เมื่อพิจารณาจากท่าทางของหม่าฟู่ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจเรื่องแบบนี้ ขอแค่หม่าเฟยห่าวไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ให้คนอื่นจับได้ก็พอแล้วหม่าฟู่มีคู่แข่งหลายคน และคนพวกนั้นก็กลายเป็นกระดูกที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาไปแล้ว เพราะถ้าเขาไม่เหยียบกระดูกเหล่านี้เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด แล้วเขาจะมีสถานะอย่างในปัจจุบันได้อย่างไร?ดังนั้นหากหม่าเฟยห่าวต้องการฆ่าใครสักคน ไม่เพียงแต่เขาจะไม่รั้ง แต่เขายังชมเชยด้วยซ้ำ “แต่คนนี้รับมือได้ยากครับ” หม่าเฟยห่าวกล่าว หากสามารถจัดการหานซานเฉียนได้อย่างง่ายดาย เขาก็จะไม่จำเป็นต้องบอกเรื่องนี้กับหม่าฟู่“บอดี้การ์ดของแกยังไม่พอเหรอ?” หม่าฟู่พูดอย่างเหยียดหยาม“บอดี้การ์ดถูกเขาจัดการไปแล้วครับ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถลงมาจากเตียงได้เลยตลอดชีวิต” หม่าเฟยห่าวกล่าวหลังจากได้ยินสิ่งนี้ หม่าฟู่ก็ลุกขึ้นนั่งตรงทันทีบอดี้การ์ดของหม่าเฟยห่าวเขาเป็นคนหามาเอง ดังนั้นหม่าฟู่จึงรู้ดีว่าเขาทรงพลังมากแค่ไหน แต่เขากลับถูกจัดการแล้วอย่างนั้นเหรอ!“แกไปยั่วยุใคร?” หม่าฟู่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง แม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าหม่าเฟยห่าวจะสร้างศัตรู แต่มันจะเป็นอีกเรื่องถ้าคู่ต่อสู้ของเขาแข็ง
“ผมบอกว่าทุกคนแล้ว นั่นก็รวมถึงหม่าเฟยห่าวด้วยอยู่แล้ว” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมยฉี๋อีหยุนตกใจตาโตอ้าปากค้าง และเผลอปล่อยองุ่นในมือจนมันตกลงไปบนพื้นอย่างไม่รู้ตัวหานซานเฉียนไม่ได้สังเกตว่าฉี๋อีหยุนใส่มันเข้าไปในปากของเธอแล้วเมื่อกี้ เขาแค่คิดว่าเธอทำหล่นลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นจึงคิดที่จะหยิบมันขึ้นมาให้ เขาเช็ดฝุ่นออกเล็กน้อยก่อนจะโยนมันเข้าปาก “น่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” หานซานเฉียนพูดด้วยท่าทีสบาย ๆฉี๋อีหยุนลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า "มันมากกว่าแค่น่าตกใจ มันเหลือเชื่อมากต่างหาก คุณรู้ไหมว่าแม้แต่หานเหยียนก็ยังต้องให้เกียรติเขาอยู่บ้าง แต่คุณกลับสั่งให้เขาคุกเข่าเนี่ยนะ!"“หานเหยียนเป็นเพียงสุนัขของผม การที่เธอให้เกียรติหม่าเฟยห่าว หมายความว่าผมจำเป็นต้องให้เกียรติเขาเหมือนกันด้วยงั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ“นั่น…” ฉี๋อีหยุนพูดไม่ออก คำพูดเหล่านี้สมเหตุสมผลมากไม่สามารถโต้แย้งได้เลย แต่เธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่ออยู่ดี เพราะเธอรู้จักนิสัยของหม่าเฟยห่าวเป็นอย่างดี เขาบ้าอำนาจและหยิ่งผยอง และไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ตอนนั้นเขายังแทงข้างหลังซู่หยางเพื่อประโยชน์ของตั
การแข่งขันระหว่างสองพี่น้อง เทียนเซิงและเทียนหยางได้กลายมาเป็นความเกลียดชังมานานแล้ว สำหรับหานเทียนเซิงความเกลียดชังนี้ลึกเข้าไปในกระดูกของเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันยอมให้คนจากตระกูลหานในเหยียนจิงเข้ามาอยู่ในเขตจีนในพื้นที่ของเขาอย่างแน่นอน คนรุ่นหลังที่โง่เขลานี้คิดอยากจะโยนความรับผิดชอบมาให้ตระกูลของเขา หานเทียนเซิงจะยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร“พ่อของเธอยังไม่กลับมาอีกเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดด้วยความโกรธสำหรับหานเหยียน หานลี่ตกอยู่ในมือของหานซานเฉียน แต่เธอไม่รู้ว่าหานลี่เสียชีวิตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่เธอกลับมาอเมริกา เธอก็อ้างกับสมาชิกในตระกูลว่าพ่อของเธอติดธุระอื่น และจะยังไม่ได้กลับมาอเมริกาในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นจึงเขาจึงมอบตำแหน่งผู้นำให้กับเธอ “คุณปู่คะ ช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพ่อเลยค่ะ” หานเหยียนกล่าว“ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเดียวที่ออกจะออกหน้าได้สินะ” หานเทียนเซิงกล่าวหานเหยียนเงยหน้าขึ้นและมองหานเทียนเซิงด้วยสีหน้าตกใจ เธอมาหาหานเทียนเซิงเพราะหวังว่าจะให้เขาช่วยคิดวิธีแก้ไขปัญหา แต่เธอไม่คิดเลยว่าหานเทียนเซิงจะออกหน้าด้วยตัวเอง ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่หานเหยียนคาด
นอกจากตระกูลหม่า ตระกูลอื่น ๆ ก็มีสถานการณ์เดียวกัน อาวุโสของแต่ละตระกูลกำลังกำชับคนรุ่นหลังให้สงบสติอารมณ์ในช่วงเวลานี้ และอย่าก่อเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนเมื่อหานเทียนเซิงกลับออกมาด้านนอก ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในอันตราย แต่หนึ่งในหลาย ๆ ครอบครัวก็เป็นข้อยกเว้น พวกเขาไม่เพียงกังวล แต่มันคือความกลัว ทุกคนหน้าซีดพากันนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นตัวสั่นเทา“พ่อครับ หรือจะเปลี่ยนวันจัดฉลองวันเกิดของพ่อใหม่ดีล่ะครับ”“จะกำหนดวันใหม่ง่าย ๆ ได้ยังไง บัตรเชิญทั้งหมดถูกส่งออกไปแล้ว และวันมะรืนนี้ก็จะถึงวันงานแล้ว หากมาเปลี่ยนวันเอาตอนนี้ คนอื่นคงได้หัวเราะเยาะเอาน่ะสิ”“หัวเราะเยาะแล้วจะทำไงได้ล่ะครับ หานเทียนเซิงออกมาสร้างความวุ่นวายอะไรหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ถ้าตระกูลเราเป็นนกที่ยื่นหัวออกไป หากเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไงล่ะครับ?”คนที่พูดนั้นคืออาวุโสของตระกูลอู๋ และเจ้าของวันเกิด อู๋โหยวเฟิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาและหานเทียนเซิงเป็นคนรุ่นเดียวกัน และพวกเขาก็เคยมีเรื่องบางอย่างกันในอดีต แต่หานเทียนเซิงไม่ได้แก้แค้นอะไรเขา และปล่อยให้เรื่องมันผ่านไปตามเวลาเมื่อเขาเกษียณ อู๋โหยวเฟิง
เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงรถยนต์หรูหรามารวมตัวกันที่โรงแรมข่ายหลิง และชนชั้นสูงทั้งหมดในเขตจีนก็มารวมตัวกันที่นี่เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงตระกูลอู๋มีความสัมพันธ์ที่กว้างขวางในพื้นที่เขตจีน และใครก็ตามที่ได้รับคำเชิญจะเข้าร่วมเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่อู๋โหยวเฟิงแต่วันนี้หลายคนกลับมีความหวังที่จะได้ดูอะไรดี ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น หลายคนยังไม่ลืมความแค้นระหว่างอู๋โหยวเฟิงกับหานเทียนเซิง บังเอิญที่หานเทียนเซิงกลับออกมาในเวลานี้ ทุกคนจึงอยากรู้ว่าหานเทียนเซิงจะมาปรากฏตัวในงานวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงหรือไม่ตระกูลอู๋ได้จัดเตรียมให้คนคอยคุ้มกันอยู่ด้านนอกโรงแรมแล้ว เพื่อคอยดูว่ามีใครในตระกูลหานมาร่วมงานหรือไม่ หากตระกูลหานมาแล้วก็ต้องแจ้งให้อู๋โหยวเฟิงทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อที่อู๋โหยวเฟิงจะได้ออกมาต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวแต่เมื่อใกล้ถึงเวลางานเลี้ยงวันเกิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครจากตระกูลหานปรากฏตัว และตระกูลอู๋ก็ค่อย ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกส่วนผู้ที่รอคอยชมความสนุกก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิงเป็นเพียงการมาทานอาหารมื้อนึ
ณ บ้านของหานซานเฉียนหลังจากที่ฉี๋อีหยุนรับสายโทรศัพท์ สีหน้าของเธอก็ดูตกตะลึง และรูม่านตาของเธอก็ขยายออก คล้ายกับคนที่จิตหลุดไปแล้วขณะที่ถือโทรศัพท์อยู่เมื่อเห็นสิ่งนี้ หานซานเฉียนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"ฉี๋อีหยุนหันไปมองหานซานเฉียนอย่างมึนงง ดวงตาของเธอโตราวกับไข่ห่าน ก่อนจะค่อย ๆ เปิดปากพูดเบา ๆ ว่า "คุณลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในงานวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง?"หานซานเฉียนยักไหล่และพูดว่า "คุณบอกว่าหานเทียนเซิงทรงพลังมากขนาดนั้น เขาคงไม่มีทางปล่อยอู๋โหยวเฟิงไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน"ตอนนั้นเองที่ฉี๋อีหยุนรู้ตัวว่าเธอยังคงถือโทรศัพท์อยู่ เธอค่อย ๆ วางมือลง หายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "อู๋โหยวเฟิงตายแล้ว!"หานซานเฉียนขมวดคิ้วตายแล้ว?เขาตายในงานวันเกิดอย่างนั้นเหรอ?หานเทียนเซิงโหดร้ายขนาดที่ไม่ยอมให้อู๋โหยวเฟิงได้ฉลองวันเกิดของเขาด้วยซ้ำเหรอ?“ตายยังไง?” หานซานเฉียนถามฉี๋อีหยุนรู้สึกตันในลำคอ เธอกลืนน้ำลายก่อนจะพูดว่า "ของขวัญวันเกิดที่หานเทียนเซิงมอบให้ให้อู๋โหยวเฟิงคือโลงศพไม้พีช และอู๋โหยวเฟิงก็แขวนคอตัวเองต่อหน้าแขกที่มาร่วมงาน"หานซานเฉียนนั่งตัวตรงทันทีอู๋โหยว
เกาะเล็ก ๆ ของตระกูลหนานกงหนานกงป๋อหลิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่เขตจีนในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่แข็งแกร่งของหานซานเฉียนในบริษัททำให้เขาพอใจมาก ในมุมมองของหนานกงป๋อหลิง คนหนุ่มสาวควรมีความเข้มแข็งเช่นนี้ และสิ่งนี้ของหานซานเฉียน หนานกงซุนและหนางกงเยี่ยนไม่สามารถเทียบได้ ความแข็งแกร่งของคนสองคนนี้เรียกได้แค่ว่าลูกผู้ดีมีเงินเท่านั้น แน่นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขากล้าหยิ่งผยองภายใต้การคุ้มครองของตระกูลหนานกงเท่านั้นแต่หานซานเฉียนแตกต่างออกไป ความหยิ่งผยองของเขาออกมาจากกระดูกดำ และไม่ถูกผลกระทบใด ๆ จากปัจจัยภายนอกตอนนี้การกลับออกมาของหานเทียนเซิงทำให้ผู้คนตกใจ ทำให้หนานกงป๋อหลิงมีความคาดหวังว่าเขตจีนจะแข็งแกร่งมากขึ้น เขาต้องการเห็นว่าหานซานเฉียนสามารถทำอะไรได้บ้างในเรื่องนี้หานเทียนเซิงเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมที่สุดในเขตจีน ถ้าเขาออกมาจัดการกับหานซานเฉียน เรื่องนี้คงจะน่าสนใจกว่านี้ในเรื่องนี้หนานกงป๋อหลิงไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการใด ๆ เขาต้องการอาศัยเรื่องนี้เพื่อดูว่าขีดจำกัดของหานซานเฉียนอยู่ที่ไหนตระกูลหนานกงแตกต่างจากตระกูลชื่อดังอื่น ๆ แม้ว่าพว
หยวนหลิงไม่ได้เจอหานซานเฉียนมาหลายวันแล้วตั้งแต่เธอกลายเป็นผู้ช่วยของถังจง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกของเธอสะอาดขึ้นเล็กน้อย เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเพลย์บอยคนนี้ หยวนหลิงก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจที่ไม่สามารถลบล้างได้น่าเสียดายที่หยวนหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อเผชิญหน้ากับถังจง เพราะในสายตาของเธอ ถังจงเป็นคนที่อาศัยคำเยินยอเพื่อขึ้นสู่อำนาจ และเธอก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ ดังนั้นความรู้สึกเดิมที่มีต่อถังจงจึงหายไปเพราะความคิดนี้หยวนหลิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในโลกนี้ถึงได้มีคนชอบใช้ทางลัดแบบนี้อยู่เสมอ พวกเขาไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาแค่พึ่งพาปากหวาน ๆ ก็สามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่หยวนหลิงไม่สามารถปฏิเสธได้คือ เมื่อถังจงอุทิศตัวเองให้กับการทำงาน เธอไม่เคยเห็นความทุ่มเทเช่นนี้ในตัวใครเลย ยิ่งกว่านั้นภายใต้การปรับโครงสร้างองค์กรที่เรียบง่ายของถังจง บริษัทก็มีพวกมูลหนูน้อยลงไปมาก กลยุทธของเขานั้นแข็งแรงจนทำให้บุคลากรระดับกลางและระดับสูงต้องจากไปทีละคน และคนเหล่านั้นก็จากไปด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายแรงงานเลยในเวลานี้ หยวนหลิงอยู่ในอาการงุนงง