ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเฉินหลิงเหยาทำ เนื่องจากบริษัทถูกส่งมอบให้เธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่เข้าไปยุ่ง และคำพูดพวกนี้เธอเองก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน"พร้อมกันหรือยัง?" ในเวลานี้ หานซานเฉียนก็ถามขึ้นกับทุกคนวันนี้ไม่ได้มีเพียงซือจิงเท่านั้นที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน หานเทียนหยางและเหยียนจุนก็สวมชุดสูทชาวจีน ที่ออกแบบเองใหม่ล่าสุดด้วย เพราะนี่เป็นงานสำคัญของหานเนี่ยน ควรค่าแก่การจดจำ และไม่มีใครอยากทำแบบขอไปที"พร้อมแล้ว""ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ"“ตอนนี้แขกทุกคนคงมาถึงกันแล้ว ในฐานะเจ้าของงาน ถ้าเรายังไม่ปรากฏตัวคงจะไม่ดีนัก”ทุกคนออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง และรถอาวดี้ A6 สองคันก็มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ปี้เฟิง นี่อาจเป็นรถยนต์สองคันที่ถูกที่สุดในคฤหาสน์ปี้เฟิง แต่เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดสองคันอย่างแน่นอนหากมีหานซานเฉียนและครอบครัวของเขาเข้านั่งอยู่ด้านใน ใครจะกล้าดูถูกรถอาวดี้กันล่ะจางปี้เฟิงเป็นตัวแทนหานซานเฉียนต้อนรับแขกทุกคนที่ประตูคฤหาสน์ แต่หานซานเฉียนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงยังจะออกไปไหนไม่ได้เมื่อจางปี้เฟิ
หานซานเฉียนรู้ว่าการดื่มชาไม่ใช่เรื่องหลัก เหตุผลที่เทียนฉางเฉิงเสนอสิ่งนี้อาจเป็นเพราะเขาทราบว่าตนไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่นนี้ จึงหาข้ออ้างให้กับเขา และหานซานเฉียนก็ตกลงอย่างเป็นธรรมชาติเพราะวันนี้มีแขกมาเยอะเกินไป หากหานซานเฉียนไปทักทายพวกเขาทีละคน ริมฝีปากของเขาคงจะพองแน่ และด้วยสถานะปัจจุบันของเขา แม้ว่าแขกทุกคนที่มาจะเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทักทายทุกคน“ลูกศิษย์ ไม่คิดว่าคุณจะเข้าสังคมเก่งขนาดนี้” หานซานเชียนพูดกับเทียนฉางเฉิงเบา ๆ เทียนฉางเฉิงพึงพอใจ เขาจะไม่เข้าใจหานซานเฉียนได้อย่างไร ไม่เพียงแต่หานซานเฉียนเท่านั้นที่ทนการเข้าสังคมแบบนี้ไม่ไหว เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วยเช่นกัน “อาจารย์ ถ้าลูกศิษย์ทำดีขนาดนี้ ก็ควรได้รับรางวัลไหมหรือเปล่า?” เทียนฉางเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณต้องการรางวัลอะไร?” หานซานเฉียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายมาก"ฮิฮิ" เทียนฉางเฉิงหัวเราะอย่างหัวขโมยก่อนจะพูดว่า "ตระกูลเทียนยังมีประโยชน์สำหรับโครงการเฉิงซีและหมู่บ้านเฉิงจง อาจารย์จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?"ปัจจุบันทั้งสอง
“ฉันคงไม่ได้มาสายหรอกใช่ไหม” หนานกงป๋อหลิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มหลังจากมองไปที่คนสองคนที่อยู่ด้านหลังหนานกงป๋อหลิง มันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ หานซานเฉียนพยักหน้าและพูดว่า "ไม่ครับ แต่ของขวัญของคุณนั้นไม่เล็กเลยจริง ๆ"“ลูกสาวของนายสมควรได้รับเกียรตินี้ และในความคิดของฉัน มันยังไม่พอด้วยซ้ำ” หนานกงป๋อหลิงกล่าวคนอื่น ๆ อาจสับสนเล็กน้อยกับบทสนทนานี้ เพราะหนานกงป๋อหลิงมาด้วยมือเปล่า ไม่เห็นจะมีของขวัญใด ๆ เลยแต่ยังมีคนฉลาดบางคนที่เชื่อมโยงได้ถึงเหตุผลที่ป๋อเท่อและซีถ่านฟู๋มาปรากฏตัวที่นี่ ลูกศิษย์ของสองคนนี้ชื่อหานเนี่ยน และพวกเขาก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนหรือว่าลูกศิษย์ของสองคนนี้ คือลูกสาวของหานซานเฉียนงั้นเหรอ!”"แต่...แต่ลูกสาวของหานซานเฉียนเพิ่งจะมีอายุได้แค่หนึ่งร้อยวันเองนะ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง! ลูกศิษย์ของอาจารย์สองคนนี้เป็นเพียงเด็กทารกอย่างนั้นเหรอ?"“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขามาอยู่ที่นี่กันแล้ว จะเป็นหานเนี่ยนอื่นไหนได้อีกล่ะ?”“ตลกจริง ๆ พวกเราเอาทั้งสองไปเปรียบเทียบกันอยู่ตั้งนาน แต่ความจริงคือทั้งสองคนนี้คือ
ชายวัยกลางคนแต่งตัวโทรม ๆ ที่ดูห่างไกลจาดสังคมคนรวยดูเป็นจุดเด่นขึ้นมา เพราะทุกคนที่นี่ล้วนแต่งตัวดี ผู้ชายสวมชุดสูทสั่งตัดที่ประณีตที่สุด ส่วนผู้หญิงต่างก็สวมเครื่องประดับอันมีค่าอยู่บนตัว แต่เขาคนนั้นกับห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าซอมซ่อราวกับขอทาน“ขอทานคนนี้มาจากไหน กล้าบุกเข้ามาในงานสำคัญเช่นนี้ได้ยังไงกัน”“รปภ.อยู่ไหน มาเอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ กลิ่นเหม็นขนาดนี้ กระทบต่อความอยากอาหารของพวกเราหมดแล้ว”“จางปี้เฟิง การรักษาความปลอดภัยของที่นี่นั้นแย่จริง ๆ ถึงได้ปล่อยให้คนขอทานคนนี้บุกเข้ามาได้น่ะ”ใบหน้าของจางปี้เฟิงซีดเผือด นี่คืออาณาเขตของเขา และปล่อยให้คนแบบนี้บุกเข้ามาในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยนแบบนี้ เขาจะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ หากหานซานเฉียนเอาผิดกับเขาขึ้นมา เขาคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ๆ ขณะที่จางปี้เฟิงกำลังจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หานซานเฉียนก็ปล่อยซูหยิงเซี่ย และพูดกับ จางปี้เฟิงว่า "ไม่ต้อง"จางปี้เฟิงนึกว่าหานซานเฉียนอารมณ์เสีย เขาจึงก้มศีรษะลงและตัวสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า "คุณหาน ผมขอโทษครับ มันเป็นความผิดของผมเอง หากค
เมื่อได้ยินคำว่าอี้เหล่า ดวงตาของหานเทียนหยางก็แข็งทื่อตำแหน่งของซื่อเหมินอี้เหล่าผู้นี้ ในเทียนฉีนั้นค่อนข้างทรงพลังมาก เขาต้องการรับหานซานเฉียนเป็นลูกศิษย์ หากเขามาที่หยุนเฉิงจริง ชีวิตของหานซานเฉียนก็ไม่น่าเป็นกังวล เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมให้หานซานเฉียนตายด้วยน้ำมือของฟางจ้าน"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น" หานเทียนหยางพูดพลางถอนหายใจ แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หานเทียนหยางก็รู้ดีว่าอันตรายของเขาก็เริ่มใหญ่มากขึ้น และเขาจะต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นในอนาคตเช่นกัน ในเวลานี้หานเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อหานซานเฉียน เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวให้ต้องดูแล จึงมีภาระที่ต้องแบกอยู่บนบ่า แต่หลังจากเข้าร่วมเทียนฉีแล้ว เขาจะมีเวลามาสนใจดูแลเรื่องนี้แค่ไหนกัน?มีต้นไม้สูงตระหง่านมากมายในคฤหาสน์ปี้เฟิง จางปี้เฟิงซื้อต้นไม้เหล่านี้มาในราคาสูง ตอนนี้บนต้นไม้ใหญ่ อี้เหล่ากำลังนอนอยู่บนกิ่งไม้ ถ้าใครเห็นภาพนี้ คงจะกังวลว่าชายชราจะตกลงมาตายอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มั่นคง แต่ร่างกายของเขามั่นคงราวกับก้อนหิน“เจ้าหนู ถ้านายสามารถต้า
อี้เหล่าที่นอนอยู่บนกิ่งไม้ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน และสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมมากในฐานะคู่ต่อสู้ ฟางจ้านรู้สึกได้ว่าหานซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น และอี้เหล่าในฐานะผู้สังเกตการณ์ ก็ยิ่งสัมผัสถึงจุดนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสายตาของอี้เหล่า การเริ่มโจมตีของหานซานเฉียนสองครั้งนี้ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย แต่หานซานเฉียนกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ถึง“เด็กคนนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย นายจะทำให้ฉันประหลาดใจได้อีกกี่ครั้งกันนะ” อี้เหล่าจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยดวงตาลุกโชน เห็นได้ชัดว่ามีความร้อนแรงในดวงตาของเขา ราวกับว่าได้เห็นของสะสมที่ล้ำค่า และอยากเอามาอยู่ในครอบครองในฐานะคนธรรมดา ซูหยิงเซี่ยไม่สามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของหานซานเฉียนได้ เธอรู้แค่ว่าหานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเลือดที่ไหลล้นออกมาจากมุมปากของเขาก็เกือบจะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย“คุณปู่เหยียน ปู่ช่วยซานเฉียนได้ไหมคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดกับเหยียนจุนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเหยียนจุนมีสีหน้าจมดิ่งที่สับสน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของหานซานเฉียนเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกได้ว่า หานซานเฉียนต้องมีจุดประสง
ในฝูงชน ชายคนหนึ่งสวมหมวกปากเป็ดก้มหัวลงต่ำจนแทบจะมองไม่เห็นใบหน้า บุคคลนี้กำหมัดแน่น เขาคือหลินตง และกำลังกำหมัดแน่น เขาปะปนอยู่ในฝูงชนเพราะต้องการดูว่าคนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียนจะตายด้วยน้ำมือของฟางจ้านอย่างไรอย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคาดหวังว่าความแข็งแกร่งที่หานซานเฉียนแสดงออกมา จะสามารถบังคับให้ฟางจ้านให้ถอยกลับได้ แถมยังทำให้ฟางจ้านได้รับบาดเจ็บอีกด้วยเขาดำรงตำแหน่งความภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ในเทียนฉี แต่หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของหานซานเฉียน เขาก็รู้ว่าเมื่อหานซานเฉียนเข้าร่วมเทียนฉีอย่างแท้จริงแล้ว หานซานเฉียนจะลบชื่อของเขาออกไปอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถหยุดยั้งได้ ไม่ว่าอะไรก็ตามดังนั้นสิ่งที่หลินตงจะทำได้คือ ต้องฆ่าหานซานเฉียนให้ตายก่อนที่เขาจะเข้าร่วมเทียนฉีในใจของหลินตง หานซานเฉียนเป็นเพียงขยะ แถมเขายังเรียกหานซานเฉียนว่าคนไร้ประโยชน์มาโดยตลอด แต่ในใจของเขาถือว่าหานซานเฉียนเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่ ภายใต้สถานการณ์นี้ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเรียกหานซานเฉียนแบบนั้น เพียงแต่ว่าหลินตงไม่เต็มใจที่จะยอมรับมันเท่านั้นเอง“นายกำลังทำอะไรอยู่!” หลินตงกัดฟันและมองไปที่ฟางจ
พื้นผิวของทะเลสาบกระเพื่อมเบา ๆ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของอี้เหล่า พวกเขาเพียงแค่รู้สึกว่าจู่ ๆ ก็มีคนบนเกาะมรกตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน“นั่นใครน่ะ แล้วมาได้ยังไง!”“ทำไมจู่ ๆ ถึงมีคนเพิ่มขึ้นมาล่ะ เกิดอะไรขึ้น!”“เขาหายตัวได้งั้นเหรอ ทำไมจู่ ๆ ถึงไปโผล่ที่นั่นได้”ผู้คนต่างรู้สึกประหลาดใจ และแสดงสีหน้าเหลือเชื่อเมื่ออี้เหล่าปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันในเวลานี้ คนที่ตกใจที่สุดคือซูหยิงเซี่ย เพราะเธอยืนอยู่ข้าง ๆ อี้เหล่า และแม้จะอยู่ในระยะใกล้ขนาดนั้น เธอก็ยังไม่รู้ว่าอี้เหล่าไปโผล่ตรงนั้นได้อย่างไรดูเหมือนว่าในพริบตาเดียว อี้เหล่าที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็ไปโผล่บนเกาะมรกตแล้ว“นี่…” ซูหยิงเซี่ยมองไปที่อี้เหล่าบนเกาะมรกตอย่างตกตะลึง โดยที่ไม่รู้ว่าจะใช้คำใดมาอธิบายความรู้สึกของเธอตอนนี้ดาบอรหันต์ของฟางจ้านเล็งไปที่คอของหานซานเฉียนแล้ว หากดาบเล่มนี้แทงลงไปในลำคอ หานซานเฉียนจะต้องจมกองเลือดอย่างแน่นอนในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ได้ยินแค่เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ดาบในฝ่ามือของเขาถูกสะบัดออกไปด้วยนิ้วของอี้เหล่า“เป็นไปได้ยังไง!” ฟางจ้านโพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัว สาเหตุที่ดาบอรหันต์ของเข