หานเทียนเซิงโกรธมากจนสั่นไปทั้งตัว เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนรุนแรงได้ขนาดนี้แต่แหล่งที่มาของความโกรธของเขาไม่ใช่แค่การตายของหานลี่และหานเฟิงเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกับการที่หายลี่คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าหานซานเฉียนด้วยคนของตระกูลหานในอเมริกาจะคุกเข่าให้พวกไร้ประโยชน์อย่างตระกูลหานในเหยียนจิงได้อย่างไร!นี่เป็นความอัปยศที่หานเทียนเซิงไม่สามารถยอมรับได้ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาบีบบังคับให้หานเทียนหยางออกจากอเมริกาด้วยความภาคภูมิใจ และถึงกับคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถนำตระกูลหานไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้หลายปีที่ผ่านมา ในใจของหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงคนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์มา และตระกูลหานในเหยียนจิงก็เป็นเพียงเศษขยะเขาไม่เต็มใจยอมรับความจริงที่ว่า หานลี่คุกเข่าให้หานซานเฉียน และเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงนี้ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือฆ่าหานซานเฉียน!“หานเซี่ยว ฆ่าเขาซะ! ฉันอยากให้เขาตายโดยไม่ฝังศพ” หานเทียนเซิงพูดอย่างเย็นชาหานเซี่ยวก้าวไปข้างหน้า และพูดกับหานซานเฉียนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง "นายฆ่าลูกศิษย์ของฉัน วันนี้ฉันจะล
หม่าเฟยห่าวไม่คิดว่าจู่ ๆ หม่าอวี้จะปรากฏตัวในเวลานี้ และความคิดแรกของเขาคือยืมมือของหม่าอวี้ในการฆ่าหานซานเฉียน เพื่อให้โอกาสตัวเองในการแก้แค้นแต่ตอนนี้หม่าเฟยห่าวไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะคู่ต่อสู้คือหานเทียนเซิง แม้ว่าหม่าอวี้จะสนับสนุนเขา หม่าเฟยห่าวก็ทำได้เพียงยืนนิ่งจนกว่าเขาจะแน่ใจว่าหม่าอวี้เต็มใจที่มีเรื่องกับหานเทียนเซิงเพื่อเขา“หานเซี่ยว ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปี ฉันจะยังได้เห็นนายลงมือ ช่างเป็นเกียรติของฉันจริง ๆ” หม่าอวี้เดินไปหาหานเซี่ยวด้วยรอยยิ้มหานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขาตระหนักดีถึงสถานะปัจจุบันของหม่าอวี้ เพราะเขาเองก็เคยได้เข้าร่วมเทียนฉี และเขาก็รู้ด้วยว่าหม่าอวี้มีสถานะไม่ธรรมดาในเทียนฉีแต่ทำไมจู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ถึงกลับมาอเมริกาล่ะ?“หม่าอวี้ นายมาทำอะไรที่นี่?” หานเซี่ยวถามหม่าอวี้เหลือบมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า "มาพาเขาไป"จู่ ๆ สีหน้าของหานเซี่ยวก็มืดลง หานเทียนเซิงต้องการให้หานซานเฉียนตาย ดังนั้นวันนี้เขาจำเป็นต้องฆ่าหานซานเฉียน แต่เพราะหม่าอวี้เข้ามายุ่ง จึงอดไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกลัว เพราะยังไงหม่าอวี้ก็อยู่ในเทียนฉีเป็นเวลาหลายปีแล้ว และตอนนี้หานเซ
คำพูดของหม่าเฟยห่าวทำให้หม่าอวี้ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นหม่าเฟยห่าวเตรียมพร้อมและตั้งตารอ ใบหน้าของหม่าอวี้ก็จมดิ่ง หมอนี่มีปัญหากับหานซานเฉียนอย่างนั้นเหรอ?วันนี้แม้ว่าเขาก็ยังต้องดูแลหานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง แต่หม่าเฟยห่าวคิดที่จะแก้แค้นเขาเนี่ยนะ?“พวกนายมีปัญหาอะไรกัน?” หม่าอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกหม่าเฟยห่าวพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งให้เขาฟัง และแน่นอนว่าเขาได้เติมเชื้อเพลิงลงไป โดยเหมือนว่าตนเองเป็นฝ่ายโดนกระทำ และยิ่งพูดก็ยิ่งแสร้งทำเป็นเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาหม่าอวี้รู้ดีว่าหม่าเฟยห่าวเป็นคนอย่างไร จึงรู้ว่าเขาเติมเชื้อเพลิงลงไปในเรื่องไม่น้อย และถึงแม้ว่าทุกสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่าอวี้ก็ไม่กล้าช่วยเขาล้างแค้นอยู่ดี“โชคดีที่นายยอมคุกเข่าให้เขา เพราะถ้าเขาคุกเข่าให้นายล่ะก็แย่แน่” หลังจากฟังเรื่องราวของคำพูดของหม่าเฟยห่าวแล้ว หม่าอวี้ก็พูดอย่างโล่งใจหม่าเฟยห่าวมองหม่าอวี้ด้วยความสับสน ในฐานะลุง เมื่อได้ยินว่าหลานชายถูกทำร้ายทำไมเขายังสงบนิ่งได้อยู่อีก?“ลุง มอบเขาให้ผมจัดการเถอะครับ” คำพูดของหม่าเฟยห่าวกล่าว“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายทำตัว
หยุนเฉิงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเปลือกตาของเธอกระตุกไม่หยุด เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดีแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงงฉือจิงเคยชินกับสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับของซูหยิงเซี่ยแล้ว เธอมักจะแสดงอาการฟุ้งซ่านอยู่เสมอ ในฐานะแม่ ฉือจิงเข้าใจความรู้สึกทางจิตใจของซูหยิงเซี่ยในขณะนี้โดยธรรมชาติหานเนี่ยนตกไปอยู่ในมือของคนเลวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่เธอก็ยังรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้“คิดถึงหานเนี่ยนอีกแล้วเหรอ?” ฉือจิงนั่งข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน จับมือของเธอขึ้นมาแล้วถามเบา ๆซูหยิงเซี่ยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอมองดูฉือจิงก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า "แม่คะ สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นจริง ๆ ใช่ไหมคะ?"“มันก็เป็นแค่คำเล่าลือกันเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปนัก หานเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร” ฉือจิงปลอบใจเธอซูหยิงเซี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่หานเนี่ยนค่ะ แต่เป็นซานเฉียน หนูมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าซานเฉียนกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่าง" ฉือจิงตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก วันนี้เธอก็รู้สึกใจหวิว ๆ
ดังสุภาษิตที่ว่ากระดูกหักต้องใช้เวลาร้อยวันแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีความสามารถในการฟื้นตัวที่น่าทึ่ง แต่หลังจากที่ถูกหานเซี่ยวหักขาขวา เขาก็ใช้เวลานานพอสมควรในการฟื้นตัวขณะนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะมีสาวสวยยอย่างฉี๋อีหยุนคอยดูแล แต่สำหรับหานซานเฉียนการที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันเป็นเรื่องที่ทรมานมาก “ผมไปเดินเล่นได้ไหม?”“คุณเดินด้วยหัวได้ไหมล่ะคะ?”“ถ้าอย่างนั้นผมอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงบ้าง แบบนี้ได้ไหม?”“ฉันจะเปิดหน้าต่างให้”“ผมต้องขยับร่างกายสักหน่อย ไม่อย่างนั้นกระดูกของผมจะขึ้นสนิมเอาได้”“มา ทำยิมนาสติกพร้อมกันกับฉัน ฉันจะสอนคุณเอง”เมื่อได้ยินคำขอของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ปฏิเสธทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะเธอเพียงต้องการให้หานซานเฉียนนอนบนเตียงและพักฟื้นเท่านั้น ไม่ต้องการให้เขาออกกำลังกายมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลงหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าฉี๋อีหยุนเป็นห่วงใยเขา แต่เขาทนไม่ได้ที่จะต้องนอนบนเตียงตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้“คุณเป็นโรคสมาธิสั้นเหรอ? ไม่ได้ขยับตัวแค่วันเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว” ฉี๋อีหยุนกลอกตาและพูดกับหานซานเฉียน
มันเกี่ยวข้องกับหม่าอวี้จริง ๆ ด้วยสินะ แต่หานซานเฉียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหม่าอวี้ถึงต้องการช่วยเขา แถมยังต้องการให้หม่าเฟยห่าวมาเป็นลูกน้องของเขาอีก?ดูจากความเกลียดชังในใจของหม่าเฟยห่าว ที่เขาสามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพื่อทำเอาใจหานซานเฉียน แสดงว่าหม่าอวี้ต้องอธิบายถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ให้เขาฟัง แต่หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไรกันแน่“ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น?” หานซานเฉียนมองดูหม่าเฟยห่าวอย่างงงงวยหม่าเฟยห่าวส่ายหัวด้วยความลำบากใจ ในความคิดของเขา เรื่องนี้ควรให้หม่าอวี้เป็นคนบอกหานซานเฉียนด้วยตัวเองจะดีกว่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดเองเออเองได้ และหากเขาพูดผิดไปแม้แต่นิดเดียวโดยไม่ตั้งใจ มันจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่อาจชดใช้ได้เลย“พี่ซานเฉียน พี่รอถามกับลุงผมจะดีกว่าครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรมากจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป หวังว่าพี่จะเข้าใจนะครับ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากพี่ต้องการอะไรก็บอกผมได้เลย ผมจะทำตามความต้องการของพี่ทุกอย่าง” หม่าเฟยห่าวกล่าว หากจะต้องเป็นลูกน้องของเขา ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหาน
“คุณคิดว่าตอนนี้พวกเรายังมีคุณสมบัติที่จะจับหานเทียนหยางอยู่เหรอ นั่นมีแต่จะทำให้หานซานเฉียนโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก” หานเซี่ยวกล่าวไม่ใช่จะจับหานเทียนหยางหรอกเหรอ?หานเทียนเซิงมองไปที่หานเซี่ยวด้วยความสับสน นอกจากการทำแบบนี้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าหานเซี่ยวหมายถึงอะไรในเมื่อไม่สามารถจับกุมหานเทียนหยางได้ แล้วจะไปหาเขาทำไมกัน?“นายหมายถึงอะไร” หานเทียนเซิงถามอย่างสงสัยหานเซี่ยวถอนหายใจและพูดว่า "ตอนนี้คุณไม่ได้เหนือกว่าเขาอีกต่อไปแล้ว คุณควรลดสถานะของตัวเองและพิจารณาเรื่องนี้ จุดประสงค์ในการไปหาหานเทียนหยางคือการเจรจา และแก้ไขข้อข้องใจระหว่างพวกคุณ จากนั้นขอให้หานเทียนหยางช่วยพูดกับหานซานเฉียนในการปล่อยพวกเราไป”"นี่เป็นไปไม่ได้!" ความคิดแรกของหานเทียนเซิงคือปฏิเสธ และเขาก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดในสายตาของเขา คำว่าเจรจานั้นเป็นเรื่องตลกตอนนั้นเขาและหานเทียนหยางยุติมิตรภาพ และเขายังบังคับให้หานเทียนหยางคุกเข่าให้แถมยังบังคับให้เขาออกไปจากอเมริกา และนี่คือสิ่งที่ทำให้หานเทียนเซิงเหนือกว่าหานเทียนหยางสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางด้อยกว่าในสายตาของเขาเสมอ แล้วจะให้เขาไปเจรจากับคนที่ด้อยก
ฟางซั่วไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหม่าเฟยห่าว และก็ไม่ได้สังเกตเห็นคำเรียกอันทรงเกียรติที่หม่าเฟยห่าวใช้เรียกหานซานเฉียนเขารู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าอวี้ และเนื่องจากหม่าเฟยห่าวเป็นหลานชายของหม่าอวี้ มันก็ไม่เท่ากับหานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าเฟยห่าวไม่ใช่เหรอฟางซั่วมีความคิดและตระหนักถึงจุดประสงค์ของหม่าเฟยห่าวที่จะมาหาเขา เป็นไปได้มากว่าหม่าเฟยห่าวต้องการได้รับประโยชน์บางอย่างจากเขา“พี่ห่าว ถ้าพี่สามารถช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ฟางซั่วกล่าวว่า ถ้าเงินหมดก็ยังหาได้ แต่ถ้าเสียชีวิต ต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้ หม่าเฟยห่าวยิ้มอย่างเย็นชา คนโง่เขลาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้ยินคำที่เขาใช้เรียกหานซานเฉียนเหรอ? ยังคิดจะให้ผลประโยชน์แก่เขาเพื่อให้เขาช่วยแกแค้นอีก “ฟางซั่ว นายนี่ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังจะตาย” หม่าเฟยห่าวพูดอย่างเย็นชาฟางซั่วกระวนกระวายและถามด้วยความสับสน "พี่ห่าว พี่หมายถึงอะไร?"“ฉันหมายความว่าอะไร?” จู่ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คว้าผมของฟางซั่วแล้วตวาด" แกยังมีความกล้าที่จะแก้แค้นพี่ซานเฉียนอีกงั้นเหรอ แกคง
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ