หานเทียนเซิงโกรธมากจนสั่นไปทั้งตัว เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนรุนแรงได้ขนาดนี้แต่แหล่งที่มาของความโกรธของเขาไม่ใช่แค่การตายของหานลี่และหานเฟิงเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกับการที่หายลี่คุกเข่าขอร้องอ้อนวอนต่อหน้าหานซานเฉียนด้วยคนของตระกูลหานในอเมริกาจะคุกเข่าให้พวกไร้ประโยชน์อย่างตระกูลหานในเหยียนจิงได้อย่างไร!นี่เป็นความอัปยศที่หานเทียนเซิงไม่สามารถยอมรับได้ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น เขาบีบบังคับให้หานเทียนหยางออกจากอเมริกาด้วยความภาคภูมิใจ และถึงกับคิดว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถนำตระกูลหานไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้หลายปีที่ผ่านมา ในใจของหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงคนขี้ขลาดและไร้ประโยชน์มา และตระกูลหานในเหยียนจิงก็เป็นเพียงเศษขยะเขาไม่เต็มใจยอมรับความจริงที่ว่า หานลี่คุกเข่าให้หานซานเฉียน และเพื่อปกปิดข้อเท็จจริงนี้ก็มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือฆ่าหานซานเฉียน!“หานเซี่ยว ฆ่าเขาซะ! ฉันอยากให้เขาตายโดยไม่ฝังศพ” หานเทียนเซิงพูดอย่างเย็นชาหานเซี่ยวก้าวไปข้างหน้า และพูดกับหานซานเฉียนด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง "นายฆ่าลูกศิษย์ของฉัน วันนี้ฉันจะล
หม่าเฟยห่าวไม่คิดว่าจู่ ๆ หม่าอวี้จะปรากฏตัวในเวลานี้ และความคิดแรกของเขาคือยืมมือของหม่าอวี้ในการฆ่าหานซานเฉียน เพื่อให้โอกาสตัวเองในการแก้แค้นแต่ตอนนี้หม่าเฟยห่าวไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะคู่ต่อสู้คือหานเทียนเซิง แม้ว่าหม่าอวี้จะสนับสนุนเขา หม่าเฟยห่าวก็ทำได้เพียงยืนนิ่งจนกว่าเขาจะแน่ใจว่าหม่าอวี้เต็มใจที่มีเรื่องกับหานเทียนเซิงเพื่อเขา“หานเซี่ยว ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปี ฉันจะยังได้เห็นนายลงมือ ช่างเป็นเกียรติของฉันจริง ๆ” หม่าอวี้เดินไปหาหานเซี่ยวด้วยรอยยิ้มหานเซี่ยวขมวดคิ้ว เขาตระหนักดีถึงสถานะปัจจุบันของหม่าอวี้ เพราะเขาเองก็เคยได้เข้าร่วมเทียนฉี และเขาก็รู้ด้วยว่าหม่าอวี้มีสถานะไม่ธรรมดาในเทียนฉีแต่ทำไมจู่ ๆ ผู้ชายคนนี้ถึงกลับมาอเมริกาล่ะ?“หม่าอวี้ นายมาทำอะไรที่นี่?” หานเซี่ยวถามหม่าอวี้เหลือบมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า "มาพาเขาไป"จู่ ๆ สีหน้าของหานเซี่ยวก็มืดลง หานเทียนเซิงต้องการให้หานซานเฉียนตาย ดังนั้นวันนี้เขาจำเป็นต้องฆ่าหานซานเฉียน แต่เพราะหม่าอวี้เข้ามายุ่ง จึงอดไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกกลัว เพราะยังไงหม่าอวี้ก็อยู่ในเทียนฉีเป็นเวลาหลายปีแล้ว และตอนนี้หานเซ
คำพูดของหม่าเฟยห่าวทำให้หม่าอวี้ชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นหม่าเฟยห่าวเตรียมพร้อมและตั้งตารอ ใบหน้าของหม่าอวี้ก็จมดิ่ง หมอนี่มีปัญหากับหานซานเฉียนอย่างนั้นเหรอ?วันนี้แม้ว่าเขาก็ยังต้องดูแลหานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง แต่หม่าเฟยห่าวคิดที่จะแก้แค้นเขาเนี่ยนะ?“พวกนายมีปัญหาอะไรกัน?” หม่าอวี้ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกหม่าเฟยห่าวพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามแข่งให้เขาฟัง และแน่นอนว่าเขาได้เติมเชื้อเพลิงลงไป โดยเหมือนว่าตนเองเป็นฝ่ายโดนกระทำ และยิ่งพูดก็ยิ่งแสร้งทำเป็นเสียใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาหม่าอวี้รู้ดีว่าหม่าเฟยห่าวเป็นคนอย่างไร จึงรู้ว่าเขาเติมเชื้อเพลิงลงไปในเรื่องไม่น้อย และถึงแม้ว่าทุกสิ่งที่เขาพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่าอวี้ก็ไม่กล้าช่วยเขาล้างแค้นอยู่ดี“โชคดีที่นายยอมคุกเข่าให้เขา เพราะถ้าเขาคุกเข่าให้นายล่ะก็แย่แน่” หลังจากฟังเรื่องราวของคำพูดของหม่าเฟยห่าวแล้ว หม่าอวี้ก็พูดอย่างโล่งใจหม่าเฟยห่าวมองหม่าอวี้ด้วยความสับสน ในฐานะลุง เมื่อได้ยินว่าหลานชายถูกทำร้ายทำไมเขายังสงบนิ่งได้อยู่อีก?“ลุง มอบเขาให้ผมจัดการเถอะครับ” คำพูดของหม่าเฟยห่าวกล่าว“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายทำตัว
หยุนเฉิงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเปลือกตาของเธอกระตุกไม่หยุด เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดีแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงงฉือจิงเคยชินกับสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับของซูหยิงเซี่ยแล้ว เธอมักจะแสดงอาการฟุ้งซ่านอยู่เสมอ ในฐานะแม่ ฉือจิงเข้าใจความรู้สึกทางจิตใจของซูหยิงเซี่ยในขณะนี้โดยธรรมชาติหานเนี่ยนตกไปอยู่ในมือของคนเลวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่เธอก็ยังรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้“คิดถึงหานเนี่ยนอีกแล้วเหรอ?” ฉือจิงนั่งข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน จับมือของเธอขึ้นมาแล้วถามเบา ๆซูหยิงเซี่ยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอมองดูฉือจิงก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า "แม่คะ สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นจริง ๆ ใช่ไหมคะ?"“มันก็เป็นแค่คำเล่าลือกันเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปนัก หานเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร” ฉือจิงปลอบใจเธอซูหยิงเซี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่หานเนี่ยนค่ะ แต่เป็นซานเฉียน หนูมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าซานเฉียนกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่าง" ฉือจิงตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก วันนี้เธอก็รู้สึกใจหวิว ๆ
ดังสุภาษิตที่ว่ากระดูกหักต้องใช้เวลาร้อยวันแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีความสามารถในการฟื้นตัวที่น่าทึ่ง แต่หลังจากที่ถูกหานเซี่ยวหักขาขวา เขาก็ใช้เวลานานพอสมควรในการฟื้นตัวขณะนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะมีสาวสวยยอย่างฉี๋อีหยุนคอยดูแล แต่สำหรับหานซานเฉียนการที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันเป็นเรื่องที่ทรมานมาก “ผมไปเดินเล่นได้ไหม?”“คุณเดินด้วยหัวได้ไหมล่ะคะ?”“ถ้าอย่างนั้นผมอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงบ้าง แบบนี้ได้ไหม?”“ฉันจะเปิดหน้าต่างให้”“ผมต้องขยับร่างกายสักหน่อย ไม่อย่างนั้นกระดูกของผมจะขึ้นสนิมเอาได้”“มา ทำยิมนาสติกพร้อมกันกับฉัน ฉันจะสอนคุณเอง”เมื่อได้ยินคำขอของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ปฏิเสธทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะเธอเพียงต้องการให้หานซานเฉียนนอนบนเตียงและพักฟื้นเท่านั้น ไม่ต้องการให้เขาออกกำลังกายมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลงหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าฉี๋อีหยุนเป็นห่วงใยเขา แต่เขาทนไม่ได้ที่จะต้องนอนบนเตียงตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้“คุณเป็นโรคสมาธิสั้นเหรอ? ไม่ได้ขยับตัวแค่วันเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว” ฉี๋อีหยุนกลอกตาและพูดกับหานซานเฉียน
มันเกี่ยวข้องกับหม่าอวี้จริง ๆ ด้วยสินะ แต่หานซานเฉียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหม่าอวี้ถึงต้องการช่วยเขา แถมยังต้องการให้หม่าเฟยห่าวมาเป็นลูกน้องของเขาอีก?ดูจากความเกลียดชังในใจของหม่าเฟยห่าว ที่เขาสามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพื่อทำเอาใจหานซานเฉียน แสดงว่าหม่าอวี้ต้องอธิบายถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ให้เขาฟัง แต่หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไรกันแน่“ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น?” หานซานเฉียนมองดูหม่าเฟยห่าวอย่างงงงวยหม่าเฟยห่าวส่ายหัวด้วยความลำบากใจ ในความคิดของเขา เรื่องนี้ควรให้หม่าอวี้เป็นคนบอกหานซานเฉียนด้วยตัวเองจะดีกว่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดเองเออเองได้ และหากเขาพูดผิดไปแม้แต่นิดเดียวโดยไม่ตั้งใจ มันจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่อาจชดใช้ได้เลย“พี่ซานเฉียน พี่รอถามกับลุงผมจะดีกว่าครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรมากจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป หวังว่าพี่จะเข้าใจนะครับ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากพี่ต้องการอะไรก็บอกผมได้เลย ผมจะทำตามความต้องการของพี่ทุกอย่าง” หม่าเฟยห่าวกล่าว หากจะต้องเป็นลูกน้องของเขา ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหาน
“คุณคิดว่าตอนนี้พวกเรายังมีคุณสมบัติที่จะจับหานเทียนหยางอยู่เหรอ นั่นมีแต่จะทำให้หานซานเฉียนโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก” หานเซี่ยวกล่าวไม่ใช่จะจับหานเทียนหยางหรอกเหรอ?หานเทียนเซิงมองไปที่หานเซี่ยวด้วยความสับสน นอกจากการทำแบบนี้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าหานเซี่ยวหมายถึงอะไรในเมื่อไม่สามารถจับกุมหานเทียนหยางได้ แล้วจะไปหาเขาทำไมกัน?“นายหมายถึงอะไร” หานเทียนเซิงถามอย่างสงสัยหานเซี่ยวถอนหายใจและพูดว่า "ตอนนี้คุณไม่ได้เหนือกว่าเขาอีกต่อไปแล้ว คุณควรลดสถานะของตัวเองและพิจารณาเรื่องนี้ จุดประสงค์ในการไปหาหานเทียนหยางคือการเจรจา และแก้ไขข้อข้องใจระหว่างพวกคุณ จากนั้นขอให้หานเทียนหยางช่วยพูดกับหานซานเฉียนในการปล่อยพวกเราไป”"นี่เป็นไปไม่ได้!" ความคิดแรกของหานเทียนเซิงคือปฏิเสธ และเขาก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดในสายตาของเขา คำว่าเจรจานั้นเป็นเรื่องตลกตอนนั้นเขาและหานเทียนหยางยุติมิตรภาพ และเขายังบังคับให้หานเทียนหยางคุกเข่าให้แถมยังบังคับให้เขาออกไปจากอเมริกา และนี่คือสิ่งที่ทำให้หานเทียนเซิงเหนือกว่าหานเทียนหยางสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางด้อยกว่าในสายตาของเขาเสมอ แล้วจะให้เขาไปเจรจากับคนที่ด้อยก
ฟางซั่วไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหม่าเฟยห่าว และก็ไม่ได้สังเกตเห็นคำเรียกอันทรงเกียรติที่หม่าเฟยห่าวใช้เรียกหานซานเฉียนเขารู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าอวี้ และเนื่องจากหม่าเฟยห่าวเป็นหลานชายของหม่าอวี้ มันก็ไม่เท่ากับหานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าเฟยห่าวไม่ใช่เหรอฟางซั่วมีความคิดและตระหนักถึงจุดประสงค์ของหม่าเฟยห่าวที่จะมาหาเขา เป็นไปได้มากว่าหม่าเฟยห่าวต้องการได้รับประโยชน์บางอย่างจากเขา“พี่ห่าว ถ้าพี่สามารถช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ฟางซั่วกล่าวว่า ถ้าเงินหมดก็ยังหาได้ แต่ถ้าเสียชีวิต ต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้ หม่าเฟยห่าวยิ้มอย่างเย็นชา คนโง่เขลาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้ยินคำที่เขาใช้เรียกหานซานเฉียนเหรอ? ยังคิดจะให้ผลประโยชน์แก่เขาเพื่อให้เขาช่วยแกแค้นอีก “ฟางซั่ว นายนี่ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังจะตาย” หม่าเฟยห่าวพูดอย่างเย็นชาฟางซั่วกระวนกระวายและถามด้วยความสับสน "พี่ห่าว พี่หมายถึงอะไร?"“ฉันหมายความว่าอะไร?” จู่ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คว้าผมของฟางซั่วแล้วตวาด" แกยังมีความกล้าที่จะแก้แค้นพี่ซานเฉียนอีกงั้นเหรอ แกคง