เกาะเล็ก ๆ ตระกูลหนานกงหนานกงป๋อหลิงที่คอยจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตจีนอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกตื่นเต้นมากในเวลานี้ มากกว่าตอนที่เขาได้รับทองคำก้อนแรกเสียอีก หานซานเฉียนได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในเขตจีน และหนานกงป๋อหลิงก็รู้ดีว่าสิ่งนี้จะทำให้เขามีสถานะที่สูงขึ้นในเทียนฉียิ่งไปกว่านั้นอี้เหล่าต้องการรับเขาเป็นลูกศิษย์ ความสำเร็จในอนาคตของเขาก็จะยิ่งไร้ขีดจำกัดมากยิ่งขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่หนานกงป๋อหลิงรู้สึกอย่างแท้จริง ว่าตระกูลหนานกงกำลังจะได้เป็นสาขาย่อยของเทียนฉีคำว่าสาขาย่อยอาจจะดูขัดใจไปบ้าง แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้กับแวดวงไหน หากใช้กับเทียนฉีที่สูงกว่าโลกธรรมดา ๆ มันก็เป็นสาขาย่อยที่คุ้มค่าหนานกงป๋อหลิงรู้อยู่แล้วว่าหนานกงซุนจะต้องตายด้วยน้ำมือของหานซานเฉียน แต่เขาก็ไม่โทษหานซานเฉียนเลย กลับรู้สึกว่าการที่หนานกงซุนตายก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เพราะเขาไปหาเรื่องหานซานเฉียนเองดังนั้นก็สมควรตายถูกต้องแล้วตอนนี้หนานกงป๋อหลิงกำลังวางแผนให้หานซานเฉียนเป็นผู้นำตระกูลหนานกง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะทำให้เรื่องนี้เป็นจริงให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไรก็ตาม และไม่ว่าหานซานเฉียนจะเรีย
หม่าอวี้ถอนหายใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้จากไปเป็นเวลานาน แต่เขตจีนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครคิดว่าหานซานเฉียนจะสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดจากหานเทียนเซิงได้ สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้ผู้คนในเขตจีนตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่อี้เหล่าก็ดูเหมือนจะตกใจกับเหตุการณ์นี้มากเช่นกันเหตุผลที่หม่าอวี้ไม่ได้กลับมาในทันที เป็นเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากอี้เหล่า อี้เหล่าห้ามไม่ให้เขาเข้าไปแทรกแซงเรื่องใด ๆ ของหานซานเฉียน เว้นเสียแต่หานซานเฉียนจะตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น เขาค่อยออกหน้า “เฮ้อ ไม่คิดเลยว่าหานซานเฉียนจะทำเรื่องเหลือเชื่อได้อีกครั้ง” หม่าอวี้ถอนหายใจในเวลานี้ หม่าเฟยห่าวรู้สึกว่าเป็นเรื่องฉลาดมากที่หม่าอวี้สั่งให้เขาเป็นลูกน้องของหานซานเฉียน ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเป็นเหมือนคนอื่น ๆ และจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้พบหานซานเฉียน แม้ว่าจะรออยู่ที่ประตูวิลล่าเป็นเวลาสิบวัน หรือครึ่งเดือนก็ตาม “ลุงครับ เป็นเพราะการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของลุง ที่สั่งให้ผมเอาใจพี่ซานเฉียนแต่เนิ่น ๆ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับพี่ซานเฉียนในตอนนี้” หม่าเฟยห่าวพูดด้วยรอยยิ้มหม่าอวี้ตบไหล่หม่าเฟยห่าวแล้วพูดว่า "ตั้งแต่วันนี
หม่าอวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพยายามตอบคำถามของหานซานเฉียนนด้วยวิธีต่าง ๆ เพราะการพูดอย่างตรงไปตรงมาอาจทำให้หานซานเฉียนปฏิเสธอี้เหล่ามากขึ้น แต่ความลังเลเพียงช่วงสั้น ๆ นี้ทำให้หานซานเฉียนสามารถยืนยันได้ว่าเขาเดาถูก โดยที่หม่าอวี้ไม่จำเป็นต้องตอบเขาเลย“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมรู้คำตอบแล้ว ดูเหมือนว่าอี้เหล่าคนที่จะรับผมเป็นลูกศิษย์ ยังต้องการทดสอบผมสินะ” หานซานเฉียนกล่าวหม่าอวี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจแล้วพูดว่า "มันเหนื่อยจริง ๆ ที่ต้องรับมือกับคนฉลาดแบบคุณ คุณสามารถเดาออกทุกอย่างเลย"“ถ้าเรื่องแค่นี้ผมยังเดาอะไรไม่ได้ คุณคิดว่าผมโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆหากเขายังคงต่อสู้กับเรื่องนี้ต่อไป หม่าอวี้กลัวว่าเขาจะไม่สามารถต้านทานได้ หากเขาพูดอะไรผิดไป เขาจะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้เลย ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วถามว่า "คุณจะทำอย่างไรต่อไป ตอนนี้ตระกูลชนชั้นสูงในเขตจีนกำลังแอบวางแผนเอาใจคุณ ขอแค่คุณพูดมาคำเดียว ว่าจะทำให้คุณพอใจ ทั่วทั้งเขตจีนก็จะเป็นของคุณ”“ตระกูลหานไร้ผู้นำ แต่ก็ยังมีคนรุมเร้าอยู่ พวกเขาไม่เต็มใจที่จะสละสถานะของตัวเอง แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เ
หานซานเฉียนพักอยู่บ้านทั้งเดือน เดิมทีเขาตั้งใจที่จะออกไปเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ และถือโอกาสออกไปจัดการปัญหาของตระกูลหาน แต่เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหานเนี่ยน ทำให้หานซานเฉียนไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นหลังจากอุ้มหานเนี่ยนกลับบ้านอย่างระมัดระวัง หานซานเฉียนก็นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางแข็งทื่อ เพราะกลัวว่าวิธีที่เขาอุ้มหานเนี่ยนจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวแต่ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะเพลิดเพลินไปกับการที่ถูกหานซานเฉียนอุ้ม เธอมองตรงไปที่หานซานเฉียนด้วยดวงตากลมโตเหอถิงพูดด้วยรอยยิ้ม "ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักคุณนะคะ ปกติแล้วเด็กเล็กจะกินแล้วก็นอน ป้าไม่เคยเห็นเธอตื่นตัวแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ"ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ “ถึงเวลาอึแล้ว ส่งเธอมาให้ป้าสิคะ เดี๋ยวป้าจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เธอ” เหอถิงกล่าว“ผมอยากทำครับ” หานซานเฉียนกล่าว“คุณทำเป็นเหรอคะ?” เหอถิงถามด้วยรอยยิ้ม หานซานเฉียนเป็นคุณพ่อมือใหม่ และสำหรับคุณพ่อมือใหม่นั้น การเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นงานที่ยากมาก“ลองเรียนรู้ดูก็ได้นี่ครับ” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็มองไปที
จงหมิงนั่งนิ่ง แม้ว่าผู้นำจะพูดแบบนั้น เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเห็นแบบนี้ สมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ ก็เยาะเย้ยจงหมิงอีกครั้ง“จงหมิง นายคงไม่ได้จะหน้าด้านอยากอยู่ต่อหรอกใช่ไหม”“ถึงนายจะไม่พูดอะไร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น”“นายรีบไซหัวออกไปซะ ตระกูลจงไม่ต้องการขยะแบบนาย”ตอนนั้นเอง จู่ ๆ จงหมิงก็ลุกขึ้นยืน และคนเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าพอใจ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะทนคำดูถูกเหล่านี้ไม่ได้แล้ว ในที่สุดตระกูลจงก็ไม่ต้องเลี้ยงดูคนไร้ความสามารถแบบนี้อีกต่อไปแต่จงหมิงที่ลุกขึ้นยืนไม่ได้ออกไปไหน แต่หันไปพูดกับลุงของเขาแทน "คุณลุง สาเหตุที่พ่อแม่ของผมต้องตายด้วยน้ำมือของหานเทียนเซิง ก็เป็นเพราะคุณผลักพวกเขาออกไปรับผิดชอบแทนตัวเอง ผมจำไม่ผิดใช่ไหม"ลุงของจงหมิงเมินเฉย เมื่อตอนนั้นเขาเป็นคนที่ไล่พ่อแม่ของจงหมิงออกจากบ้านจริง ๆ เพื่อปกป้องตระกูลจง สองคนนี้จำเป็นต้องตาย และเขาก็ไม่ได้คิดถึงความเป็นพี่เป็นน้องเลย “ใช่แล้วยังไง ถ้าพวกเขาไม่ตาย ทั้งตระกูลจงก็จะซวยไปด้วย แกคิดว่าพวกเขาควรตายไหมล่ะ” ลุงของจงหมิงกล่าวอย่างดูถูกจงหมิงยิ้มเบา ๆ ช่างน่ารังเกีย
ฉี๋อีหยุนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน เธอมองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่ร้อนแรง แน่นอนว่าปัญหาที่เธอกังวลไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะส่งมอบพื้นที่เขตจีนให้กับใคร แต่เธอกังวลเกี่ยวกับคำตอบของคำถามนี้ของเธอมากกว่า ว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกเธอไหมหานซานเฉียนไม่ได้ตอบคำถามของฉี๋อีหยุนโดยตรง แต่กล่าวว่า "ต้นไม้ใหญ่ดึงดูดลม และบางครั้งการมีสถานะที่สูงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แน่นอนว่าผมไม่ได้เลือกปฏิบัติเพราะคุณเป็นผู้หญิง แต่มีบางเรื่องที่ผู้ชายสามารถทำได้ดีกว่า และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากเกินไป”เขตจีนในปัจจุบัน ทุกคนต่างก็เชื่อฟังภายใต้อิทธิพลของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะผลักดันตระกูลหม่าให้ไปสู่ระดับตระกูลชนชั้นสูงกลุ่มแรก แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็น แต่อย่างไรหานซานเฉียนก็จะต้องจากที่นี่ไป และหลังจากที่เขาจากไปแล้ว อำนาจคุกคามนี้ก็จะอ่อนแอลง ตระกูลหม่าจะต้องพบกับปัญหามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน เขาจะสามารถรักษาตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเขตจีนได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของหม่าเฟยห่าวเองเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงไม่น้อย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหานซานเฉียนจึงไม่สนับสนุนตระกูลฉี๋
“หนานกงเยี่ยน นายยังไม่ได้รับข่าวการตายของหนานกงซุนเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยสายตาเย็นชา หากหมอนี่ต้องการตาย หานซานเฉียนก็จะไม่มีวันออมมือ“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับคุณ แต่เพื่อ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หนานกงเยี่ยนก็คุกเข่าลงแล้วพูดต่อ “ผมจะเป็นลูกน้องที่ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณ หวังว่าคุณจะลืมการกระทำโง่เขลาที่ผมเคยทำ”หานซานเฉียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อย่างแรกหนานกงป๋อหลิงเต็มใจที่จะเปลี่ยนนามสกุลของตระกูล หนานกงทั้งหมดเป็นหาน และตอนนี้หนานกงเยี่ยนก็ยอมจำนนต่อเขา ดูเหมือนว่าสิ่งล่อใจที่เทียนฉีนำมาสู่ตระกูลหนานกงนั้นค่อนข้างใหญ่จริง ๆเมื่อคิดถึงตอนนั้น หนานกงเยี่ยนอยากจะฆ่าเขา แต่วันนี้เขากลับเต็มใจที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าเขาเพื่อแสดงความจริงใจ เรื่องนี้ช่างหาดูได้ยากจริง ๆ“หนานกงเยี่ยน นามสกุลของฉันคือหาน สิ่งที่นายกำลังทำคือการดูถูกชื่อของตระกูลหนานกง” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“ตระกูลหนานกงเป็นเพียงตระกูลที่ร่ำรวย เทียบกับสถานะปัจจุบันของคุณ ตระกูลหนานกงก็ไม่มีอะไรเลย และผม หนานกงเยี่ยนก็เทียบกับอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน” หนานกงเยี่ยนกล่าวหานซานเฉียนหัวเราะ หนานกงเย
ชายผมเหลืองมารยาทแย่มาก แต่หานซานเฉียนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล แม้ว่าการงอแงของเด็กจะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เสียงร้องไห้ของหานเนี่ยนก็รบกวนการพักผ่อนของพวกเขาจริง ๆดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่โกรธ แต่พูดขอโทษ "ขอโทษด้วย เธอน่าจะกลัวเครื่องบินเลยร้องไม่หยุดแบบนี้ ผมจะพยายามกล่อมเธอ"ชายผมเหลืองเห็นท่าทีของหานซานเฉียน และคิดว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่าย จึงผยองขึ้นมามากกว่าเดิมและพูดว่า "นี่คือชั้นเฟิร์สคลาส ผมจ่ายเงินไปมากมายเพื่อให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มระหว่างเดินทาง ถ้าคุณทำให้เธอเงียบลงไม่ได้ ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”“โอเค โอเค ผมจะหาวิธี ขอโทษด้วยจริง ๆ” หานซานเฉียนพูดและตบหานเนี่ยนเบา ๆ หวังว่าวิธีนี้จะสามารถทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้หลังจากที่ชายผมเหลืองกลับมาที่ที่นั่งแล้ว เขาก็พูดกับแฟนสาวที่อยู่ข้างๆ ว่า "เอาล่ะ ผมสอนบทเรียนให้เขาแล้ว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าพวกนั้นยังทำเสียงดัง ผมจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดแน่"เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอมีผมสีชมพู และแต่งหน้าหนาซึ่งดูเกินจริงกว่านักร้องนักแสดงเสียอีก เธอพูดอย่างรำคาญใจ "ถ้ายังรบกวนการพักผ่อนของฉันอีก คุณก็ให้เงินพวกเขา แล้วให้พวกเขาลดชั