ฉี๋อีหยุนไม่ตอบแต่ถามกลับไปแทน เธอมองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่ร้อนแรง แน่นอนว่าปัญหาที่เธอกังวลไม่ใช่ว่าหานซานเฉียนจะส่งมอบพื้นที่เขตจีนให้กับใคร แต่เธอกังวลเกี่ยวกับคำตอบของคำถามนี้ของเธอมากกว่า ว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกเธอไหมหานซานเฉียนไม่ได้ตอบคำถามของฉี๋อีหยุนโดยตรง แต่กล่าวว่า "ต้นไม้ใหญ่ดึงดูดลม และบางครั้งการมีสถานะที่สูงเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี แน่นอนว่าผมไม่ได้เลือกปฏิบัติเพราะคุณเป็นผู้หญิง แต่มีบางเรื่องที่ผู้ชายสามารถทำได้ดีกว่า และคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมากเกินไป”เขตจีนในปัจจุบัน ทุกคนต่างก็เชื่อฟังภายใต้อิทธิพลของหานซานเฉียน แม้ว่าเขาจะผลักดันตระกูลหม่าให้ไปสู่ระดับตระกูลชนชั้นสูงกลุ่มแรก แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็น แต่อย่างไรหานซานเฉียนก็จะต้องจากที่นี่ไป และหลังจากที่เขาจากไปแล้ว อำนาจคุกคามนี้ก็จะอ่อนแอลง ตระกูลหม่าจะต้องพบกับปัญหามากมายในอนาคตอย่างแน่นอน เขาจะสามารถรักษาตำแหน่งตระกูลอันดับหนึ่งของเขตจีนได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของหม่าเฟยห่าวเองเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงไม่น้อย ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหานซานเฉียนจึงไม่สนับสนุนตระกูลฉี๋
“หนานกงเยี่ยน นายยังไม่ได้รับข่าวการตายของหนานกงซุนเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยสายตาเย็นชา หากหมอนี่ต้องการตาย หานซานเฉียนก็จะไม่มีวันออมมือ“คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้กับคุณ แต่เพื่อ...” ก่อนที่เขาจะพูดจบ หนานกงเยี่ยนก็คุกเข่าลงแล้วพูดต่อ “ผมจะเป็นลูกน้องที่ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของคุณ หวังว่าคุณจะลืมการกระทำโง่เขลาที่ผมเคยทำ”หานซานเฉียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อย่างแรกหนานกงป๋อหลิงเต็มใจที่จะเปลี่ยนนามสกุลของตระกูล หนานกงทั้งหมดเป็นหาน และตอนนี้หนานกงเยี่ยนก็ยอมจำนนต่อเขา ดูเหมือนว่าสิ่งล่อใจที่เทียนฉีนำมาสู่ตระกูลหนานกงนั้นค่อนข้างใหญ่จริง ๆเมื่อคิดถึงตอนนั้น หนานกงเยี่ยนอยากจะฆ่าเขา แต่วันนี้เขากลับเต็มใจที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าเขาเพื่อแสดงความจริงใจ เรื่องนี้ช่างหาดูได้ยากจริง ๆ“หนานกงเยี่ยน นามสกุลของฉันคือหาน สิ่งที่นายกำลังทำคือการดูถูกชื่อของตระกูลหนานกง” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“ตระกูลหนานกงเป็นเพียงตระกูลที่ร่ำรวย เทียบกับสถานะปัจจุบันของคุณ ตระกูลหนานกงก็ไม่มีอะไรเลย และผม หนานกงเยี่ยนก็เทียบกับอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน” หนานกงเยี่ยนกล่าวหานซานเฉียนหัวเราะ หนานกงเย
ชายผมเหลืองมารยาทแย่มาก แต่หานซานเฉียนไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล แม้ว่าการงอแงของเด็กจะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เสียงร้องไห้ของหานเนี่ยนก็รบกวนการพักผ่อนของพวกเขาจริง ๆดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่โกรธ แต่พูดขอโทษ "ขอโทษด้วย เธอน่าจะกลัวเครื่องบินเลยร้องไม่หยุดแบบนี้ ผมจะพยายามกล่อมเธอ"ชายผมเหลืองเห็นท่าทีของหานซานเฉียน และคิดว่าเขาเป็นคนที่รังแกได้ง่าย จึงผยองขึ้นมามากกว่าเดิมและพูดว่า "นี่คือชั้นเฟิร์สคลาส ผมจ่ายเงินไปมากมายเพื่อให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มระหว่างเดินทาง ถ้าคุณทำให้เธอเงียบลงไม่ได้ ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”“โอเค โอเค ผมจะหาวิธี ขอโทษด้วยจริง ๆ” หานซานเฉียนพูดและตบหานเนี่ยนเบา ๆ หวังว่าวิธีนี้จะสามารถทำให้เธอหยุดร้องไห้ได้หลังจากที่ชายผมเหลืองกลับมาที่ที่นั่งแล้ว เขาก็พูดกับแฟนสาวที่อยู่ข้างๆ ว่า "เอาล่ะ ผมสอนบทเรียนให้เขาแล้ว คุณพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าพวกนั้นยังทำเสียงดัง ผมจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุดแน่"เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอมีผมสีชมพู และแต่งหน้าหนาซึ่งดูเกินจริงกว่านักร้องนักแสดงเสียอีก เธอพูดอย่างรำคาญใจ "ถ้ายังรบกวนการพักผ่อนของฉันอีก คุณก็ให้เงินพวกเขา แล้วให้พวกเขาลดชั
คุกคาม?นี่อาจเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดสำหรับหานซานเฉียนปัจจุบันในโลกคนธรรมดา มีใครอีกบ้างที่กล้าคุกคามหานซานเฉียน?แม้ว่าจะเป็นเศรษฐีที่ซ่อนเร้นเหมือนตระกูลหนานกง แต่หนานกงป๋อหลิงก็ยังเต็มใจที่จะประนีประนอมทุกสิ่งกับหานซานเฉียน ขอแค่หานซานเฉียนยอมเป็นผู้นำตระกูล เขาก็ยินดีที่จะให้ทุกคนในตระกูลหนานกงเปลี่ยนไปใช้นามสกุลหาน ส่วนดังกล่าวมีแห่งเดียวในโลกชายผมเหลืองไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคุกคามคนแบบไหน แต่เขารู้สึกได้ว่าคำขู่ของเขาไม่มีประโยชน์ เพราะแทนที่จะทำให้ชายตรงหน้าปล่อยเขาไป กลับทำให้เขาออกแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าของเขาหนาวเย็นจนทำให้ชายผมเหลืองตัวสั่นดูเหมือน...ดูเหมือนว่าหานซานเฉียนจะฆ่าเขาจริง ๆ!ตอนนั้นเอง ชายผมเหลืองก็รู้สึกถึงความกลัวที่ไหลผ่านร่างกายของเขาเมื่อไม่มีอากาศให้หายใจ ชายผมเหลืองก็รู้สึกว่าเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อย ๆแอร์โฮสเตสที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจกับการกระทำของหานซานเฉียนเช่นกัน เขาไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยมือเลย หากเขายังคงทำแบบนี้ เขาจะบีบคอชายผมเหลือตายแน่ ๆ "คุณผู้ชาย ปล่อยเขาก่อนเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้น คุณจะฆ่าคนบนเครื่องบิน อย่า
ซูหยิงเซี่ยส่ายหัวด้วยสีหน้าแน่วแน่ อย่าว่าแต่ยี่สิบชั่วโมงเลย ตราบใดที่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนจะกลับมา ต่อให้เป็นเวลายี่สิบวันเธอก็เต็มใจที่จะรออยู่ที่นี่ สำหรับซูหยิงเซี่ยแล้วหานซานเฉียนคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ แม้แต่ในความฝัน ซูหยิงเซี่ยก็ฝันถึงฉากที่หานซานเฉียนกลับมานับครั้งไม่ถ้วนตอนนี้อีกยี่สิบชั่วโมงก็จะได้เจอหานซานเฉียนแล้ว ซูหยิงเซี่ยจะยอมจากไปได้อย่างไร?“ไม่ค่ะ ฉันจะรอเขา” ซูหยิงเซี่ยกล่าวม่อหยางเข้าใจซูหยิงเซี่ย แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่นัก ทั้งครอบครัวมารออยู่ที่นี่ ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร “ท่านผู้เฒ่า พวกท่านกลับไปก่อนเถอะครับ” ม่อหยางพูดกับหานเทียนหยาง“นายคิดว่าฉันแก่จนทนไม่ไหวงั้นเหรอ ดูถูกกันขนาดนั้นเลย?” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆม่อหยางตกใจมาก เขาจะกล้าดูถูกหานเทียนหยางได้อย่างไร และอธิบายอย่างรวดเร็ว "ท่านผู้เฒ่า ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น ผม...ผมจะกล้าดูถูกท่านได้ยังไงล่ะครับ"หานเทียนหยางยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ฉันแค่ล้อเล่น ไม่ต้องกังวลไป นายเป็นเพื่อนที่ดีของซานเฉียน ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ"ม่อหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก การจัดการกับบุคคลสำคั
ครู่หนึ่งชายผมเหลืองคิดว่าคนที่พวกเขามารอต้อนรับคือตัวเขา การทักทายในพิธีอันยิ่งใหญ่นี้คือเขา เพราะในกลุ่มผู้คนมีพ่อที่คุ้นเคยของเขาอยู่ แต่ในไม่ช้า เขาก็ค้นพบสถานการณ์อื่น เขาไม่รู้จักใครเลยที่อยู่ด้านหน้า และพ่อของเขาเป็นเพียงผู้เข้าร่วมในฝูงชนเท่านั้นถ้าหากพวกเขามาต้อนรับเขาจริง ๆ พ่อของเขาต้องยืนอยู่ด้านหน้าสุดสิตอนนั้นเอง ชายผมเหลืองสังเกตเห็นว่าพ่อของเขากำลังขยิบตาให้ และพูดอะไรบางอย่าง เมื่อดูจากรูปปากดูเหมือนจะบอกให้เขาไสหัวออกไปสิ่งนี้ทำให้ชายผมเหลืองงุนงงมาก พ่อของเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูด และสื่อสารกับเขาผ่านการเคลื่อนไหวของปากเท่านั้นพ่อของชายผมเหลืองต้องการลากเขาออกจากเครื่องบิน และทุบตีเขาให้รู้แล้วรู้รอด เพราะเขาขวางประตูห้องโดยสาร มีคนมากมากำลังรอทักทายหานซานเฉียนอยู่“ถ้านายไม่ลง ก็หลบหน่อย อย่ามาขวางทาง” หานซานเฉียนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายผมเหลืองพูดขึ้นชายผมเหลืองหันหน้าไปมองหานซานเฉียนอย่างเหยียดหยาม แล้วพูดว่า "นายดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น นายกล้าลงไปหรือไง? ผู้คนมารอต้อนรับคนใหญ่คนโตกัน"“ถ้าฉันมองไม่ผิด พวกเขามาที่นี่เพื่อมารับฉัน ดังนั้น ฉันแนะนำให้นายรีบหลีกทางไ
ชายผมเหลืองไม่คิดว่าเขาจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ เมื่อมองดูสีหน้าสิ้นหวังของพ่อ เขาก็คุกเข่าลง“พ่อครับ ได้โปรดช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย” ชายผมเหลืองคุกเข่าลงและร้องไห้“ช่วยงั้นเหรอ?” พ่อของชายผมเหลืองส่ายหัวด้วยใบหน้าเศร้าหมองแล้วพูดต่อว่า “ฉันก็อยากช่วยเหมือนกัน แต่แกคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็ก ๆ หรือไง? เมื่อก่อนฉันสามารถปกป้องแกได้ มันเกินความสามารถของฉันแล้ว หานซานเฉียน เขาคือหานซานเฉียนเชียวนะ”แค่ชื่อของหานซานเฉียน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนในหยุนเฉิงสิ้นหวังผู้ที่เคยหัวเราะเยาะหานซานเฉียน ตอนนี้กลายเป็นคนซื่อสัตย์ที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงในหยุนเฉิงด้วยซ้ำซูไห่เฉาเคยพุ่งเป้าไปที่หานซานเฉียน และเขายังเป็นต้นตอของข่าวลือที่ไม่ดีของหานซานเฉียนอีกด้วย แล้วตอนนี้ล่ะ? เขากำลังดูแลบริษัทที่ล้มละลาย และไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นเวลานานแล้ว“คุณคิดหาทางสิคะ เราจะรอคอยความตายแบบนี้ไม่ได้” แม่ของชายผมเหลืองพูดกับสามีตัวเอง“ครับพ่อ ได้โปรดคิดหาทางแก้ไขให้ผมด้วย ผมไม่อยากตายจริง ๆ จะให้ผมไปขอโทษเขา หรือคุกเข่าลงให้เขาก็ได้” ชายผมเหลืองกล่าว“ในเมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ก็ทำได้
หัวใจของเจี่ยงหลานตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็งด้วยความสิ้นหวังแม้แต่ย่าแท้ ๆ หานซานเฉียนก็บีบบังคับจนเธอฆ่าตัวตายมาแล้ว แล้วเขาจะสนใจเจี่ยงหลานทำไม?ยิ่งไปกว่านั้น แม่สามีของเธอไม่เคยทำดีกับหานซานเฉียนเลย ตั้งแต่วินาทีที่หานซานเฉียนเข้ามาในตระกูลซู เธอก็ไม่เคยมีทัศนคติที่ดีต่อหานซานเฉียนเลยน่าเสียดายที่ความเสียใจในตอนนี้ไร้ประโยชน์เมื่อรู้สึกว่าหานซานเฉียนเริ่มออกแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของเจี่ยงหลานก็เริ่มแดงเพราะหายใจไม่ออก และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นซีดเผือดเมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ห้องนั่งเล่นจากชั้นสอง ก็ไม่มีใครกล้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นซูหยิงเซี่ยได้แต่ก้มหน้าต่ำ แม้ว่าเธอจะเกลียดทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเจี่ยงหลาน แต่เจี่ยงหลานก็เป็นแม่ของเธอ และมันค่อนข้างยากสำหรับเธอที่จะเผชิญกับเรื่องนี้แม้ว่าซูกั๋วเย่าจะยังคงเดินเหินไม่สะดวก แต่ร่างกายของเขาก็ฟื้นตัวมากแล้ว เขาเข็นรถเข็นเข้ามาหาหานซานเฉียน และพูดว่า "หานซานเฉียน ฉันจะไม่โทษนาย นี่คือจุดจบที่เธอสมควรได้รับ"“จะฝังเธออย่างสมศักดิ์ศรีไหมครับ?” หานซานเฉียนถาม“ไม่ต้อง เธอกับฉันหย่ากันแล้ว และเธอก็ไม่ใช่สมาชิกของตระกูลซูอีกต่อไป ฉัน