หานซานเฉียนพักอยู่บ้านทั้งเดือน เดิมทีเขาตั้งใจที่จะออกไปเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ และถือโอกาสออกไปจัดการปัญหาของตระกูลหาน แต่เนื่องจากการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหานเนี่ยน ทำให้หานซานเฉียนไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องอื่นหลังจากอุ้มหานเนี่ยนกลับบ้านอย่างระมัดระวัง หานซานเฉียนก็นั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางแข็งทื่อ เพราะกลัวว่าวิธีที่เขาอุ้มหานเนี่ยนจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวแต่ดูเหมือนว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จะเพลิดเพลินไปกับการที่ถูกหานซานเฉียนอุ้ม เธอมองตรงไปที่หานซานเฉียนด้วยดวงตากลมโตเหอถิงพูดด้วยรอยยิ้ม "ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักคุณนะคะ ปกติแล้วเด็กเล็กจะกินแล้วก็นอน ป้าไม่เคยเห็นเธอตื่นตัวแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ"ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ “ถึงเวลาอึแล้ว ส่งเธอมาให้ป้าสิคะ เดี๋ยวป้าจะเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เธอ” เหอถิงกล่าว“ผมอยากทำครับ” หานซานเฉียนกล่าว“คุณทำเป็นเหรอคะ?” เหอถิงถามด้วยรอยยิ้ม หานซานเฉียนเป็นคุณพ่อมือใหม่ และสำหรับคุณพ่อมือใหม่นั้น การเปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นงานที่ยากมาก“ลองเรียนรู้ดูก็ได้นี่ครับ” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็มองไปที
จงหมิงนั่งนิ่ง แม้ว่าผู้นำจะพูดแบบนั้น เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อเห็นแบบนี้ สมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ ก็เยาะเย้ยจงหมิงอีกครั้ง“จงหมิง นายคงไม่ได้จะหน้าด้านอยากอยู่ต่อหรอกใช่ไหม”“ถึงนายจะไม่พูดอะไร แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้น”“นายรีบไซหัวออกไปซะ ตระกูลจงไม่ต้องการขยะแบบนาย”ตอนนั้นเอง จู่ ๆ จงหมิงก็ลุกขึ้นยืน และคนเหล่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าพอใจ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะทนคำดูถูกเหล่านี้ไม่ได้แล้ว ในที่สุดตระกูลจงก็ไม่ต้องเลี้ยงดูคนไร้ความสามารถแบบนี้อีกต่อไปแต่จงหมิงที่ลุกขึ้นยืนไม่ได้ออกไปไหน แต่หันไปพูดกับลุงของเขาแทน "คุณลุง สาเหตุที่พ่อแม่ของผมต้องตายด้วยน้ำมือของหานเทียนเซิง ก็เป็นเพราะคุณผลักพวกเขาออกไปรับผิดชอบแทนตัวเอง ผมจำไม่ผิดใช่ไหม"ลุงของจงหมิงเมินเฉย เมื่อตอนนั้นเขาเป็นคนที่ไล่พ่อแม่ของจงหมิงออกจากบ้านจริง ๆ เพื่อปกป้องตระกูลจง สองคนนี้จำเป็นต้องตาย และเขาก็ไม่ได้คิดถึงความเป็นพี่เป็นน้องเลย “ใช่แล้วยังไง ถ้าพวกเขาไม่ตาย ทั้งตระกูลจงก็จะซวยไปด้วย แกคิดว่าพวกเขาควรตายไหมล่ะ” ลุงของจงหมิงกล่าวอย่างดูถูกจงหมิงยิ้มเบา ๆ ช่างน่ารังเกีย
ฉี๋อีหยุนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน เธอมองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่ร้อนแรง แน่นอนว่าปัญหาที่เธอกังวลไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะส่งมอบพื้นที่เขตจีนให้กับใคร แต่เธอกังวลเกี่ยวกับคำตอบของคำถามนี้ของเธอมากกว่า ว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกเธอไหมหานซานเฉียนไม่ได้ตอบคำถามของฉี๋อีหยุนโดยตรง แต่กล่าวว่า "ต้นไม้ใหญ่ดึงดูดลม และบางครั้งการมีสถานะที่สูงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แน่นอนว่าผมไม่ได้เลือกปฏิบัติเพราะคุณเป็นผู้หญิง แต่มีบางเรื่องที่ผู้ชายสามารถทำได้ดีกว่า และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากเกินไป”เขตจีนในปัจจุบัน ทุกคนต่างก็เชื่อฟังภายใต้อิทธิพลของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะผลักดันตระกูลหม่าให้ไปสู่ระดับตระกูลชนชั้นสูงกลุ่มแรก แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็น แต่อย่างไรหานซานเฉียนก็จะต้องจากที่นี่ไป และหลังจากที่เขาจากไปแล้ว อำนาจคุกคามนี้ก็จะอ่อนแอลง ตระกูลหม่าจะต้องพบกับปัญหามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน เขาจะสามารถรักษาตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเขตจีนได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของหม่าเฟยห่าวเองเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงไม่น้อย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหานซานเฉียนจึงไม่สนับสนุนตระกูลฉี๋
“หนานกงเยี่ยน นายยังไม่ได้รับข่าวการตายของหนานกงซุนเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยสายตาเย็นชา หากหมอนี่ต้องการตาย หานซานเฉียนก็จะไม่มีวันออมมือ“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับคุณ แต่เพื่อ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หนานกงเยี่ยนก็คุกเข่าลงแล้วพูดต่อ “ผมจะเป็นลูกน้องที่ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณ หวังว่าคุณจะลืมการกระทำโง่เขลาที่ผมเคยทำ”หานซานเฉียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อย่างแรกหนานกงป๋อหลิงเต็มใจที่จะเปลี่ยนนามสกุลของตระกูล หนานกงทั้งหมดเป็นหาน และตอนนี้หนานกงเยี่ยนก็ยอมจำนนต่อเขา ดูเหมือนว่าสิ่งล่อใจที่เทียนฉีนำมาสู่ตระกูลหนานกงนั้นค่อนข้างใหญ่จริง ๆเมื่อคิดถึงตอนนั้น หนานกงเยี่ยนอยากจะฆ่าเขา แต่วันนี้เขากลับเต็มใจที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าเขาเพื่อแสดงความจริงใจ เรื่องนี้ช่างหาดูได้ยากจริง ๆ“หนานกงเยี่ยน นามสกุลของฉันคือหาน สิ่งที่นายกำลังทำคือการดูถูกชื่อของตระกูลหนานกง” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“ตระกูลหนานกงเป็นเพียงตระกูลที่ร่ำรวย เทียบกับสถานะปัจจุบันของคุณ ตระกูลหนานกงก็ไม่มีอะไรเลย และผม หนานกงเยี่ยนก็เทียบกับอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน” หนานกงเยี่ยนกล่าวหานซานเฉียนหัวเราะ หนานกงเย
ชายผมเหลืองมารยาทแย่มาก แต่หานซานเฉียนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล แม้ว่าการงอแงของเด็กจะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เสียงร้องไห้ของหานเนี่ยนก็รบกวนการพักผ่อนของพวกเขาจริง ๆดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่โกรธ แต่พูดขอโทษ "ขอโทษด้วย เธอน่าจะกลัวเครื่องบินเลยร้องไม่หยุดแบบนี้ ผมจะพยายามกล่อมเธอ"ชายผมเหลืองเห็นท่าทีของหานซานเฉียน และคิดว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่าย จึงผยองขึ้นมามากกว่าเดิมและพูดว่า "นี่คือชั้นเฟิร์สคลาส ผมจ่ายเงินไปมากมายเพื่อให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มระหว่างเดินทาง ถ้าคุณทำให้เธอเงียบลงไม่ได้ ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”“โอเค โอเค ผมจะหาวิธี ขอโทษด้วยจริง ๆ” หานซานเฉียนพูดและตบหานเนี่ยนเบา ๆ หวังว่าวิธีนี้จะสามารถทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้หลังจากที่ชายผมเหลืองกลับมาที่ที่นั่งแล้ว เขาก็พูดกับแฟนสาวที่อยู่ข้างๆ ว่า "เอาล่ะ ผมสอนบทเรียนให้เขาแล้ว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าพวกนั้นยังทำเสียงดัง ผมจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดแน่"เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอมีผมสีชมพู และแต่งหน้าหนาซึ่งดูเกินจริงกว่านักร้องนักแสดงเสียอีก เธอพูดอย่างรำคาญใจ "ถ้ายังรบกวนการพักผ่อนของฉันอีก คุณก็ให้เงินพวกเขา แล้วให้พวกเขาลดชั
คุกคาม?นี่อาจเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดสำหรับหานซานเฉียนปัจจุบันในโลกคนธรรมดา มีใครอีกบ้างที่กล้าคุกคามหานซานเฉียน?แม้ว่าจะเป็นเศรษฐีที่ซ่อนเร้นเหมือนตระกูลหนานกง แต่หนานกงป๋อหลิงก็ยังเต็มใจที่จะประนีประนอมทุกสิ่งกับหานซานเฉียน ขอแค่หานซานเฉียนยอมเป็นผู้นำตระกูล เขาก็ยินดีที่จะให้ทุกคนในตระกูลหนานกงเปลี่ยนไปใช้นามสกุลหาน ส่วนดังกล่าวมีแห่งเดียวในโลกชายผมเหลืองไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคุกคามคนแบบไหน แต่เขารู้สึกได้ว่าคำขู่ของเขาไม่มีประโยชน์ เพราะแทนที่จะทำให้ชายตรงหน้าปล่อยเขาไป กลับทำให้เขาออกแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขาหนาวเย็นจนทำให้ชายผมเหลืองตัวสั่นดูเหมือน...ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะฆ่าเขาจริง ๆ!ตอนนั้นเอง ชายผมเหลืองก็รู้สึกถึงความกลัวที่ไหลผ่านร่างกายของเขาเมื่อไม่มีอากาศให้หายใจ ชายผมเหลืองก็รู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อย ๆแอร์โฮสเตสที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกับการกระทำของหานซานเฉียนเช่นกัน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยมือเลย หากเขายังคงทำแบบนี้ เขาจะบีบคอชายผมเหลือตายแน่ ๆ "คุณผู้ชาย ปล่อยเขาก่อนเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้น คุณจะฆ่าคนบนเครื่องบิน อย่า
ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวด้วยสีหน้าแน่วแน่ อย่าว่าแต่ยี่สิบชั่วโมงเลย ตราบใดที่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนจะกลับมา ต่อให้เป็นเวลายี่สิบวันเธอก็เต็มใจที่จะรออยู่ที่นี่ สำหรับซูหยิงเซี่ยแล้วหานซานเฉียนคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แม้แต่ในความฝัน ซูหยิงเซี่ยก็ฝันถึงฉากที่หานซานเฉียนกลับมานับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้อีกยี่สิบชั่วโมงก็จะได้เจอหานซานเฉียนแล้ว ซูหยิงเซี่ยจะยอมจากไปได้อย่างไร?“ไม่ค่ะ ฉันจะรอเขา” ซูหยิงเซี่ยกล่าวม่อหยางเข้าใจซูหยิงเซี่ย แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก ทั้งครอบครัวมารออยู่ที่นี่ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร “ท่านผู้เฒ่า พวกท่านกลับไปก่อนเถอะครับ” ม่อหยางพูดกับหานเทียนหยาง“นายคิดว่าฉันแก่จนทนไม่ไหวงั้นเหรอ ดูถูกกันขนาดนั้นเลย?” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆม่อหยางตกใจมาก เขาจะกล้าดูถูกหานเทียนหยางได้อย่างไร และอธิบายอย่างรวดเร็ว "ท่านผู้เฒ่า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผม...ผมจะกล้าดูถูกท่านได้ยังไงล่ะครับ"หานเทียนหยางยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ฉันแค่ล้อเล่น ไม่ต้องกังวลไป นายเป็นเพื่อนที่ดีของซานเฉียน ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ"ม่อหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก การจัดการกับบุคคลสำคั
ครู่หนึ่งชายผมเหลืองคิดว่าคนที่พวกเขามารอต้อนรับคือตัวเขา การทักทายในพิธีอันยิ่งใหญ่นี้คือเขา เพราะในกลุ่มผู้คนมีพ่อที่คุ้นเคยของเขาอยู่ แต่ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบสถานการณ์อื่น เขาไม่รู้จักใครเลยที่อยู่ด้านหน้า และพ่อของเขาเป็นเพียงผู้เข้าร่วมในฝูงชนเท่านั้นถ้าหากพวกเขามาต้อนรับเขาจริง ๆ พ่อของเขาต้องยืนอยู่ด้านหน้าสุดสิตอนนั้นเอง ชายผมเหลืองสังเกตเห็นว่าพ่อของเขากำลังขยิบตาให้ และพูดอะไรบางอย่าง เมื่อดูจากรูปปากดูเหมือนจะบอกให้เขาไสหัวออกไปสิ่งนี้ทำให้ชายผมเหลืองงุนงงมาก พ่อของเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูด และสื่อสารกับเขาผ่านการเคลื่อนไหวของปากเท่านั้นพ่อของชายผมเหลืองต้องการลากเขาออกจากเครื่องบิน และทุบตีเขาให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเขาขวางประตูห้องโดยสาร มีคนมากมากำลังรอทักทายหานซานเฉียนอยู่“ถ้านายไม่ลง ก็หลบหน่อย อย่ามาขวางทาง” หานซานเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายผมเหลืองพูดขึ้นชายผมเหลืองหันหน้าไปมองหานซานเฉียนอย่างเหยียดหยาม แล้วพูดว่า "นายดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น นายกล้าลงไปหรือไง? ผู้คนมารอต้อนรับคนใหญ่คนโตกัน"“ถ้าฉันมองไม่ผิด พวกเขามาที่นี่เพื่อมารับฉัน ดังนั้น ฉันแนะนำให้นายรีบหลีกทางไ