หยุนเฉิงโครงการคฤหาสน์เขาหยุนติงซูหยิงเซี่ยเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเปลือกตาของเธอกระตุกไม่หยุด เหมือนมีลางสังหรณ์ไม่ดีแพร่กระจายอยู่ในใจของเธอ ทำให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงงฉือจิงเคยชินกับสภาพจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับของซูหยิงเซี่ยแล้ว เธอมักจะแสดงอาการฟุ้งซ่านอยู่เสมอ ในฐานะแม่ ฉือจิงเข้าใจความรู้สึกทางจิตใจของซูหยิงเซี่ยในขณะนี้โดยธรรมชาติหานเนี่ยนตกไปอยู่ในมือของคนเลวตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่เธอก็ยังรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้“คิดถึงหานเนี่ยนอีกแล้วเหรอ?” ฉือจิงนั่งข้าง ๆ ซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน จับมือของเธอขึ้นมาแล้วถามเบา ๆซูหยิงเซี่ยกลับมามีสติสัมปชัญญะอีกครั้ง เธอมองดูฉือจิงก่อนจะส่ายหัวแล้วพูดว่า "แม่คะ สัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นแม่นจริง ๆ ใช่ไหมคะ?"“มันก็เป็นแค่คำเล่าลือกันเท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปนัก หานเนี่ยนจะไม่เป็นอะไร” ฉือจิงปลอบใจเธอซูหยิงเซี่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ใช่หานเนี่ยนค่ะ แต่เป็นซานเฉียน หนูมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าซานเฉียนกำลังเผชิญกับอันตรายบางอย่าง" ฉือจิงตกตะลึงอย่างอธิบายไม่ถูก วันนี้เธอก็รู้สึกใจหวิว ๆ
ดังสุภาษิตที่ว่ากระดูกหักต้องใช้เวลาร้อยวันแม้ว่าหานซานเฉียนจะมีความสามารถในการฟื้นตัวที่น่าทึ่ง แต่หลังจากที่ถูกหานเซี่ยวหักขาขวา เขาก็ใช้เวลานานพอสมควรในการฟื้นตัวขณะนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าจะมีสาวสวยยอย่างฉี๋อีหยุนคอยดูแล แต่สำหรับหานซานเฉียนการที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันเป็นเรื่องที่ทรมานมาก “ผมไปเดินเล่นได้ไหม?”“คุณเดินด้วยหัวได้ไหมล่ะคะ?”“ถ้าอย่างนั้นผมอยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงบ้าง แบบนี้ได้ไหม?”“ฉันจะเปิดหน้าต่างให้”“ผมต้องขยับร่างกายสักหน่อย ไม่อย่างนั้นกระดูกของผมจะขึ้นสนิมเอาได้”“มา ทำยิมนาสติกพร้อมกันกับฉัน ฉันจะสอนคุณเอง”เมื่อได้ยินคำขอของหานซานเฉียน ฉี๋อีหยุนก็ปฏิเสธทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะเธอเพียงต้องการให้หานซานเฉียนนอนบนเตียงและพักฟื้นเท่านั้น ไม่ต้องการให้เขาออกกำลังกายมากเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลงหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าฉี๋อีหยุนเป็นห่วงใยเขา แต่เขาทนไม่ได้ที่จะต้องนอนบนเตียงตลอด 24 ชั่วโมงแบบนี้“คุณเป็นโรคสมาธิสั้นเหรอ? ไม่ได้ขยับตัวแค่วันเดียวก็ทนไม่ได้แล้ว” ฉี๋อีหยุนกลอกตาและพูดกับหานซานเฉียน
มันเกี่ยวข้องกับหม่าอวี้จริง ๆ ด้วยสินะ แต่หานซานเฉียนก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมหม่าอวี้ถึงต้องการช่วยเขา แถมยังต้องการให้หม่าเฟยห่าวมาเป็นลูกน้องของเขาอีก?ดูจากความเกลียดชังในใจของหม่าเฟยห่าว ที่เขาสามารถลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพื่อทำเอาใจหานซานเฉียน แสดงว่าหม่าอวี้ต้องอธิบายถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ให้เขาฟัง แต่หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงอะไรกันแน่“ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น?” หานซานเฉียนมองดูหม่าเฟยห่าวอย่างงงงวยหม่าเฟยห่าวส่ายหัวด้วยความลำบากใจ ในความคิดของเขา เรื่องนี้ควรให้หม่าอวี้เป็นคนบอกหานซานเฉียนด้วยตัวเองจะดีกว่า เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดเองเออเองได้ และหากเขาพูดผิดไปแม้แต่นิดเดียวโดยไม่ตั้งใจ มันจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ไม่อาจชดใช้ได้เลย“พี่ซานเฉียน พี่รอถามกับลุงผมจะดีกว่าครับ ผมไม่กล้าพูดอะไรมากจริง ๆ เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป หวังว่าพี่จะเข้าใจนะครับ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากพี่ต้องการอะไรก็บอกผมได้เลย ผมจะทำตามความต้องการของพี่ทุกอย่าง” หม่าเฟยห่าวกล่าว หากจะต้องเป็นลูกน้องของเขา ก็ต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อหาน
“คุณคิดว่าตอนนี้พวกเรายังมีคุณสมบัติที่จะจับหานเทียนหยางอยู่เหรอ นั่นมีแต่จะทำให้หานซานเฉียนโกรธมากยิ่งขึ้นไปอีก” หานเซี่ยวกล่าวไม่ใช่จะจับหานเทียนหยางหรอกเหรอ?หานเทียนเซิงมองไปที่หานเซี่ยวด้วยความสับสน นอกจากการทำแบบนี้ เขาก็ไม่เข้าใจว่าหานเซี่ยวหมายถึงอะไรในเมื่อไม่สามารถจับกุมหานเทียนหยางได้ แล้วจะไปหาเขาทำไมกัน?“นายหมายถึงอะไร” หานเทียนเซิงถามอย่างสงสัยหานเซี่ยวถอนหายใจและพูดว่า "ตอนนี้คุณไม่ได้เหนือกว่าเขาอีกต่อไปแล้ว คุณควรลดสถานะของตัวเองและพิจารณาเรื่องนี้ จุดประสงค์ในการไปหาหานเทียนหยางคือการเจรจา และแก้ไขข้อข้องใจระหว่างพวกคุณ จากนั้นขอให้หานเทียนหยางช่วยพูดกับหานซานเฉียนในการปล่อยพวกเราไป”"นี่เป็นไปไม่ได้!" ความคิดแรกของหานเทียนเซิงคือปฏิเสธ และเขาก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดในสายตาของเขา คำว่าเจรจานั้นเป็นเรื่องตลกตอนนั้นเขาและหานเทียนหยางยุติมิตรภาพ และเขายังบังคับให้หานเทียนหยางคุกเข่าให้แถมยังบังคับให้เขาออกไปจากอเมริกา และนี่คือสิ่งที่ทำให้หานเทียนเซิงเหนือกว่าหานเทียนหยางสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางด้อยกว่าในสายตาของเขาเสมอ แล้วจะให้เขาไปเจรจากับคนที่ด้อยก
ฟางซั่วไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหม่าเฟยห่าว และก็ไม่ได้สังเกตเห็นคำเรียกอันทรงเกียรติที่หม่าเฟยห่าวใช้เรียกหานซานเฉียนเขารู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าอวี้ และเนื่องจากหม่าเฟยห่าวเป็นหลานชายของหม่าอวี้ มันก็ไม่เท่ากับหานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าเฟยห่าวไม่ใช่เหรอฟางซั่วมีความคิดและตระหนักถึงจุดประสงค์ของหม่าเฟยห่าวที่จะมาหาเขา เป็นไปได้มากว่าหม่าเฟยห่าวต้องการได้รับประโยชน์บางอย่างจากเขา“พี่ห่าว ถ้าพี่สามารถช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ฟางซั่วกล่าวว่า ถ้าเงินหมดก็ยังหาได้ แต่ถ้าเสียชีวิต ต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้ หม่าเฟยห่าวยิ้มอย่างเย็นชา คนโง่เขลาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้ยินคำที่เขาใช้เรียกหานซานเฉียนเหรอ? ยังคิดจะให้ผลประโยชน์แก่เขาเพื่อให้เขาช่วยแกแค้นอีก “ฟางซั่ว นายนี่ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังจะตาย” หม่าเฟยห่าวพูดอย่างเย็นชาฟางซั่วกระวนกระวายและถามด้วยความสับสน "พี่ห่าว พี่หมายถึงอะไร?"“ฉันหมายความว่าอะไร?” จู่ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คว้าผมของฟางซั่วแล้วตวาด" แกยังมีความกล้าที่จะแก้แค้นพี่ซานเฉียนอีกงั้นเหรอ แกคง
เมื่อหม่าเฟยห่าวพาฟางซั่วไปหาหานซานเฉียนเพื่อเอาหน้านั้น หม่าเฟยห่าวก็ตั้วใจทุบตีฟางซั่วจนน่วม หานซานเฉียนดูออกว่าหมอนี่ทำเรื่องที่ไม่จำเป็นเพียงเพื่อเอาอกเอาใจเขาเท่านั้นน่าเสียดายที่เหตุการณ์นี้ไม่สามารถทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประทับใจหม่าเฟยห่าวมากขึ้นได้ เขาไม่เคยคิดว่าฟางซั่วเป็นคู่ต่อสู้ หานซานเฉียนจะมองคนที่ขี้ขลาดจนฉี่ราดกางเกงแบบนี้ในสายตาได้อย่างไร?เสือจะสนใจความเป็นหรือความตายของมดทำไมกัน?“พี่ซานเฉียน พี่อยากจัดการเขายังไง แค่บอกมาผมจะจัดการให้พี่เองครับ” หม่าเฟยห่าวถามหานซานเฉียนด้วยอาการหอบเหนื่อยหานซานเฉียนเหลือบมองฟางซั่วที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุม ใบหน้าของเขาหวาดกลัวมากจนสั่นไปทั้งตัว คนแบบนี้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย“นายคิดว่าฉันจำเป็นต้องสนใจขยะแบบนี้เหรอ? แถมยังต้องให้นายล้างแค้นแทนอีก?” หานซานเฉียนพูดเสียงเรียบหม่าเฟยห่าวทำสิ่งนี้เพราะอยากให้หานซานเฉียนพอใจ แต่หานซานเฉียนดูเหมือนว่าไม่มีความสุขเอาซะเลย“พี่ซานเฉียน พี่หมายความว่า…”“ฉันหมายความว่า ขยะอย่างเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน และฉันไม่เคยคิดที่จะคิดบัญชีเขา ยิ่งไปกว่านั
หลังจากที่หม่าเฟยห่าวไปที่บริษัท เขาก็ได้พบปะกับถังจง แต่ถังจงยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหม่าเฟยห่าวในขั้นตอนนี้ ดังนั้นหลังตกลงกันเสร็จเรียบร้อย หม่าเฟยห่าวก็จากไปสิ่งนี้ทำให้หม่าเฟยห่าวผิดหวังเล็กน้อย ตอนนี้เขารอแทบไม่ไหวที่จะพิสูจน์ตัวเอง โดยหวังจะกระชับสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานซานเฉียนมากขึ้นโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นเลยหม่าเฟยห่าวที่ไม่มีอะไรทำ จึงขับรถไปที่คฤหาสน์ของตระกูลหานหม่าอวี้ยังคงนอนอยู่บนฝาโลงศพ ตราบเท่าที่เขายังอยู่ บอดี้การ์ดของตระกูลหานก็ไม่กล้าเข้าใกล้โลงศพเลยแม้แต่ก้าวเดียว"ลุงครับ"หม่าอวี้ได้ยินเสียงของหม่าเฟยห่าวจึงลุกขึ้นนั่ง เขาเห็นว่าหน้าตาของหม่าเฟยห่าวดูหม่นหมอง เลยถามด้วยรอยยิ้มว่า "เป็นอะไรไป ทำไมหน้าตาดูไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงขนาดนั้น หาโอกาสทำให้หานซานเฉียนพอใจไม่ได้หรือไง?"หม่าเฟยห่าวพยักหน้า เขารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด คิดหาวิธีอะไรไม่ออกเลย“ใช่ครับ ผมถึงได้มาหาลุงให้ลุงช่วยคิด” หม่าเฟยห่าวกล่าวหม่าอวี้ตบไหล่หม่าเฟยห่าวแล้วพูดว่า "อย่ารีบร้อนไป นายยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ"“ลุงครับ ลุงก็รู้ผมเ
หม่าอวี้เตะก้นหม่าเฟยเห่าวด้วยความโกรธหม่าเฟยห่าวล้มหน้าขมำลงกับพื้นอย่างไม่รู้เรื่องเขามองหม่าอวี้ด้วยความสับสนแล้วถามว่า "ลุง เตะผมทำไมครับ?"หม่าอวี้กัดฟันและมองไปที่หม่าเฟยห่าวก่อนจะพูดว่า "ไสหัวไปซะ รีบไปหาคนมาปกป้องหานซานเฉียน"หม่าเฟยเห่าวรู้สึกงุนงงมากกับความโกรธอย่างกะทันหันของหม่าอวี้ แต่เขารู้สึกได้ว่าหม่าอวี้นั้นโกรธมากเขารีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปโดยไม่มีเวลาปัดฝุ่นบนร่างกายด้วยซ้ำ“ช่างงี่เง่าจริง ๆ” หม่าอวี้พูดด้วยความโกรธ เรื่องง่าย ๆ แบบนี้หม่าเฟยเห่าวยังต้องถามเขา ไอหมอนี่ไม่มีสมองเลยหรือไง?ที่หานเทียนเซิงไปหยุนเฉิง เขาก็ต้องไปขอให้หานเทียนหยางกอบกู้ประเทศ โดยหวังด้วยว่าหานเทียนหยางจะหยุดหานซานเฉียนในการจัดการกับตระกูลหานในอเมริกาไม่ใช่หรือไง?เรื่องง่าย ๆ และชัดเจนแบบนี้ หม่าเฟยเห่าวกลับคิดไม่ได้ “พี่ครับ ถ้าลูกชายของพี่อยากมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำให้หานซานเฉียนพอใจได้แค่ไหน หากหวังพึ่งพาความสามารถของผู้ชายคนนี้ ตระกูลหม่าคงได้ถูกทำลายลงในมือของเขาไม่ช้าก็เร็ว” หม่าอวี้ถอนหายใจและพึมพำกับตัวเองเมื่อหานเทียนเซิงและหานเซี่ยวปรากฏตัวในห้องรับรอง