“อืม หานซานเฉียนอยากให้เจียงหยิงหยิงไปทำงานที่บริษัทน่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“ไม่มีปัญหา ฝากไว้ที่ฉันได้เลย” เฉินหลิงเหยาพูดพร้อมกับพร้อมตบหน้าอกตัวทันใดนั้น ซูหยิงเซี่ยก็เรียกหานซานเฉียนมาข้าง ๆ และเล่าเรื่องที่จ้างงานเจียงหยิงหยิงให้เขาฟัง เสร็จแล้วหานซานเฉียนก็ไปที่ห้องครัวเมื่อเห็นเจียงหยิงหยิงและเหอถิงกำลังทำอาหารเย็นด้วยกันอยู่ หานซานเฉียนก็พูดว่า "หยิงหยิง ฉันอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัทของตระกูลซู เธอคิดว่ายังไง?"เจียงหยิงหยิงมองหานซานเฉียนด้วยความสับสน และมีความคิดเกิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเธอทันที หรือเป็นเพราะว่าเธอทำงานบ้านได้ไม่ดี หานซานเฉียนจึงอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัท?“พี่ซานเฉียน ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?” เจียงหยิงหยิงถามเหอถิงก็ดูกังวลเช่นกัน หรือว่าเจียงหยิงหยิงทำผิดพลาด แล้วทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจ?“จะมีอะไรผิดพลาดได้ยังไง ตอนที่ป้าเหอไม่อยู่ ฉันต้องขอบคุณเธอที่ช่วยดูแลหยิงเซี่ยด้วยซ้ำ แต่ฉันคิดว่าเธอยังเด็กและไม่ควรติดอยู่ที่นี่ หากยังมีโอกาสก็ควรได้ออกไปพบปะผู้คนภายนอกให้มากขึ้น” หานซานเฉียนกล่าว เขาไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้ และเจียงหยิงหย
ความกังวลของซูหยิงเซี่ยเกิดจากสถานการณ์ที่เฉินหลิงเหยาพูดถึงก่อนหน้านี้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันจะถูกนำมาเปรียบเทียบกัน และถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่เก่งกาจมาก มันก็ย่อมสร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นให้กับหานเนี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซูหยิงเซี่ยไม่อยากให้หานเนี่ยนมีชีวิตที่ไม่มีความสุข และเธอก็ไม่อยากให้เธออยู่ภายใต้ความกดดันเช่นนี้“หานเนี่ยนในข่าวนั่นไงคะ ที่มีชื่อเดียวกันกับเนี่ยนเออร์ของพวกเรา ในอนาคตเธอจะต้องถูกคนนำไปเปรียบเทียบแน่นอนเลย” ซูหยิงเซี่ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจหานซานเฉียนไม่รู้ว่าจะหัวเราหรือร้องไห้ดี เขาไม่คาดคิดว่าซูหยิงเซี่ยจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะเก้าสิบเปอร์เซ็นเนี่ยนเออร์ก็คือหานเนี่ยนในข่าวแต่เขาอยากจะเซอร์ไพรส์ซูหยิงเซี่ย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงยังไม่บอกเธอ “คุณดูถูกเนี่ยนเออร์ของพวกเราเหรอ ไม่แน่ว่าหากเธอโตขึ้น อาจจะเก่งกาจมากกว่าก็ได้นะ” หานซานเฉียนกล่าวประโยคนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกไม่ยอมแพ้ เธอพยักหน้าและพูดว่า "ใช่แล้วล่ะ เนี่ยนเออร์ของพวกเราจะต้องเก่งกาจกว่าแน่ ๆ จุดเด่นจะสามารถครอบงำเธอได้
เจียงหยิงหยิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ตั้งแต่เด็กเธอก็มีเพียงเหอถิงที่เป็นที่พึ่งให้เธอ เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้ว่าการมีครอบครัวนั้นความรู้สึกมันเป็นอย่างไร เมื่อเธอเห็นว่าซูหยิงเซี่ยพยักหน้าเห็นด้วย ซือจิงยิ้มให้ และหานเทียนหยางก็ทำท่าทางให้เธอออกไปจับฉลาก เธอก็อดไม่ได้จะน้ำตารื้นขึ้นมา“ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างประหม่าและยื่นมือออกไป แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็กำลังตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองร้อยวันของหานเนี่ยน ที่สำคัญกว่านั้น ผลลัพธ์ของเรื่องใหญ่เช่นนี้กลับอยู่ในมือของเธอ“ไม่ต้องกลัว สถานที่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้แย่ เธอก็แค่ช่วยฉันแก้ปัญหาที่น่าปวดหัวนี้เท่านั้น” เมื่อเห็นมือที่สั่นเทาเล็กน้อยของเจียงหยิงหยิง หานซานเฉียนจึงพูดปลอบเธอเจียงหยิงหยิงพยักหน้า เธอหยิบฉลากขึ้นมาก่อนจะยื่นให้หานซานเฉียน“พี่ซานเฉียน ถ้าไม่ดี อย่าโทษฉันนะคะ” เจียงหยิงหยิงกล่าว“จะไม่ดีได้ยังไง สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่มีปัญหา” หานซานเฉียนคลี่ฉลากกระดาษ และสถานที่ที่จับได้ก็คือคฤหาสน์ที่ไปดูเมื่อเช้านี้หานซานเฉียน ซูห
ฟางจ้านพยักหน้าเล็กน้อย สำหรับเขา หานซานเฉียนจะตายเมื่อไหร่ และตายที่ไหนนั้นมันก็ไม่ต่างกัน สิ่งที่เขาต้องการ คือรู้ว่าลูกสาวของเขาอยู่ที่ไหนเท่านั้นเมื่อทำตามความต้องการของหลินตงแล้ว เขาก็จะสามารถตามหาลูกสาวของเขาได้ ฟางจ้านสามารถทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ได้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "การทำให้เขาดูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ จะทำให้สถานะของคุณในเทียนฉีสูงขึ้นงั้นเหรอ?"“เหอะ” หลินตงสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ด้วยสถานะปัจจุบันของผม จำเป็นต้องใช้ไอ้ขยะนี่เป็นบันไดด้วยเหรอ?”“คุณกลัวว่าสถานะของตัวเองจะได้รับผลกระทบเพราะเขา แม้ว่าคุณจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง และความคิดแบบนี้ก็กำหนดแล้วว่าคุณไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง” ฟางจ้านกล่าวอย่างไม่แยแสหลินตงกัดฟัน เขาจะใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงหรือไม่ มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฟางจ้านเสียหน่อย เขามีสถานะเป็นถึงบุตรที่น่าภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ในเทียนฉี หากเขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วจะยังมีใครอีก ?“ฟางจ้าน คำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณสรุปเอาเองว่าผมไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นเหรอ คุณล้อผมเล่นอยู่หรือไง?” หลินตงพูดอย
ฟางจ้านเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียนฉี และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแทนที่สถานะของเขาได้ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฟางจ้านทรงพลังเพียงใดสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ฟางจ้านมีความเด็ดเดี่ยวในการถอนตัวออกจากกองทัพ แม้แต่อี้เหล่าก็ยังห้ามเขาไว้ไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าฟางจ้านตั้งใจแน่วแน่อย่างยิ่งที่จะซ่อนตัวจากโลกนี้ ดังนั้นการที่หลินตงสามารถทำให้เขายอมออกมาจากหุบเขาได้นั้น มันทำให้อี้เหล่าประหลาดใจมาก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหลินตงใช้วิธีใดและความแข็งแกร่งของฟางจ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน ต่อหน้าฟางจ้าน เขาก็มีแต่ความตายเท่านั้น“เฮ้อ ผมยังเอาชนะไม่ได้ แล้วคุณจะเอาชนะเขาได้เหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างใจเย็น“นายคิดว่าฉันมีความจำเป็นต้องโกหกนายไหมล่ะ?” อี้เหล่ามองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มความสงสัยผุดขึ้นในใจของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชราคนนี้คือใคร แต่เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ในหยุนเฉิงยังมีใครที่สามารถคุกคามเขาได้กัน?จู่ ๆ ชื่อหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของหานซานเฉียนหลินตง!ทั้งหานเทียนเซิงและหม่าอวี้ต่างก
ในวันงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน เมืองหยุนเฉิงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ในตอนเช้า รถยนต์หรูหลายคันมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ปี้เฟิง มันเป็นวันที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้เฟิง นับตั้งแต่เปิดตัวมา และคาดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีวันไหนที่จะคึกคักได้เท่าวันนี้แล้ว ดังนั้นจางปี้เฟิงจึงถือว่าวันนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาคฤหาสน์ปี้เฟิง เขาจัดหาช่างภาพมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายภาพบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงเอาไว้ และตั้งใจที่จะสร้างกำแพงแห่งเกียรติยศขึ้น ให้รูปถ่ายของบุคคลสำคัญเหล่านี้คงอยู่ในคฤหาสน์ปี้เฟิงตลอดไปหากเป็นสถานที่อื่นหรือเหตุการณ์อื่น การกระทำของจางปี้เฟิงคงทำให้หลายคนไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวของหานซานเฉียน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญท่านไหนเมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ ก็ทำได้เพียงยอมรับมันด้วยรอยยิ้มเท่านั้นเพราะนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวหานซานเฉียน ใครจะกล้าทำสีหน้าไม่พอใจกันล่ะ?งานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น. แต่ก่อนสิบโมงเช้าคนสำคัญในหยุนเฉิงทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่กันที่คฤห
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเฉินหลิงเหยาทำ เนื่องจากบริษัทถูกส่งมอบให้เธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่เข้าไปยุ่ง และคำพูดพวกนี้เธอเองก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน"พร้อมกันหรือยัง?" ในเวลานี้ หานซานเฉียนก็ถามขึ้นกับทุกคนวันนี้ไม่ได้มีเพียงซือจิงเท่านั้นที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน หานเทียนหยางและเหยียนจุนก็สวมชุดสูทชาวจีน ที่ออกแบบเองใหม่ล่าสุดด้วย เพราะนี่เป็นงานสำคัญของหานเนี่ยน ควรค่าแก่การจดจำ และไม่มีใครอยากทำแบบขอไปที"พร้อมแล้ว""ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ"“ตอนนี้แขกทุกคนคงมาถึงกันแล้ว ในฐานะเจ้าของงาน ถ้าเรายังไม่ปรากฏตัวคงจะไม่ดีนัก”ทุกคนออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง และรถอาวดี้ A6 สองคันก็มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ปี้เฟิง นี่อาจเป็นรถยนต์สองคันที่ถูกที่สุดในคฤหาสน์ปี้เฟิง แต่เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดสองคันอย่างแน่นอนหากมีหานซานเฉียนและครอบครัวของเขาเข้านั่งอยู่ด้านใน ใครจะกล้าดูถูกรถอาวดี้กันล่ะจางปี้เฟิงเป็นตัวแทนหานซานเฉียนต้อนรับแขกทุกคนที่ประตูคฤหาสน์ แต่หานซานเฉียนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงยังจะออกไปไหนไม่ได้เมื่อจางปี้เฟิ
หานซานเฉียนรู้ว่าการดื่มชาไม่ใช่เรื่องหลัก เหตุผลที่เทียนฉางเฉิงเสนอสิ่งนี้อาจเป็นเพราะเขาทราบว่าตนไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่นนี้ จึงหาข้ออ้างให้กับเขา และหานซานเฉียนก็ตกลงอย่างเป็นธรรมชาติเพราะวันนี้มีแขกมาเยอะเกินไป หากหานซานเฉียนไปทักทายพวกเขาทีละคน ริมฝีปากของเขาคงจะพองแน่ และด้วยสถานะปัจจุบันของเขา แม้ว่าแขกทุกคนที่มาจะเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทักทายทุกคน“ลูกศิษย์ ไม่คิดว่าคุณจะเข้าสังคมเก่งขนาดนี้” หานซานเชียนพูดกับเทียนฉางเฉิงเบา ๆ เทียนฉางเฉิงพึงพอใจ เขาจะไม่เข้าใจหานซานเฉียนได้อย่างไร ไม่เพียงแต่หานซานเฉียนเท่านั้นที่ทนการเข้าสังคมแบบนี้ไม่ไหว เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วยเช่นกัน “อาจารย์ ถ้าลูกศิษย์ทำดีขนาดนี้ ก็ควรได้รับรางวัลไหมหรือเปล่า?” เทียนฉางเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณต้องการรางวัลอะไร?” หานซานเฉียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายมาก"ฮิฮิ" เทียนฉางเฉิงหัวเราะอย่างหัวขโมยก่อนจะพูดว่า "ตระกูลเทียนยังมีประโยชน์สำหรับโครงการเฉิงซีและหมู่บ้านเฉิงจง อาจารย์จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?"ปัจจุบันทั้งสอง