ฟางจ้านเคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของเทียนฉี และจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแทนที่สถานะของเขาได้ นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าฟางจ้านทรงพลังเพียงใดสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ฟางจ้านมีความเด็ดเดี่ยวในการถอนตัวออกจากกองทัพ แม้แต่อี้เหล่าก็ยังห้ามเขาไว้ไม่ได้ นี่แสดงให้เห็นว่าฟางจ้านตั้งใจแน่วแน่อย่างยิ่งที่จะซ่อนตัวจากโลกนี้ ดังนั้นการที่หลินตงสามารถทำให้เขายอมออกมาจากหุบเขาได้นั้น มันทำให้อี้เหล่าประหลาดใจมาก และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าหลินตงใช้วิธีใดและความแข็งแกร่งของฟางจ้านนั้น ไม่ใช่สิ่งที่หานซานเฉียนสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน ต่อหน้าฟางจ้าน เขาก็มีแต่ความตายเท่านั้น“เฮ้อ ผมยังเอาชนะไม่ได้ แล้วคุณจะเอาชนะเขาได้เหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดอย่างใจเย็น“นายคิดว่าฉันมีความจำเป็นต้องโกหกนายไหมล่ะ?” อี้เหล่ามองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มความสงสัยผุดขึ้นในใจของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชายชราคนนี้คือใคร แต่เขาไม่จำเป็นต้องโกหกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้ในหยุนเฉิงยังมีใครที่สามารถคุกคามเขาได้กัน?จู่ ๆ ชื่อหนึ่งก็ผุดเข้ามาในใจของหานซานเฉียนหลินตง!ทั้งหานเทียนเซิงและหม่าอวี้ต่างก
ในวันงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน เมืองหยุนเฉิงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ ในตอนเช้า รถยนต์หรูหลายคันมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์ปี้เฟิง มันเป็นวันที่งดงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้เฟิง นับตั้งแต่เปิดตัวมา และคาดว่าในอนาคตก็คงจะไม่มีวันไหนที่จะคึกคักได้เท่าวันนี้แล้ว ดังนั้นจางปี้เฟิงจึงถือว่าวันนี้เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาคฤหาสน์ปี้เฟิง เขาจัดหาช่างภาพมาโดยเฉพาะ เพื่อถ่ายภาพบุคคลสำคัญที่มาร่วมงานเลี้ยงเอาไว้ และตั้งใจที่จะสร้างกำแพงแห่งเกียรติยศขึ้น ให้รูปถ่ายของบุคคลสำคัญเหล่านี้คงอยู่ในคฤหาสน์ปี้เฟิงตลอดไปหากเป็นสถานที่อื่นหรือเหตุการณ์อื่น การกระทำของจางปี้เฟิงคงทำให้หลายคนไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวของหานซานเฉียน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญท่านไหนเมื่อเผชิญกับเรื่องนี้ ก็ทำได้เพียงยอมรับมันด้วยรอยยิ้มเท่านั้นเพราะนี่คืองานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของลูกสาวหานซานเฉียน ใครจะกล้าทำสีหน้าไม่พอใจกันล่ะ?งานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในเวลา 12.00 น. แต่ก่อนสิบโมงเช้าคนสำคัญในหยุนเฉิงทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันที่กันที่คฤห
ซูหยิงเซี่ยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเฉินหลิงเหยาทำ เนื่องจากบริษัทถูกส่งมอบให้เธอแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไร ซูหยิงเซี่ยก็จะไม่เข้าไปยุ่ง และคำพูดพวกนี้เธอเองก็ไม่อยากได้ยินเช่นกัน"พร้อมกันหรือยัง?" ในเวลานี้ หานซานเฉียนก็ถามขึ้นกับทุกคนวันนี้ไม่ได้มีเพียงซือจิงเท่านั้นที่แต่งตัวอย่างพิถีพิถัน หานเทียนหยางและเหยียนจุนก็สวมชุดสูทชาวจีน ที่ออกแบบเองใหม่ล่าสุดด้วย เพราะนี่เป็นงานสำคัญของหานเนี่ยน ควรค่าแก่การจดจำ และไม่มีใครอยากทำแบบขอไปที"พร้อมแล้ว""ถ้าไม่มีปัญหาอะไร งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ"“ตอนนี้แขกทุกคนคงมาถึงกันแล้ว ในฐานะเจ้าของงาน ถ้าเรายังไม่ปรากฏตัวคงจะไม่ดีนัก”ทุกคนออกจากโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติง และรถอาวดี้ A6 สองคันก็มุ่งตรงไปที่คฤหาสน์ปี้เฟิง นี่อาจเป็นรถยนต์สองคันที่ถูกที่สุดในคฤหาสน์ปี้เฟิง แต่เป็นรถยนต์ที่ทรงพลังที่สุดสองคันอย่างแน่นอนหากมีหานซานเฉียนและครอบครัวของเขาเข้านั่งอยู่ด้านใน ใครจะกล้าดูถูกรถอาวดี้กันล่ะจางปี้เฟิงเป็นตัวแทนหานซานเฉียนต้อนรับแขกทุกคนที่ประตูคฤหาสน์ แต่หานซานเฉียนยังมาไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงยังจะออกไปไหนไม่ได้เมื่อจางปี้เฟิ
หานซานเฉียนรู้ว่าการดื่มชาไม่ใช่เรื่องหลัก เหตุผลที่เทียนฉางเฉิงเสนอสิ่งนี้อาจเป็นเพราะเขาทราบว่าตนไม่ชอบปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่นนี้ จึงหาข้ออ้างให้กับเขา และหานซานเฉียนก็ตกลงอย่างเป็นธรรมชาติเพราะวันนี้มีแขกมาเยอะเกินไป หากหานซานเฉียนไปทักทายพวกเขาทีละคน ริมฝีปากของเขาคงจะพองแน่ และด้วยสถานะปัจจุบันของเขา แม้ว่าแขกทุกคนที่มาจะเป็นคนใหญ่คนโต เขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทักทายทุกคน“ลูกศิษย์ ไม่คิดว่าคุณจะเข้าสังคมเก่งขนาดนี้” หานซานเชียนพูดกับเทียนฉางเฉิงเบา ๆ เทียนฉางเฉิงพึงพอใจ เขาจะไม่เข้าใจหานซานเฉียนได้อย่างไร ไม่เพียงแต่หานซานเฉียนเท่านั้นที่ทนการเข้าสังคมแบบนี้ไม่ไหว เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ด้วยเช่นกัน “อาจารย์ ถ้าลูกศิษย์ทำดีขนาดนี้ ก็ควรได้รับรางวัลไหมหรือเปล่า?” เทียนฉางเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม“คุณต้องการรางวัลอะไร?” หานซานเฉียนรู้สึกว่าชายชราคนนี้มีเจตนาชั่วร้าย โดยเฉพาะรอยยิ้มบนใบหน้านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นอันตรายมาก"ฮิฮิ" เทียนฉางเฉิงหัวเราะอย่างหัวขโมยก่อนจะพูดว่า "ตระกูลเทียนยังมีประโยชน์สำหรับโครงการเฉิงซีและหมู่บ้านเฉิงจง อาจารย์จะลองพิจารณาดูหน่อยไหม?"ปัจจุบันทั้งสอง
“ฉันคงไม่ได้มาสายหรอกใช่ไหม” หนานกงป๋อหลิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้มหลังจากมองไปที่คนสองคนที่อยู่ด้านหลังหนานกงป๋อหลิง มันก็เป็นไปตามที่คาดไว้ หานซานเฉียนพยักหน้าและพูดว่า "ไม่ครับ แต่ของขวัญของคุณนั้นไม่เล็กเลยจริง ๆ"“ลูกสาวของนายสมควรได้รับเกียรตินี้ และในความคิดของฉัน มันยังไม่พอด้วยซ้ำ” หนานกงป๋อหลิงกล่าวคนอื่น ๆ อาจสับสนเล็กน้อยกับบทสนทนานี้ เพราะหนานกงป๋อหลิงมาด้วยมือเปล่า ไม่เห็นจะมีของขวัญใด ๆ เลยแต่ยังมีคนฉลาดบางคนที่เชื่อมโยงได้ถึงเหตุผลที่ป๋อเท่อและซีถ่านฟู๋มาปรากฏตัวที่นี่ ลูกศิษย์ของสองคนนี้ชื่อหานเนี่ยน และพวกเขาก็ปรากฏตัวในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยน นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอนหรือว่าลูกศิษย์ของสองคนนี้ คือลูกสาวของหานซานเฉียนงั้นเหรอ!”"แต่...แต่ลูกสาวของหานซานเฉียนเพิ่งจะมีอายุได้แค่หนึ่งร้อยวันเองนะ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง! ลูกศิษย์ของอาจารย์สองคนนี้เป็นเพียงเด็กทารกอย่างนั้นเหรอ?"“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขามาอยู่ที่นี่กันแล้ว จะเป็นหานเนี่ยนอื่นไหนได้อีกล่ะ?”“ตลกจริง ๆ พวกเราเอาทั้งสองไปเปรียบเทียบกันอยู่ตั้งนาน แต่ความจริงคือทั้งสองคนนี้คือ
ชายวัยกลางคนแต่งตัวโทรม ๆ ที่ดูห่างไกลจาดสังคมคนรวยดูเป็นจุดเด่นขึ้นมา เพราะทุกคนที่นี่ล้วนแต่งตัวดี ผู้ชายสวมชุดสูทสั่งตัดที่ประณีตที่สุด ส่วนผู้หญิงต่างก็สวมเครื่องประดับอันมีค่าอยู่บนตัว แต่เขาคนนั้นกับห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าซอมซ่อราวกับขอทาน“ขอทานคนนี้มาจากไหน กล้าบุกเข้ามาในงานสำคัญเช่นนี้ได้ยังไงกัน”“รปภ.อยู่ไหน มาเอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้ กลิ่นเหม็นขนาดนี้ กระทบต่อความอยากอาหารของพวกเราหมดแล้ว”“จางปี้เฟิง การรักษาความปลอดภัยของที่นี่นั้นแย่จริง ๆ ถึงได้ปล่อยให้คนขอทานคนนี้บุกเข้ามาได้น่ะ”ใบหน้าของจางปี้เฟิงซีดเผือด นี่คืออาณาเขตของเขา และปล่อยให้คนแบบนี้บุกเข้ามาในงานเลี้ยงหนึ่งร้อยวันของหานเนี่ยนแบบนี้ เขาจะต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ หากหานซานเฉียนเอาผิดกับเขาขึ้นมา เขาคงจะรับผิดชอบไม่ไหวแน่ ๆ ขณะที่จางปี้เฟิงกำลังจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หานซานเฉียนก็ปล่อยซูหยิงเซี่ย และพูดกับ จางปี้เฟิงว่า "ไม่ต้อง"จางปี้เฟิงนึกว่าหานซานเฉียนอารมณ์เสีย เขาจึงก้มศีรษะลงและตัวสั่นด้วยความกลัว ก่อนจะพูดขึ้นว่า "คุณหาน ผมขอโทษครับ มันเป็นความผิดของผมเอง หากค
เมื่อได้ยินคำว่าอี้เหล่า ดวงตาของหานเทียนหยางก็แข็งทื่อตำแหน่งของซื่อเหมินอี้เหล่าผู้นี้ ในเทียนฉีนั้นค่อนข้างทรงพลังมาก เขาต้องการรับหานซานเฉียนเป็นลูกศิษย์ หากเขามาที่หยุนเฉิงจริง ชีวิตของหานซานเฉียนก็ไม่น่าเป็นกังวล เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมให้หานซานเฉียนตายด้วยน้ำมือของฟางจ้าน"หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น" หานเทียนหยางพูดพลางถอนหายใจ แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หานเทียนหยางก็รู้ดีว่าอันตรายของเขาก็เริ่มใหญ่มากขึ้น และเขาจะต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ มากขึ้นในอนาคตเช่นกัน ในเวลานี้หานเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเล็กน้อยต่อหานซานเฉียน เพราะตอนนี้เขาเป็นผู้ชายที่มีครอบครัวให้ต้องดูแล จึงมีภาระที่ต้องแบกอยู่บนบ่า แต่หลังจากเข้าร่วมเทียนฉีแล้ว เขาจะมีเวลามาสนใจดูแลเรื่องนี้แค่ไหนกัน?มีต้นไม้สูงตระหง่านมากมายในคฤหาสน์ปี้เฟิง จางปี้เฟิงซื้อต้นไม้เหล่านี้มาในราคาสูง ตอนนี้บนต้นไม้ใหญ่ อี้เหล่ากำลังนอนอยู่บนกิ่งไม้ ถ้าใครเห็นภาพนี้ คงจะกังวลว่าชายชราจะตกลงมาตายอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มั่นคง แต่ร่างกายของเขามั่นคงราวกับก้อนหิน“เจ้าหนู ถ้านายสามารถต้า
อี้เหล่าที่นอนอยู่บนกิ่งไม้ลุกขึ้นนั่งเช่นกัน และสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมมากในฐานะคู่ต่อสู้ ฟางจ้านรู้สึกได้ว่าหานซานเฉียนแข็งแกร่งขึ้น และอี้เหล่าในฐานะผู้สังเกตการณ์ ก็ยิ่งสัมผัสถึงจุดนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในสายตาของอี้เหล่า การเริ่มโจมตีของหานซานเฉียนสองครั้งนี้ก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย แต่หานซานเฉียนกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ถึง“เด็กคนนี้ทำให้ฉันประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เลย นายจะทำให้ฉันประหลาดใจได้อีกกี่ครั้งกันนะ” อี้เหล่าจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยดวงตาลุกโชน เห็นได้ชัดว่ามีความร้อนแรงในดวงตาของเขา ราวกับว่าได้เห็นของสะสมที่ล้ำค่า และอยากเอามาอยู่ในครอบครองในฐานะคนธรรมดา ซูหยิงเซี่ยไม่สามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของหานซานเฉียนได้ เธอรู้แค่ว่าหานซานเฉียนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเลือดที่ไหลล้นออกมาจากมุมปากของเขาก็เกือบจะทำให้หัวใจของเธอแตกสลาย“คุณปู่เหยียน ปู่ช่วยซานเฉียนได้ไหมคะ?” ซูหยิงเซี่ยพูดกับเหยียนจุนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนเหยียนจุนมีสีหน้าจมดิ่งที่สับสน เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายของหานซานเฉียนเป็นอย่างไร แต่เขารู้สึกได้ว่า หานซานเฉียนต้องมีจุดประสง