เมื่อหานซานเฉียนเดินไปข้างหน้าฝู๋เหยา สีหน้าของเขาก็ดูหวาดกลัวอย่างมาก ก่อนจะถอยหลังกลับไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งถึงกำแพงถึงหยุดลงฝู๋เหยา!เธอคือฝู๋เหยา!สมองของหานซานเฉียนรู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด!เห็นได้ชัดว่านี่คือซูหยิงเซี่ย เธอจะเป็นฝู๋เหยาได้อย่างไร?เธอเหมือนซูหยิงเซี่ยทุกประการ ราวกับแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลยทันใดนั้น ใบหน้าของฝู๋เหยาก็แห้งผากด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดูเหมือนว่าบ้านหินนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เนื่องจากการมาของหานซานเฉียน ทำให้ร่างกายที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเธอสูญเสียความชุ่มชื้นในขณะนี้"ไม่นะ ไม่นะ" ใบหน้าของหานซานเฉียนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาต้องการหยุดสิ่งนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ทำได้เพียงลนลานอยู่กับที่เท่านั้นมองดูฝู๋เหยากลายเป็นโครงกระดูกที่เหี่ยวเฉา หานซานเฉียนเหมือนได้เห็นการตายของซูหยิงเซี่ย สิ่งนี้ทำให้เขาเจ็บปวดใจจนหายใจแทบไม่ออก“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้” หานซานเฉียนเดินไปมาเหมือนคนบ้าทำไมฝู๋เหยาถึงได้เหมือนซูหยิงเซี่ยขนาดนี้แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกั
อย่างไรก็ตาม เหอชิงเฟิงยังคงไม่พอใจหลังจากได้หนังสือเล่มเล็กนั้น เขาไม่เชื่อว่าหานซานเฉียนจะนำของเพียงสิ่งเดียวออกมาจากบ้านหินนั้น“หานซานเฉียน วิธีพิสูจน์ว่านายไม่ได้เอาของอย่างอื่นออกมานั้นง่ายมาก ถอดเสื้อผ้าของนายออกซะ แล้วฉันจะเชื่อนาย” เหอชิงเฟิงกล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างเย็นชา ชายชราคนนี้ก้าวข้ามขีดจำกัดของเขาจริง ๆ เขายังมีไข่มุกอยู่ในมือ แต่สิ่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับซูหยิงเซี่ย แล้วเขาจะมอบมันให้เหอชิงเฟิงได้ยังไงและเขาก็ไม่มีทางที่จะถอดเสื้อผ้าเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องถอด“เหอชิงเฟิง ผมสามารถเข้าและออกจากประตูหินนี้ได้ ผมยังต้องเอาอะไรออกมาอีกไหม? อีกอย่างของที่มีค่าที่สุดก็อยู่ในมือคุณแล้ว หากยังไม่พอใจ คุณก็ลองเข้าไปดูเอง” หานซานเฉียนพูดด้วยเสียงที่เย็นชาถ้าเหอชิงเฟิงสามารถเข้าไปได้ เขาคงไม่รอมาถึงตอนนี้ คำพูดของหานซานเฉียนจี้จุดเขาอย่างจังด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง เหอชิงเฟิงจึงพูดกับหานซานเฉียนว่า "หากนายเอาของข้างในออกมาให้ฉันได้ ฉันก็จะไม่อะไรกับนาย"“หัวใจที่ชั่วร้ายของคุณ แม้ว่าผมจะเอาออกมาหมดทุกอย่างแล้ว คุณจะเชื่อไหม คุณก็ยังจะคิดว่าผมเก็บสิ่งท
หานซานเฉียนเดินตรงไปหาทั้งสองแล้วถามอี้เหล่าขึ้นทันที "เราจะเริ่มได้ไหร่ครับ"อี้เหล่ารู้ว่าหานซานเฉียนจะต้องใจร้อนอย่างแน่นอน แต่การที่มาพบเขาแต่เช้าตรู่แบบนี้ก็ป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่เล็กน้อย เพราะเขาเคยไปที่บ้านหินแล้ว และในนั้นจะต้องมีมากกว่าแค่หนังสือเล่มเล็กที่เขานำออกมาแน่ จากความคิดของอี้เหล่า เขาน่าจะมองหาโอกาสกลับไปที่นั่นอีกครั้งถึงจะถูก “นายอยากเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ” อี้เหล่าถาม“วันนี้” หานซานเฉียนแน่วแน่“ในบ้านหินไม่มีอะไรคุ้มค่ากับเวลาของนายเหรอ?” อี้เหล่าขมวดคิ้วถามขึ้น เขาและเหอชิงเฟิงต่างก็เดาว่ามีในบ้านหินจะต้องมีบางสิ่งที่สามารถเปลี่ยนเทียนฉีได้ แถมยังทำให้ทั้งเทียนฉีแข็งแกร่งขึ้นด้วย และหานซานเฉียนสามารถเข้าไปได้บางทีมันอาจจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นก็ได้ถ้ำราชาปีศาจเป็นสถานที่ที่จะเสียชีวิตหากไม่ระวัง ดังนั้นในสายตาของอี้เหล่า หานซานเฉียนควรไปที่ถ้ำราชาปีศาจหลังจากแข็งแกร่งขึ้นแล้วคือทางเลือกที่ดีที่สุดในบ้านหิน หานซานเฉียนเห็นฝู๋เหยาที่ดูเหมือนซูหยิงเซี่ยทุกประการ เมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ ไม่มีสิ่งอื่นใดดึงดูดความสนใจของเขาได้อีก สิ่งที่เขาต้องการคือหาโอกาสค้นหา
เทียนฉีเริ่มการสนทนากันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับหานซานเฉียน และผู้ที่ทุกข์ทรมานมากที่สุดก็คือหลินตงแม้ว่าความสำเร็จของหานซานเฉียนในการเลื่อนระดับสู่ระดับตี้จะเหนือกว่าเขามาก แต่อย่างน้อยในตอนนี้ทั้งสองก็ยังอยู่ในระดับเดียวกัน และถ้ำราชาปีศาจป็นสถานที่ที่ทำให้เขาเต็มไปด้วยความกลัว หลังจากผ่านไปหลายปี หลินตงก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมทดสอบถ้ำราชาปีศาจด้วยซ้ำ แต่หานซานเฉียนกลับตัดสินใจเข้าร่วมบททดสอบอย่างง่ายดายไม่ได้พูดถึงความแข็งแกร่ง แค่ความกล้าหาญหลินตงก็แพ้หานซานเฉียนแล้ว ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของบุตรแห่งสรวงสวรรค์คนนี้เป็นอย่างมากเช่นเดียวกับเหอเซียวเซียว ในสายตาของเธอ หานซานเฉียนเป็นเพียงขยะระดับฮวงเท่านั้น ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนจากการพบกันครั้งแรก ตั้งแต่เพิ่งเข้าร่วมไปจนถึงการท้าทายถ้ำราชาปีศาจ ดูเหมือนว่าขยะคนนี้จะทะยานขึ้นและประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่มีใครในเทียนฉีสามารถทำได้“พ่อคะ หานซานเฉียนกำลังไปที่ถ้ำราชาปีศาจจริง ๆ เหรอคะ?” เหอเซียวเซียวมาหาเหอชิงเฟิง เธอคิดว่านี่อาจเป็นข่าวลือ หานซานเฉียนจะไปถ้ำราชาปีศาจเร็วขนาดนี้ได้ยังไงในเวลานี้เหอชิงเฟิงก็สับสนมากเช่นกัน เขา
“บางทีนายอาจใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ฉันสับสนก็ได้” เหอชิงเฟิงกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่พบข้อบกพร่องในการกระทำของหานซานเฉียน แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่นั่นคือบ้านของฝู๋เหยา บุคคลที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทียนฉีเชียวนะ“เอาชีวิตเข้ามาเดิมพันอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และเดินผ่านเหอชิงเฟิงไป มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ มันไม่สำคัญว่าเหอชิงเฟิงจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหรือไม่ ยังไงซะเขาก็เป็นคนเดียวที่สามารถเข้าไปในบ้านหินได้ คนอื่น ๆ จะมองเรื่องนี้อย่างไรมันก็ไม่มีนัยสำคัญสำหรับเขา “คิดดีจริง ๆ แล้วใช่ไหม? ตอนนี้ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนใจ” เมื่อเขาเดินไปข้างหน้า อี้เหล่าก็พูดขึ้นกับหานซานเฉียน“คนมากมายกำลังมองผมอยู่ หากเลือกที่จะถอยตอนนี้ ก็ต้องถูกหัวเราะเยาะน่ะสิครับ” หานซานเฉียนกล่าว“แม้จะถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็ยังดีกว่าต้องตายนะ นายยังมีเวลาให้เตรียมตัวเพิ่มเติม” อี้เหล่ากล่าว เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งเทียนฉีต่างก็ตกใจมาก และทุกคนก็จับจ้องไปที่เหตุการณ์นี้ การล่าถอยจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับการสูญเสียชีวิต สิ่งหลังนั้นส
“ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตรงทางเข้า ยิ่งเข้ามาลึกมากเท่าไหร่กระดูกก็ยิ่งน้อยลง ดังนั้นเราน่าจะผ่านพื้นที่ที่อันตรายที่สุดมาแล้วล่ะ” ในถ้ำราชาปีศาจ หานซานเฉียนกล่าวเพื่อปลอบใจเจียงหยิงหยิงที่กำลังหวาดกลัวแน่นอนว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำปลอบใจเท่านั้น แต่ตลอดทางจะเห็นได้ว่ากระดูกเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จริง ๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าได้ผ่านด่านที่ยากที่สุดตรงทางเข้ามาแล้ว สีหน้าของเจียงหยิงหยิงดูผ่อนคลายลงมาก แม้ว่าความยังไม่รู้ในถ้ำราชาปีศาจจะยังคงทำให้เธอรู้สึกกลัว แต่ความกลัวนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้“พี่ซานเฉียน ที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกันแน่ นอกจากพวกเราแล้ว ฉันยังรู้สึกว่ามีสายตาอีกคู่จ้องมาที่เราอยู่ตลอดเวลาด้วยค่ะ” เจียงหยิงหยิงกล่าวหานซานเฉียนหายใจเข้าลึก ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองคิดไปเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงหยิงหยิงก็จะรู้สึกได้เหมือนกัน ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นในถ้ำราชาปีศาจด้วย“ระวังตัวด้วย ฟางจ้านบอกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้วิ่งหนี ตราบใดที่เรายังวิ่งได้ เราก็จะผ่านการทดสอบ” หานซานเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึมเจียงหยิงหยิงพยักหน้าเมื่อทั้งสองกำลัง
หานซานเฉียนจ้องไปที่งูสีขาวตัวเล็ก และดวงตาสีแดงของงูสีขาวตัวเล็กก็มองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายมองกันไปมาโดยไม่มีใครขยับเขยื้อนหานซานเฉียนถึงกับคิดว่าการวิ่งหนีอย่างกะทันหันของกอริลลาอาจเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวเล็กนี่ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ สิ่งเล็ก ๆ นี้จะคุกคามกอริลลาสูงสามเมตรได้อย่างไร ?“พี่ซานเฉียน เราต้องรอแบบนี้ต่อไปเหรอคะ?” เจียงหยิงหยิงถามหานซานเฉียน“ดูเหมือนว่างูตัวนี้ไม่น่าจะคุกคามเรา ไปกันเถอะ” หานซานเฉียนกล่าวทันใดนั้นงูสีขาวตัวน้อยก็เกลือกกลิ้งล้มลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังจะตายหานซานเฉียนไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนั้น แต่เจียงหยิงหยิงที่อยู่ด้านข้างพูดว่า "พี่ซานเฉียน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันกำลังออดอ้อนพี่?"“ออดอ้อน?” หานซานเฉียนตกตะลึง งูเป็นสัตว์เลือดเย็นและไม่มีอารมณ์ พวกมันจะทำตัวออดอ้อนเหมือนมนุษย์ได้อย่างไร?“จะเป็นไปได้ยังไง งูมีความรู้สึกด้วยงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนถาม เนื่องจากเจียงหยิงหยิงเคยทำงานในร้านขายสัตว์เลี้ยง เธอจึงน่าจะรู้นิสัยของงูเป็นอย่างดี“เท่าที่ฉันรู้ งูหลามสีทองที่ขายในตลาดพวกมันมีความรู้สึกต่อเจ้าของ
ทุกคนต่างวิตกกังวล และแพทย์จำนวนมากก็กลับมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาอีกครั้ง และทำการตรวจร่างกายให้ซูหยิงเซี่ยอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย แพทย์จำนวนมากส่ายหัวอย่างจนปัญญา ในเรื่องนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยหานเทียนหยางโกรธและขับไล่ทุกคนออกจากคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ชื่อดัง หรือว่าจะมีสถานะสูงแค่ไหนในหยุนเฉิง ก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาตอบโต้เลย ทุกคนทำได้เพียงก้มหัวและยอมรับมันหนานกงป๋อหลิงก็เร่งให้แพทย์ชื่อดังระดับโลกรีบมาที่หยุนเฉิงโดยเร็วที่สุด ใครก็ตามที่กล้าชักช้าจะต้องมีมีดจ่ออยู่ที่คอ กล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของซูหยิงเซี่ยส่งผลกระทบไปทั่วทั้งวงการแพทย์ของโลก และหนานกงป๋อหลิงก็ไม่ปิดบังพลังของตระกูลหนานกงอีกต่อไป เขาใช้วิธีการขั้นสุด หากใครไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลหนานกง ก็ต้องตายสถานเดียว!หานซานเฉียนซึ่งอยู่ในถ้ำราชาปีศาจยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นกัน งูตัวน้อยดูเหมือนจะเกาะติดเขาแน่น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน งูสีขาวตัวน้อยก็จะติดตามเขาไปด้วย และที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือในถ้ำราชาปีศาจ สถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง มีเพียงกอริลลาเท่านั