“แกใส่ร้ายฉัน คุณย่าไม่ได้ดื่มชามาสองปีแล้ว ฉันจะประสงค์ร้ายกับท่านได้ยังไง” ซูไห่เฉากล่าวด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก ท่าทีรีบร้อนหาข้อแก้ตัว ยิ่งทำให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่าเขากำลังกินปูนร้อนท้อง“อ่อ เป็นแบบนี้เองเหรอ” หานซานเฉียนพยักหน้ารับ และพูดด้วยความเข้าใจในทันทีว่า “นายรู้ว่าคุณย่าไม่ได้ดื่มชา จึงใช้โอกาสนี้ย้อมแมวท่าน โดยโกหกว่าชาผู่เอ๋อร์นี้ราคาแปดแสนแปดหมื่นหยวนสินะ”แววตาของซูไห่เฉาสั่นไหวผิดปกติ เพราะหานซานเฉียนพูดถูกต้องทุกอย่าง แท้จริงแล้วเขาย้อมแมว และอยากให้เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้คุณย่าไม่ได้ดื่มชาแล้ว ดังนั้นท่านจึงไม่น่าที่จะดูออกซูไห่เฉาไม่คิดเลยว่าการที่ตัวเองโอ้อวดต่อหน้าหานซานเฉียนเพื่อให้ญาติ ๆ หัวเราะเยาะเขา แต่กลับถูกหานซานเฉียนเปิดโปงคำโกหกของเขา!“สิ่งที่นายพูดมันไร้สาระ มันเป็นการแต่งเรื่องขึ้นมา คนอย่างนายรู้จักชาชั้นดีด้วยเหรอ?” ซูไห่เฉาพูดอย่างใจเย็นเมื่อบรรดาญาติ ๆ ที่สงสัยซูไห่เฉาได้ยินประโยคนี้ ก็คิดว่าเกือบถูกหานซานเฉียนหลอกเข้าให้แล้วคนกระจอกอย่างเขาจะรู้จักสินค้าระดับสูงเหล่านี้ได้อย่างไร?“หานซานเฉียน ถ้านายไม่รู
“เมื่อหงส์เหินถวิลหา หวีทองคำด้ามหนึ่ง"“หงส์เหินถึง ปิ่นทองคำหนึ่งด้าม"“ประคำหยกมงคลสุขให้โชคหนึ่งเส้น"“กำไรทองคล้องคู่มังกรหงส์หนึ่งคู่"“ถ้วยชามตะเกียบคู่ชุดหนึ่ง คะนึงถึงสัมพันธ์คู่รักเอย" ...เมื่อฟังรายการของขวัญ ผู้คนในตระกูลซูต่างมองหน้ากัน มันจะเป็นของขวัญสำหรับหญิงชราของตระกูลซูได้อย่างไร นี่มันของขวัญสำหรับเจ้าสาวชัด ๆ!“ของขวัญเงินสดมูลค่า แปดร้อยแปดสิบแปดล้านหยวน”ทุกคนในตระกูลซูต่างตกตะลึงเมื่อธนบัตรร้อยหยวนสีแดงสดถูกนำมาวางไว้อยู่ตรงหน้าพวกเขา คนในตระกูลซูทั้งห้องอาหารต่างก็พากันเงียบกริบ ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจแผ่วเบา แปดร้อยแปดสิบแปดล้านหยวนสำหรับตระกูลอันดับสองอย่างตระกูลซู ของขวัญเช่นนี้มีมูลค่ามหาศาลนักหญิงชราของตระกูลซูลุกขึ้นยืน โดยใช้ไม้ค้ำพร้อมกับเดินเข้าไปหาผู้ที่มาส่งของขวัญ และถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครกัน แล้วคุณชอบลูกสาวคนไหนของตระกูลซู”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสาวโสดในตระกูลซูที่ยังไม่แต่งงาน ต่างพากันตื่นเต้นจนหน้าแดงก่ำ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นใคร แต่ในเมื่อเขาสามารถมอบสินสอดทองหมั้นที่น่าต
ณ โรงแรมเพนนินซูล่า ห้องของประธานาธิบดีที่นั่งฝั่งตรงข้ามของหานซานเฉียนคือหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งหน้าอย่างวิจิตรงดงาม สวมชุดที่มีสีทองสลับเงิน และมีท่วงท่าที่สง่างาม“ซานเฉียน ในที่สุดลูกก็มาหาแม่สักที แม่มีความสุขมากเหลือเกิน” ผู้หญิงคนนี้ชื่อฉือจิง เธอเป็นแม่ของหานซานเฉียนเมื่อเผชิญหน้ากับมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาสามปี หานซานเฉียนกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร และเขาแทบจะไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำไป“ใครจะไปคิดว่าลูกชายคนสุดท้องของตระกูลหานที่ถูกทอดทิ้งอย่างผม วันนึงเกิดมีประโยชน์ขึ้นมา? ผมไม่เคยคิดมาก่อน คุณเองก็คงจะคิดเหมือนกัน” หานซานเฉียนยกมุมปากขึ้นเบา ๆ“ซานเฉียน แม่รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วมันไม่ยุติธรรมกับลูก แต่มันเป็นการตัดสินใจของคุณย่า และแม่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย” ฉือจิงกล่าวขึ้นอย่างไม่สบายใจหานซานเฉียนส่ายหัวและพูดว่า “สามปี? ในสายตาของคุณ ความอยุติธรรมเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วเองงั้นเหรอ?”“สิบสามปีที่แล้ว เขาอายุสิบสองขวบ มีเพียงแค่ชื่อเขาอยู่บนเค้กวันเกิดเท่านั้น ทุกคนคงคิดว่าเขามีความสุข แต่ทุกคนคงลืมไปว่าผมอายุน้อยกว่าเขาแค่ห้านาทีเท่านั้น
“เถ้าแก่ ขอบุหรี่หน่อยครับ”“นายนี่ตรงเวลาทุกวันเลยนะ”ณ ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามของบริษัทซู เจ้าของร้านมองไปที่หานซานเฉียนพร้อมกับถอนหายใจวันหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว ชายหนุ่มผู้นี้จะมาที่นี่อย่างตรงต่อเวลาเสมอ นี่ก็เป็นเวลาสามปีแล้ว ไม่ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ตอนแรกเถ้าแก่ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็ค่อย ๆ สังเกตได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ซูหยิงเซี่ยออกมาจากบริษัท ชายหนุ่มคนนี้ก็จะตามออกมาด้วยสําหรับตัวตนของหานซานเชียน เถ้าแก่พอจะเดาได้คร่าว ๆ แต่ก็ไม่ได้บอกแน่ชัดว่าตระกูลมีปมที่ยากจะอ่านออกได้ ลูกเขยของตระกูลซูคนนี้ได้รับการปฏิบัติราวกับขยะจากคนทั้งหยุนเฉิง บางทีเขาอาจไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้“ผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้วครับ” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเถ้าแก่เป็นชายวัยกลางคน เขาชื่นชมความพากเพียรของหานซานเฉียนมาก เวลาผ่านมาสามปีแล้วที่เขามาที่นี่ในเวลาสี่โมงครึ่งตรงเวลาทุกวัน และคอยปกป้องซูหยิงเซี่ยอยู่อย่างเงียบ ๆ เสมอ“เมื่อไหร่นายถึงจะไปรับเธอหลังเลิกงานล่ะ? เอาแต่มองแบบนี้ทุกวัน มันไม่มีประโยชน์หรอกนะ” ในร้านไม่มีลูกค้า เถ้าแก่จึงได้พูดกับหานซานเฉียนหานซานเฉียนมองไ
วันรุ่งขึ้น ซูไห่เฉานั่งอยู่ในสำนักงาน ทันทีที่รับสาย ๆ หนึ่ง เขาก็หัวเราะจนน้ำตาไหลเพื่อนร่วมงานในตระกูลซูอีกสองสามคนมองดูซูไห่เฉาที่กำลังหัวเราะอย่างงุนงง“ไห่เฉาเกิดอะไรขึ้น นายตลกอะไรนักหนา?”“หยุดหัวเราะ แล้วบอกเราเร็ว ๆ สิ” “คงไม่ใช่เพราะซูหยิงเซี่ยหนีไปแล้วใช่ไหม?”ซูไห่เฉาจับท้องของเขาและพูดว่า “ฉันหัวเราะจนปวดท้องไปหมดแล้ว ซูหยิงเซี่ยนี่โง่จริง ๆ”“เกิดอะไรขึ้น รีบบอกมาเร็วเข้า” ญาติของตระกูลซูหลายคนกระวนกระวายราวกับมดที่อยู่บนหม้อไฟ“ผู้หญิงบ้าคนนี้ให้หานซานเฉียนขับรถยนต์ไฟฟ้าพาเธอไปยังบริษัทลั่วเฉวน่ะสิ เธอเสียสติไปแล้วสินะ” ซูไห่เฉาพูดเมื่อได้ยินประโยคนี้ เสียงหัวเราะมากมายก็ดังขึ้นในสำนักงาน ไม่มีใครหยุดหัวเราะได้เลย ทุกคนต่างหัวเราะกันดังลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอจะไปเจรจาเรื่องความร่วมมือในสภาพแบบนี้ บริษัทลั่วเฉวคงจะยอมเจรจากับเธออยู่หรอกนะ?”“ฉันว่าเธอคงยอมแพ้แล้วล่ะ แต่ก็นะ พวกเรายังขอเจรจาไม่ได้เลย แล้วเธอจะทำได้ยังไง”“ไห่เฉา วิธีนี้ของนายใช้ได้เลยนะ ครั้งนี้ซูหยิงเซี่ยไม่รอดแน่ เธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลซู เมื่อถึงเวลาแบ่งทรัพย์สมบัติ เธอก็จะไม่ได้อะไรเลย”
เมื่อการเซ็นสัญญาเสร็จสิ้น ซูหยิงเซี่ยเดินออกมาจากบริษัทลั่วเฉวราวกับว่าวิญญาณออกจากเธอไปแล้ว ชายที่สอดแนมในระยะไกลเห็นฉากนี้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรรายงานกับซูไห่เฉาทันทีหลังจากที่ซูไห่เฉาได้รับข่าว เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก เขาวางแผนจัดประชุมภายในขึ้นทันที และในระหว่างนั้นเขาจะไล่ซูหยิงเซี่ยออกจากตระกูลซู"เป็นไงบ้าง?" หานซานเฉียนเดินดิ่งเข้าไปหาซูหยิงเซี่ย เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของเธอ ในใจจึงคิดว่าจงเหลียงให้การต้อนรับบกพร่องหรือ? “เซ็นสัญญาแล้ว” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียน และกล่าวด้วยน้ำเสียงทึมทื่อหานซานเฉียนยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อได้เซ็นสัญญาแล้ว ทำไมคุณถึงดูสิ้นหวังแบบนี้ล่ะ”ซูหยิงเซี่ยไม่ได้รู้สึกสิ้นหวัง แต่เธอรู้สึกเหมือนเธอฝันไปขณะนั้นเอง โทรศัพท์ของซูหยิงเซี่ยก็ดังขึ้น และหลังจากเห็นชื่อซูไห่เฉา เธอพูดขึ้นอย่างหมดคำจะพูดว่า“ซูไห่เฉานี่รอไม่ไหวเลยเหรอ”“แต่คราวนี้เขาต้องผิดหวังแน่” หานซานเฉียนกล่าว“ทั้งหมดนี้คือคุณงามความดีของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ บ้านของเราต้องจบเห่แน่” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่หานซานเฉียนอย่างซาบซึ้งใจ“อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้นอกจากคุณนะ”
ในที่สุดหญิงชราก็มองมาที่ซูหยิงเซี่ย และขอให้ผู้ช่วยนำแว่นของเธอมาให้เพื่ออ่านสัญญาทั้งหมดญาติ ๆ ต่างพากันยืดคอเพื่อต้องการอ่านเนื้อหาของสัญญา เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าซูหยิงเซี่ยจะสามารถเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนได้จริง เพราะพวกเขาทุกคนไม่เคยเห็นแม้แต่เจ้าของบริษัทลั่วเฉว แล้วทำไมซูหยิงเซี่ยถึงทำได้?เธอมีฐานะที่ต่ำต้อยที่สุดในตระกูลซู และไม่เคยเป็นที่น่าพอใจเลย ไม่มีใครปฏิบัติกับซูหยิงเซี่ยเหมือนเป็นญาติพี่น้อง แต่ถ้าครั้งนี้เธอขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ แล้วถ้าหญิงชราเห็นคุณค่าของเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?ในบรรดาญาติ ๆ ของพวกเขา ซูไห่เฉาเป็นคนที่ไม่อยากจะเชื่อมากที่สุด เพราะถ้าหากซูหยิงเซี่ยขอเจรจาเป็นหุ้นส่วนได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าในอนาคตเขาจะต้องยกน้ำชาให้แก่ซูหยิงเซี่ย และเขาต้องเรียกเธอว่าพี่เซี่ย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก“ซูหยิงเซี่ย เธออาจจะร่างสัญญาขึ้นมาเองก็ได้ ใครจะไปเชื่อเธอ ฉันคิดว่าเธอคงจะไม่เคยเจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวด้วยซ้ำ” ซูไห่เฉาพูดอย่างประชดประชัน“ใช่ ฉันไม่ได้เจอเจ้าของบริษัทลั่วเฉวจริง ๆ นั่นแหละ” เพราะคุณจงเหลียง ผู้ดูแลโครงการเฉิงซีบอกเธอว่าเจ้าของบริษัทยุ่ง
บรรดาญาติ ๆ ของตระกูลซูหลายคนลุกขึ้นยืนพูดแทนซูไห่เฉา เมื่อเห็นคนเหล่านั้นเข้าข้างและปกป้องเขา ซูหยิงเซี่ยก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ พวกเขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ ซูไห่เฉาเป็นคนให้สัญญาเองแท้ ๆ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความผิดของเธอซะงั้นหากเจรจาขอเป็นหุ้นส่วนไม่สำเร็จ หากซูไห่เฉาจะไล่เธอออกจากตระกูลซู แล้วคนเหล่านี้จะลุกขึ้นมาโต้แย้งช่วยเธอไหม?“ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้” หญิงชราพูดเมื่อบรรดาญาติ ๆ ที่ต่อสู้เพื่อความอยุติธรรมของซูไห่เฉา เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเหมือนมะเขือที่ถูกทุบ พวกเขาไม่กล้าพูดไร้สาระอะไรอีกซูไห่เฉาแสดงสีหน้าบูดบึ้งราวกับว่าเขากินอุจจาระเข้าไป แม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกไม่พอใจเป็นหมื่นพันเท่า แต่ในเมื่อคุณย่าพูดออกมาแบบนั้นแล้ว เขาจะไม่ยอมได้อย่างไรซูไห่เฉายกถ้วยน้ำชามาให้ซูหยิงเซี่ยดื่ม และตะโกนอย่างไม่เต็มใจว่า “พี่เซี่ย”เมื่อเขาก้มหัวลง ดวงตาของซูไห่เฉาก็ฉายแววน่ากลัว และคิดในใจว่า ครั้งนี้เธอคงรู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่อย่าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคตได้ ฉันเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบริษัท ถ้าฉันอยากจะฆ่าเธอให้ตาย มันยังมีอีกหลายวิธีที่