สนามมวยใต้ดินเป็นอาชีพที่มองไม่เห็นแสงสว่าง แต่ความสำเร็จของเย่เฟยนั้นแสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถพอตัวในหยุนเฉิง และการที่เขากล้าออกมาสกัดดาวรุ่งม่อหยางในเวลานี้ แสดงให้เห็นว่าเขาต้องการแข่งขันกับม่อหยาง เมื่อก่อนเมืองหยุนเฉิงมีม่อหยางยิ่งใหญ่อยู่คนเดียว เย่เฟยจึงกังวลว่าถ้าปล่อยให้ม่อหยางแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง เมืองหยุนเฉิงก็จะกลายเป็นอาณาจักรของเขาแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้ง หลายปีที่ผ่านมา เย่เฟยไม่เคยก้มหัวให้ใคร ถ้าคิดจะเหยียบหัวเขาก็ต้องแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาให้เห็นก่อน เขามีนักมวยบนสังเวียนมากมาย แต่ละคนนั้นก็เหี้ยมโหด ในเมืองหยุนเฉิง เย่เฟยมีลูกสมุนน้อยกว่าคนอื่น ๆ ก็จริง แต่ถ้าเอาลูกสมุนออกมาเทียบกันตัวต่อตัวนั้นคงไม่มีใครสู้เขาได้ ในวันธรรมดาผู้ชมในสนามมวยใต้ดินมีไม่มากนัก อัฒจันทร์รอบ ๆ มีคนนั่งอยู่ไม่ถึง 200 คน โดยปกติเวลานี้เย่เฟยมักจะอยู่ในสำนักงาน เขาจะมาที่สนามมวยในช่วงสุดสัปดาห์เท่านั้น แล้วนั่งที่นั่งวีไอพี “พี่เฟย ลูกน้องของม่อหยางเข้าโรงพยาบาลไปเกือบครึ่งแล้วครับ เห็นทีว่าช่วงนี้เขาน่าจะหายหน้าไปสักพัก” ลูกสมุนคนหนึ่งของเย่เฟยกล่าว เย่เฟยไว้เคราแพ
นักมวยมองหานซานเฉียนที่สวมหน้ากากพร้อมพูดอย่างเยาะเย้ยว่า “น้องชาย ระวังหน่อยนะ หมัดคู่ของฉันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้านายโดนหมัดของฉันตาย ก็ช่วยไปทักทายยมทูตแทนฉันด้วยก็แล้วกัน” หานซานเฉียนยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร พร้อมกระดิกนิ้วเรียกนักมวย สีหน้าของนักมวยเปลี่ยนเป็นสีหน้าเกรี้ยวกราด ขาทั้งสองออกแรงพุ่งตัวเข้าไป หานซานเฉียนขยับตัวเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบหมัด นักมวยออกแรงมากไปจนไม่สามารถยั้งหมัดเอาไว้ได้ ทำให้หมัดพุ่งเฉียดผ่านตัวหานซานเฉียนไปอย่างหวุดหวิด หานซานเฉียนใช้จังหวะที่นักมวยเปิดช่องโหว่ ถีบเขาออกไปด้วยอานุภาพดุจสายฟ้าฟาด นักมวยรู้สึกว่าแรงนั้นมีพลังมหาศาลจนกระดูกสันหลังแทบหัก ร่างกายของเขากระโจนไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ แม้แต่เชือกรอบเวทีก็ไม่อาจหยุดเขาไว้ได้ทำให้เขาตกลงไปจากเวทีมวยก่อนที่หัวจะกระแทกกับพื้นแล้วสลบไป เพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น! ภายในสนามมวยตกอยู่ในความเงียบทันที รายการนี้จัดขึ้นเพียงเพื่อให้ผู้ชมได้ผ่อนคลายจากการแข่งขันที่ตึงเครียด ไม่เคยมีผู้ชมคนไหนสามารถต่อยนักมวยได้อย่างอนาถเช่นนี้ แถมยังจัดการได้อย่างรวดเร็ว ผู้ชมบนอัฒจันทร์ต่างก็ตกตะลึง “พระ
“นี่มันดุเดือดเกินไปแล้ว” “ถ้าเขาไม่ใช่คนของสนามมวย ฉันจะเขียนชื่อกลับหัวให้ดูเลย เขาต้องเป็นคนที่สนามมวยเตี๊ยมไว้แน่ ๆ” “ผู้ชมธรรมดาทั่วไปจะเก่งกาจแบบเขาได้ยังไงกัน” เริ่มเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นภายในที่นั่งผู้ชม มีเพียงม่อหยางและหลินหย่งเท่านั้นที่รู้ว่าหานซานเฉียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับสนามมวย แต่ในหัวของพวกเขาทั้งสองก็ไม่รู้จะหาคำใดมาจำกัดความหานซานเฉียนได้เลย “เขาคงไม่ได้คิดจะท้าดวลคนทั้งสนามมวยด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ?” ม่อหยางพูดพร้อมกับยิ้มเจื่อน หลินหย่งปาดเหงื่ออันเย็นเยียบบนหน้าผากแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าจะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ลูกสมุนฝีมือดีของเย่เฟยนั้นมีเป็นจำนวนมหาศาล เขาจะต้านทานไหวเหรอครับ?” “นายว่าเขาดูมีทีท่าจะต้านไม่อยู่เหรอ? นักมวยสองคนนี้ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ คนที่เก่งกาจขนาดนี้ ทำไมถึงยอมแต่งงานเข้าตระกูลซู แถมยังถูกคนทั้งหยุนเฉิงมองว่าเป็นเศษสวะอีก” ม่อหยางพูดอย่างงุนงง ถ้าเขามีเงินและมีฝีมือขนาดนี้ คงไม่มีวันยอมถูกคนอื่นกดขี่แน่นอน หรือว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนเดียวจริง ๆ เหรอ? สีหน้าของกรรมการนั้นแย่จนถึงขีดสุด ดูท่าคงต้องให้นักมวยที่แข็งแกร่ง
“เจ้าเตาสือเอ้อร์คนนี้แข็งแกร่งมากเลยเหรอ?” ม่อหยางถามหลินหย่งพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เขามีบันทึกการต่อสู้ไม่เยอะครับ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่รักษาสถิติชนะรวดทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นยังโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี คู่ต่อสู้ของเขาถ้าโชคดีที่สุดอย่างน้อยก็ต้องไปนอนโรงพยาบาลสักหนึ่งอาทิตย์” “มีทางขัดขวางได้ไหม จะให้หานซานเฉียนบาดเจ็บไม่ได้” ม่อหยางกล่าว หลินหย่งส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ภายใต้สถานการณ์ที่สนามมวยกำลังจะเสียหน้า เขาจะไม่มีวันปล่อยหานซานเฉียนไปแน่ เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับศักดิ์ศรีของสนามมวย “พี่ใหญ่ม่อ ตอนนี้เราคงต้องลุ้นความแข็งแกร่งของพี่ซานเฉียนอย่างเดียวแล้วล่ะครับ หากเราเข้าไปยุ่ง แล้วเรื่องไปถึงหูเย่เฟย สถานการณ์จะยิ่งร้ายแรงมากขึ้นได้” หลินหย่งกล่าว บนเวทีมวย เตาสือเอ้อร์พูดกับหานซานเฉียนว่า “พี่ชาย ฉันแนะนำให้นายไปโรงพยาบาลแผนกศัลยกรรมกระดูกในเมือง หมอที่นั่นเก่งนะ” เมื่อหานซานเฉียนเผชิญหน้ากับเตาสือเอ้อร์ ก็ไม่มีท่าทางผ่อนคลายเหมือนก่อน เขามองออกว่าเตาสือเอ้อร์เป็นคนโหดเหี้ยม และน่าจะมีฝีมือแข็งแกร่ง เหยียนจุนเคยบอกไว้ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูใด ๆ ก็อย่าชะ
เดิมทีเตาสือเอ้อร์นึกว่าตัวเองจะรับมือหานซานเฉียนได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อโดนพลังนั้นโจมตีเข้าจริง ๆ สีหน้าของเตาสือเอ้อร์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะมันแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้! หานซานเฉียนถีบออกไปอีกครั้ง ในขณะที่ตัวกำลังตกลงมาเตาสือเอ้อร์ถอยกรูออกไปสามก้าว แล้วยืนตะลึงงันอยู่กับที่! ทั้งสนามมวยตกอยู่ในความเงียบ เมื่อนักมวยคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาต่างพากันเบิกตากว้างราวกับเห็นผี ทุกคนแทบไม่อยากจะเชื่อ บังคับให้เตาสือเอ้อร์ถอย! คนคนนี้บังคับให้เตาเสืเอ้อร์ถอยได้จริง ๆ เตาสือเอ้อร์ผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาไม่ได้แพ้ แต่เขาก็ถอยหลังไปสามก้าวติด นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี เมื่อหานซานเฉียนตกลงมาถึงพื้นก็เกิดเสียงกระแทกดังลั่น “ยังจำสิ่งที่นายพูดไว้ได้ไหม?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ เตาสือเอ้อร์เคยบอกว่า ถ้าทำให้เขาถอยได้หนึ่งก้าว เขาจะยอมแพ้ แต่ตอนนี้เขาถอยไปตั้งสามก้าว เขาเดินลงจากเวทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะพูดกับกรรมการว่า “เงินสำหรับการแข่งขันรอบนี้ ฉันไม่เอาแล้ว” กรรมการหน้าซีดเผือด เรื่องนี้ต้องไปถึงหูเย่เฟยแน่ และเขาจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด หานซานเ
ทันทีที่ล้มตัวนอนลงบนเตียง หานซานเฉียนก็ได้ยินซูหยิงเซี่ยพูดว่า “พื้นที่ของคุณคือนอกเส้นสีแดง” ตอนแรกหานซานเฉียนยังรู้สึกงุนงง จนกระทั่งเขาเห็นด้ายสีแดงบนที่ถูกเย็บลงบนผ้าปูที่นอน จึงระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดัง ซูหยิงเซี่ยถึงขนาดเย็บด้ายสีแดงเอาไว้บนผ้าปูที่นอน แม้มันจะโย้ไปเย้มา แต่ก็แบ่งแยกได้อย่างชัดเจน “เมื่อไหร่ถึงจะไม่ต้องมีเส้นสีแดงล่ะ?” หานซานเฉียนถามพลางยิ้มกริ่ม “ขึ้นอยู่กับความประพฤติของคุณ” ซูหยิงเซี่ยหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อออกเต็มฝ่ามือด้วยความตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะนอนห้องเดียวกับหานซานเฉียนมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนได้นอนใกล้ชิดกันบนเตียงแบบนี้ สำหรับเธอนั้นคือครั้งแรก “แล้วถ้าคุณล้ำเส้นเข้ามาล่ะ?” หานซานเฉียนถาม “ฉันจะล้ำเส้นเข้าไปได้ยังไง คุณคิดมากไปแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น หานซานเฉียนยิ้มแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ท่าทางการนอนของซูหยิงเซี่ยนั้นไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนอนอยู่หัวเตียง ตื่นมาอีกทีอยู่ปลายก็มี แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว ขอแค่เขาไม่ล้ำเส้นก็พอ ส่วนซูหยิงเซี่ยจะอยู่ท่าไหนหลังจากตื่นนอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ วันถัดมา หลังจากตื
เรื่องอื่นหานซานเฉียนสามารถอดทนได้ แต่การขับรถอาจทำให้เกิดอันตราย ถ้าเขาต้องทำให้ซูหยิงเซี่ยได้รับบาดเจ็บ เขาคงจะไม่ยกโทษให้ตัวเองหานซานเฉียนรู้สึกลังเลและแสดงออกถึงความลำบากใจ ซูหยิงเซี่ยเห็นดังนั้นจึงถามด้วยความกังวลว่า “มีเรื่องอะไรที่บอกฉันไม่ได้รึเปล่า?”หานซานเฉียนตกใจเล็กน้อย กว่าความสัมพันธ์ของเขากับซูหยิงเซี่ยจะมีความคืบหน้าได้นั้นไม่ง่ายเลย หากทำให้ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิด ความพยายามของเขาในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะสูญเปล่า“ที่จริงมือของผมได้รับบาดเจ็บเลยขับรถไม่ได้น่ะ” หานซานเฉียนพูดความจริงออกมา“ได้รับบาดเจ็บอย่างงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยมองหานซานเฉียนด้วยความสงสัย เธอไม่พบว่ามือของหานซานเฉียนจะไม่เหมือนเดิมตรงไหน เมื่อครู่ตอนที่เดินจูงมือเขา ถึงแม้จะรู้สึกถึงความสั่นเทาเล็กน้อย แต่ซูหยิงเซี่ยเข้าใจผิดคิดว่าหานซานเฉียนตื่นเต้นมากเกินไปจึงมีปฏิกิริยาเช่นนั้นซะอีกซูหยิงเซี่ยดึงมือของหานซานเฉียนขึ้นมาและถามว่า “เจ็บมากไหม? บาดเจ็บมากหรือเปล่า?”“ไม่ได้ร้ายแรงมากหรอก แต่ถ้าขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุก็คงจะยุ่งเลย” หานซานเฉียนกล่าว“ไป ไปโรงพยาบาลกัน” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนพร้อม
จริงด้วย เขาจะเข้าห้องน้ำอย่างไร ในเมื่อมือของเขาใช้งานไม่ได้ แล้วเขาจะถอดกางเกงอย่างไร เจ้านี่คงไม่ต้องกลั้นฉี่จนตายหรอกนะเมื่อเดินไปถึงที่กั้น เขาก็พยายามลองถอดกางเกง ทันใดนั้นหานซานเฉียนรู้สึกตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นี่มันเรื่องล้อเล่นอะไรกันเนี่ย มือนี้ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเมื่อเดินออกจากห้องน้ำอย่างทำอะไรไม่ถูก หานซานเฉียนก็พบกับซูหยิงเซี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตู ช่างน่าอับอายจริง ๆ “คุณ...เข้าห้องน้ำแล้วใช่ไหม?” ซูหยิงเซี่ยไม่กล้ามองหานซานเฉียนตรง ๆ ได้แต่มองพื้นและถามออกมา“ก็...หึ ๆ จะเข้าหรือไม่เข้าก็ไม่เป็นไรหรอก ผมยังไงไม่รีบ” หานซานเฉียนพูดด้วยความอับอายซูหยิงเซี่ยก้าวไปข้างหน้า เธอดึงมุมเสื้อของหานซานเฉียนพร้อมกับเดินไปที่ประตูห้องน้ำผู้หญิงแล้วพูดว่า “คุณรอแปปนึง”ซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปดูในห้องน้ำก่อน หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีใคร จึงเดินไปที่ประตูและพูดกับหานซานเฉียนว่า “ไม่มีคนอยู่คุณรีบเข้ามาสิ”“มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งครับ!” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยเข้าห้องน้ำผู้หญิงเลยสักครั้ง ซูหยิงเซี่ยวางป้ายทำความสะอาดที่หน้าประตูและพูดว่