ฉางปินไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หลินหย่งเห็นมันจัง ๆ เขาตกใจอึ้งตัวแข็งทื่อไปแล้วลูกสมุนของฉางปิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนก็เหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่มีพลังในการต่อสู้เลย แถมยังถูกหานซานเฉียนล้มลงได้อย่างง่ายดายนี่เขา...ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“ฉันอนุญาตให้แกไปได้แล้วเหรอ?” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังผ่านหูฉางปินเข้ามาฉางปินเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหานซานเฉียน เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ“หานซานเฉียน นี่แกจะทำอะไร ถ้าแกมีเรื่องกับฉัน ตระกูลซูได้จบเห่แน่ โดยเฉพาะแกยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ฉางปินพูด“พาฉันไปหาม่อหยางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกซะ” หานซานเฉียนพูดเสียงเย็น“แกกล้าเหรอ!”มือของหานซานเฉียนค่อย ๆ เพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉางปินรู้สึกว่าการหายใจของเขาเริ่มยากขึ้น ในที่สุดความหวาดหวั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา“แก...แกปล่อยฉันก่อนสิ ฉันจะพาไปเอง!” ฉางปินพูด“ไป”กลุ่มคนสามคนออกมาจากห้องวีไอพี เมื่อลูกน้องของฉางปินเห็นฉากนี้ก็ล้อมเข้ามาทีละคน“หานซานเฉียน แกกำลังรนหาที่ตาย ฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ และทุกคนในตระกูลซูจะต้องจะต้องติดร่างแหไปกับแกด
“ฉางปินฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?” ม่อหยางถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเปื้อนเลือดทำให้เขาดูเหมือนปีศาจฉางปินยังคงดูเหมือนคนรนหาที่ตาย เพราะเขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นม่อหยางหรือหานซานเฉียน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน“ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอตายแล้ว เธอตายตั้งแต่แกถูกจับมาที่นี่แล้ว” ฉางปินพูดม่อหยางไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังสงบลงอย่างผิดปกติ แต่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าม่อหยางในตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยอารณ์อาฆาต“โทรเรียกลูกน้องของนายมาซะ มีกี่คนเรียกมาให้หมด” หานซานเฉียนบอกกับหลินหย่ง ถ้าหากม่อหยางฆ่าฉางปินที่นี่จริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสามคนจะออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหลินหย่งหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขโทรออกหาลูกน้องของเขาทันที“ถ้าเธอตายแล้ว งั้นแกก็ไปอยู่ที่ยมโลกกับเธอด้วยแล้วกัน เพราะเธอกลัวความมืด” ม่อหยางพูดฉางปินมองม่อหยางอย่างดูถูกและพูดว่า “แกกล้าฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ? แกรู้ไหมว่าถ้าฉันตายจะทำให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ขนาดใหญ่แค่ไหน? เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่แกคนเดียว แต่เป็นพวกแกทั้งสามคนๅ และคนตระกูลซูทั
ขณะเดียวกันที่บ้านหยิงเซี่ยหลังจากหานซานเฉียนออกไป ซูหยิงเซี่ยก็ดูไม่สบายใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูหยิงเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีว่าจะหลับเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแทบจะทุกวินาที จนตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้วโดยปกติเวลานี้ซูหยิงเซี่ยจะนอนหลับไปแล้ว เพราะเธอต้องออกไปวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้เลยตอนนั้นเอง ซูหยิงเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าหานซานเฉียนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะนอนบนพื้นข้างเตียง แต่เขาสำคัญในหัวใจของเธอซูหยิงเซี่ยอยากโทรหาหานซานเฉียน และถามเขาว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขามีธุระที่ต้องทำ เธอจึงไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป เวลาผ่านไปหนึ่งคืนโดยที่ซูหยิงเซี่ยยังไม่ได้นอน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว เธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จึงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วและแกล้งทำเป็นหลับหานซานเฉียนไม่คิดว่าเมื่อคืนจะเสียเวลานานขนาดนี้ เขาเขย่งเท้าเข้าไปในห้อง และพบว่าซูหยิงเซี่ยยังหลับอยู่ เขาจึงรู้สึกโล่งใจแต่เมื่อเขาเห็นขนตาของซูหยิงเซี่ยสั่นเล็กน้อยและถุงใต้ตาของเธอก็บวมเป่ง ใต้ตาของเธอ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หานซานเฉียนก็ไปส่งซูหยิงเซี่ยที่บริษัท ร้านขายของก็เปิดตามปกติแล้ว แถมมีลูกค้าเข้าออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลยด้วย“นายจะเอายังไงต่อ?” หานซานเฉียนถามม่อหยาง“ฉางปินตายแล้ว ความยุ่งเหยิงที่มันทิ้งไว้เบื้องหลังต้องมีใครสักคนมาทำความสะอาดไม่ใช่รึไง” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนพยักหน้า ดูเหมือนว่าม่อหยางพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงการนักเลงมาเฟียแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหลินหย่งไม่สามารถทำงานที่สำคัญได้ ในใจของหานซานเฉียนไม่ได้ให้หลินหย่งเป็นเป้าหมายของการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป “ถ้าหากนายต้องการอะไรก็พูดมาได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฉางปินตายแล้ว แต่หยุนเฉิงก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ความช่วยเหลือนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว นายต่างหาก ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย”“คำนี้ฉันจำขึ้นใจแล้วนะ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ” หานซานเฉียนพูดยิ้ม ๆม่อหยางหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วยื่นให้หานซานเฉียนและถามว่า “นายนิ่งเฉยมาสามปีแล้ว กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”หานซานเฉียนโบกมือและพูดว่า “ฉันยังมีงานรออยู่ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”ม่อหยาง
“แม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี คงไม่ใช่ให้ผมชดใช้หรอกใช่ไหม?” เจี่ยงเฉิงพูดด้วยอาการอกสั่นขวัญหายหลิวฮวามองไปที่หานซานเฉียน เธอปล่อยให้ลูกชายของเธอเป็นคนรับผิดชอบไม่ได้ อย่างไรซะหานซานเฉียนก็ถูกตระกูลซูดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้เขาเป็นแพะรับบาปคงไม่มีปัญหาอะไร“ผมยังต้องไปรับหยิงเซี่ยกลับจากที่ทำงาน พวกคุณขึ้นไปข้างบนกันเองก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดเจี่ยงเฟิงกวางรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นมารยาทในการรับแขกอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังจะพูด แต่ก็ถูกหลิวฮวาแทรกขึ้นซะก่อน “นายรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”เจี่ยงเฟิงกวางมองหลิวฮวาอย่างสงสัย ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงเปลี่ยนไป พวกเราเป็นแขกที่มาเยี่ยมบ้าน จะทิ้งพวกเราไว้ข้างล่างแบบนี้ได้ยังไง“หลิวฮวา คุณกำลังทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่ให้เจ้าคนไร้ค่านั่นพาพวกเราขึ้นไปข้างบน?” หลังจากที่หานซานเฉียนขับรถออกไป เจี่ยงเฟิงกวางก็รีบถามหลิวฮวาทันที“ถ้าเขาไม่ไป พวกเราจะโยนความผิดให้เขาได้ยังไงล่ะ?” หลิวฮวาพูดพลางหัวเราะ “อีกเดี๋ยวพอขึ้นไปข้างบนแล้ว พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนพูดเอง”เมื่อทั้งสามคนเดินขึ้นไปข้างบน เจี่ยงหลานก็ได้รอต้อนรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว“พี่ชา
หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยเลิกงาน เธอเห็นรถมีร่องรอยของการชน แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าหานซานเฉียน เธอเพียงแค่พูดว่า “ทำไมคุณถึงไม่ระวังขนาดนี้?”“วันนี้ไปรับคุณลุงที่สถานีรถไฟ พอเจี่ยงเฉิงเห็น เขาก็อยากขับน่ะ เขาไม่ทันได้ระวังก็เลยไปเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย” หานซานเฉียนพูด“เจี่ยงเฉิง?” ซูหยิงเซี่ยขมวดคิ้วทันที เธอเกลียดเจี่ยงเฉิงมาก อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว เอาแต่เอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมทำมาหากิน และก็เอาแต่เรียนรู้การโอ้อวดจากเจี่ยงเฟิงกวาง แล้วยังขับรถคนอื่นไปชนแบบนี้อีก“ถ้าแม่ฉันรู้เรื่องนี้ ฉันจะดูสิว่าเจี่ยงเฉิงเขาจะทำยังไง” ซูหยิงเซี่ยพูดเมื่อขับถมาถึงบ้าน เจี่ยงหลาน ซูกั๋วเย่า และยังมีครอบครัวของเจี่ยงเฟิงกวางยืนรออยู่ที่ข้างล่าง ในสถานการณ์เช่นนี้ หานซานเฉียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคงไม่ได้มารอซูหยิงเซี่ยหรอกใช่ไหม?หลังจากจอดรถเสร็จแล้ว เจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่า ทั้งคู่ต่างรีบพากันมาดูที่ด้านหน้ารถด้วยความตึงเครียด พวเขารู้สึกเจ็บปวดใจเพราะว่ามันเป็นรถคันใหม่“หานซานเฉียนเอากุญแจรถมาให้ฉัน” เจี่ยงหลานเดินไปหาหานซานเฉียนและพูดอย่างเย็นชาหานซานเฉียนรู้สึกมึนงง แต่เขาก็ยอมส่งกุญแจรถให้
เมื่อถึงห้องทานอาหารแบบห้องเดี่ยวพิเศษ พวกเขาได้ดื่มไวน์กันจำนวนหนึ่ง อาศัยช่วงที่ซูกั๋วเย่ากับเจี่ยงหลานทั้งสองคนมึนงงสติเลอะเลือน หลิวฮวาก็ได้เตือนสติเจี่ยงเฟิงกวางให้พูดในสิ่งที่เตรียมการกันมา “เจี่ยงหลาน พี่มีเรื่องอยากจะขอร้องให้เธอช่วยหน่อย”เจี่ยงหลานโบกมือไปมาและพูดด้วยอารมรณ์ที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น “พี่มีอะไรก็พูดมาได้เลย ถ้าฉันช่วยได้ ฉันก็จะช่วยพี่อย่างแน่นอน”“ช่วงนี้พี่ค่อนข้างร้อนเงินและลำบากนิดหน่อย หยิงเซี่ยตอนนี้ก็กำลังประสบความสำเร็จ พี่เลยคิดว่าจะมาขอยืมเงินนิดหน่อย” เจี่ยงเฟิงกวางพูดหลิวฮวารีบสมทบทันที “ถ้าไม่ใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริง ๆ พวกเราก็คงไม่เอ่ยปากแบบนี้ เจี่ยงหลาน ตอนนี้เธอร่ำรวยแล้วคงไม่ใช่ว่าจะไม่ช่วยพวกเราหรอกนะ”เมื่อเจี่ยงหลานได้ยินเรื่องขอยืมเงิน สติของเธอก็กลับมาทันที เธอรู้ดีว่าเจี่ยงเฟิงกวางเป็นคนอย่างไร ถ้าหากว่าให้ยืมเงินนี้ไปแล้วล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะไม่มีทางได้คืน“พี่จะยืมเงินเท่าไหร่ล่ะ?” เจี่ยงหลานถามเจี่ยงเฟิงกวางชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว เจี่ยงหลานพูดว่า “สองพันหยวน?”“เจี่ยงหลาน เธอหมายความว่ายังไง ถ้าแค่สองพันห
ทุกคนเห็นเจี่ยงเฉิงมีสภาพใบหน้าบวมช้ำหลังจากทะเลาะวิวาทและโดนคนโยนเข้ามาในห้องอาหาร คนข้างหลังที่ดูท่าทางแข็งแรง รูปร่างสูงใหญ่ก็เดินตามเข้ามาหลิวฮวาเป็นคนที่ชอบให้ท้ายลูกของตัวเอง เมื่อเห็นลูกชายถูกทุบตีแบบนั้น เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปดูในทันที“เจี่ยงเฉิง เป็นอย่างไรบ้างลูก ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลิวฮวาถามด้วยความเป็นห่วงเจี่ยงเฉิงตกใจกลัวมากน้ำหูน้ำตาไหล และร้องไห้ราวกับเป็นผู้หญิง“พวกแกเป็นใคร มาทำร้ายลูกฉันทำไม” หลิวฮวาตะโกนขึ้นเสียงดังชายร่างอ้วนพุงพลุ้ยที่สวมสร้อยคอทองคำเดินเข้ามา “จะตะโกนทำไม ยัยผู้หญิงโง่ผู้ให้กำเนิดลูกชายโง่ แม้แต่ผู้หญิงของฉันก็ยังกล้ามาลวนลาม โดนอัดไปหนึ่งทีมันจะเป็นอะไรไป?”เจี่ยงเฉิงที่เพิ่งเข้าห้องน้ำเสร็จ เขาได้พบกับผู้หญิงที่สวมชุดเซ็กซี่ จึงได้เผลอแซวลวนลามไปไม่กี่คำ โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงของใคร ยังไม่ทันได้พูดอะไรมาก เขาก็ถูกอัดจนน่วมทันทีเจี่ยงเฉิงกลัวมากจนร้องไห้ออกมาในที่ตรงนั้น และคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา แม้ว่าเขาจะอ้างชื่อของตระกูลซูก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้อภัยเขาเมื่อได้ยินคำพูดของชายอ้วน หลิวฮวาก็พูดอย่างไม่กลัว
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ