หานซานเฉียนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ถ้าคุณมีธุระก็ไปเถอะ แต่ว่า...” คำพูดของซูหยิงเซี่ยหยุดลงกลางคัน “แต่ว่าอะไร?” หานซานเฉียนถามอย่างแปลกใจ “ไม่มีอะไร” ซูหยิงเซี่ยรีบกลับไปที่ห้อง เธออยากจะบอกว่าห้ามเขาไปหาผู้หญิง แต่คำพูดแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลก แม้ว่าทั้งสองจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่สามีภรรยากันจริง ๆ การเข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของหานซานเฉียนจนเกินไป ซูหยิงเซี่ยยังรู้สึกไม่คุ้นชิน ซูหยิงเซี่ยนั่งลงที่หัวเตียงพลางยกหมอนขึ้น มีกรรไกรเล่มหนึ่งอยู่ข้างใต้ มันถูกวางไว้ตรงนี้เมื่อสามปีก่อน ในปีแรก ซูหยิงเซี่ยจับกรรไกรไว้ทุกคืนจนผล็อยหลับไป จนต่อมาเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายการระมัดระวังตัวลง และตอนนี้เธอรู้สึกว่าถึงเวลาต้องเก็บกรรไกรแล้ว “ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณข่มใจตัวเองได้ยังไง เมื่ออยู่กับสาวสวยอย่างฉัน” ซูหยิงเซี่ยพึมพำกับตัวเองโดยไม่ได้สังเกตแก้มที่แดงระเรื่อของตัวเอง ก่อนจะเอากรรไกรเก็บเข้าไปในตู้เสื้อผ้า ซูหยิงเซี่ยยืนอยู่หน้ากระจก มองดูรูปร่างและใบหน้าอันละเอียดอ่อนไร้จุดบกพร่องของตัวเอง เขาไม่ใจเต้นเลยงั้นเหรอ? “เฮ้อ นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย” ซูหยิงเซี่ยห
สปาหลงเหมิน ติดธงสัญลักษณ์นวดผ่อนคลายและแช่เท้า ในความเป็นจริงสปาหลงเหมินนั้นเป็นแค่ป้ายที่แขวนไว้บังหน้าเท่านั้น คนที่รู้เรื่องดีจะเรียกที่นี่ว่าบ่อนใต้ดินหลงเหมิน ที่ชั้นหนึ่งของสปามีบ่อนการพนันที่มีพื้นที่กว้างขวาง นักพนันทั่วทุกสารทิศจมปลักอยู่ที่นี่จนถอนตัวไม่ขึ้น บางคนหน้าตาซีดเซียว บางคนหน้าแดงเปล่งปลั่ง แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นประเภทแรก เพราะถึงอย่างไรการพนันก็มีเสียมากกว่าได้ ความเป็นไปได้ที่จะชนะในบ่อนไม่สูงไปกว่าการซื้อหวยสักเท่าไหร่ เวลานี้หน้าโต๊ะพนันบาคาร่ามีเสียงผู้คนดังเอะอะ ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่นชนะสิบตาติดต่อกัน ชิปตรงหน้าเขากองสุมเท่าภูเขา ผู้คนไม่น้อยที่มุงดูกันคึกคักต่างตะโกนเชียร์เขา ชายหนุ่มคนนี้คือหานซานเฉียน ข้างกายของเขาคือหลินหย่งที่เหงื่อแตกพลั่ก หากยังเล่นชนะในลักษณะนี้ต่อไป พวกเขาจะตกเป็นเป้าสายตาในบ่อนอย่างแน่นอน ถ้าเกิดหานซานเฉียนถูกคนจับไต๋ได้ว่าโกง ชีวิตของพวกเขาจะต้องจบลงที่นี่แน่ หลินหย่งไม่รู้ว่าหานซานเฉียนไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้มาบ่อนแค่พวกเขาสองคนโดยไม่พาลูกน้องมาด้วย หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครช่วยได้ ขณะนั้นเองเจ้าหน้าที่ดูกล้องวงจ
“ฉางปิน แกทำอย่างนี้ได้ยังไง” ม่อหยางมองฉางปินด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ถ้าเธอตาย ฉันจะฝังแกในหลุมศพแน่” ฉางปินไม่กลัวคำขู่ของม่อหยางเลยแม้แต่น้อย เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “ไอ้สวะอย่างแกจะเอาอะไรมาสู้กับฉัน ในสายตาของฉัน แกก็เหมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น ฉันจะบี้แกให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แกไม่ต้องกังวลไป ฉันยังเล่นสนุกไม่พอ ให้แกตายตอนนี้มันง่ายเกินไป” หลังจากนั้นฉางปินก็ออกจากห้องทำงานไป ม่อหยางถูกคนของเขากระหน่ำตีอีกชุดใหญ่ หานซานเฉียนได้รับเชิญเข้ามาในห้องวีไอพี ไม่นานฉางปินก็ปรากฏตัวขึ้น พอฉางปินเห็นหลินหย่งก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ฉันก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่หย่งนี่เอง ให้เกียรติมาเยือนถึงถิ่น ทำไมถึงมีเวลาว่างมาผ่อนคลายในพื้นที่เล็ก ๆ ของฉันได้ล่ะ” หลินหย่งไม่กล้าพูดอะไร เพราะที่นี่คือถิ่นของฉางปิน ถ้าเกิดไปยั่วโมโหฉางปินเข้า ตายที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ หานซานเฉียนคาดหวังในตัวหลินหย่งสูงมาก แต่การแสดงออกของเขาน่าผิดหวังจริง ๆ ท่าทางแบบนี้จะทำการใหญ่สำเร็จได้อย่างไร? “แล้วคุณล่ะเป็นใคร นั่งอยู่หน้าพี่หย่ง ภูมิหลังคงไม่ธรรมดาสินะ” ฉางปินมองไปที่หานซานเฉียนและถามขึ้น “ห
ฉางปินไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่หลินหย่งเห็นมันจัง ๆ เขาตกใจอึ้งตัวแข็งทื่อไปแล้วลูกสมุนของฉางปิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนก็เหมือนกับกระดาษ พวกมันไม่มีพลังในการต่อสู้เลย แถมยังถูกหานซานเฉียนล้มลงได้อย่างง่ายดายนี่เขา...ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?“ฉันอนุญาตให้แกไปได้แล้วเหรอ?” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกดังผ่านหูฉางปินเข้ามาฉางปินเริ่มมีสีหน้าหวาดกลัว เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นหานซานเฉียน เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ“หานซานเฉียน นี่แกจะทำอะไร ถ้าแกมีเรื่องกับฉัน ตระกูลซูได้จบเห่แน่ โดยเฉพาะแกยิ่งไม่ต้องพูดถึง” ฉางปินพูด“พาฉันไปหาม่อหยางเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแกซะ” หานซานเฉียนพูดเสียงเย็น“แกกล้าเหรอ!”มือของหานซานเฉียนค่อย ๆ เพิ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ ฉางปินรู้สึกว่าการหายใจของเขาเริ่มยากขึ้น ในที่สุดความหวาดหวั่นก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา“แก...แกปล่อยฉันก่อนสิ ฉันจะพาไปเอง!” ฉางปินพูด“ไป”กลุ่มคนสามคนออกมาจากห้องวีไอพี เมื่อลูกน้องของฉางปินเห็นฉากนี้ก็ล้อมเข้ามาทีละคน“หานซานเฉียน แกกำลังรนหาที่ตาย ฉันจะไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ และทุกคนในตระกูลซูจะต้องจะต้องติดร่างแหไปกับแกด
“ฉางปินฉันจะถามแกเป็นครั้งสุดท้าย ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?” ม่อหยางถามอย่างเยือกเย็น ใบหน้าเปื้อนเลือดทำให้เขาดูเหมือนปีศาจฉางปินยังคงดูเหมือนคนรนหาที่ตาย เพราะเขาคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นม่อหยางหรือหานซานเฉียน ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรเขาอย่างแน่นอน“ฉันยังพูดไม่ชัดอีกเหรอว่าเธอตายแล้ว เธอตายตั้งแต่แกถูกจับมาที่นี่แล้ว” ฉางปินพูดม่อหยางไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังสงบลงอย่างผิดปกติ แต่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าม่อหยางในตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยอารณ์อาฆาต“โทรเรียกลูกน้องของนายมาซะ มีกี่คนเรียกมาให้หมด” หานซานเฉียนบอกกับหลินหย่ง ถ้าหากม่อหยางฆ่าฉางปินที่นี่จริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาสามคนจะออกจากที่นี่โดยไม่ได้รับบาดเจ็บหลินหย่งหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความตื่นตระหนกและกดหมายเลขโทรออกหาลูกน้องของเขาทันที“ถ้าเธอตายแล้ว งั้นแกก็ไปอยู่ที่ยมโลกกับเธอด้วยแล้วกัน เพราะเธอกลัวความมืด” ม่อหยางพูดฉางปินมองม่อหยางอย่างดูถูกและพูดว่า “แกกล้าฆ่าฉันจริง ๆ เหรอ? แกรู้ไหมว่าถ้าฉันตายจะทำให้เกิดผลกระทบลูกโซ่ขนาดใหญ่แค่ไหน? เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่แกคนเดียว แต่เป็นพวกแกทั้งสามคนๅ และคนตระกูลซูทั
ขณะเดียวกันที่บ้านหยิงเซี่ยหลังจากหานซานเฉียนออกไป ซูหยิงเซี่ยก็ดูไม่สบายใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ซูหยิงเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีว่าจะหลับเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแทบจะทุกวินาที จนตอนนี้ใกล้จะห้าทุ่มแล้วโดยปกติเวลานี้ซูหยิงเซี่ยจะนอนหลับไปแล้ว เพราะเธอต้องออกไปวิ่งในตอนเช้า แต่วันนี้เธอไม่สามารถหลับตาลงได้เลยตอนนั้นเอง ซูหยิงเซี่ยก็ตระหนักได้ว่าหานซานเฉียนกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเธอไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะนอนบนพื้นข้างเตียง แต่เขาสำคัญในหัวใจของเธอซูหยิงเซี่ยอยากโทรหาหานซานเฉียน และถามเขาว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขามีธุระที่ต้องทำ เธอจึงไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป เวลาผ่านไปหนึ่งคืนโดยที่ซูหยิงเซี่ยยังไม่ได้นอน ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นแล้ว เธอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา จึงรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็วและแกล้งทำเป็นหลับหานซานเฉียนไม่คิดว่าเมื่อคืนจะเสียเวลานานขนาดนี้ เขาเขย่งเท้าเข้าไปในห้อง และพบว่าซูหยิงเซี่ยยังหลับอยู่ เขาจึงรู้สึกโล่งใจแต่เมื่อเขาเห็นขนตาของซูหยิงเซี่ยสั่นเล็กน้อยและถุงใต้ตาของเธอก็บวมเป่ง ใต้ตาของเธอ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หานซานเฉียนก็ไปส่งซูหยิงเซี่ยที่บริษัท ร้านขายของก็เปิดตามปกติแล้ว แถมมีลูกค้าเข้าออกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และดูไม่เหมือนคนทั่วไปเลยด้วย“นายจะเอายังไงต่อ?” หานซานเฉียนถามม่อหยาง“ฉางปินตายแล้ว ความยุ่งเหยิงที่มันทิ้งไว้เบื้องหลังต้องมีใครสักคนมาทำความสะอาดไม่ใช่รึไง” ม่อหยางพูดหานซานเฉียนพยักหน้า ดูเหมือนว่าม่อหยางพร้อมที่จะกลับเข้าสู่วงการนักเลงมาเฟียแล้ว นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะหลินหย่งไม่สามารถทำงานที่สำคัญได้ ในใจของหานซานเฉียนไม่ได้ให้หลินหย่งเป็นเป้าหมายของการฝึกฝนของเขาอีกต่อไป “ถ้าหากนายต้องการอะไรก็พูดมาได้เลย” หานซานเฉียนกล่าวม่อหยางหัวเราะออกมาและพูดว่า “ฉางปินตายแล้ว แต่หยุนเฉิงก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว ความช่วยเหลือนี้ถือว่าเพียงพอแล้ว นายต่างหาก ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกมาได้เลย”“คำนี้ฉันจำขึ้นใจแล้วนะ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ” หานซานเฉียนพูดยิ้ม ๆม่อหยางหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วยื่นให้หานซานเฉียนและถามว่า “นายนิ่งเฉยมาสามปีแล้ว กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”หานซานเฉียนโบกมือและพูดว่า “ฉันยังมีงานรออยู่ ขอตัวก่อนก็แล้วกัน”ม่อหยาง
“แม่ ตอนนี้จะทำอย่างไรดี คงไม่ใช่ให้ผมชดใช้หรอกใช่ไหม?” เจี่ยงเฉิงพูดด้วยอาการอกสั่นขวัญหายหลิวฮวามองไปที่หานซานเฉียน เธอปล่อยให้ลูกชายของเธอเป็นคนรับผิดชอบไม่ได้ อย่างไรซะหานซานเฉียนก็ถูกตระกูลซูดูถูกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ให้เขาเป็นแพะรับบาปคงไม่มีปัญหาอะไร“ผมยังต้องไปรับหยิงเซี่ยกลับจากที่ทำงาน พวกคุณขึ้นไปข้างบนกันเองก็แล้วกัน” หานซานเฉียนพูดเจี่ยงเฟิงกวางรู้สึกโกรธมาก นี่เป็นมารยาทในการรับแขกอย่างนั้นเหรอ? เขากำลังจะพูด แต่ก็ถูกหลิวฮวาแทรกขึ้นซะก่อน “นายรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะสายเอา”เจี่ยงเฟิงกวางมองหลิวฮวาอย่างสงสัย ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงเปลี่ยนไป พวกเราเป็นแขกที่มาเยี่ยมบ้าน จะทิ้งพวกเราไว้ข้างล่างแบบนี้ได้ยังไง“หลิวฮวา คุณกำลังทำอะไรน่ะ ทำไมถึงไม่ให้เจ้าคนไร้ค่านั่นพาพวกเราขึ้นไปข้างบน?” หลังจากที่หานซานเฉียนขับรถออกไป เจี่ยงเฟิงกวางก็รีบถามหลิวฮวาทันที“ถ้าเขาไม่ไป พวกเราจะโยนความผิดให้เขาได้ยังไงล่ะ?” หลิวฮวาพูดพลางหัวเราะ “อีกเดี๋ยวพอขึ้นไปข้างบนแล้ว พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนพูดเอง”เมื่อทั้งสามคนเดินขึ้นไปข้างบน เจี่ยงหลานก็ได้รอต้อนรับพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว“พี่ชา
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ