ได้ยังไง” ม่อหยางมองฉางปินด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ถ้าเธอตาย ฉันจะฝังแกในหลุมศพแน่” ฉางปินไม่กลัวคำขู่ของม่อหยางเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “ไอ้สวะอย่างแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ในสายตาของฉัน แกก็เหมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น ฉันจะบี้แกให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แกไม่ต้องกังวลไป ฉันยังเล่นสนุกไม่พอ ให้แกตายตอนนี้มันง่ายเกินไป” หลังจากนั้นฉางปินก็ออกจากห้องทำงานไป ม่อหยางถูกคนของเขากระหน่ำตีอีกชุดใหญ่ หานซานเฉียนได้รับเชิญเข้ามาในห้องวีไอพี ไม่นานฉางปินก็ปรากฏตัวขึ้น พอฉางปินเห็นหลินหย่งก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่หย่งนี่เอง ให้เกียรติมาเยือนถึงถิ่น ทำไมถึงมีเวลาว่างมาผ่อนคลายในพื้นที่เล็ก ๆ ของฉันได้ล่ะ” หลินหย่งไม่กล้าพูดอะไร เพราะที่นี่คือถิ่นของฉางปิน ถ้าเกิดไปยั่วโมโหฉางปินเข้า ตายที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ หานซานเฉียนคาดหวังในตัวหลินหย่งสูงมาก แต่การแสดงออกของเขาน่าผิดหวังจริง ๆ ท่าทางแบบนี้จะทำการใหญ่สำเร็จได้อย่างไร? “แล้วคุณล่ะเป็นใคร นั่งอยู่หน้าพี่หย่ง ภูมิหลังคงไม่ธรรมดาสินะ” ฉางปินมองไปที่หานซานเฉียนและถามขึ้น “ห
ฉางปินไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หลินหย่งเห็นมันจัง ๆ เขาตกใจอึ้งตัวแข็งทื่อไปแล้วลูกสมุนของฉางปิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนก็เหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่มีพลังในการต่อสู้เลย แถมยังถูกหานซานเฉียนล้มลงได้อย่างง่ายดายนี่เขา...ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“ฉันอนุญาตให้แกไปได้แล้วเหรอ?” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังผ่านหูฉางปินเข้ามาฉางปินเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหานซานเฉียน เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ“หานซานเฉียน นี่แกจะทำอะไร ถ้าแกมีเรื่องกับฉัน ตระกูลซูได้จบเห่แน่ โดยเฉพาะแกยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ฉางปินพูด“พาฉันไปหาม่อหยางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกซะ” หานซานเฉียนพูดเสียงเย็น“แกกล้าเหรอ!”มือของหานซานเฉียนค่อย ๆ เพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉางปินรู้สึกว่าการหายใจของเขาเริ่มยากขึ้น ในที่สุดความหวาดหวั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา“แก...แกปล่อยฉันก่อนสิ ฉันจะพาไปเอง!” ฉางปินพูด“ไป”กลุ่มคนสามคนออกมาจากห้องวีไอพี เมื่อลูกน้องของฉางปินเห็นฉากนี้ก็ล้อมเข้ามาทีละคน“หานซานเฉียน แกกำลังรนหาที่ตาย ฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ และทุกคนในตระกูลซูจะต้องจะต้องติดร่างแหไปกับแกด
“ฉางปินฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?” ม่อหยางถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเปื้อนเลือดทำให้เขาดูเหมือนปีศาจฉางปินยังคงดูเหมือนคนรนหาที่ตาย เพราะเขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นม่อหยางหรือหานซานเฉียน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน“ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอตายแล้ว เธอตายตั้งแต่แกถูกจับมาที่นี่แล้ว” ฉางปินพูดม่อหยางไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังสงบลงอย่างผิดปกติ แต่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าม่อหยางในตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยอารณ์อาฆาต“โทรเรียกลูกน้องของนายมาซะ มีกี่คนเรียกมาให้หมด” หานซานเฉียนบอกกับหลินหย่ง ถ้าหากม่อหยางฆ่าฉางปินที่นี่จริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสามคนจะออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหลินหย่งหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขโทรออกหาลูกน้องของเขาทันที“ถ้าเธอตายแล้ว งั้นแกก็ไปอยู่ที่ยมโลกกับเธอด้วยแล้วกัน เพราะเธอกลัวความมืด” ม่อหยางพูดฉางปินมองม่อหยางอย่างดูถูกและพูดว่า “แกกล้าฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ? แกรู้ไหมว่าถ้าฉันตายจะทำให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ขนาดใหญ่แค่ไหน? เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่แกคนเดียว แต่เป็นพวกแกทั้งสามคนๅ และคนตระกูลซูทั
ขณะเดียวกันที่บ้านหยิงเซี่ยหลังจากหานซานเฉียนออกไป ซูหยิงเซี่ยก็ดูไม่สบายใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูหยิงเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีว่าจะหลับเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแทบจะทุกวินาที จนตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้วโดยปกติเวลานี้ซูหยิงเซี่ยจะนอนหลับไปแล้ว เพราะเธอต้องออกไปวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้เลยตอนนั้นเอง ซูหยิงเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าหานซานเฉียนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะนอนบนพื้นข้างเตียง แต่เขาสำคัญในหัวใจของเธอซูหยิงเซี่ยอยากโทรหาหานซานเฉียน และถามเขาว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขามีธุระที่ต้องทำ เธอจึงไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป เวลาผ่านไปหนึ่งคืนโดยที่ซูหยิงเซี่ยยังไม่ได้นอน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว เธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จึงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วและแกล้งทำเป็นหลับหานซานเฉียนไม่คิดว่าเมื่อคืนจะเสียเวลานานขนาดนี้ เขาเขย่งเท้าเข้าไปในห้อง และพบว่าซูหยิงเซี่ยยังหลับอยู่ เขาจึงรู้สึกโล่งใจแต่เมื่อเขาเห็นขนตาของซูหยิงเซี่ยสั่นเล็กน้อยและถุงใต้ตาของเธอก็บวมเป่ง ใต้ตาของเธอ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หานซานเฉียนก็ไปส่งซูหยิงเซี่ยที่บริษัท ร้านขายของก็เปิดตามปกติแล้ว แถมมีลูกค้าเข้าออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลยด้วย“นายจะเอายังไงต่อ?” หานซานเฉียนถามม่อหยาง“ฉางปินตายแล้ว ความยุ่งเหยิงที่มันทิ้งไว้เบื้องหลังต้องมีใครสักคนมาทำความสะอาดไม่ใช่รึไง” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนพยักหน้า ดูเหมือนว่าม่อหยางพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงการนักเลงมาเฟียแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหลินหย่งไม่สามารถทำงานที่สำคัญได้ ในใจของหานซานเฉียนไม่ได้ให้หลินหย่งเป็นเป้าหมายของการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป “ถ้าหากนายต้องการอะไรก็พูดมาได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฉางปินตายแล้ว แต่หยุนเฉิงก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ความช่วยเหลือนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว นายต่างหาก ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย”“คำนี้ฉันจำขึ้นใจแล้วนะ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ” หานซานเฉียนพูดยิ้ม ๆม่อหยางหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วยื่นให้หานซานเฉียนและถามว่า “นายนิ่งเฉยมาสามปีแล้ว กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”หานซานเฉียนโบกมือและพูดว่า “ฉันยังมีงานรออยู่ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”ม่อหยาง
“แม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี คงไม่ใช่ให้ผมชดใช้หรอกใช่ไหม?” เจี่ยงเฉิงพูดด้วยอาการอกสั่นขวัญหายหลิวฮวามองไปที่หานซานเฉียน เธอปล่อยให้ลูกชายของเธอเป็นคนรับผิดชอบไม่ได้ อย่างไรซะหานซานเฉียนก็ถูกตระกูลซูดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้เขาเป็นแพะรับบาปคงไม่มีปัญหาอะไร“ผมยังต้องไปรับหยิงเซี่ยกลับจากที่ทำงาน พวกคุณขึ้นไปข้างบนกันเองก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดเจี่ยงเฟิงกวางรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นมารยาทในการรับแขกอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังจะพูด แต่ก็ถูกหลิวฮวาแทรกขึ้นซะก่อน “นายรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”เจี่ยงเฟิงกวางมองหลิวฮวาอย่างสงสัย ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงเปลี่ยนไป พวกเราเป็นแขกที่มาเยี่ยมบ้าน จะทิ้งพวกเราไว้ข้างล่างแบบนี้ได้ยังไง“หลิวฮวา คุณกำลังทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่ให้เจ้าคนไร้ค่านั่นพาพวกเราขึ้นไปข้างบน?” หลังจากที่หานซานเฉียนขับรถออกไป เจี่ยงเฟิงกวางก็รีบถามหลิวฮวาทันที“ถ้าเขาไม่ไป พวกเราจะโยนความผิดให้เขาได้ยังไงล่ะ?” หลิวฮวาพูดพลางหัวเราะ “อีกเดี๋ยวพอขึ้นไปข้างบนแล้ว พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนพูดเอง”เมื่อทั้งสามคนเดินขึ้นไปข้างบน เจี่ยงหลานก็ได้รอต้อนรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว“พี่ชา
หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยเลิกงาน เธอเห็นรถมีร่องรอยของการชน แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าหานซานเฉียน เธอเพียงแค่พูดว่า “ทำไมคุณถึงไม่ระวังขนาดนี้?”“วันนี้ไปรับคุณลุงที่สถานีรถไฟ พอเจี่ยงเฉิงเห็น เขาก็อยากขับน่ะ เขาไม่ทันได้ระวังก็เลยไปเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” หานซานเฉียนพูด“เจี่ยงเฉิง?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วทันที เธอเกลียดเจี่ยงเฉิงมาก อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมทำมาหากิน และก็เอาแต่เรียนรู้การโอ้อวดจากเจี่ยงเฟิงกวาง แล้วยังขับรถคนอื่นไปชนแบบนี้อีก“ถ้าแม่ฉันรู้เรื่องนี้ ฉันจะดูสิว่าเจี่ยงเฉิงเขาจะทำยังไง” ซูหยิงเซี่ยพูดเมื่อขับถมาถึงบ้าน เจี่ยงหลาน ซูกั๋วเย่า และยังมีครอบครัวของเจี่ยงเฟิงกวางยืนรออยู่ที่ข้างล่าง ในสถานการณ์เช่นนี้ หานซานเฉียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคงไม่ได้มารอซูหยิงเซี่ยหรอกใช่ไหม?หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่า ทั้งคู่ต่างรีบพากันมาดูที่ด้านหน้ารถด้วยความตึงเครียด พวเขารู้สึกเจ็บปวดใจเพราะว่ามันเป็นรถคันใหม่“หานซานเฉียนเอากุญแจรถมาให้ฉัน” เจี่ยงหลานเดินไปหาหานซานเฉียนและพูดอย่างเย็นชาหานซานเฉียนรู้สึกมึนงง แต่เขาก็ยอมส่งกุญแจรถให้
เมื่อถึงห้องทานอาหารแบบห้องเดี่ยวพิเศษ พวกเขาได้ดื่มไวน์กันจำนวนหนึ่ง อาศัยช่วงที่ซูกั๋วเย่ากับเจี่ยงหลานทั้งสองคนมึนงงสติเลอะเลือน หลิวฮวาก็ได้เตือนสติเจี่ยงเฟิงกวางให้พูดในสิ่งที่เตรียมการกันมา “เจี่ยงหลาน พี่มีเรื่องอยากจะขอร้องให้เธอช่วยหน่อย”เจี่ยงหลานโบกมือไปมาและพูดด้วยอารมรณ์ที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “พี่มีอะไรก็พูดมาได้เลย ถ้าฉันช่วยได้ ฉันก็จะช่วยพี่อย่างแน่นอน”“ช่วงนี้พี่ค่อนข้างร้อนเงินและลำบากนิดหน่อย หยิงเซี่ยตอนนี้ก็กำลังประสบความสำเร็จ พี่เลยคิดว่าจะมาขอยืมเงินนิดหน่อย” เจี่ยงเฟิงกวางพูดหลิวฮวารีบสมทบทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ พวกเราก็คงไม่เอ่ยปากแบบนี้ เจี่ยงหลาน ตอนนี้เธอร่ำรวยแล้วคงไม่ใช่ว่าจะไม่ช่วยพวกเราหรอกนะ”เมื่อเจี่ยงหลานได้ยินเรื่องขอยืมเงิน สติของเธอก็กลับมาทันที เธอรู้ดีว่าเจี่ยงเฟิงกวางเป็นคนอย่างไร ถ้าหากว่าให้ยืมเงินนี้ไปแล้วล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะไม่มีทางได้คืน“พี่จะยืมเงินเท่าไหร่ล่ะ?” เจี่ยงหลานถามเจี่ยงเฟิงกวางชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว เจี่ยงหลานพูดว่า “สองพันหยวน?”“เจี่ยงหลาน เธอหมายความว่ายังไง ถ้าแค่สองพันห