“ไม่คิดว่าจะยังมีคนที่ชื่อเดียวกับเนี่ยนเออร์” หลังจากคลิกข่าว เฉินหลิงเหยาก็พึมพำกับตัวเองแต่เมื่อเธออ่านเนื้อหาในข่าว เฉินหลิงเหยาก็ตกใจแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้เรื่องเปียโนและภาพวาดมากนัก แต่เธอก็เคยได้ยินชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างป๋อเท่อและซีถ่านฟู๋สองคนนี้ เพราะยังไงพวกเขาก็อยู่ที่จุดสูงสุดในสายอาชีพนี้ และข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันก็ได้รับการพัฒนาอย่างมาก และคงยากที่จะไม่รู้จักพวกเขาตั๋วงานแสดงของป๋อเท่อนั้นหายากมาก แถมยังขายในราคาหลายล้านดอลลาร์ต่อใบ เรื่องนี้จึงทำให้เกิดความฮือฮาทั้งในวงการ และภาพวาดของซีถ่านฟู๋ก็ถูกประมูลในราคาที่น่าอัศจรรย์กว่าหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์เช่นกันสองคนนี้รับลูกศิษย์คนเดียวกัน เฉินหลิงเหยาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหานเนี่ยนมีตัวตนแบบไหนกันแน่“ชื่อและนามสกุลเดียวกันเลย ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ แต่เนี่ยนเออร์ของพวกเราก็ไม่น้อยหน้าหรอก เธอเองก็มีพ่อที่เก่งกาจเช่นกัน” เฉินหลิงเหยารู้สึกเสียใจแทนหานเนี่ยน จึงเริ่มเปรียบเทียบขึ้นมาในใจอย่างไม่รู้ตัว แต่ไม่ว่าจะเปรียบเทียบอย่างไร ไม่ว่าหานซานเฉียนจะทรงพลังแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเทียบกับบุค
“อืม หานซานเฉียนอยากให้เจียงหยิงหยิงไปทำงานที่บริษัทน่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าว“ไม่มีปัญหา ฝากไว้ที่ฉันได้เลย” เฉินหลิงเหยาพูดพร้อมกับพร้อมตบหน้าอกตัวทันใดนั้น ซูหยิงเซี่ยก็เรียกหานซานเฉียนมาข้าง ๆ และเล่าเรื่องที่จ้างงานเจียงหยิงหยิงให้เขาฟัง เสร็จแล้วหานซานเฉียนก็ไปที่ห้องครัวเมื่อเห็นเจียงหยิงหยิงและเหอถิงกำลังทำอาหารเย็นด้วยกันอยู่ หานซานเฉียนก็พูดว่า "หยิงหยิง ฉันอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัทของตระกูลซู เธอคิดว่ายังไง?"เจียงหยิงหยิงมองหานซานเฉียนด้วยความสับสน และมีความคิดเกิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเธอทันที หรือเป็นเพราะว่าเธอทำงานบ้านได้ไม่ดี หานซานเฉียนจึงอยากให้เธอไปทำงานที่บริษัท?“พี่ซานเฉียน ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?” เจียงหยิงหยิงถามเหอถิงก็ดูกังวลเช่นกัน หรือว่าเจียงหยิงหยิงทำผิดพลาด แล้วทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจ?“จะมีอะไรผิดพลาดได้ยังไง ตอนที่ป้าเหอไม่อยู่ ฉันต้องขอบคุณเธอที่ช่วยดูแลหยิงเซี่ยด้วยซ้ำ แต่ฉันคิดว่าเธอยังเด็กและไม่ควรติดอยู่ที่นี่ หากยังมีโอกาสก็ควรได้ออกไปพบปะผู้คนภายนอกให้มากขึ้น” หานซานเฉียนกล่าว เขาไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่เขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้ และเจียงหยิงหย
ความกังวลของซูหยิงเซี่ยเกิดจากสถานการณ์ที่เฉินหลิงเหยาพูดถึงก่อนหน้านี้ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันจะถูกนำมาเปรียบเทียบกัน และถ้าอีกฝ่ายเป็นคนที่เก่งกาจมาก มันก็ย่อมสร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นให้กับหานเนี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซูหยิงเซี่ยไม่อยากให้หานเนี่ยนมีชีวิตที่ไม่มีความสุข และเธอก็ไม่อยากให้เธออยู่ภายใต้ความกดดันเช่นนี้“หานเนี่ยนในข่าวนั่นไงคะ ที่มีชื่อเดียวกันกับเนี่ยนเออร์ของพวกเรา ในอนาคตเธอจะต้องถูกคนนำไปเปรียบเทียบแน่นอนเลย” ซูหยิงเซี่ยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจหานซานเฉียนไม่รู้ว่าจะหัวเราหรือร้องไห้ดี เขาไม่คาดคิดว่าซูหยิงเซี่ยจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะเก้าสิบเปอร์เซ็นเนี่ยนเออร์ก็คือหานเนี่ยนในข่าวแต่เขาอยากจะเซอร์ไพรส์ซูหยิงเซี่ย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงยังไม่บอกเธอ “คุณดูถูกเนี่ยนเออร์ของพวกเราเหรอ ไม่แน่ว่าหากเธอโตขึ้น อาจจะเก่งกาจมากกว่าก็ได้นะ” หานซานเฉียนกล่าวประโยคนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกไม่ยอมแพ้ เธอพยักหน้าและพูดว่า "ใช่แล้วล่ะ เนี่ยนเออร์ของพวกเราจะต้องเก่งกาจกว่าแน่ ๆ จุดเด่นจะสามารถครอบงำเธอได้
เจียงหยิงหยิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ตั้งแต่เด็กเธอก็มีเพียงเหอถิงที่เป็นที่พึ่งให้เธอ เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้ว่าการมีครอบครัวนั้นความรู้สึกมันเป็นอย่างไร เมื่อเธอเห็นว่าซูหยิงเซี่ยพยักหน้าเห็นด้วย ซือจิงยิ้มให้ และหานเทียนหยางก็ทำท่าทางให้เธอออกไปจับฉลาก เธอก็อดไม่ได้จะน้ำตารื้นขึ้นมา“ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างประหม่าและยื่นมือออกไป แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็กำลังตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองร้อยวันของหานเนี่ยน ที่สำคัญกว่านั้น ผลลัพธ์ของเรื่องใหญ่เช่นนี้กลับอยู่ในมือของเธอ“ไม่ต้องกลัว สถานที่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้แย่ เธอก็แค่ช่วยฉันแก้ปัญหาที่น่าปวดหัวนี้เท่านั้น” เมื่อเห็นมือที่สั่นเทาเล็กน้อยของเจียงหยิงหยิง หานซานเฉียนจึงพูดปลอบเธอเจียงหยิงหยิงพยักหน้า เธอหยิบฉลากขึ้นมาก่อนจะยื่นให้หานซานเฉียน“พี่ซานเฉียน ถ้าไม่ดี อย่าโทษฉันนะคะ” เจียงหยิงหยิงกล่าว“จะไม่ดีได้ยังไง สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่มีปัญหา” หานซานเฉียนคลี่ฉลากกระดาษ และสถานที่ที่จับได้ก็คือคฤหาสน์ที่ไปดูเมื่อเช้านี้หานซานเฉียน ซูห
ฟางจ้านพยักหน้าเล็กน้อย สำหรับเขา หานซานเฉียนจะตายเมื่อไหร่ และตายที่ไหนนั้นมันก็ไม่ต่างกัน สิ่งที่เขาต้องการ คือรู้ว่าลูกสาวของเขาอยู่ที่ไหนเท่านั้นเมื่อทำตามความต้องการของหลินตงแล้ว เขาก็จะสามารถตามหาลูกสาวของเขาได้ ฟางจ้านสามารถทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ได้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "การทำให้เขาดูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ จะทำให้สถานะของคุณในเทียนฉีสูงขึ้นงั้นเหรอ?"“เหอะ” หลินตงสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ด้วยสถานะปัจจุบันของผม จำเป็นต้องใช้ไอ้ขยะนี่เป็นบันไดด้วยเหรอ?”“คุณกลัวว่าสถานะของตัวเองจะได้รับผลกระทบเพราะเขา แม้ว่าคุณจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง และความคิดแบบนี้ก็กำหนดแล้วว่าคุณไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง” ฟางจ้านกล่าวอย่างไม่แยแสหลินตงกัดฟัน เขาจะใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงหรือไม่ มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฟางจ้านเสียหน่อย เขามีสถานะเป็นถึงบุตรที่น่าภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ในเทียนฉี หากเขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วจะยังมีใครอีก ?“ฟางจ้าน คำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณสรุปเอาเองว่าผมไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นเหรอ คุณล้อผมเล่นอยู่หรือไง?” หลินตงพูดอย
ฟางจ้านเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียนฉี และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแทนที่สถานะของเขาได้ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฟางจ้านทรงพลังเพียงใดสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ฟางจ้านมีความเด็ดเดี่ยวในการถอนตัวออกจากกองทัพ แม้แต่อี้เหล่าก็ยังห้ามเขาไว้ไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าฟางจ้านตั้งใจแน่วแน่อย่างยิ่งที่จะซ่อนตัวจากโลกนี้ ดังนั้นการที่หลินตงสามารถทำให้เขายอมออกมาจากหุบเขาได้นั้น มันทำให้อี้เหล่าประหลาดใจมาก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหลินตงใช้วิธีใดและความแข็งแกร่งของฟางจ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน ต่อหน้าฟางจ้าน เขาก็มีแต่ความตายเท่านั้น“เฮ้อ ผมยังเอาชนะไม่ได้ แล้วคุณจะเอาชนะเขาได้เหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างใจเย็น“นายคิดว่าฉันมีความจำเป็นต้องโกหกนายไหมล่ะ?” อี้เหล่ามองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มความสงสัยผุดขึ้นในใจของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชราคนนี้คือใคร แต่เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ในหยุนเฉิงยังมีใครที่สามารถคุกคามเขาได้กัน?จู่ ๆ ชื่อหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของหานซานเฉียนหลินตง!ทั้งหานเทียนเซิงและหม่าอวี้ต่างก
ในวันงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน เมืองหยุนเฉิงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ในตอนเช้า รถยนต์หรูหลายคันมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ปี้เฟิง มันเป็นวันที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้เฟิง นับตั้งแต่เปิดตัวมา และคาดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีวันไหนที่จะคึกคักได้เท่าวันนี้แล้ว ดังนั้นจางปี้เฟิงจึงถือว่าวันนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาคฤหาสน์ปี้เฟิง เขาจัดหาช่างภาพมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายภาพบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงเอาไว้ และตั้งใจที่จะสร้างกำแพงแห่งเกียรติยศขึ้น ให้รูปถ่ายของบุคคลสำคัญเหล่านี้คงอยู่ในคฤหาสน์ปี้เฟิงตลอดไปหากเป็นสถานที่อื่นหรือเหตุการณ์อื่น การกระทำของจางปี้เฟิงคงทำให้หลายคนไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวของหานซานเฉียน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญท่านไหนเมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ ก็ทำได้เพียงยอมรับมันด้วยรอยยิ้มเท่านั้นเพราะนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวหานซานเฉียน ใครจะกล้าทำสีหน้าไม่พอใจกันล่ะ?งานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น. แต่ก่อนสิบโมงเช้าคนสำคัญในหยุนเฉิงทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่กันที่คฤห
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเฉินหลิงเหยาทำ เนื่องจากบริษัทถูกส่งมอบให้เธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่เข้าไปยุ่ง และคำพูดพวกนี้เธอเองก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน"พร้อมกันหรือยัง?" ในเวลานี้ หานซานเฉียนก็ถามขึ้นกับทุกคนวันนี้ไม่ได้มีเพียงซือจิงเท่านั้นที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน หานเทียนหยางและเหยียนจุนก็สวมชุดสูทชาวจีน ที่ออกแบบเองใหม่ล่าสุดด้วย เพราะนี่เป็นงานสำคัญของหานเนี่ยน ควรค่าแก่การจดจำ และไม่มีใครอยากทำแบบขอไปที"พร้อมแล้ว""ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ"“ตอนนี้แขกทุกคนคงมาถึงกันแล้ว ในฐานะเจ้าของงาน ถ้าเรายังไม่ปรากฏตัวคงจะไม่ดีนัก”ทุกคนออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง และรถอาวดี้ A6 สองคันก็มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ปี้เฟิง นี่อาจเป็นรถยนต์สองคันที่ถูกที่สุดในคฤหาสน์ปี้เฟิง แต่เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดสองคันอย่างแน่นอนหากมีหานซานเฉียนและครอบครัวของเขาเข้านั่งอยู่ด้านใน ใครจะกล้าดูถูกรถอาวดี้กันล่ะจางปี้เฟิงเป็นตัวแทนหานซานเฉียนต้อนรับแขกทุกคนที่ประตูคฤหาสน์ แต่หานซานเฉียนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงยังจะออกไปไหนไม่ได้เมื่อจางปี้เฟิ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ