พลังและอำนาจของหานเทียนเซิงแสดงให้ได้เห็นแล้วในงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง ดังนั้นคำพูดของเขาจึงไม่ได้ทำให้ใครแปลกใจคนรวยรุ่นสองเกือบทั้งหมดจ้องไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาที่รอดูเรื่องสนุก หานซานเฉียนเคยสั่งให้พวกเขาคุกเข่าลง และในที่สุดวันนี้หานซานเฉียนจะได้ลิ้มรสของการคุกเข่าดูบ้างว่ามันรู้สึกอย่างไร“ในที่สุดเวลาของไอ้หมอนี่ก็มาถึง น่าขำจริง ๆ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง ถึงเขาจะแข็งแกร่ง แต่จะแข็งแกร่งสู้หานเทียนเซิงได้ยังไง”“วันนี้ไอ้เลวนี่ไม่จบดีแน่ ไปยั่วยุคนอย่างหานเทียนเซิง มีแต่ตายสถานเดียว”“สะใจจริง ๆ ดูซิว่าไอ้เลวนี่จะกล้าหยิ่งผยองได้อยู่ไหม”คนรวยรุ่นสองกระซิบกัน และมีแต่คำสาปแช่งออกมาจากปากของพวกเขาๅในทางกลับกัน หานซานเฉียนมองไปที่หานเทียนเซิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และพูดคำที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง "คุณจะคุกเข่าให้ผมงั้นเหรอ?"คำพูดเรียบ ๆ ทำให้คนรวยรุ่นสองต่างตกตะลึง บางคนถึงกับสงสัยว่าตัวเองหูฝาดหรือเปล่าหานซานเฉียน ไอ้หมอนี่สั่งให้หานเทียนเซิงคุกเข่าลง เขาบ้าไปแล้วเหรอ!ฟางซั่วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แค่ยืนอยู่ตรงหน้าหานเทียนเซิงเขาก็รู้สึกว่าขาอ่อนแรงแล้ว แต่หานซานเฉี
โลงศพไม้พีช!สี่คำนี้คำรามในหูของฉี๋อีหยุนเหมือนเสียงฟ้าร้องในความคิดของเธอ เวลานี้หานซานเฉียนต้องยอมถอยหนึ่งก้าว และยอมอดทนชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อเขามีความสามารถเพียงพอ เขาถึงจะมีคุณสมบัติที่จะท้าทายกับหานเทียนเซิงแต่ฉี๋อีหยุนไม่คิดเลยว่าหานซานเฉียนจะส่งโลงศพไม้พีชไปให้หานเทียนเซิง!ฉี๋อีหยุนนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่า หานเทียนเซิงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อวางโลงศพไม้พีชไว้หน้าคฤหาสน์ตระกูลหาน! และจะเกิดคลื่นพายุชนิดใดขึ้นในเขตจีน“คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” ฉี๋อีหยุนมองหานซานเฉียนด้วยสายตาตกตะลึง ในขณะนี้หานซานเฉียนเป็นเหมือนคนบ้าคลั่งในสายตาของเธอ หานเทียนเซิงเป็นเหมือนกองระเบิด แต่หานซานเฉียนกลับเข้าไปใกล้ด้วยเปลวไฟ นี่มันเท่ากับรนหาที่ตายไม่ใช่หรือไง?หานซานเฉียนยกมุมปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าคุณคิดว่าผมบ้า งั้นผมบ้าก็ได้ ถ้าไม่บ้าก็อยู่รอดไม่ได้"จู่ ๆ ฉี๋อีหยุนก็ยื่นมือออกดึงหานซานเฉียนไว้แน่นแล้วพูดว่า "คุณต้องคิดให้รอบครอบนะ คุณรู้ไหมว่าถ้าทำแบบนี้แล้วผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?"ความห่วงใยของฉี๋อีหยุนที่มีต่อหานซานเฉียนนั้นไม่ได้เสแสร้งเลย เธอไม่อยากเห็นหานซานเฉียนตกอยู่ในอันตรายใด
การตัดสินใจของฉี๋อีหยุนทำให้โอวหยางเฟยพอใจมาก แต่ฉี๋ตงหลินได้แต่ถอนหายใจไม่หยุดแม้ว่าฉี๋ตงหลินไม่อยากเห็นผลลัพธ์แบบนี้ แต่ผู้หญิงสองคนในบ้านตัดสินใจแบบนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้ “อีหยุน ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม?” ฉี๋ตงหลินถามฉี๋อีหยุนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล อันที่จริง สำหรับเธอ ไม่มีที่ว่างให้พิจารณาปัญหานี้เลย ความคิดที่จะอยู่ห่างจากหานซานเฉียนนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในใจของเธอแม้ว่าฉี๋อีหยุนจะรู้ตรงหน้าคือเหวลึก เธอก็จะกระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล ตราบใดที่หานซานเฉียนอยู่ที่นั่น“พ่อคะ หนูคิดดีแล้วค่ะ” ฉี๋อีหยุนกล่าวฉี๋ตงหลินเดินเข้าไปหาทั้งสองคน วางมือบนไหล่ของทั้งสองแล้วพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้ ตระกูลฉี๋ของเราก็จะก้าวไปพร้อมกับหานซานเฉียน หวังว่าเด็กนั่นจะไม่ทำให้พวกคุณผิดหวัง ไม่อย่างนั้นราคาที่ครอบครัวของเราต้องจ่ายมันจะใหญ่เกินไป”ฉี๋ตงหลินสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อหานซานเฉียนพ่ายแพ้ สมาชิกทั้งสามคนของตระกูลฉี๋จะต้องถูกหานเทียนเซิงกำจัดอย่างแน่นอนหานเทียนเซิงไม่ใช่คนจิตใจดี คู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดจะต้องตายเท่านั้นในเวลาเดียวกัน หานเหยียนก็มาพบกับหานเทียนเซิงที่สวนหลังบ้านเธอไม่เข้าใ
“ได้ ถ้าเธอรอได้ก็รอ” หานซานเฉียนกล่าวหานเหยียนยืนอยู่ที่ประตู และดูเหมือนไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นเธอก็พูดกับหานซานเฉียน "หานลี่ตายแล้วใช่ไหม?"เนื่องจากเธอมาที่นี่เพื่อค้นหาความจริง หานเหยียนจึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับหานซานเฉียน และถามออกไปตรง ๆ อย่างเปิดเผย เธอเชื่อว่าหานซานเฉียนจะต้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอนหากถูกจี้ด้วยคำถามนี้หานซานเฉียนชะงักฝีเท้า เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาหยุดนิ่งไปชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะควบคุมตัวเองได้ดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปกปิดมัน “แน่นอนว่าฉันได้รับข้อมูลที่สามารถมั่นใจได้ ต่อให้นายจะพยายามโกหกฉันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์” หานเหยียนพูดอย่างมั่นคงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าแน่นอนว่าเธอไม่ได้รับข่าวอะไร แต่แค่จงใจต้องหลอกหานซานเฉียนหานซานเฉียนหันหน้ากลับมาและพูดอย่างสงบ "ในเมื่อเธอรู้แล้ว ทำไมถึงมาถามฉันอีกล่ะ?"หานเหยียนหัวเราะดังลั่น เธอไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะยอมรับง่าย ๆ แบบนี้ “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่คิดเลยว่านายจะโง่ขนาดนี้ จริง ๆ แล้วฉันไม่รู้อะไรเลย ฉันแค่จงใจหลอกนายดูก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่านายจะยอมรับออกมาง่าย ๆ แบบนี้” ห
ในวันที่สอง หานซานเฉียนมาที่ร้านโลงศพในเขตจีนเพียงลำพังเจ้าของร้านที่นี่เป็นชายชราผมหงอกและมีริ้วรอยลึกบนใบหน้า ตัวของเขาโค้งงอเหมือนเทียนในสายลม ให้ความรู้สึกว่าอาจล้มลงได้ทุกเมื่อ“เถ้าแก่ เมื่อไหร่โลงที่ผมสั่งถึงจะเสร็จ?” หานซานเฉียนถามเจ้าของร้าน เจ้าของร้านตอบด้วยน้ำเสียงแหบห้าว "พ่อหนุ่ม ฉันช่วยเร่งให้เธอแล้ว เร็วสุดก็คงต้องพรุ่งนี้"“เร็วหน่อยได้ไหมครับ ผมต้องใช้มันพรุ่งนี้” หานซานเฉียนกล่าว พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของระยะเวลาสามวันที่หานเทียนเซิงมอบให้เขา หานซานเฉียนไม่อยากพลาดโอกาสที่ดีที่สุดนี้ไป“พ่อหนุ่ม ฉันแก่แล้ว และการเคลื่อนไหวของฉันก็ช้านิดหน่อย หวังว่าเธอจะเข้าใจ” เจ้าของร้านกล่าวหานซานเฉียนไม่ได้ตั้งใจจะกดดันเจ้าของร้าน แต่เขามีเวลาไม่มาก ถึงได้รีบร้อนแบบนี้“เถ้าแก่ หรือให้ผมช่วยได้ไหมครับ ดูว่ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยคุณได้บ้าง” หานซานเฉียนเสนอเจ้าของร้านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองตรงไปที่หานซานเฉียน“ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ลดค่าจ้างคุณแน่นอน” หานซานเฉียนกล่าวเจ้าของร้านยิ้มเบา ๆ พลางส่ายหัวแล้วพูดว่า "พ่อหนุ่ม เธอชื่อหานซานเฉียนสินะ แล้วโลงศพนี้จะมอบให้หานเที
"คุณจะทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้นะคะ ตระกูลฉี๋เดิมพันกับทุกอย่าง เพราะว่าพวกเขาเชื่อในตัวคุณ" ฉี๋อีหยุนยิ้มและรินไวน์ให้หานซานเฉียนหนึ่งแก้ว“ผมไม่อยากแบกรับแรงกดดันแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้น ตระกูลฉี๋ก็จะกลายเป็นเหยื่ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผมจะไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องตระกูลฉี๋หรอกนะ” หานซานเฉียนกล่าวฉี๋อีหยุนเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ตระกูลฉี๋เต็มใจเสียสละเพื่อคุณ ฉันเองก็เช่นกัน"“บ้าไปแล้ว” หานซานเฉียนอดไม่ได้ที่จะสถบ“คุณจะคิดว่าฉันบ้าก็ไม่เป็นไร ยังไงซะฉันก็บ้ามานานแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่ชอบคุณมากขนาดนี้หรอก” ดวงตาของฉี๋อีหยุนปกคลุมไปด้วยหมอก และเธอก็พยายามยกมุมปากขึ้น เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนกำลังยิ้ม แต่การแสดงออกที่ดูเหมือนยิ้มแต่นัยน์ตากำลังร้องไห้นี้กลับทำให้ผู้คนรู้สึกสงสารหานซานเฉียนถอนหายใจและดื่มไวน์แดงในแก้วหมดอึกเดียวทั้งสองแลกแก้วกันไปมา และหลังจากดื่มไวน์แดงที่ฉี๋อีหยุนนำมาจนหมด พวกเขาก็เปิดไวน์ขวดสองของที่บ้าน อย่างไรก็ตาม คราวนี้หานซานเฉียนไม่ยอมให้ตัวเองเมา แต่ฉี๋อีหยุนนั้นเมามากเมื่ออุ้มฉี๋อีหยุนกลับมาที่ห้อง หานซานเฉียนกำลังจะกลับไปเคลียร์โต๊ะอาหาร แต่ฉี๋อีหย
หลายคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากมองหน้ากันไปมาพวกเขาก็พูดขึ้นพร้อมกัน"มาแล้ว!""มาแล้ว!""มาแล้ว!"หม่าเฟยห่าวสีหน้าจมดิ่ง และพูดด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า "ไม่คิดว่าเขาจะกล้ามาจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากคุกเข่าให้หน้าหานเทียนเซิงเท่านั้น"ต่อมาโทรศัพท์มือถือของหลาย ๆ คนก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความที่ส่งเข้ามาอีกครั้งภาพเดียวกันจากมุมมองที่ต่างออกไปปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของพวกเขา"นี่มัน…"“ไอ้หมอนี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ!”“เขา...เขาเอาโลงศพมางั้นเหรอ”หม่าเฟยห่าวดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ของเขาและตกใจมาก จนแก้วไวน์ในมือของเขาหล่นแตกบนพื้นในเวลานี้ หม่าเฟยห่าวรู้สึกเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือชาไปทั้งหัวในภาพหานซานเฉียนถือโลงศพด้วยมือข้างเดียว ยืนอยู่นอกประตูคฤหาสน์ของตระกูลหานหม่าเฟยห่าวรู้สึกปากแห้งผาก เขาหยิบขวดน้ำขึ้นมาจิบด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อว่าภาพถ่ายที่เขาเห็นเป็นของจริงจึงได้ขยี้ตาอีกครั้ง“ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ?” หม่าเฟยห่าวหายใจไม่ออก และรีบวิดีโอคอลหาหาสายลับของเขาทันที เมื่อต่อ
ฝูงชนเริ่มตื่นเต้นในงานเลี้ยงวันเกิดของอู๋โหยวเฟิง แม้ว่าออร่าและความแข็งแกร่งของหานเทียนเซิงจะทำให้ผู้คนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าพลังที่แท้จริงคืออะไร ออร่าของหานเทียนเซิงที่สามารถกลืนโลกนั้นสามารถทำให้พวกเขาเกิดความเคารพไม่รู้จบ บางคนถึงกับจินตนาการว่าตัวเองเป็นหานเทียนเซิง และควบคุมอำนาจสูงสุดครั้งหนึ่งหานซานเฉียนเคยทำให้คนรวยรุ่นสองทั้งหมดคุกเข่า ความเกลียดชังนี้ทำให้คนส่วนใหญ่หวังว่าเขาจะตายด้วยน้ำมือของหานเทียนเซิงยิ่งหานเทียนเซิงมีท่าทีแข็งกร้าวมากเท่าไร พวกเขาก็จะยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้นเมื่อมองไปที่หานซานเฉียนที่กำลังถือโลงศพ หานเทียนเซิงก็แสดงอาการเยาะเย้ย“นายทำให้เจ้าของร้านโรงศพต้องตาย มันสมเหตุสมผลไหมที่จะก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้? นายคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้นายตายอย่างกล้าหาญมากขึ้นงั้นเหรอ?” หานเทียนเซิงกล่าวอย่างดูถูก“หานเทียนเซิง โลงศพนี้เป็นของขวัญที่ดี วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของคุณ” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ฝูงชนก็พากันหัวเราะเยาะหานซานเฉียน แม้ว่าออร่าของเขาจะแข็งแกร่งมาก และแม้ว่าเขาจะทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ