เจียงหยิงหยิงรู้สึกซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ตั้งแต่เด็กเธอก็มีเพียงเหอถิงที่เป็นที่พึ่งให้เธอ เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งจะรู้ว่าการมีครอบครัวนั้นความรู้สึกมันเป็นอย่างไร เมื่อเธอเห็นว่าซูหยิงเซี่ยพยักหน้าเห็นด้วย ซือจิงยิ้มให้ และหานเทียนหยางก็ทำท่าทางให้เธอออกไปจับฉลาก เธอก็อดไม่ได้จะน้ำตารื้นขึ้นมา“ค่ะ” เจียงหยิงหยิงพูดอย่างประหม่าและยื่นมือออกไป แม้ว่ามันอาจจะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เธอก็กำลังตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองร้อยวันของหานเนี่ยน ที่สำคัญกว่านั้น ผลลัพธ์ของเรื่องใหญ่เช่นนี้กลับอยู่ในมือของเธอ“ไม่ต้องกลัว สถานที่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ได้แย่ เธอก็แค่ช่วยฉันแก้ปัญหาที่น่าปวดหัวนี้เท่านั้น” เมื่อเห็นมือที่สั่นเทาเล็กน้อยของเจียงหยิงหยิง หานซานเฉียนจึงพูดปลอบเธอเจียงหยิงหยิงพยักหน้า เธอหยิบฉลากขึ้นมาก่อนจะยื่นให้หานซานเฉียน“พี่ซานเฉียน ถ้าไม่ดี อย่าโทษฉันนะคะ” เจียงหยิงหยิงกล่าว“จะไม่ดีได้ยังไง สถานที่เหล่านี้ล้วนไม่มีปัญหา” หานซานเฉียนคลี่ฉลากกระดาษ และสถานที่ที่จับได้ก็คือคฤหาสน์ที่ไปดูเมื่อเช้านี้หานซานเฉียน ซูห
ฟางจ้านพยักหน้าเล็กน้อย สำหรับเขา หานซานเฉียนจะตายเมื่อไหร่ และตายที่ไหนนั้นมันก็ไม่ต่างกัน สิ่งที่เขาต้องการ คือรู้ว่าลูกสาวของเขาอยู่ที่ไหนเท่านั้นเมื่อทำตามความต้องการของหลินตงแล้ว เขาก็จะสามารถตามหาลูกสาวของเขาได้ ฟางจ้านสามารถทำทุกอย่างเพื่อสิ่งนี้ได้แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "การทำให้เขาดูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ จะทำให้สถานะของคุณในเทียนฉีสูงขึ้นงั้นเหรอ?"“เหอะ” หลินตงสถบอย่างเย็นชาและพูดว่า “ด้วยสถานะปัจจุบันของผม จำเป็นต้องใช้ไอ้ขยะนี่เป็นบันไดด้วยเหรอ?”“คุณกลัวว่าสถานะของตัวเองจะได้รับผลกระทบเพราะเขา แม้ว่าคุณจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริง และความคิดแบบนี้ก็กำหนดแล้วว่าคุณไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง” ฟางจ้านกล่าวอย่างไม่แยแสหลินตงกัดฟัน เขาจะใช่คนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงหรือไม่ มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฟางจ้านเสียหน่อย เขามีสถานะเป็นถึงบุตรที่น่าภาคภูมิใจแห่งสวรรค์ในเทียนฉี หากเขาไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แล้วจะยังมีใครอีก ?“ฟางจ้าน คำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณสรุปเอาเองว่าผมไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นเหรอ คุณล้อผมเล่นอยู่หรือไง?” หลินตงพูดอย
ฟางจ้านเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียนฉี และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแทนที่สถานะของเขาได้ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฟางจ้านทรงพลังเพียงใดสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ฟางจ้านมีความเด็ดเดี่ยวในการถอนตัวออกจากกองทัพ แม้แต่อี้เหล่าก็ยังห้ามเขาไว้ไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าฟางจ้านตั้งใจแน่วแน่อย่างยิ่งที่จะซ่อนตัวจากโลกนี้ ดังนั้นการที่หลินตงสามารถทำให้เขายอมออกมาจากหุบเขาได้นั้น มันทำให้อี้เหล่าประหลาดใจมาก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหลินตงใช้วิธีใดและความแข็งแกร่งของฟางจ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน ต่อหน้าฟางจ้าน เขาก็มีแต่ความตายเท่านั้น“เฮ้อ ผมยังเอาชนะไม่ได้ แล้วคุณจะเอาชนะเขาได้เหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างใจเย็น“นายคิดว่าฉันมีความจำเป็นต้องโกหกนายไหมล่ะ?” อี้เหล่ามองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มความสงสัยผุดขึ้นในใจของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชราคนนี้คือใคร แต่เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ในหยุนเฉิงยังมีใครที่สามารถคุกคามเขาได้กัน?จู่ ๆ ชื่อหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของหานซานเฉียนหลินตง!ทั้งหานเทียนเซิงและหม่าอวี้ต่างก
ในวันงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน เมืองหยุนเฉิงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ในตอนเช้า รถยนต์หรูหลายคันมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ปี้เฟิง มันเป็นวันที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้เฟิง นับตั้งแต่เปิดตัวมา และคาดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีวันไหนที่จะคึกคักได้เท่าวันนี้แล้ว ดังนั้นจางปี้เฟิงจึงถือว่าวันนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาคฤหาสน์ปี้เฟิง เขาจัดหาช่างภาพมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายภาพบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงเอาไว้ และตั้งใจที่จะสร้างกำแพงแห่งเกียรติยศขึ้น ให้รูปถ่ายของบุคคลสำคัญเหล่านี้คงอยู่ในคฤหาสน์ปี้เฟิงตลอดไปหากเป็นสถานที่อื่นหรือเหตุการณ์อื่น การกระทำของจางปี้เฟิงคงทำให้หลายคนไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวของหานซานเฉียน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญท่านไหนเมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ ก็ทำได้เพียงยอมรับมันด้วยรอยยิ้มเท่านั้นเพราะนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวหานซานเฉียน ใครจะกล้าทำสีหน้าไม่พอใจกันล่ะ?งานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น. แต่ก่อนสิบโมงเช้าคนสำคัญในหยุนเฉิงทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่กันที่คฤห
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเฉินหลิงเหยาทำ เนื่องจากบริษัทถูกส่งมอบให้เธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่เข้าไปยุ่ง และคำพูดพวกนี้เธอเองก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน"พร้อมกันหรือยัง?" ในเวลานี้ หานซานเฉียนก็ถามขึ้นกับทุกคนวันนี้ไม่ได้มีเพียงซือจิงเท่านั้นที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน หานเทียนหยางและเหยียนจุนก็สวมชุดสูทชาวจีน ที่ออกแบบเองใหม่ล่าสุดด้วย เพราะนี่เป็นงานสำคัญของหานเนี่ยน ควรค่าแก่การจดจำ และไม่มีใครอยากทำแบบขอไปที"พร้อมแล้ว""ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ"“ตอนนี้แขกทุกคนคงมาถึงกันแล้ว ในฐานะเจ้าของงาน ถ้าเรายังไม่ปรากฏตัวคงจะไม่ดีนัก”ทุกคนออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง และรถอาวดี้ A6 สองคันก็มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ปี้เฟิง นี่อาจเป็นรถยนต์สองคันที่ถูกที่สุดในคฤหาสน์ปี้เฟิง แต่เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดสองคันอย่างแน่นอนหากมีหานซานเฉียนและครอบครัวของเขาเข้านั่งอยู่ด้านใน ใครจะกล้าดูถูกรถอาวดี้กันล่ะจางปี้เฟิงเป็นตัวแทนหานซานเฉียนต้อนรับแขกทุกคนที่ประตูคฤหาสน์ แต่หานซานเฉียนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงยังจะออกไปไหนไม่ได้เมื่อจางปี้เฟิ
หานซานเฉียนรู้ว่าการดื่มชาไม่ใช่เรื่องหลัก เหตุผลที่เทียนฉางเฉิงเสนอสิ่งนี้อาจเป็นเพราะเขาทราบว่าตนไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่นนี้ จึงหาข้ออ้างให้กับเขา และหานซานเฉียนก็ตกลงอย่างเป็นธรรมชาติเพราะวันนี้มีแขกมาเยอะเกินไป หากหานซานเฉียนไปทักทายพวกเขาทีละคน ริมฝีปากของเขาคงจะพองแน่ และด้วยสถานะปัจจุบันของเขา แม้ว่าแขกทุกคนที่มาจะเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทักทายทุกคน“ลูกศิษย์ ไม่คิดว่าคุณจะเข้าสังคมเก่งขนาดนี้” หานซานเชียนพูดกับเทียนฉางเฉิงเบา ๆ เทียนฉางเฉิงพึงพอใจ เขาจะไม่เข้าใจหานซานเฉียนได้อย่างไร ไม่เพียงแต่หานซานเฉียนเท่านั้นที่ทนการเข้าสังคมแบบนี้ไม่ไหว เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วยเช่นกัน “อาจารย์ ถ้าลูกศิษย์ทำดีขนาดนี้ ก็ควรได้รับรางวัลไหมหรือเปล่า?” เทียนฉางเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณต้องการรางวัลอะไร?” หานซานเฉียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายมาก"ฮิฮิ" เทียนฉางเฉิงหัวเราะอย่างหัวขโมยก่อนจะพูดว่า "ตระกูลเทียนยังมีประโยชน์สำหรับโครงการเฉิงซีและหมู่บ้านเฉิงจง อาจารย์จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?"ปัจจุบันทั้งสอง
“ฉันคงไม่ได้มาสายหรอกใช่ไหม” หนานกงป๋อหลิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มหลังจากมองไปที่คนสองคนที่อยู่ด้านหลังหนานกงป๋อหลิง มันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ หานซานเฉียนพยักหน้าและพูดว่า "ไม่ครับ แต่ของขวัญของคุณนั้นไม่เล็กเลยจริง ๆ"“ลูกสาวของนายสมควรได้รับเกียรตินี้ และในความคิดของฉัน มันยังไม่พอด้วยซ้ำ” หนานกงป๋อหลิงกล่าวคนอื่น ๆ อาจสับสนเล็กน้อยกับบทสนทนานี้ เพราะหนานกงป๋อหลิงมาด้วยมือเปล่า ไม่เห็นจะมีของขวัญใด ๆ เลยแต่ยังมีคนฉลาดบางคนที่เชื่อมโยงได้ถึงเหตุผลที่ป๋อเท่อและซีถ่านฟู๋มาปรากฏตัวที่นี่ ลูกศิษย์ของสองคนนี้ชื่อหานเนี่ยน และพวกเขาก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนหรือว่าลูกศิษย์ของสองคนนี้ คือลูกสาวของหานซานเฉียนงั้นเหรอ!”"แต่...แต่ลูกสาวของหานซานเฉียนเพิ่งจะมีอายุได้แค่หนึ่งร้อยวันเองนะ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง! ลูกศิษย์ของอาจารย์สองคนนี้เป็นเพียงเด็กทารกอย่างนั้นเหรอ?"“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขามาอยู่ที่นี่กันแล้ว จะเป็นหานเนี่ยนอื่นไหนได้อีกล่ะ?”“ตลกจริง ๆ พวกเราเอาทั้งสองไปเปรียบเทียบกันอยู่ตั้งนาน แต่ความจริงคือทั้งสองคนนี้คือ
ชายวัยกลางคนแต่งตัวโทรม ๆ ที่ดูห่างไกลจาดสังคมคนรวยดูเป็นจุดเด่นขึ้นมา เพราะทุกคนที่นี่ล้วนแต่งตัวดี ผู้ชายสวมชุดสูทสั่งตัดที่ประณีตที่สุด ส่วนผู้หญิงต่างก็สวมเครื่องประดับอันมีค่าอยู่บนตัว แต่เขาคนนั้นกับห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าซอมซ่อราวกับขอทาน“ขอทานคนนี้มาจากไหน กล้าบุกเข้ามาในงานสำคัญเช่นนี้ได้ยังไงกัน”“รปภ.อยู่ไหน มาเอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ กลิ่นเหม็นขนาดนี้ กระทบต่อความอยากอาหารของพวกเราหมดแล้ว”“จางปี้เฟิง การรักษาความปลอดภัยของที่นี่นั้นแย่จริง ๆ ถึงได้ปล่อยให้คนขอทานคนนี้บุกเข้ามาได้น่ะ”ใบหน้าของจางปี้เฟิงซีดเผือด นี่คืออาณาเขตของเขา และปล่อยให้คนแบบนี้บุกเข้ามาในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยนแบบนี้ เขาจะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ หากหานซานเฉียนเอาผิดกับเขาขึ้นมา เขาคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ๆ ขณะที่จางปี้เฟิงกำลังจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หานซานเฉียนก็ปล่อยซูหยิงเซี่ย และพูดกับ จางปี้เฟิงว่า "ไม่ต้อง"จางปี้เฟิงนึกว่าหานซานเฉียนอารมณ์เสีย เขาจึงก้มศีรษะลงและตัวสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า "คุณหาน ผมขอโทษครับ มันเป็นความผิดของผมเอง หากค