เทียนฉีเริ่มการสนทนากันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับหานซานเฉียน และผู้ที่ทุกข์ทรมานมากที่สุดก็คือหลินตงแม้ว่าความสำเร็จของหานซานเฉียนในการเลื่อนระดับสู่ระดับตี้จะเหนือกว่าเขามาก แต่อย่างน้อยในตอนนี้ทั้งสองก็ยังอยู่ในระดับเดียวกัน และถ้ำราชาปีศาจป็นสถานที่ที่ทำให้เขาเต็มไปด้วยความกลัว หลังจากผ่านไปหลายปี หลินตงก็ไม่คิดที่จะเข้าร่วมทดสอบถ้ำราชาปีศาจด้วยซ้ำ แต่หานซานเฉียนกลับตัดสินใจเข้าร่วมบททดสอบอย่างง่ายดายไม่ได้พูดถึงความแข็งแกร่ง แค่ความกล้าหาญหลินตงก็แพ้หานซานเฉียนแล้ว ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของบุตรแห่งสรวงสวรรค์คนนี้เป็นอย่างมากเช่นเดียวกับเหอเซียวเซียว ในสายตาของเธอ หานซานเฉียนเป็นเพียงขยะระดับฮวงเท่านั้น ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือนจากการพบกันครั้งแรก ตั้งแต่เพิ่งเข้าร่วมไปจนถึงการท้าทายถ้ำราชาปีศาจ ดูเหมือนว่าขยะคนนี้จะทะยานขึ้นและประสบความสำเร็จในสิ่งที่ไม่มีใครในเทียนฉีสามารถทำได้“พ่อคะ หานซานเฉียนกำลังไปที่ถ้ำราชาปีศาจจริง ๆ เหรอคะ?” เหอเซียวเซียวมาหาเหอชิงเฟิง เธอคิดว่านี่อาจเป็นข่าวลือ หานซานเฉียนจะไปถ้ำราชาปีศาจเร็วขนาดนี้ได้ยังไงในเวลานี้เหอชิงเฟิงก็สับสนมากเช่นกัน เขา
“บางทีนายอาจใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ฉันสับสนก็ได้” เหอชิงเฟิงกล่าว แม้ว่าเขาจะไม่พบข้อบกพร่องในการกระทำของหานซานเฉียน แต่เขาก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่นั่นคือบ้านของฝู๋เหยา บุคคลที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทียนฉีเชียวนะ“เอาชีวิตเข้ามาเดิมพันอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และเดินผ่านเหอชิงเฟิงไป มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ มันไม่สำคัญว่าเหอชิงเฟิงจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดหรือไม่ ยังไงซะเขาก็เป็นคนเดียวที่สามารถเข้าไปในบ้านหินได้ คนอื่น ๆ จะมองเรื่องนี้อย่างไรมันก็ไม่มีนัยสำคัญสำหรับเขา “คิดดีจริง ๆ แล้วใช่ไหม? ตอนนี้ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนใจ” เมื่อเขาเดินไปข้างหน้า อี้เหล่าก็พูดขึ้นกับหานซานเฉียน“คนมากมายกำลังมองผมอยู่ หากเลือกที่จะถอยตอนนี้ ก็ต้องถูกหัวเราะเยาะน่ะสิครับ” หานซานเฉียนกล่าว“แม้จะถูกหัวเราะเยาะ แต่ก็ยังดีกว่าต้องตายนะ นายยังมีเวลาให้เตรียมตัวเพิ่มเติม” อี้เหล่ากล่าว เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งเทียนฉีต่างก็ตกใจมาก และทุกคนก็จับจ้องไปที่เหตุการณ์นี้ การล่าถอยจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อเทียบกับการสูญเสียชีวิต สิ่งหลังนั้นส
“ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตรงทางเข้า ยิ่งเข้ามาลึกมากเท่าไหร่กระดูกก็ยิ่งน้อยลง ดังนั้นเราน่าจะผ่านพื้นที่ที่อันตรายที่สุดมาแล้วล่ะ” ในถ้ำราชาปีศาจ หานซานเฉียนกล่าวเพื่อปลอบใจเจียงหยิงหยิงที่กำลังหวาดกลัวแน่นอนว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำปลอบใจเท่านั้น แต่ตลอดทางจะเห็นได้ว่ากระดูกเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จริง ๆ นั่นแสดงให้เห็นว่าได้ผ่านด่านที่ยากที่สุดตรงทางเข้ามาแล้ว สีหน้าของเจียงหยิงหยิงดูผ่อนคลายลงมาก แม้ว่าความยังไม่รู้ในถ้ำราชาปีศาจจะยังคงทำให้เธอรู้สึกกลัว แต่ความกลัวนี้ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้“พี่ซานเฉียน ที่นี่เป็นสถานที่แบบไหนกันแน่ นอกจากพวกเราแล้ว ฉันยังรู้สึกว่ามีสายตาอีกคู่จ้องมาที่เราอยู่ตลอดเวลาด้วยค่ะ” เจียงหยิงหยิงกล่าวหานซานเฉียนหายใจเข้าลึก ตอนแรกเขานึกว่าตัวเองคิดไปเอง แต่ไม่คิดเลยว่าเจียงหยิงหยิงก็จะรู้สึกได้เหมือนกัน ดูเหมือนว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นในถ้ำราชาปีศาจด้วย“ระวังตัวด้วย ฟางจ้านบอกว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้วิ่งหนี ตราบใดที่เรายังวิ่งได้ เราก็จะผ่านการทดสอบ” หานซานเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึมเจียงหยิงหยิงพยักหน้าเมื่อทั้งสองกำลัง
หานซานเฉียนจ้องไปที่งูสีขาวตัวเล็ก และดวงตาสีแดงของงูสีขาวตัวเล็กก็มองมาที่เขาเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายมองกันไปมาโดยไม่มีใครขยับเขยื้อนหานซานเฉียนถึงกับคิดว่าการวิ่งหนีอย่างกะทันหันของกอริลลาอาจเกี่ยวข้องกับเจ้าตัวเล็กนี่ แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ สิ่งเล็ก ๆ นี้จะคุกคามกอริลลาสูงสามเมตรได้อย่างไร ?“พี่ซานเฉียน เราต้องรอแบบนี้ต่อไปเหรอคะ?” เจียงหยิงหยิงถามหานซานเฉียน“ดูเหมือนว่างูตัวนี้ไม่น่าจะคุกคามเรา ไปกันเถอะ” หานซานเฉียนกล่าวทันใดนั้นงูสีขาวตัวน้อยก็เกลือกกลิ้งล้มลงกับพื้นราวกับว่ามันกำลังจะตายหานซานเฉียนไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนั้น แต่เจียงหยิงหยิงที่อยู่ด้านข้างพูดว่า "พี่ซานเฉียน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันกำลังออดอ้อนพี่?"“ออดอ้อน?” หานซานเฉียนตกตะลึง งูเป็นสัตว์เลือดเย็นและไม่มีอารมณ์ พวกมันจะทำตัวออดอ้อนเหมือนมนุษย์ได้อย่างไร?“จะเป็นไปได้ยังไง งูมีความรู้สึกด้วยงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนถาม เนื่องจากเจียงหยิงหยิงเคยทำงานในร้านขายสัตว์เลี้ยง เธอจึงน่าจะรู้นิสัยของงูเป็นอย่างดี“เท่าที่ฉันรู้ งูหลามสีทองที่ขายในตลาดพวกมันมีความรู้สึกต่อเจ้าของ
ทุกคนต่างวิตกกังวล และแพทย์จำนวนมากก็กลับมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขาอีกครั้ง และทำการตรวจร่างกายให้ซูหยิงเซี่ยอย่างละเอียด แต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย แพทย์จำนวนมากส่ายหัวอย่างจนปัญญา ในเรื่องนี้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยหานเทียนหยางโกรธและขับไล่ทุกคนออกจากคฤหาสน์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ชื่อดัง หรือว่าจะมีสถานะสูงแค่ไหนในหยุนเฉิง ก็ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาตอบโต้เลย ทุกคนทำได้เพียงก้มหัวและยอมรับมันหนานกงป๋อหลิงก็เร่งให้แพทย์ชื่อดังระดับโลกรีบมาที่หยุนเฉิงโดยเร็วที่สุด ใครก็ตามที่กล้าชักช้าจะต้องมีมีดจ่ออยู่ที่คอ กล่าวได้ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของซูหยิงเซี่ยส่งผลกระทบไปทั่วทั้งวงการแพทย์ของโลก และหนานกงป๋อหลิงก็ไม่ปิดบังพลังของตระกูลหนานกงอีกต่อไป เขาใช้วิธีการขั้นสุด หากใครไม่เชื่อฟังคำสั่งของตระกูลหนานกง ก็ต้องตายสถานเดียว!หานซานเฉียนซึ่งอยู่ในถ้ำราชาปีศาจยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่เขาก็พบกับเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นกัน งูตัวน้อยดูเหมือนจะเกาะติดเขาแน่น ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน งูสีขาวตัวน้อยก็จะติดตามเขาไปด้วย และที่แปลกยิ่งกว่านั้นคือในถ้ำราชาปีศาจ สถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่ง มีเพียงกอริลลาเท่านั
การปรากฏตัวของเหอเซียวเซียวทำให้ใบหน้าของอี้เหล่ากลายเป็นน้ำแข็ง เหอชิงเฟิงเองก็ดูตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเหอชิงเฟิงรู้ว่าเหอเซียวเซียวต้องการให้หานซานเฉียนตาย แต่เธอไม่ควรมาซ้ำเติมในเวลานี้หานซานเฉียนเป็นลูกศิษย์ของอี้เหล่า และการที่หานซานเฉียนเข้าไปในถ้ำราชาปีศาจในครั้งนี้มันมีความสำคัญต่อทั้งเทียนฉีในช่วงสิบปีที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถผ่านการทดสอบถ้ำราชาปีศาจได้ ซึ่งทำให้หลายคนรู้สึกหวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่ในถ้ำราชาปีศาจ หากหานซานเฉียนสามารถผ่านการทดสอบนี้ได้ เขาจะทำให้คนอื่นกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งอย่างแน่นอนและตอนนี้ แม้แต่หานซานเฉียนก็ตายไปแล้ว ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือมันจะทำให้คนอื่น ๆ กลัวถ้ำราชาปีศาจมากขึ้นไปอีก แล้วในอนาคตใครจะกล้าเข้าไปในถ้ำราชาปีศาจกันล่ะ?การทดสอบที่สำคัญนี้อาจถูกยกเลิกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และนี่ยังบ่งชี้อีกว่าจะไม่มีปรมาจารย์ระดับเทียนอีกแล้วในอนาคต สำหรับเทียนฉีนี่เป็นการโจมตีที่เกือบจะทำลายล้าง ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญ ความผันผวนในพื้นที่ต้องห้ามแสดงให้เห็นว่าโลกอีกใบกำลังจะเคลื่อนตัว ความแข็งแกร่งของเทียนฉีในปัจจุบันไม่สามารถ
“พ่อตบฉัน แล้วยังมาบอกว่าพ่อกำลังปกป้องฉันงั้นเหรอ ไร้สาระจริง ๆ เหอชิงเฟิง ถ้าแน่จริงก็ส่งฉันไประดับฮวงสิ แม่ของฉันกำลังคอยมองอยู่บนฟ้า” เหอเซียวเซียวพูดอย่างแข็งข้อเหอชิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นอีก เธอผยองมาก กล้าพูดแบบนี้ในที่สาธารณะโดยไม่เหลือเส้นทางไว้ให้หลบหนีเลย ในฐานะผู้นำซานเตี้ยน เหอชิงเฟิงสามารถปล่อยให้เหอเซียวเซียวทำตามใจตัวเองได้ทุกอย่างในซานเตี้ยน แต่ต่อหน้าอี้เหล่า เขาจะต้องอธิบายเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้จะกลายเป็นตราบาปของซานเตี้ยนไปตลอด “เหอชิงเฟิง ในเมื่อเธอร้องขออย่างนั้น คุณก็ควรปฏิบัติตามกฎของเทียนฉี เมื่อก่อนผมหลับหูหลับตาต่อเรื่องนี้ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่ปล่อยไปอีก” หลังจากทิ้งคำพูดเหล่านี้ อี้เหล่าก็จากไปหัวใจของเหอชิงเฟิงจมดิ่ง ดูเหมือนว่าอี้เหล่าจะไม่ประนีประนอมง่าย ๆ ในครั้งนี้ และเขาไม่อาจแตกหักกับอี้เหล่าเพื่อปกป้องเหอเซียวเซียวได้ เขาไม่อยากเป็นคนบาปที่ทำให้ซื่อเหมินและซานเตี้ยนพังทลายลง“อี้เหล่า เหอเซียวเซียวผยองในเทียนฉีมาหลายปีแล้ว เธอควรจะถูกลดระดับไปสู่ระดับฮวงนานแล้ว ตอนนี้เธอทำได้แค่ขอความเมตตาเท่านั้น” ผู้ช่วยกล่าวกับอี้เหล่าอี้เหล่า
เขตซานเตี้ยนเหอเซียวเซียวคุกเข่าต่อหน้าโลงศพคริสตัลของแม่เธอและกำลังระบายความผิดของเหอชิงเฟิง ในความเห็นของเธอ ทุกสิ่งที่เหอชิงเฟิงทำในวันนี้ถือเป็นการละเมิดสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเธอ เธอต้องการบอกเรื่องทั้งหมดนี้กับแม่ เพื่อให้เธอได้เฝ้าดูให้ดีจากบนฟ้า ว่าเหอชิงเฟิงปฏิบัติต่อเธออย่างไรขณะนี้เหอชิงเฟิงเองก็กำลังเจ็บปวดใจ เขาก็ไม่อยากเห็นเหอเซียวเซียวอยู่ในระดับฮวงเช่นกัน เพราะคุณหนูอย่างเธอไม่มีทางยอมรับสภาพแวดล้อมที่นั่นได้อย่างแน่นอน แต่อี้เหล่าได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว อีกอย่างเหอเซียวเซียวก็ดื้อรั้นมาก หากครั้งนี้เขายังปกป้องเหอเซียวเซียว มันอาจทำให้ซื่อเหมินเกิดความไม่พอใจแน่ ในอดีต เหอชิงเฟิงอาจไม่สนใจความคิดเห็นของซื่อเหมิน ลูกสาวของเขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจต้องการ เพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้นำซานเตี้ยน แต่ตอนนี้ การผันผวนในโลกอีกใบของพื้นที่ต้องห้ามบังคับให้เหอชิงเฟิงต้องใส่ใจกับความสัมพันธ์ระหว่างซื่อเหมินและซานเตี้ยน “ท่านผู้นำ คุณจะส่งคุณหนูไปที่ระดับฮวงจริง ๆ เหรอครับ?” ลูกน้องของเหอชิงเฟิงถามขึ้นเหอชิงเฟิงถอนหายใจและพูดว่า "ในอดีต คนที่เซียวเซียวยั่วยุเป็นเพียงบุคคลเล็ก ๆ