เกาะเล็ก ๆ ของตระกูลหนานกงหนานกงป๋อหลิงรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่เขตจีนในสหรัฐอเมริกา ผลงานที่แข็งแกร่งของหานซานเฉียนในบริษัททำให้เขาพอใจมาก ในมุมมองของหนานกงป๋อหลิง คนหนุ่มสาวควรมีความเข้มแข็งเช่นนี้ และสิ่งนี้ของหานซานเฉียน หนานกงซุนและหนางกงเยี่ยนไม่สามารถเทียบได้ ความแข็งแกร่งของคนสองคนนี้เรียกได้แค่ว่าลูกผู้ดีมีเงินเท่านั้น แน่นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่แท้จริง พวกเขากล้าหยิ่งผยองภายใต้การคุ้มครองของตระกูลหนานกงเท่านั้นแต่หานซานเฉียนแตกต่างออกไป ความหยิ่งผยองของเขาออกมาจากกระดูกดำ และไม่ถูกผลกระทบใด ๆ จากปัจจัยภายนอกตอนนี้การกลับออกมาของหานเทียนเซิงทำให้ผู้คนตกใจ ทำให้หนานกงป๋อหลิงมีความคาดหวังว่าเขตจีนจะแข็งแกร่งมากขึ้น เขาต้องการเห็นว่าหานซานเฉียนสามารถทำอะไรได้บ้างในเรื่องนี้หานเทียนเซิงเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมที่สุดในเขตจีน ถ้าเขาออกมาจัดการกับหานซานเฉียน เรื่องนี้คงจะน่าสนใจกว่านี้ในเรื่องนี้หนานกงป๋อหลิงไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการใด ๆ เขาต้องการอาศัยเรื่องนี้เพื่อดูว่าขีดจำกัดของหานซานเฉียนอยู่ที่ไหนตระกูลหนานกงแตกต่างจากตระกูลชื่อดังอื่น ๆ แม้ว่าพว
หยวนหลิงไม่ได้เจอหานซานเฉียนมาหลายวันแล้วตั้งแต่เธอกลายเป็นผู้ช่วยของถังจง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกของเธอสะอาดขึ้นเล็กน้อย เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับเพลย์บอยคนนี้ หยวนหลิงก็มีความคิดบางอย่างอยู่ในใจที่ไม่สามารถลบล้างได้น่าเสียดายที่หยวนหลิงรู้สึกไม่ค่อยสบายเมื่อเผชิญหน้ากับถังจง เพราะในสายตาของเธอ ถังจงเป็นคนที่อาศัยคำเยินยอเพื่อขึ้นสู่อำนาจ และเธอก็ไม่ชอบคนประเภทนี้ ดังนั้นความรู้สึกเดิมที่มีต่อถังจงจึงหายไปเพราะความคิดนี้หยวนหลิงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมในโลกนี้ถึงได้มีคนชอบใช้ทางลัดแบบนี้อยู่เสมอ พวกเขาไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาแค่พึ่งพาปากหวาน ๆ ก็สามารถก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้แล้วแต่สิ่งหนึ่งที่หยวนหลิงไม่สามารถปฏิเสธได้คือ เมื่อถังจงอุทิศตัวเองให้กับการทำงาน เธอไม่เคยเห็นความทุ่มเทเช่นนี้ในตัวใครเลย ยิ่งกว่านั้นภายใต้การปรับโครงสร้างองค์กรที่เรียบง่ายของถังจง บริษัทก็มีพวกมูลหนูน้อยลงไปมาก กลยุทธของเขานั้นแข็งแรงจนทำให้บุคลากรระดับกลางและระดับสูงต้องจากไปทีละคน และคนเหล่านั้นก็จากไปด้วยตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากกฎหมายแรงงานเลยในเวลานี้ หยวนหลิงอยู่ในอาการงุนงง
หยวนหลิงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉี๋อีหยุน ไม่ว่าฉี๋อีหยุนจะพูดเกินจริงแค่ไหน และบอกว่าหานซานเฉียนดีมากเพียงใด ในความคิดของเธอ ความพยายามที่ไร้ความหมายนี้ก็ไม่คุ้มค่าเลยเมื่อหานซานเฉียนกลับบ้าน หยวนหลิงก็ได้ถ่ายคำพูดของหนานกงป๋อหลิงให้เขาฟังและจากไปในเวลานี้ อารมณ์ของฉี๋อีหยุนกลับมาเป็นปกติแล้ว และดูไม่ออกเลยว่าเธอเพิ่งผ่านการร้องไห้มา เธอพูดกับหานซานเฉียนว่า "หนานกงป๋อหลิงหมายความว่ายังไง? เขากำลังเตือนคุณอยู่หรือเปล่า?"“ถ้าเขาพูดแบบนี้ แสดงว่ากำลังมีคนมาอเมริกา ผมเดาว่าคงเป็นหนานกงซุนล่ะมั้ง” หานซานเฉียนกล่าวเป็นไปไม่ได้ที่หนานกงป๋อหลิงจะส่งข้อความถึงเขาโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อเขาพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผล และในมุมมองของหานซานเฉียน หนานกงซุนมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะมาอเมริกา เพราะเขาต้องการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล แถมยังเคยอยู่เหนือกว่าหานซานเฉียนมาก่อน สำหรับคนอย่างหนานกงซุนไม่มีทางยอมรับการเปลี่ยนแปลงของสถานะแบบนี้ได้ “ตระกูลหนานกงเป็นแบบไหนกันแน่?” ฉี๋อีหยุนถามอย่างสงสัย แม้ว่าหานซานเฉียนจะเคยบอกว่าตระกูลหนานกงนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาพูดถึงมันเพียงผิวเผินเท่านั้น สำหรับ
วันแข่งขันเมื่อหานซานเฉียนมาถึงสนาม ทีมของซู่หยางยังคงยุ่งอยู่กับการปรับแต่งรถในขั้นสุดท้ายสำหรับซู่หยาง ความประหม่าของเขาในวันนี้เทียบได้กับตอนที่ลงลงสนามวันแรก เพราะเขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการมาหลายปีแล้ว และยังอยู่ห่างจากแวดวงนี้ด้วย ในเมื่อตอนนี้เมื่อเขามีโอกาสกลับมาอีกครั้ง เขาจึงไม่อยากกลายเป็นเรื่องตลกในสนาม และไม่อยากทำให้หานซานเฉียนผิดหวังด้วย“รู้สึกยังไงบ้าง?” หานซานเฉียนถามซู่หยางเห็นได้ชัดว่าซู่หยางตื่นเต้นเกินไปเล็กน้อย เม็ดเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง“พี่หาน ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด” ซู่หยางกล่าว“ผลลัพธ์ไม่สำคัญ อีกอย่างนายก็เพิ่งกลับมาไม่นาน อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป แค่จบการแข่งขันอย่างปลอดภัยก็พอ” หานซานเฉียนตบไหล่ซู่หยางจู่ ๆ ซู่หยางก็รู้สึกเบาใจลงอย่างมาก คนส่วนใหญ่สนับสนุนนักขับ เพราะหวังว่านักขับจะทำให้ตัวเองได้มีหน้ามีตา ซู่หยางซึ่งเคยอยู่ในแวดวงนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าคะแนนมันหมายถึงอะไร และเขาเคยเห็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดคือ มีนักขับคนหนึ่งถูกหักขาเพราะเขาแพ้การแข่งขันแต่ดูเหมือนหานซานเฉียนจะไม
พลังและอำนาจของหานเทียนเซิงแสดงให้ได้เห็นแล้วในงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไม่ได้ทำให้ใครแปลกใจคนรวยรุ่นสองเกือบทั้งหมดจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาที่รอดูเรื่องสนุก หานซานเฉียนเคยสั่งให้พวกเขาคุกเข่าลง และในที่สุดวันนี้หานซานเฉียนจะได้ลิ้มรสของการคุกเข่าดูบ้างว่ามันรู้สึกอย่างไร“ในที่สุดเวลาของไอ้หมอนี่ก็มาถึง น่าขำจริง ๆ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง ถึงเขาจะแข็งแกร่ง แต่จะแข็งแกร่งสู้หานเทียนเซิงได้ยังไง”“วันนี้ไอ้เลวนี่ไม่จบดีแน่ ไปยั่วยุคนอย่างหานเทียนเซิง มีแต่ตายสถานเดียว”“สะใจจริง ๆ ดูซิว่าไอ้เลวนี่จะกล้าหยิ่งผยองได้อยู่ไหม”คนรวยรุ่นสองกระซิบกัน และมีแต่คำสาปแช่งออกมาจากปากของพวกเขาๅในทางกลับกัน หานซานเฉียนมองไปที่หานเทียนเซิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดคำที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง "คุณจะคุกเข่าให้ผมงั้นเหรอ?"คำพูดเรียบ ๆ ทำให้คนรวยรุ่นสองต่างตกตะลึง บางคนถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่าหานซานเฉียน ไอ้หมอนี่สั่งให้หานเทียนเซิงคุกเข่าลง เขาบ้าไปแล้วเหรอ!ฟางซั่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แค่ยืนอยู่ตรงหน้าหานเทียนเซิงเขาก็รู้สึกว่าขาอ่อนแรงแล้ว แต่หานซานเฉี
โลงศพไม้พีช!สี่คำนี้คำรามในหูของฉี๋อีหยุนเหมือนเสียงฟ้าร้องในความคิดของเธอ เวลานี้หานซานเฉียนต้องยอมถอยหนึ่งก้าว และยอมอดทนชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อเขามีความสามารถเพียงพอ เขาถึงจะมีคุณสมบัติที่จะท้าทายกับหานเทียนเซิงแต่ฉี๋อีหยุนไม่คิดเลยว่าหานซานเฉียนจะส่งโลงศพไม้พีชไปให้หานเทียนเซิง!ฉี๋อีหยุนนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่า หานเทียนเซิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อวางโลงศพไม้พีชไว้หน้าคฤหาสน์ตระกูลหาน! และจะเกิดคลื่นพายุชนิดใดขึ้นในเขตจีน“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” ฉี๋อีหยุนมองหานซานเฉียนด้วยสายตาตกตะลึง ในขณะนี้หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนบ้าคลั่งในสายตาของเธอ หานเทียนเซิงเป็นเหมือนกองระเบิด แต่หานซานเฉียนกลับเข้าไปใกล้ด้วยเปลวไฟ นี่มันเท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง?หานซานเฉียนยกมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าคุณคิดว่าผมบ้า งั้นผมบ้าก็ได้ ถ้าไม่บ้าก็อยู่รอดไม่ได้"จู่ ๆ ฉี๋อีหยุนก็ยื่นมือออกดึงหานซานเฉียนไว้แน่นแล้วพูดว่า "คุณต้องคิดให้รอบครอบนะ คุณรู้ไหมว่าถ้าทำแบบนี้แล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?"ความห่วงใยของฉี๋อีหยุนที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นไม่ได้เสแสร้งเลย เธอไม่อยากเห็นหานซานเฉียนตกอยู่ในอันตรายใด
การตัดสินใจของฉี๋อีหยุนทำให้โอวหยางเฟยพอใจมาก แต่ฉี๋ตงหลินได้แต่ถอนหายใจไม่หยุดแม้ว่าฉี๋ตงหลินไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนี้ แต่ผู้หญิงสองคนในบ้านตัดสินใจแบบนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้ “อีหยุน ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม?” ฉี๋ตงหลินถามฉี๋อีหยุนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล อันที่จริง สำหรับเธอ ไม่มีที่ว่างให้พิจารณาปัญหานี้เลย ความคิดที่จะอยู่ห่างจากหานซานเฉียนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในใจของเธอแม้ว่าฉี๋อีหยุนจะรู้ตรงหน้าคือเหวลึก เธอก็จะกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล ตราบใดที่หานซานเฉียนอยู่ที่นั่น“พ่อคะ หนูคิดดีแล้วค่ะ” ฉี๋อีหยุนกล่าวฉี๋ตงหลินเดินเข้าไปหาทั้งสองคน วางมือบนไหล่ของทั้งสองแล้วพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตระกูลฉี๋ของเราก็จะก้าวไปพร้อมกับหานซานเฉียน หวังว่าเด็กนั่นจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง ไม่อย่างนั้นราคาที่ครอบครัวของเราต้องจ่ายมันจะใหญ่เกินไป”ฉี๋ตงหลินสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อหานซานเฉียนพ่ายแพ้ สมาชิกทั้งสามคนของตระกูลฉี๋จะต้องถูกหานเทียนเซิงกำจัดอย่างแน่นอนหานเทียนเซิงไม่ใช่คนจิตใจดี คู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดจะต้องตายเท่านั้นในเวลาเดียวกัน หานเหยียนก็มาพบกับหานเทียนเซิงที่สวนหลังบ้านเธอไม่เข้าใ
“ได้ ถ้าเธอรอได้ก็รอ” หานซานเฉียนกล่าวหานเหยียนยืนอยู่ที่ประตู และดูเหมือนไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นเธอก็พูดกับหานซานเฉียน "หานลี่ตายแล้วใช่ไหม?"เนื่องจากเธอมาที่นี่เพื่อค้นหาความจริง หานเหยียนจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับหานซานเฉียน และถามออกไปตรง ๆ อย่างเปิดเผย เธอเชื่อว่าหานซานเฉียนจะต้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอนหากถูกจี้ด้วยคำถามนี้หานซานเฉียนชะงักฝีเท้า เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้ดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปกปิดมัน “แน่นอนว่าฉันได้รับข้อมูลที่สามารถมั่นใจได้ ต่อให้นายจะพยายามโกหกฉันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” หานเหยียนพูดอย่างมั่นคงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแน่นอนว่าเธอไม่ได้รับข่าวอะไร แต่แค่จงใจต้องหลอกหานซานเฉียนหานซานเฉียนหันหน้ากลับมาและพูดอย่างสงบ "ในเมื่อเธอรู้แล้ว ทำไมถึงมาถามฉันอีกล่ะ?"หานเหยียนหัวเราะดังลั่น เธอไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะยอมรับง่าย ๆ แบบนี้ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่คิดเลยว่านายจะโง่ขนาดนี้ จริง ๆ แล้วฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันแค่จงใจหลอกนายดูก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่านายจะยอมรับออกมาง่าย ๆ แบบนี้” ห