“ผมบอกว่าทุกคนแล้ว นั่นก็รวมถึงหม่าเฟยห่าวด้วยอยู่แล้ว” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมยฉี๋อีหยุนตกใจตาโตอ้าปากค้าง และเผลอปล่อยองุ่นในมือจนมันตกลงไปบนพื้นอย่างไม่รู้ตัวหานซานเฉียนไม่ได้สังเกตว่าฉี๋อีหยุนใส่มันเข้าไปในปากของเธอแล้วเมื่อกี้ เขาแค่คิดว่าเธอทำหล่นลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นจึงคิดที่จะหยิบมันขึ้นมาให้ เขาเช็ดฝุ่นออกเล็กน้อยก่อนจะโยนมันเข้าปาก “น่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆฉี๋อีหยุนลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า "มันมากกว่าแค่น่าตกใจ มันเหลือเชื่อมากต่างหาก คุณรู้ไหมว่าแม้แต่หานเหยียนก็ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่บ้าง แต่คุณกลับสั่งให้เขาคุกเข่าเนี่ยนะ!"“หานเหยียนเป็นเพียงสุนัขของผม การที่เธอให้เกียรติหม่าเฟยห่าว หมายความว่าผมจำเป็นต้องให้เกียรติเขาเหมือนกันด้วยงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“นั่น…” ฉี๋อีหยุนพูดไม่ออก คำพูดเหล่านี้สมเหตุสมผลมากไม่สามารถโต้แย้งได้เลย แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่ออยู่ดี เพราะเธอรู้จักนิสัยของหม่าเฟยห่าวเป็นอย่างดี เขาบ้าอำนาจและหยิ่งผยอง และไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ตอนนั้นเขายังแทงข้างหลังซู่หยางเพื่อประโยชน์ของตั
การแข่งขันระหว่างสองพี่น้อง เทียนเซิงและเทียนหยางได้กลายมาเป็นความเกลียดชังมานานแล้ว สำหรับหานเทียนเซิงความเกลียดชังนี้ลึกเข้าไปในกระดูกของเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมให้คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงเข้ามาอยู่ในเขตจีนในพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน คนรุ่นหลังที่โง่เขลานี้คิดอยากจะโยนความรับผิดชอบมาให้ตระกูลของเขา หานเทียนเซิงจะยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร“พ่อของเธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดด้วยความโกรธสำหรับหานเหยียน หานลี่ตกอยู่ในมือของหานซานเฉียน แต่เธอไม่รู้ว่าหานลี่เสียชีวิตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เธอกลับมาอเมริกา เธอก็อ้างกับสมาชิกในตระกูลว่าพ่อของเธอติดธุระอื่น และจะยังไม่ได้กลับมาอเมริกาในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นจึงเขาจึงมอบตำแหน่งผู้นำให้กับเธอ “คุณปู่คะ ช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพ่อเลยค่ะ” หานเหยียนกล่าว“ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่ออกจะออกหน้าได้สินะ” หานเทียนเซิงกล่าวหานเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองหานเทียนเซิงด้วยสีหน้าตกใจ เธอมาหาหานเทียนเซิงเพราะหวังว่าจะให้เขาช่วยคิดวิธีแก้ไขปัญหา แต่เธอไม่คิดเลยว่าหานเทียนเซิงจะออกหน้าด้วยตัวเอง ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่หานเหยียนคาด
นอกจากตระกูลหม่า ตระกูลอื่น ๆ ก็มีสถานการณ์เดียวกัน อาวุโสของแต่ละตระกูลกำลังกำชับคนรุ่นหลังให้สงบสติอารมณ์ในช่วงเวลานี้ และอย่าก่อเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนเมื่อหานเทียนเซิงกลับออกมาด้านนอก ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอันตราย แต่หนึ่งในหลาย ๆ ครอบครัวก็เป็นข้อยกเว้น พวกเขาไม่เพียงกังวล แต่มันคือความกลัว ทุกคนหน้าซีดพากันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นตัวสั่นเทา“พ่อครับ หรือจะเปลี่ยนวันจัดฉลองวันเกิดของพ่อใหม่ดีล่ะครับ”“จะกำหนดวันใหม่ง่าย ๆ ได้ยังไง บัตรเชิญทั้งหมดถูกส่งออกไปแล้ว และวันมะรืนนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว หากมาเปลี่ยนวันเอาตอนนี้ คนอื่นคงได้หัวเราะเยาะเอาน่ะสิ”“หัวเราะเยาะแล้วจะทำไงได้ล่ะครับ หานเทียนเซิงออกมาสร้างความวุ่นวายอะไรหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าตระกูลเราเป็นนกที่ยื่นหัวออกไป หากเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไงล่ะครับ?”คนที่พูดนั้นคืออาวุโสของตระกูลอู๋ และเจ้าของวันเกิด อู๋โหยวเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาและหานเทียนเซิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบางอย่างกันในอดีต แต่หานเทียนเซิงไม่ได้แก้แค้นอะไรเขา และปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปตามเวลาเมื่อเขาเกษียณ อู๋โหยวเฟิง
เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงรถยนต์หรูหรามารวมตัวกันที่โรงแรมข่ายหลิง และชนชั้นสูงทั้งหมดในเขตจีนก็มารวมตัวกันที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงตระกูลอู๋มีความสัมพันธ์ที่กว้างขวางในพื้นที่เขตจีน และใครก็ตามที่ได้รับคำเชิญจะเข้าร่วมเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่อู๋โหยวเฟิงแต่วันนี้หลายคนกลับมีความหวังที่จะได้ดูอะไรดี ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น หลายคนยังไม่ลืมความแค้นระหว่างอู๋โหยวเฟิงกับหานเทียนเซิง บังเอิญที่หานเทียนเซิงกลับออกมาในเวลานี้ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าหานเทียนเซิงจะมาปรากฏตัวในงานวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงหรือไม่ตระกูลอู๋ได้จัดเตรียมให้คนคอยคุ้มกันอยู่ด้านนอกโรงแรมแล้ว เพื่อคอยดูว่ามีใครในตระกูลหานมาร่วมงานหรือไม่ หากตระกูลหานมาแล้วก็ต้องแจ้งให้อู๋โหยวเฟิงทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อที่อู๋โหยวเฟิงจะได้ออกมาต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวแต่เมื่อใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงวันเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครจากตระกูลหานปรากฏตัว และตระกูลอู๋ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกส่วนผู้ที่รอคอยชมความสนุกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงเป็นเพียงการมาทานอาหารมื้อนึ
ณ บ้านของหานซานเฉียนหลังจากที่ฉี๋อีหยุนรับสายโทรศัพท์ สีหน้าของเธอก็ดูตกตะลึง และรูม่านตาของเธอก็ขยายออก คล้ายกับคนที่จิตหลุดไปแล้วขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ฉี๋อีหยุนหันไปมองหานซานเฉียนอย่างมึนงง ดวงตาของเธอโตราวกับไข่ห่าน ก่อนจะค่อย ๆ เปิดปากพูดเบา ๆ ว่า "คุณลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในงานวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง?"หานซานเฉียนยักไหล่และพูดว่า "คุณบอกว่าหานเทียนเซิงทรงพลังมากขนาดนั้น เขาคงไม่มีทางปล่อยอู๋โหยวเฟิงไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน"ตอนนั้นเองที่ฉี๋อีหยุนรู้ตัวว่าเธอยังคงถือโทรศัพท์อยู่ เธอค่อย ๆ วางมือลง หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "อู๋โหยวเฟิงตายแล้ว!"หานซานเฉียนขมวดคิ้วตายแล้ว?เขาตายในงานวันเกิดอย่างนั้นเหรอ?หานเทียนเซิงโหดร้ายขนาดที่ไม่ยอมให้อู๋โหยวเฟิงได้ฉลองวันเกิดของเขาด้วยซ้ำเหรอ?“ตายยังไง?” หานซานเฉียนถามฉี๋อีหยุนรู้สึกตันในลำคอ เธอกลืนน้ำลายก่อนจะพูดว่า "ของขวัญวันเกิดที่หานเทียนเซิงมอบให้ให้อู๋โหยวเฟิงคือโลงศพไม้พีช และอู๋โหยวเฟิงก็แขวนคอตัวเองต่อหน้าแขกที่มาร่วมงาน"หานซานเฉียนนั่งตัวตรงทันทีอู๋โหยว
เกาะเล็ก ๆ ของตระกูลหนานกงหนานกงป๋อหลิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่เขตจีนในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่แข็งแกร่งของหานซานเฉียนในบริษัททำให้เขาพอใจมาก ในมุมมองของหนานกงป๋อหลิง คนหนุ่มสาวควรมีความเข้มแข็งเช่นนี้ และสิ่งนี้ของหานซานเฉียน หนานกงซุนและหนางกงเยี่ยนไม่สามารถเทียบได้ ความแข็งแกร่งของคนสองคนนี้เรียกได้แค่ว่าลูกผู้ดีมีเงินเท่านั้น แน่นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขากล้าหยิ่งผยองภายใต้การคุ้มครองของตระกูลหนานกงเท่านั้นแต่หานซานเฉียนแตกต่างออกไป ความหยิ่งผยองของเขาออกมาจากกระดูกดำ และไม่ถูกผลกระทบใด ๆ จากปัจจัยภายนอกตอนนี้การกลับออกมาของหานเทียนเซิงทำให้ผู้คนตกใจ ทำให้หนานกงป๋อหลิงมีความคาดหวังว่าเขตจีนจะแข็งแกร่งมากขึ้น เขาต้องการเห็นว่าหานซานเฉียนสามารถทำอะไรได้บ้างในเรื่องนี้หานเทียนเซิงเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมที่สุดในเขตจีน ถ้าเขาออกมาจัดการกับหานซานเฉียน เรื่องนี้คงจะน่าสนใจกว่านี้ในเรื่องนี้หนานกงป๋อหลิงไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการใด ๆ เขาต้องการอาศัยเรื่องนี้เพื่อดูว่าขีดจำกัดของหานซานเฉียนอยู่ที่ไหนตระกูลหนานกงแตกต่างจากตระกูลชื่อดังอื่น ๆ แม้ว่าพว
หยวนหลิงไม่ได้เจอหานซานเฉียนมาหลายวันแล้วตั้งแต่เธอกลายเป็นผู้ช่วยของถังจง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกของเธอสะอาดขึ้นเล็กน้อย เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเพลย์บอยคนนี้ หยวนหลิงก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจที่ไม่สามารถลบล้างได้น่าเสียดายที่หยวนหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อเผชิญหน้ากับถังจง เพราะในสายตาของเธอ ถังจงเป็นคนที่อาศัยคำเยินยอเพื่อขึ้นสู่อำนาจ และเธอก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ ดังนั้นความรู้สึกเดิมที่มีต่อถังจงจึงหายไปเพราะความคิดนี้หยวนหลิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในโลกนี้ถึงได้มีคนชอบใช้ทางลัดแบบนี้อยู่เสมอ พวกเขาไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาแค่พึ่งพาปากหวาน ๆ ก็สามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่หยวนหลิงไม่สามารถปฏิเสธได้คือ เมื่อถังจงอุทิศตัวเองให้กับการทำงาน เธอไม่เคยเห็นความทุ่มเทเช่นนี้ในตัวใครเลย ยิ่งกว่านั้นภายใต้การปรับโครงสร้างองค์กรที่เรียบง่ายของถังจง บริษัทก็มีพวกมูลหนูน้อยลงไปมาก กลยุทธของเขานั้นแข็งแรงจนทำให้บุคลากรระดับกลางและระดับสูงต้องจากไปทีละคน และคนเหล่านั้นก็จากไปด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายแรงงานเลยในเวลานี้ หยวนหลิงอยู่ในอาการงุนงง
หยวนหลิงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉี๋อีหยุน ไม่ว่าฉี๋อีหยุนจะพูดเกินจริงแค่ไหน และบอกว่าหานซานเฉียนดีมากเพียงใด ในความคิดของเธอ ความพยายามที่ไร้ความหมายนี้ก็ไม่คุ้มค่าเลยเมื่อหานซานเฉียนกลับบ้าน หยวนหลิงก็ได้ถ่ายคำพูดของหนานกงป๋อหลิงให้เขาฟังและจากไปในเวลานี้ อารมณ์ของฉี๋อีหยุนกลับมาเป็นปกติแล้ว และดูไม่ออกเลยว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เธอพูดกับหานซานเฉียนว่า "หนานกงป๋อหลิงหมายความว่ายังไง? เขากำลังเตือนคุณอยู่หรือเปล่า?"“ถ้าเขาพูดแบบนี้ แสดงว่ากำลังมีคนมาอเมริกา ผมเดาว่าคงเป็นหนานกงซุนล่ะมั้ง” หานซานเฉียนกล่าวเป็นไปไม่ได้ที่หนานกงป๋อหลิงจะส่งข้อความถึงเขาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผล และในมุมมองของหานซานเฉียน หนานกงซุนมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะมาอเมริกา เพราะเขาต้องการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล แถมยังเคยอยู่เหนือกว่าหานซานเฉียนมาก่อน สำหรับคนอย่างหนานกงซุนไม่มีทางยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสถานะแบบนี้ได้ “ตระกูลหนานกงเป็นแบบไหนกันแน่?” ฉี๋อีหยุนถามอย่างสงสัย แม้ว่าหานซานเฉียนจะเคยบอกว่าตระกูลหนานกงนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาพูดถึงมันเพียงผิวเผินเท่านั้น สำหรับ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ